คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [OS] BROTHER
BROTHER
แบคฮยอนไม่อยากย้ายบ้าน
แต่จริงๆ
แล้วเขาไม่อยากให้แม่แต่งงานใหม่ต่างหาก
พ่อของแบคฮยอนเสียไปแล้วตั้งแต่เจ้าตัวยังเด็ก
ความทรงจำที่เกี่ยวกับพ่อมันจึงเลือนลางจนแทบจะจำไม่ได้
แม่จึงเป็นคนเดียวที่เลี้ยงเขามา
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เก่งเธอขยันทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว
เพราะแบบนั้นจึงเป็นคนไม่มีเวลาให้กับลูกชายคนเดียวของเธอเลย
แบคฮยอนเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยพูด
และชอบอยู่คนเดียว
จึงทำให้ผู้เป็นแม่มั่นใจได้ว่าลูกชายคนเดียวของเธอสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้และไม่เกเรออกนอกลู่นอกทางให้เธอต้องปวดหัว
แต่ก็เป็นความมั่นใจที่ผิดๆ
เพราะการเป็นคนเก็บตัวนั้นทำให้ลูกชายของเธอค่อนข้างเข้ากับสังคมได้แย่
มีโลกส่วนตัวสูงและเป็นคนไม่เอาใครเลยนอกจากตัวเอง มันจึงเป็นปัญหาตอนที่เธอบอกเรื่องการแต่งงานใหม่ให้ลูกชายคนเดียวฟัง
แบคฮยอนมีท่าทีต่อต้านในทันทีอย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่เธอก็แสดงเจตนาอันแน่วแน่ว่าเธอรักและเชื่อใจผู้ชายคนนี้
ยังไงก็อยากให้ลูกชายคนเดียวของเธอได้ลองเปิดใจดู
และสุดท้ายงานแต่งงานก็เกิดขึ้นและวันต่อมาทั้งสองแม่ลูกก็ย้ายเข้าบ้านใหม่ในทันที
นอกจากแบคฮยอนจะไม่ชอบบ้านใหม่แล้ว
เขายังไม่ชอบครอบครัวใหม่ของแม่อีกด้วย โดยเฉพาะคนที่จะกลายมาเป็นพี่ชายของเขา
ปาร์ค ชานยอล
“ยินดีต้อบรับสู่ครอบครัวปาร์ค”
สามีใหม่ของแม่เป็นคนพูดกล่าวต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณน้า
สวัสดีนะแบคฮยอนดีใจที่ได้เจอ”
และตามมาด้วยลูกชายของเขาที่กล่าวทักทายแม่ของแบคฮยอนก่อน และตามด้วยลูกชายของเธอแต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้กลับถูกแบคฮยอนเมินเฉย
“สวัสดีจ้ะชานยอล น้าขอโทษแทนลูกชายด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ
น้องคงอาจจะยังไม่ชินที่มีพี่ชายเพิ่มมาน่ะครับ”
เหอะ ซื่อบื้อชะมัด
แบคฮยอนคิดในใจ
“แบคฮยอนก็ทักทายคุณลุงกับพี่ชานยอลด้วยสิลูก
เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”
เปล่าเลย
แบคฮยอนไม่อยากจะเป็นด้วยเลยซักนิดแต่ก็ยอมโค้งทักทายพวกเขาทั้งสองคนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“เข้ามาข้างในบ้านกันดีกว่า”
คุณปาร์คเชิญทั้งสองแม่ลูกเข้ามาข้างในบ้านที่ดูกว้างขวางและใหญ่เป็นสามเท่ากว่าบ้านหลังเก่าของพวกเขาได้
เพราะคุณปาร์คเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทที่แม่ทำงานเป็นเลขาให้
พวกเขาจึงใกล้ชิดกันและแต่งงานกันหลังจากที่ศึกษาดูใจกันมานานกว่าสองปีแล้ว
แบคฮยอนนึกแปลกใจจริงๆ
ที่ทำไมลูกชายของคุณปาร์คถึงไม่คิดจะคัดค้านการแต่งงานของพ่อตัวเอง
อยากได้แม่ใหม่มากนักหรือยังไงกัน
“ชานยอลพาน้องไปดูห้องหน่อยสิ…หนูแบคฮยอนขาดเหลืออะไรก็บอกพี่เขาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
“อย่าดื้อกับพี่เขานะลูก”
แบคฮยอนกลอกตามองบนกับประโยคของคนเป็นแม่
แล้วเดินตามชายร่างสูงที่ได้เป็นพี่ชายในนามขึ้นไปดูห้องของตัวเอง
โดยไม่สนใจผู้ใหญ่ทั้งสองคนอีกเลย
“ไม่รู้ว่านายจะชอบไหม
ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกพี่ได้นะ”
สรรพนามที่แทนตัวเองว่าพี่ทำเอาแบคฮยอนถึงกับขมวดคิ้ว
เราสองคนไปสนิทกันตอนไหนถึงมาแทนตัวเองว่าพี่ว่าน้อง
“เราไม่ได้สนิทกัน”
แบคฮยอนพูดแค่นั้นเพื่อให้อีกคนรู้ตัวว่าเขาไม่อยากจะยุ่งด้วย
“แล้วไม่อยากสนิทกันเหรอ?”
แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ
“ขอโทษด้วยแต่ ไม่!!!!”
“แต่ว่าเราเป็นพะ…”
“ห้องนี้ใช่ไหม!?”
ก่อนที่ชานยอลจะพูดประโยคชวนไม่เข้าหูแบคฮยอนก็โพล่งถามถึงห้องของตัวเองขึ้นมาเมื่อชานยอลเดินมาหยุดที่ประตูไม้สีขาว
“ใช่ เอ่อ
มีอะไรก็เรียกได้นะพี่อยู่ห้องข้างนะ…”
และก่อนที่ชานยอลจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ที่ทำให้แบคฮยอนรำคาญ
เขาจึงจัดการปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายซะและจัดการล็อคประตูให้เรียบร้อย
BROTHER
1 อาทิตย์ผ่านไป
“อยู่กับพี่ชานยอลอย่าดื้อนะลูก
เดี๋ยวแม่กลับมาเราจะไปดูโรงเรียนใหม่ด้วยกันนะ”
เหอะ
จะไปดูมันทำไมล่ะโรงเรียนใหม่น่ะ
ก็โรงเรียนเดียวกับไอ้พี่ชายในนามตัวสูงชะลูดนี่ไม่ใช่เหรอ
แบคฮยอนคิดในใจพลางพยักหน้าไปส่งๆ
“ชานยอลน้าฝากดูแลแบคฮยอนด้วยนะ”
“ได้ครับคุณน้า
ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“เด็กดีจังเลย”
ชมกันเข้าไปได้ข่าวว่าลูกแท้ๆ
ของตัวเองยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะแต่ก็ช่างมันเถอะแบคฮยอนไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว
หลังจากที่ล่ำลากันเสร็จแบคฮยอนก็ปลีกตัวขึ้นไปยังห้องของตัวเองในทันที
คุณปาร์คและแม่ของแบคฮยอนนั้นมีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปต่างประเทศด่วนเป็นเวลา3วัน
ซึ่งมันก็ไม่เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้วหากจะทิ้งเขาให้อยู่คนเดียว
แต่ตอนนี้กลับมีไอ้เจ้าพี่ชายบ้านั่นเพิ่มเข้ามาด้วยหนึ่งคน
ไม่รู้จะมาจู้จี้จุกจิกอะไรอีกหรือเปล่า
เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้
เหมือนชานยอลจะชอบเข้ามาวุ่นวายกับแบคฮยอนตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนอนที่จะต้องมาเคาะประตูเรียกก่อนไปนอนทุกครั้ง
และแน่นอนว่าแบคฮยอนไม่เคยเปิดประตูให้เลยซักครั้งและชานยอลก็จะเลิกเคาะและยอมแพ้ไปเอง
“เดี๋ยวก่อนสิ! นายก็จะอยู่แต่ในห้องอีกแล้วเหรอ”
เสียงที่ตะโกนมาตามหลังทำให้แบคฮยอนหยุดชะงัก
ใบหน้าบึ้งตึงหันกลับมาหาเจ้าของเสียงตั้งแต่แบคฮยอนย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยคิดที่จะสนใจชายคนนี้ที่เป็นพี่ชายในนามเลยซักนิด
เขามักจะขังตัวเองอยู่แต่ในห้องจะได้ไม่ต้องมาเสวนาเหมือนที่อีกคนพยายามจะชวนเขาคุยอยู่ตอนนี้
“พี่ว่าเรามาหาอะไรทำด้วยกันดีไหม?”
