ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF & OS) คลังลั่นฟิค`s ขี้ตะไคร่ | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #10 : [OS] BROTHER

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 61




    BROTHER

     

     

    แบคฮยอนไม่อยากย้ายบ้าน 


    แต่จริงๆ แล้วเขาไม่อยากให้แม่แต่งงานใหม่ต่างหาก

     

    พ่อของแบคฮยอนเสียไปแล้วตั้งแต่เจ้าตัวยังเด็ก ความทรงจำที่เกี่ยวกับพ่อมันจึงเลือนลางจนแทบจะจำไม่ได้ แม่จึงเป็นคนเดียวที่เลี้ยงเขามา ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เก่งเธอขยันทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว เพราะแบบนั้นจึงเป็นคนไม่มีเวลาให้กับลูกชายคนเดียวของเธอเลย

     

    แบคฮยอนเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยพูด และชอบอยู่คนเดียว จึงทำให้ผู้เป็นแม่มั่นใจได้ว่าลูกชายคนเดียวของเธอสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้และไม่เกเรออกนอกลู่นอกทางให้เธอต้องปวดหัว

     

    แต่ก็เป็นความมั่นใจที่ผิดๆ เพราะการเป็นคนเก็บตัวนั้นทำให้ลูกชายของเธอค่อนข้างเข้ากับสังคมได้แย่ มีโลกส่วนตัวสูงและเป็นคนไม่เอาใครเลยนอกจากตัวเอง มันจึงเป็นปัญหาตอนที่เธอบอกเรื่องการแต่งงานใหม่ให้ลูกชายคนเดียวฟัง แบคฮยอนมีท่าทีต่อต้านในทันทีอย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่เธอก็แสดงเจตนาอันแน่วแน่ว่าเธอรักและเชื่อใจผู้ชายคนนี้ ยังไงก็อยากให้ลูกชายคนเดียวของเธอได้ลองเปิดใจดู

     

    และสุดท้ายงานแต่งงานก็เกิดขึ้นและวันต่อมาทั้งสองแม่ลูกก็ย้ายเข้าบ้านใหม่ในทันที

     

    นอกจากแบคฮยอนจะไม่ชอบบ้านใหม่แล้ว เขายังไม่ชอบครอบครัวใหม่ของแม่อีกด้วย โดยเฉพาะคนที่จะกลายมาเป็นพี่ชายของเขา

     

    ปาร์ค ชานยอล

     

    “ยินดีต้อบรับสู่ครอบครัวปาร์ค” สามีใหม่ของแม่เป็นคนพูดกล่าวต้อนรับ

     

    “สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีนะแบคฮยอนดีใจที่ได้เจอ” และตามมาด้วยลูกชายของเขาที่กล่าวทักทายแม่ของแบคฮยอนก่อน และตามด้วยลูกชายของเธอแต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้กลับถูกแบคฮยอนเมินเฉย

     

    “สวัสดีจ้ะชานยอล น้าขอโทษแทนลูกชายด้วยนะ”

     

    “ไม่เป็นไรครับ น้องคงอาจจะยังไม่ชินที่มีพี่ชายเพิ่มมาน่ะครับ”

     

    เหอะ ซื่อบื้อชะมัด แบคฮยอนคิดในใจ

     

    “แบคฮยอนก็ทักทายคุณลุงกับพี่ชานยอลด้วยสิลูก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”

     

    เปล่าเลย แบคฮยอนไม่อยากจะเป็นด้วยเลยซักนิดแต่ก็ยอมโค้งทักทายพวกเขาทั้งสองคนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

     

    “เข้ามาข้างในบ้านกันดีกว่า” คุณปาร์คเชิญทั้งสองแม่ลูกเข้ามาข้างในบ้านที่ดูกว้างขวางและใหญ่เป็นสามเท่ากว่าบ้านหลังเก่าของพวกเขาได้

     

    เพราะคุณปาร์คเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทที่แม่ทำงานเป็นเลขาให้ พวกเขาจึงใกล้ชิดกันและแต่งงานกันหลังจากที่ศึกษาดูใจกันมานานกว่าสองปีแล้ว แบคฮยอนนึกแปลกใจจริงๆ ที่ทำไมลูกชายของคุณปาร์คถึงไม่คิดจะคัดค้านการแต่งงานของพ่อตัวเอง อยากได้แม่ใหม่มากนักหรือยังไงกัน

