คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : -01-
-01-
[ M E E T Y O U ]
'บรีส' เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์
ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าคณะนี้แต่อันที่จริงคือไม่ได้ตั้งใจจะเรียนต่อซะมากกว่า
กะเอาไว้ว่าจบการศึกษาระดับมัธยมปลายเสร็จก็จะไปหางานทำที่คิดไว้คือพนักงานเซเว่นแล้วใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้น
ไม่ได้ไขว่คว้าอยากเรียนจบสูงๆ เพราะตัวเขานั้นไม่ได้มีความฝันอะไร
ไม่ได้อยากเป็นอะไรเป็นพิเศษ เขามีพวกพี่ๆ ที่จบไปแล้วมีงานทำกันหมดเลยไม่ได้ถูกคาดหวังซักเท่าไหร่
แต่ยังไงแม่ของเขาก็อยากให้ลองไปสอบแล้วยื่นคะแนนดู
คุณนายแค่ไม่อยากให้วุฒิม.6ที่ร่ำเรียนมาตั้งหลายปีต้องเสียเปล่า
บรีสจึงตัดสินใจที่จะสอบให้แล้วลองยื่นคะแนนเลือกคณะที่พอจะไปวัดไปวากับเขาได้และสุดท้ายก็ติดคณะที่เลือกไว้อันดับสาม
คือคณะนิติศาสตร์ที่กำลังเรียนอยู่ในปัจจุบัน
การเรียนในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้แย่เพียงแต่ว่าต้องอ่านหนังสือมากกว่าที่คิดไว้
ช่วงแรกๆ ก็ใช้เวลาปรับตัวเสียหลายเดือนพออยู่นานๆ ไปก็ชิน
เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาอย่างเป็นระบบ
การเข้าเรียนก็ไม่เคยขาดเลยซักคาบแม้จะเป็นวิชาแลคเชอร์ที่สามารถอ่านเองที่หอได้ก็ตาม
โดยรวมแล้วชีวิตของเขานั้นช่างเรียบง่าย
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหวือหวา จนบางทีก็แอบมีความคิดว่าเขาช่างใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
จืดชืดไร้สีสัน หากชีวิตของเขาเปรียบเป็นละครหนึ่งฉากคนดูก็คงเดาพล็อตได้ง่ายๆ
เลยว่านายคนนี้ต้องแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน
ถึงกระนั้นการเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ตก็ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับเขา
เพราะการที่เขาเป็นคนแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเช่นกัน..ซึ่งคิดว่านะ
"หุงข้าวหรอ?"
"ใช่"
เขาหันไปตอบบุคคลที่เข้ามาใหม่โดยไม่มีการเคาะประตูก่อนเปิดแต่อย่างใด เจ้าของส่วนสูงที่คิดว่าสูงมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนฯคือรูมเมทของเขาเอง
เจ้าตัวเดินไปมุมห้องที่เขาหุงข้าวเอาไว้แล้วเปิดฝาหม้อที่มีควันลอยฟุ้งออกมาพร้อมกับเสียงปุ๊ดๆ
กำลังเดือดได้ที่
"จะกินอะไร" ปิดฝาหม้อแล้วหันมาถาม
"ผัดกระเพรา"
"เมื่อวันก่อนก็ผัดกระเพรา" อีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
"..."
บรีสยักไหล่
ไม่รู้ว่าอีกคนจะบ่นไปทำไมในเมื่อก็ต้องซื้อกับข้าวมาแยกกันกินอยู่แล้ว
ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเลยหันกลับมาตั้งใจอ่านหนังสือเหมือนเดิม
"กินขาหมูมั้ย?"