“…”
“นายชอบทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“แล้วนายอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม?
สั่งได้เลยนะเดี๋ยวพี่โทรไปสั่งให้”
“น่ารำคาญ!!”
“แบคฮ…”
“เลิกยุ่งวุ่นวายซักที!!!!”
นั่นแหละการพูดออกไปตรงๆ
เพื่อตัดปัญหามันก็คือทางของแบคฮยอนอยู่แล้ว
เขาไม่จำเป็นต้องสนใจว่าชานยอลจะรู้สึกยังไงที่เขาพูดแบบนั้นออกไป
ไม่ต้องมาวุ่นวายกันต่างคนต่างอยู่นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว
…
แบคฮยอนขังตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่พอมารู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาค่ำไปซะแล้ว
เขามัวแต่เล่นโทรศัพท์ แชทกับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าบ้างจนลืมไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวัน
จะให้ลุกไปหาอะไรกินตอนนี้ก็ชักจะขี้เกียจจึงตัดสินใจปิดไฟนอน
แต่ก็เป็นที่น่าแปลกวันนี้ทั้งวันไม่มีเสียงเคาะประตูเรียกหรือมีอะไรมาทำให้รำคาญใจแบคฮยอนเลย
ดูเหมือนว่าชานยอลคงจะยอมแพ้เรื่องที่อยากจะสนิทกับเขาไปแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีเพราะเขาก็ไม่อยากสนิทกับใครทั้งนั้นในบ้านหลังนี้
ช่วงเวลากลางดึกที่คนในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน
คนหนึ่งขังตัวเองอยู่แต่ในห้องและป่านนี้ก็คงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว
แต่ใครอีกคนที่ยังคงไม่ได้นอนเพราะเขาตั้งตารอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบกุญแจที่วางเตรียมไว้อยู่บนชั้นวางของเล็กๆ
มุ่งหน้าไปยังห้องของใครอีกคน
แกร๊ก
เสียงปลดล็อคประตูไม่ได้ทำให้เจ้าของห้องตื่นจากการหลับใหลเลยซักนิด
ผู้บุกรุกปิดประตูอย่างเงียบเชียบและเดินไปยังเตียงนอนที่มีเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่
CUT
BROTHER
“อ่าห์”
เสียงแห่งกามารมณ์ที่น่ารังเกียจในความคิดของแบคฮยอนดังมาจากคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายในนามตลอดเวลา…มันไม่ได้จบแค่นั้น
ใช่!
ความทรมานนี้มันยังไม่ได้จบแค่นั้น แบคฮยอนถูกอุ้มขึ้นมายังห้องของตัวเองโดยพี่ชายในนาม
ปาร์ค ชานยอล…เขาจัดการถอดเสื้อผ้าของแบคฮยอนออกจนหมดและกระทำการขืนใจน้องชายของตัวเอง
แบคฮยอนได้แต่หลับตาและปิดปากกลั้นเสียงร้องเอาไว้
ทั้งเสียงร้องไห้ และเสียงที่ไม่ควรจะให้ใครอีกคนนั้นได้ยิน
ความเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลังไม่มีท่าทีจะน้อยลงมีแต่เพิ่มขึ้นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่โหมกายกระแทกใส่
“อ่า
ยังอยากดื้อกับพี่ชายคนนี้อยู่ไหม หื้มม?”