     

    “ชานยอลพาน้องไปดูห้องหน่อยสิหนูแบคฮยอนขาดเหลืออะไรก็บอกพี่เขาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

     

    “อย่าดื้อกับพี่เขานะลูก”

     

    แบคฮยอนกลอกตามองบนกับประโยคของคนเป็นแม่ แล้วเดินตามชายร่างสูงที่ได้เป็นพี่ชายในนามขึ้นไปดูห้องของตัวเอง โดยไม่สนใจผู้ใหญ่ทั้งสองคนอีกเลย

     

    “ไม่รู้ว่านายจะชอบไหม ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกพี่ได้นะ”

     

    สรรพนามที่แทนตัวเองว่าพี่ทำเอาแบคฮยอนถึงกับขมวดคิ้ว เราสองคนไปสนิทกันตอนไหนถึงมาแทนตัวเองว่าพี่ว่าน้อง

     

    “เราไม่ได้สนิทกัน” แบคฮยอนพูดแค่นั้นเพื่อให้อีกคนรู้ตัวว่าเขาไม่อยากจะยุ่งด้วย

     

    “แล้วไม่อยากสนิทกันเหรอ?” แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ

     

    “ขอโทษด้วยแต่ ไม่!!!!

     

    “แต่ว่าเราเป็นพะ

     

    “ห้องนี้ใช่ไหม!?” ก่อนที่ชานยอลจะพูดประโยคชวนไม่เข้าหูแบคฮยอนก็โพล่งถามถึงห้องของตัวเองขึ้นมาเมื่อชานยอลเดินมาหยุดที่ประตูไม้สีขาว

     

    “ใช่ เอ่อ มีอะไรก็เรียกได้นะพี่อยู่ห้องข้างนะ

     

    และก่อนที่ชานยอลจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ที่ทำให้แบคฮยอนรำคาญ เขาจึงจัดการปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายซะและจัดการล็อคประตูให้เรียบร้อย

     

     

    BROTHER

     

     

    1 อาทิตย์ผ่านไป

     

    “อยู่กับพี่ชานยอลอย่าดื้อนะลูก เดี๋ยวแม่กลับมาเราจะไปดูโรงเรียนใหม่ด้วยกันนะ”

     

    เหอะ จะไปดูมันทำไมล่ะโรงเรียนใหม่น่ะ ก็โรงเรียนเดียวกับไอ้พี่ชายในนามตัวสูงชะลูดนี่ไม่ใช่เหรอ แบคฮยอนคิดในใจพลางพยักหน้าไปส่งๆ

     

    “ชานยอลน้าฝากดูแลแบคฮยอนด้วยนะ”

     

    “ได้ครับคุณน้า ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

     

    “เด็กดีจังเลย”

     

    ชมกันเข้าไปได้ข่าวว่าลูกแท้ๆ ของตัวเองยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะแต่ก็ช่างมันเถอะแบคฮยอนไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว หลังจากที่ล่ำลากันเสร็จแบคฮยอนก็ปลีกตัวขึ้นไปยังห้องของตัวเองในทันที

     

    คุณปาร์คและแม่ของแบคฮยอนนั้นมีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปต่างประเทศด่วนเป็นเวลา3วัน ซึ่งมันก็ไม่เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้วหากจะทิ้งเขาให้อยู่คนเดียว แต่ตอนนี้กลับมีไอ้เจ้าพี่ชายบ้านั่นเพิ่มเข้ามาด้วยหนึ่งคน ไม่รู้จะมาจู้จี้จุกจิกอะไรอีกหรือเปล่า

     

    เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ เหมือนชานยอลจะชอบเข้ามาวุ่นวายกับแบคฮยอนตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนอนที่จะต้องมาเคาะประตูเรียกก่อนไปนอนทุกครั้ง และแน่นอนว่าแบคฮยอนไม่เคยเปิดประตูให้เลยซักครั้งและชานยอลก็จะเลิกเคาะและยอมแพ้ไปเอง

     

    “เดี๋ยวก่อนสิ! นายก็จะอยู่แต่ในห้องอีกแล้วเหรอ”

     

    เสียงที่ตะโกนมาตามหลังทำให้แบคฮยอนหยุดชะงัก ใบหน้าบึ้งตึงหันกลับมาหาเจ้าของเสียงตั้งแต่แบคฮยอนย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยคิดที่จะสนใจชายคนนี้ที่เป็นพี่ชายในนามเลยซักนิด เขามักจะขังตัวเองอยู่แต่ในห้องจะได้ไม่ต้องมาเสวนาเหมือนที่อีกคนพยายามจะชวนเขาคุยอยู่ตอนนี้

     

    “พี่ว่าเรามาหาอะไรทำด้วยกันดีไหม?”