"จะกินก็ซื้อเลย"
"เออๆ"
และบทสนทนาระหว่างบรีสกับรูมเมทก็จบไปเพียงแค่นั้น
เพราะเขาก็ไม่ใช่คนช่างพูดอะไรซึ่งเมทก็พอจะรู้นิสัยอยู่บ้างหลังจากที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันมาหลายเดือน
เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่า
'ชาร์จ' หยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่า
เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเปิดประตูออกไปยังห้องอาบน้ำที่เป็นห้องรวม
และใช่..หอที่พวกเขาสองคนอยู่นี้คือหอใน ซึ่งไม่ได้มีการบังคับให้เด็กปีหนึ่งต้องอยู่หอในเสมอไป
ใครจะอยู่ก็ได้ ใครจะไปก็แล้วแต่
ส่วนตัวบรีสเองนั้นไม่ได้ติดขัดเรื่องเงินแต่อย่างใด
เขาจะอยู่หอนอกก็ได้ยังไงก็มีพวกพี่ๆ ส่งเรียนอยู่แล้ว
แต่ด้วยความที่เขาไม่มียานพาหนะใดๆ มาใช้สัญจรภายในมอหากอยู่หอนอกคงเป็นการลำบาก
หอในจึงเป็นตัวเลือกที่ดีแถมยังประหยัดตังค์ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าห้องเป็นรายเดือนอีกด้วย
และในส่วนของรูมเมทที่ถึงจะไม่ค่อยสนิทพูดคุยกันอย่างเพื่อนร่วมห้องทั่วไป
แต่เขาก็เคยลองๆ ถามว่าทำไมถึงมาอยู่หอในเหมือนกัน
เพราะจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูมีอันจะกินก็ไม่น่าจะอยู่หอในให้เสียสิทธิ์คนอื่น
แต่คำตอบที่ได้ฟังนั้นคือ
'ที่จริงก็อยากอยู่หอนอกอยู่หรอก แต่ไม่รู้จะไปอยู่หอไหนเลยยื่นมั่วๆ
ได้มาอยู่หอนี้'
อ่า..ก็คาดไม่ถึงว่าจะตอบอย่างนี้เหมือนกัน
"จะไปซื้อตอนไหน?"
รูมเมทที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเปิดประตูเข้ามาในห้องโพล่งถามออกมาโดยไม่มีการเคาะประตูก่อนแต่อย่างใด
ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ปิดช่วงล่างก็เดินผ่านไปผ่านมาในห้องก่อนจะนั่งลงบนเตียงของเจ้าตัวแล้วใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมให้แห้ง
"แต่งตัวเสร็จก่อนก็ได้" เขาตอบกลับไป
เจ้าตัวก็พยักหน้าเข้าใจแล้วหันหน้าไปเช็ดผมอย่างจริงจังที่หน้าพัดลม
รูปร่างตัวที่หนามีกล้ามแขนแข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด
ไหนจะซิคแพ็คที่หน้าท้อง
ใบหน้าคมหล่อเกินมนุษย์ธรรมดาจนไม่คิดว่าชายคนนี้จะเป็นรูมมเมทของเขาได้นั้น
นึกย้อนไปแล้วยังตกใจตอนที่รู้ว่าพวกเราทั้งคู่เป็นรูมเมทกัน
ชาร์จเปิดห้องเข้ามาโดยไม่เคาะประตูพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระมากมาย
เจ้าตัวมาพร้อมกับพ่อแม่ที่เข้ามาสำรวจสภาพห้องแล้วพยักหน้าสองสามทีก่อนจะบอกให้เจ้าตัวอยู่ไปก่อนแล้วจะหาที่ที่ดีกว่านี้ให้ พร้อมหันมาทางเขาบอกช่วยดูแลกันและกัน.ให้ดี อวยพรให้พวกเขาตั้งใจเรียนแล้วก็ขอตัวกลับไป