คนพูดใช้มือขวาประคองแก้มอีกฝ่ายแล้วหอมไปที่ขมับซ้าย
“ฮื่ออออ”
แบคฮยอนส่งเสียงปฏิเสธและหลบหน้าหนี
ชานยอลจึงลากจมูกของตัวเองลงมายังแก้มขาวใสและไล้ลงมาเรื่อยๆ ยันซอกคอ ประทับจูบเบาๆ
อย่างหลงใหลเพราะร่างกายของแบคฮยอนนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับชานยอลมาก
แค่เพียงแรกเห็นก็ทำให้รู้สึกอยากครอบครอง
ที่ชานยอลไม่คัดค้านงานแต่งของพ่อตัวเองเลยนั้นก็เป็นเพราะแบคฮยอน
ลูกชายคนเดียวของภรรยาพ่อช่างน่าหลงใหลเป็นที่ต้องตาต้องใจชานยอลอย่างมาก ..พยายามสวมบทบาทพี่ชายที่แสนดีเพื่อให้คนเป็นแม่เอ็นดูและไว้วางใจ
และให้คนเป็นน้องนั้นตายใจว่าจะมีพี่ชายคนนี้คอยดูแลและเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง
แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อแบคฮยอนนั้นแสนดื้อ
เจ้าตัวทำตัวขวางโลกไม่ยอมหลงกลง่ายๆ
เพราะฉะนั้นบทบาทพี่ชายที่แสนดีอาจต้องเก็บเอาไว้ใช้ต่อหน้าผู้เป็นแม่เท่านั้น
“อื้อออ”
ชานยอลถอนกายจนสุดแล้วกระแทกเข้าไปแรงๆ
อย่างจังทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งหลับตาปี๋เผลอหลุดเสียงร้องออกมา แต่ก็ใช้มือน้อยๆ ของตัวเองตะครุบปิดปากเอาไว้เสียแนบแน่น
มันช่างน่าเอ็นดูในสายตาของผู้เป็นพี่ชายยิ่งนัก
“พะ..พอแล้ว อึก พอ
อื้อออ”
แบคฮยอนช่างน่าสงสาร
เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนพี่ชายในนามนั้นรังแกไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ไม่ว่าจะอ้อนวอนขอให้พอขอให้หยุดยังไงแต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ
แถมยังเร่งจังหวะแสดงความไม่พอใจจนแบคฮยอนต้องละมืออีกข้างไปยันหน้าท้องอีกฝ่ายเอาไว้ให้ลดจังหวะลง
แบคฮยอนไม่ไหว ทั้งเหนื่อยและกำลังหมดแรง
เขาขอได้พี่ชายใจร้ายที่รังเกียจเขาตั้งแต่พบหน้า ดีกว่าพี่ชายที่ใจดีแต่เปลือกนอกแต่ภายในหยาบโลนน่าขยะแขยงแบบนี้
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะน้องชาย”
“อึก..”
“ที่มีพี่ชายแบบพี่”
“ฮึก ฮือออ”
“รู้สึกดีใช่ไหม หื้ม?”
“อื้ออออ!!!”
แบคฮยอนส่ายหัวไปมาอย่างแรง ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด
“แต่พี่ดีใจที่แบคฮยอนมาอยู่กับพี่นะครับ”
ชานยอลบรรจงจูบหน้าผากน้องชายอย่างอ่อนโยนแม้เจ้าตัวจะหลับตาอยู่ก็ตาม
แบคฮยอนยังคงปิดปากไม่ส่งเสียงร้องแม้จะมีหลุดออกมาบ้าง แต่ชานยอลก็ไม่ได้ไม่พอใจ
เขาไม่บังคับหากแบคฮยอนจะหลับตาไม่มองหน้ากัน จะปิดปากไม่ส่งเสียงครางให้ได้ยิน หรือจะไม่ให้ความร่วมมือจนเขาต้องใช้กำลัง
ตราบใดที่แบคฮยอนยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ที่เข้ามาในฐานะน้องชายของเขา
ยังไง เรา ก็ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งมากมาย
ไม่วันใดวันหนึ่งแบคฮยอนก็ต้องยอม…
และเป็นของเขาคนเดียวไปตลอดกาล