     

     

    “นายชอบทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”

     

    “แล้วนายอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม? สั่งได้เลยนะเดี๋ยวพี่โทรไปสั่งให้”

     

    “น่ารำคาญ!!

     

    “แบคฮ

     

    “เลิกยุ่งวุ่นวายซักที!!!!

     

    นั่นแหละการพูดออกไปตรงๆ เพื่อตัดปัญหามันก็คือทางของแบคฮยอนอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสนใจว่าชานยอลจะรู้สึกยังไงที่เขาพูดแบบนั้นออกไป ไม่ต้องมาวุ่นวายกันต่างคนต่างอยู่นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว

     

     

    แบคฮยอนขังตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่พอมารู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาค่ำไปซะแล้ว เขามัวแต่เล่นโทรศัพท์ แชทกับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าบ้างจนลืมไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวัน จะให้ลุกไปหาอะไรกินตอนนี้ก็ชักจะขี้เกียจจึงตัดสินใจปิดไฟนอน

     

    แต่ก็เป็นที่น่าแปลกวันนี้ทั้งวันไม่มีเสียงเคาะประตูเรียกหรือมีอะไรมาทำให้รำคาญใจแบคฮยอนเลย ดูเหมือนว่าชานยอลคงจะยอมแพ้เรื่องที่อยากจะสนิทกับเขาไปแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีเพราะเขาก็ไม่อยากสนิทกับใครทั้งนั้นในบ้านหลังนี้

     

    ช่วงเวลากลางดึกที่คนในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน คนหนึ่งขังตัวเองอยู่แต่ในห้องและป่านนี้ก็คงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ใครอีกคนที่ยังคงไม่ได้นอนเพราะเขาตั้งตารอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบกุญแจที่วางเตรียมไว้อยู่บนชั้นวางของเล็กๆ มุ่งหน้าไปยังห้องของใครอีกคน

     

    แกร๊ก

     

    เสียงปลดล็อคประตูไม่ได้ทำให้เจ้าของห้องตื่นจากการหลับใหลเลยซักนิด ผู้บุกรุกปิดประตูอย่างเงียบเชียบและเดินไปยังเตียงนอนที่มีเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่

     

     




    CUT

    ต๊กกะใจกันม้ะ -.,-









    BROTHER





     

    “อ่าห์”

     

    เสียงแห่งกามารมณ์ที่น่ารังเกียจในความคิดของแบคฮยอนดังมาจากคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายในนามตลอดเวลามันไม่ได้จบแค่นั้น

     

    ใช่!

     

    ความทรมานนี้มันยังไม่ได้จบแค่นั้น แบคฮยอนถูกอุ้มขึ้นมายังห้องของตัวเองโดยพี่ชายในนาม ปาร์ค ชานยอลเขาจัดการถอดเสื้อผ้าของแบคฮยอนออกจนหมดและกระทำการขืนใจน้องชายของตัวเอง

     

    แบคฮยอนได้แต่หลับตาและปิดปากกลั้นเสียงร้องเอาไว้ ทั้งเสียงร้องไห้ และเสียงที่ไม่ควรจะให้ใครอีกคนนั้นได้ยิน ความเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลังไม่มีท่าทีจะน้อยลงมีแต่เพิ่มขึ้นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่โหมกายกระแทกใส่

     

    “อ่า ยังอยากดื้อกับพี่ชายคนนี้อยู่ไหม หื้มม?” คนพูดใช้มือขวาประคองแก้มอีกฝ่ายแล้วหอมไปที่ขมับซ้าย

     

    “ฮื่ออออ”

     