เราแนะนำตัวด้วยชื่อ
คณะ และจังหวัดบ้านเกิด ความประทับใจแรกค่อนข้างเฉยๆ
แล้วจึงช่วยกันจัดของวางให้เป็นระเบียบ
ดูเจ้าตัวจะเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี
ชวนเขาคุยอะไรหลายอย่างแม้จะตอบบ้างไม่ตอบบ้างเจ้าตัวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร
คงแค่ไม่อยากให้ระหว่างเรามีบรรยากาศอึดอัดต่อกัน
และเพื่อต้อนรับมิตรภาพรูมเมทใหม่เราก็เลยไปเลี้ยงฉลองที่ร้านหมูกระทะหลังมอ
เราสุ่มร้านที่คิดว่าน่าจะอร่อยเพราะคนค่อนข้างเยอะ
เมื่อกินไปได้ซักพักก็พอจะทำให้เราสนิทกันขึ้นมาในระดับนึง
ชาร์จได้บอกกับเขาว่าจริงๆ แล้วเจ้าตัวเป็นเด็กซิ่วมาจากมอxx ซึ่งเป็นมอที่ค่อนข้างดังพอตัว
ส่วนเหตุผลที่ซิ่วมาคืออยากมาเรียนมอเดียวกันกับแฟน
ณ
ตอนนั้นเขาก็ได้แต่สงสัยว่า
มันจะมีใครบ้างที่ยอมซิ่วเพื่อจะมาเรียนมอเดียวกันกับแฟนแบบนี้ ไม่รักมาก ก็บ้า
และก็ต้องโง่ด้วย
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะเราไม่ได้สนิทกันจนถึงขนาดพูดความคิดตัวเองออกไปได้ทั้งหมด
อีกอย่างคือความเกรงใจ และอีกอย่างคือเขาไม่ค่อยจะพูดในสิ่งที่คิดอยู่แล้ว
แม้เจ้าตัวจะเป็นรุ่นพี่ที่ซิ่วมาแต่ก็ยังคงให้เขาเรียกว่าชาร์จเฉยๆ
หรือใช้มึงกูก็ได้ เพื่อที่เราจะได้สนิทกันมากขึ้น
แต่ถึงยังไงเขาก็ขอเรียกด้วยชื่อเฉยๆ จะดีกว่าเพราะอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นพี่ที่ซิ่วมาจะใช้มึงกูเขาก็ดูจะเกรงๆ
เมื่อบรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบ เขาจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายชวนอีกฝ่ายคุยดูบ้างโดยการถามถึงแฟนของเจ้าตัวเป็นอย่างแรก เขาก็แค่อยากรู้ว่าใครมันยอมให้แฟนตัวเองเสียเวลาหนึ่งปีเพื่อซิ่วมาเรียนมอเดียวกัน และคำตอบที่ได้ทำเอาเขาช็อคไปเลยเพราะเป็นคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีก็คือ เดือนคณะนิติศาสตร์ปีที่แล้ว 'พี่เพลง' เดือนคณะที่เป็นผู้ชาย..ซึ่งก็หมายความว่า
ชาร์จ เป็น เกย์
ยอมรับว่าตกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเขาก็พอเข้าใจว่าเรื่องรสนิยมความชอบของคนเรามันไม่เหมือนกัน
แม้สังคมสมัยนี้จะเปิดกว้างมากขึ้นแต่พอได้มาเจอกับเกย์ตัวเป็นๆ แถมยังเป็นรูมเมทกันอีกก็ขอตกใจซักหน่อยนึง
ที่จริงบรีสก็ไม่ได้มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษสำหรับรสนิยมทางเพศของรูมเมท
ชาร์จก็เคยมีถามมาบ้างว่ารังเกียจหรือเปล่า อึดอัดอะไรมั้ย
แน่นอนว่าเขาไม่ได้รังเกียจมีอึดอัดบ้างแต่ส่วนมากจะเป็นนิสัยของเจ้าตัวมากกว่า
ซึ่งเขาก็ยอมรับได้ในบางส่วนอะไรที่รู้สึกตะหงิดๆ ก็จะพยายามมองข้ามๆ ไป