…
หลังจากเสร็จงานที่ต่างประเทศคุณปาร์คและภรรยาของเขาก็กลับบ้านมาหาลูกๆ
ของพวกท่านในทันที
แถมยังมีของฝากมากมายมาฝากทั้งลูกของตัวเองและลูกของคนที่รักอีกด้วย
เมื่อแบคฮยอนเห็นแม่ของตัวเองเดินเข้ามาในบ้านก็รีบวิ่งโผเข้ากอดทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
แต่เจ้าตัวก็กอดมารดาของตัวเองแน่นราวกับว่าไม่อยากห่างจากไปไหน
“เป็นอะไรแบคฮยอนลูก
คิดถึงแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ผู้เป็นแม่พยายามดันร่างลูกชายออกจากอกเพื่อสำรวจดูหน้าดูตาที่ไม่ได้เห็นมาตั้งสามวัน
แต่พอดันออกมาได้เจ้าลูกชายก็โผเข้ากอดที่เอวของเธอซะงั้น
“คงจะคิดถึงคุณนั่นแหละ
กอดซะไม่ปล่อยเลย” คุณปาร์คพูดด้วยอารมณ์ขันยามเห็นแม่ลูกกอดกันแนบแน่น
“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณน้า”
ชานยอลเดินเข้ามาทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง และเหลือบสายตาไปมองน้องชายในนามเพียงเสี้ยวแวบนึงเท่านั้น
แล้วหันกลับมายิ้มให้กับภรรยาของคุณปาร์ค
“น้องดื้อหรือเปล่าจ๊ะชานยอล”
“ไม่เลยครับ เราเข้ากันได้ดี…ใช่ไหมแบคฮยอน?”
ประโยคแรกตอบคนถาม
แต่ประโยคหลังชานยอลหันไปยิ้มถามกับเจ้าของชื่อที่กอดแม่ของตัวเองไม่ปล่อย
“…”
แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับแถมยังหลบตาอีกฝ่ายเสียด้วย
“เราเข้าไปในบ้านมาดูของฝากกันดีกว่า
ซื้อมาเยอะแยะเลยไม่รู้ว่าหนูแบคฮยอนจะชอบหรือเปล่า”
“ครับ
เชิญคุณพ่อกับคุณน้าเข้าไปข้างในก่อนเลย ผมขอคุยกับแบคฮยอนตรงนี้นิดหน่อยนะครับ”
“ได้สิจ๊ะ”
ผู้เป็นน้าว่าอย่างนั้นแล้วคลายกอดของลูกชายของเธอออกแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับสามีของเธอ
แบคฮยอนที่ส่ายหน้าปฏิเสธแต่ดูเหมือนแม่ของตนจะไม่เข้าใจ
พยายามวิ่งตามแม่ไปติดๆ แต่ก็ถูกจับเข้าที่ข้อมือโดยมือหนาของใครอีกคนที่เมื่อกี้ยังมีใบหน้ายิ้มแย้มแต่พอผู้ใหญ่ทั้งสองคนเดินออกไปก็หุบยิ้มนั้นลงแทบจะในทันที
แบคฮยอนเบะปากด้วยความเจ็บพยายามบิดข้อมือให้หลุดออกจากมืออีกฝ่ายแต่มันก็ไม่ง่ายเลยซักนิด
“ถ้านายคิดจะฟ้องคุณน้ากับคุณพ่อล่ะก็…คงรู้นะว่าจะโดนอะไร”
แบคฮยอนมัวแต่ยื้อยุดฉุดกระชากข้อมือของตัวเองจนไม่สนใจฟังที่อีกฝ่ายพูด
ชานยอลจึงล็อคตัวร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด กระซิบเสียงแข็งใส่ข้างหูอีกคนว่า…
“แล้วอย่าคิดว่าคืนนี้ล็อคประตูใส่พี่แล้วจะรอดนะ”
“…”
“อย่าได้บอกเรื่องของเราให้คุณพ่อกับคุณน้ารู้เด็ดขาด
เข้าใจไหม?”
“ฮึก”
น้ำตาเม็ดใสไหลร่วงออกมาทั้งสองข้างจำใจพยักหน้าเข้าใจอย่างจำยอม
ชานยอลจึงเปลี่ยนมาประคองกอดร่างเล็กอย่างอ่อนโยนจูบซับน้ำตาให้อย่างไม่รังเกียจ
แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากเล็กๆ ให้รางวัลอีกฝ่าย
“เด็กดี”
ความคิดเห็น