    แบคฮยอนส่งเสียงปฏิเสธและหลบหน้าหนี ชานยอลจึงลากจมูกของตัวเองลงมายังแก้มขาวใสและไล้ลงมาเรื่อยๆ ยันซอกคอ ประทับจูบเบาๆ อย่างหลงใหลเพราะร่างกายของแบคฮยอนนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับชานยอลมาก แค่เพียงแรกเห็นก็ทำให้รู้สึกอยากครอบครอง

     

    ที่ชานยอลไม่คัดค้านงานแต่งของพ่อตัวเองเลยนั้นก็เป็นเพราะแบคฮยอน ลูกชายคนเดียวของภรรยาพ่อช่างน่าหลงใหลเป็นที่ต้องตาต้องใจชานยอลอย่างมาก ..พยายามสวมบทบาทพี่ชายที่แสนดีเพื่อให้คนเป็นแม่เอ็นดูและไว้วางใจ และให้คนเป็นน้องนั้นตายใจว่าจะมีพี่ชายคนนี้คอยดูแลและเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง

     

    แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อแบคฮยอนนั้นแสนดื้อ เจ้าตัวทำตัวขวางโลกไม่ยอมหลงกลง่ายๆ เพราะฉะนั้นบทบาทพี่ชายที่แสนดีอาจต้องเก็บเอาไว้ใช้ต่อหน้าผู้เป็นแม่เท่านั้น

     

    “อื้อออ”

     

    ชานยอลถอนกายจนสุดแล้วกระแทกเข้าไปแรงๆ อย่างจังทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งหลับตาปี๋เผลอหลุดเสียงร้องออกมา แต่ก็ใช้มือน้อยๆ ของตัวเองตะครุบปิดปากเอาไว้เสียแนบแน่น มันช่างน่าเอ็นดูในสายตาของผู้เป็นพี่ชายยิ่งนัก

     

    “พะ..พอแล้ว อึก พอ อื้อออ”

     

    แบคฮยอนช่างน่าสงสาร เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนพี่ชายในนามนั้นรังแกไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่ว่าจะอ้อนวอนขอให้พอขอให้หยุดยังไงแต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ แถมยังเร่งจังหวะแสดงความไม่พอใจจนแบคฮยอนต้องละมืออีกข้างไปยันหน้าท้องอีกฝ่ายเอาไว้ให้ลดจังหวะลง

     

    แบคฮยอนไม่ไหว ทั้งเหนื่อยและกำลังหมดแรง เขาขอได้พี่ชายใจร้ายที่รังเกียจเขาตั้งแต่พบหน้า ดีกว่าพี่ชายที่ใจดีแต่เปลือกนอกแต่ภายในหยาบโลนน่าขยะแขยงแบบนี้

     

    “รู้สึกยังไงบ้างล่ะน้องชาย”

     

    “อึก..

     

    “ที่มีพี่ชายแบบพี่”

     

    “ฮึก ฮือออ”

     

    “รู้สึกดีใช่ไหม หื้ม?”

     

    “อื้ออออ!!!” แบคฮยอนส่ายหัวไปมาอย่างแรง ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด

     

    “แต่พี่ดีใจที่แบคฮยอนมาอยู่กับพี่นะครับ”

     

    ชานยอลบรรจงจูบหน้าผากน้องชายอย่างอ่อนโยนแม้เจ้าตัวจะหลับตาอยู่ก็ตาม แบคฮยอนยังคงปิดปากไม่ส่งเสียงร้องแม้จะมีหลุดออกมาบ้าง แต่ชานยอลก็ไม่ได้ไม่พอใจ เขาไม่บังคับหากแบคฮยอนจะหลับตาไม่มองหน้ากัน จะปิดปากไม่ส่งเสียงครางให้ได้ยิน หรือจะไม่ให้ความร่วมมือจนเขาต้องใช้กำลัง

     

    ตราบใดที่แบคฮยอนยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ที่เข้ามาในฐานะน้องชายของเขา

     

    ยังไง เรา ก็ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งมากมาย

     

    ไม่วันใดวันหนึ่งแบคฮยอนก็ต้องยอม

     

    และเป็นของเขาคนเดียวไปตลอดกาล

     




     

    หลังจากเสร็จงานที่ต่างประเทศคุณปาร์คและภรรยาของเขาก็กลับบ้านมาหาลูกๆ ของพวกท่านในทันที แถมยังมีของฝากมากมายมาฝากทั้งลูกของตัวเองและลูกของคนที่รักอีกด้วย