ยังไงทุกวันนี้ก็ต่างคนต่างอยู่กันอยู่แล้ว
"ไปกันเลยมั้ย"
รูมเมทของเขาเดินมาสะกิดหลังจากที่เจ้าตัวแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
บรีสพยักหน้าแล้วหยิบที่คั่นหนังสือมาคั่นหน้าที่อ่านค้างไว้
หยิบกระเป๋าตังและกุญแจห้องตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ไปพร้อมๆ กัน
จุดหมายปลายทางของเราสองคนก็คือตลาดมอที่มีของขายมากมายที่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของกิน
นอกนั้นก็มีร้านขายเสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นิดหน่อย
ชาร์จหาที่จอดรถจักรยานยนต์แล้วเราก็ค่อยเดินไปพร้อมๆ กัน
"ร้อน อยากกินน้ำปั่น"
"ชาร์จแยกไปซื้อก่อนก็ได้เดี๋ยวผมจะไปสั่งผัดกระเพรารอ"
"เออๆ แล้วก็รออยู่ที่ร้านนะเดี๋ยวเดินไปหา"
บรีสพยักหน้าเข้าใจก่อนออกตัวเดินไปยังร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำ
หยิบกระดาษกับปากกามาจดสั่งอาหารแล้วเสียบไว้แถวๆ นั้น
พอมองเห็นว่ามีโต๊ะนั่งก็เดินไปนั่งรอใครอีกคนที่กำลังซื้อน้ำปั่นอยู่
"อะ ชาเขียวสตรอเบอรี่ไม่มุก"
เครื่องดื่มที่เขาชอบกินถูกวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
"ขอบคุณครับ" เขารับมากินแบบไม่มีปฏิเสธ
เพราะถ้าหากเอ่ยปฏิเสธไปเมื่อไหร่จะโดนสายตาดุๆ แกมไม่พอใจส่งมาให้ทันที
ชาร์จไม่ชอบให้เขาปฏิเสธของที่ซื้อให้ เจ้าตัวให้เหตุผลว่าเป็นทั้งรูมเมทเป็นทั้งพี่และเป็นทั้งเพื่อน ซื้อของมาให้นิดๆ หน่อยๆ ก็อยากให้รับไว้เขาก็ได้แต่เออออตามอีกคนไป ของฟรีใครจะไม่เอาบ้างและนั่นแหละเขาขี้เกียจจะเถียงแล้ว
"ร้านขาหมูไม่เปิด"
"?"
"กินไรดีวะ" เจ้าตัวทำท่าคิดหนัก หันหน้ามาขอความเห็นกับเขา
"ไข่เจียว"
"เบื่อจะตายอยู่ละ เอาอะไรที่มันดูมีอันจะกินหน่อยดิวะ"
บรีสขมวดคิ้วแน่นความหนักใจตกมาที่เขาที่ต้องคิดเมนูกับข้าวเผื่อท้องของรูมเมท
ส่วนตัวเขาเองนั้นเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้ว ถ้าวันไหนขี้เกียจหุงข้าวแล้วไม่รู้จะกินอะไรก็ข้าวไข่เจียวนี่แหละที่สามารถเลือกเครื่องได้ก็แค่นั้น
"ไก่ทอด"
"เอาอะไรที่มันมีรสชาติหน่อยสิวะ" แล้วไก่ทอดไม่มีรสชาติตรงไหน
"ผัดไทย"
"มึงหุงข้าว กูจะกินข้าว"
"ชาร์จก็เลือกเลย ผมคิดไม่ออกหรอก"
"เฮ้อ" อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างปลงตก
"ไปสั่งต้มเลือดหมูเพิ่มไป"
"อย่างเดียวหรอ"
"จะเอาอะไรอีกก็สั่งเดี๋ยวจ่ายเอง"
"ครับ"
พยักหน้าเข้าใจแล้วก็ลากสังขารตัวเองไปสั่งกับข้าวเพิ่มและโชคยังดีที่ใบก่อนหน้าที่เขาเขียนไว้ยังไม่ได้ถูกดึงออกเขาจึงดึงใบนั้นออกมาเขียนเพิ่มแล้วกลับไปนั่งที่เดิมรอกับข้าว
ซักพักใหญ่ๆ