     

    เมื่อแบคฮยอนเห็นแม่ของตัวเองเดินเข้ามาในบ้านก็รีบวิ่งโผเข้ากอดทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่เจ้าตัวก็กอดมารดาของตัวเองแน่นราวกับว่าไม่อยากห่างจากไปไหน

     

    “เป็นอะไรแบคฮยอนลูก คิดถึงแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผู้เป็นแม่พยายามดันร่างลูกชายออกจากอกเพื่อสำรวจดูหน้าดูตาที่ไม่ได้เห็นมาตั้งสามวัน แต่พอดันออกมาได้เจ้าลูกชายก็โผเข้ากอดที่เอวของเธอซะงั้น

     

    “คงจะคิดถึงคุณนั่นแหละ กอดซะไม่ปล่อยเลย” คุณปาร์คพูดด้วยอารมณ์ขันยามเห็นแม่ลูกกอดกันแนบแน่น

     

    “สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณน้า” ชานยอลเดินเข้ามาทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง และเหลือบสายตาไปมองน้องชายในนามเพียงเสี้ยวแวบนึงเท่านั้น แล้วหันกลับมายิ้มให้กับภรรยาของคุณปาร์ค

     

    “น้องดื้อหรือเปล่าจ๊ะชานยอล”

     

    “ไม่เลยครับ เราเข้ากันได้ดีใช่ไหมแบคฮยอน?” ประโยคแรกตอบคนถาม แต่ประโยคหลังชานยอลหันไปยิ้มถามกับเจ้าของชื่อที่กอดแม่ของตัวเองไม่ปล่อย

     

    ” แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับแถมยังหลบตาอีกฝ่ายเสียด้วย

     

    “เราเข้าไปในบ้านมาดูของฝากกันดีกว่า ซื้อมาเยอะแยะเลยไม่รู้ว่าหนูแบคฮยอนจะชอบหรือเปล่า”

     

    “ครับ เชิญคุณพ่อกับคุณน้าเข้าไปข้างในก่อนเลย ผมขอคุยกับแบคฮยอนตรงนี้นิดหน่อยนะครับ”

     

    “ได้สิจ๊ะ” ผู้เป็นน้าว่าอย่างนั้นแล้วคลายกอดของลูกชายของเธอออกแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับสามีของเธอ

     

    แบคฮยอนที่ส่ายหน้าปฏิเสธแต่ดูเหมือนแม่ของตนจะไม่เข้าใจ พยายามวิ่งตามแม่ไปติดๆ แต่ก็ถูกจับเข้าที่ข้อมือโดยมือหนาของใครอีกคนที่เมื่อกี้ยังมีใบหน้ายิ้มแย้มแต่พอผู้ใหญ่ทั้งสองคนเดินออกไปก็หุบยิ้มนั้นลงแทบจะในทันที แบคฮยอนเบะปากด้วยความเจ็บพยายามบิดข้อมือให้หลุดออกจากมืออีกฝ่ายแต่มันก็ไม่ง่ายเลยซักนิด

     

    “ถ้านายคิดจะฟ้องคุณน้ากับคุณพ่อล่ะก็คงรู้นะว่าจะโดนอะไร”

     

    แบคฮยอนมัวแต่ยื้อยุดฉุดกระชากข้อมือของตัวเองจนไม่สนใจฟังที่อีกฝ่ายพูด ชานยอลจึงล็อคตัวร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด กระซิบเสียงแข็งใส่ข้างหูอีกคนว่า

     

    “แล้วอย่าคิดว่าคืนนี้ล็อคประตูใส่พี่แล้วจะรอดนะ”

     

     

    “อย่าได้บอกเรื่องของเราให้คุณพ่อกับคุณน้ารู้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”

     

    “ฮึก”

     

    น้ำตาเม็ดใสไหลร่วงออกมาทั้งสองข้างจำใจพยักหน้าเข้าใจอย่างจำยอม ชานยอลจึงเปลี่ยนมาประคองกอดร่างเล็กอย่างอ่อนโยนจูบซับน้ำตาให้อย่างไม่รังเกียจ แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากเล็กๆ ให้รางวัลอีกฝ่าย

     

    “เด็กดี”






    ห้องลับของเราที่ TAKHIRLAND เลยฮับ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×