กับข้าวที่สั่งไว้ก็เสร็จเราสองคนจึงเดินไปซื้อผลไม้มาเพิ่มตามความอยากของคนอายุมากกว่าจากนั้นจึงพากันกลับหอตั้งโต๊ะกินข้าว
จริงๆ
แล้วส่วนใหญ่เราจะกินของใครของมันซะมากกว่าแต่ถ้าวันไหนที่เขาหุงข้าวก็มีบางโอกาสที่เราจะซื้อกับข้าวมานั่งกินด้วยกันบนโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ
ระหว่างกินข้าวชาร์จก็เอาแมคบุ๊กมาเปิดดูหนังไปด้วย
บ้างก็หันมาคุยกับเขาเรื่องสัพเพเหระต่างๆ แล้วแต่เจ้าตัวจะนึกออก
แต่ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับการเรียน กิจกรรมคณะ หรือไม่ก็เพื่อนรุ่นน้องที่รู้ว่าเจ้าตัวซิ่วมาจากมออื่นก็ตั้งตนให้เป็นเฮียใหญ่ของกลุ่มไปแบบงงๆ
เนื่องจากอีกคนซิ่วมาจากคณะวิศวะมาเข้าคณะบริหารตามคำสั่งของบิดาที่จะยอมให้ซิ่วก็ต่อเมื่อมาเรียนคณะนี้เท่านั้น
ก็เลยทำให้ภาพลักษณ์ภายนอกดูเป็นคนโหดๆ แต่จริงๆ
ก็เป็นคนใจดีจริงใจกับทุกคนที่เป็นมิตรด้วย
"กินดิ ซื้อมาให้กิน"
ชาร์จวางถุงผลไม้สองอย่างลงบนโต๊ะหลังจากที่เรากินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เขาเอ่ยขอบคุณแล้วหยิบขึ้นมากินพร้อมกับดูหนังไปด้วย
"ครับ" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและเจ้าของมันก็กดขึ้นมารับสายทันที
"เพลงจะไปร้านโลมาหรอ"
"..."
"ชาร์จกินแล้ว แต่ไปเป็นเพื่อนเพลงก็ได้"
"..."
"โอเคครับ เดี๋ยวชาร์จไปรับหน้าหอ ฮ่าๆ" แล้วก็กดวางสายไป "เอ้อ
เดี๋ยวไปหาเพลงก่อนนะ ฝากเก็บด้วย"
พูดพลางเอื้อมมือมาลูบหัวเขาสองสามทีแล้วก็ลุกขึ้นคว้ากุญแจรถใส่รองเท้าแล้วออกจากห้องไป
บรีสหันมองพวกถ้วยจานที่มีเศษอาหารกับถุงขยะวางข้างๆ
แมคบุ๊กที่ยังคงเล่นหนังต่อไปเรื่อยๆ กับผลไม้ที่กินยังไม่หมด
ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนยังไงคนที่ทำความสะอาดมันก็ต้องเป็นเขาตลอดอยู่แล้ว
ชาร์จเป็นรูมเมทที่ดี
ชอบซื้อของมาฝากอยู่เสมอไม่ค่อยทำอะไรเสียงดังกวนใจเขา แม้แต่ตอนที่เขาอ่านหนังสือดึกก็ยอมให้เปิดไฟ
พาเขาซ้อนท้ายไปนู่นไปนี่โดยไม่คิดค่าน้ำมัน
ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่ก็มีหนึ่งปัญหาที่หนักใจเขาพอสมควร
ก็คือรูมเมทไม่ค่อยช่วยทำความสะอาด ถ้วยจานส่วนมากก็จะเป็นเขาที่ล้าง
ห้องเขาก็เป็นคนกวาด คนถูก็เขาอีกเช่นกัน ผ้าเขาก็ช่วยเอาไปซักให้ ตากให้
แถมยังต้องเก็บให้อีก
เจ้าตัวก็ซาบซึ้งในน้ำใจที่เขาทำให้อยู่หรอกนะแต่ก็ไม่เห็นจะช่วยซักกะทีเลย
เอาเถอะ บรีสก็ได้แต่บ่นมันอยู่ในใจนี่แหละ
พยายามจะไม่คิดมากเพราะดูเหมือนว่าเทอมหน้าอีกฝ่ายก็จะย้ายไปอยู่หอนอกอยู่แล้ว
อดทนอีกซักเดือนสองเดือนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
บรีสไม่อยากมีปัญหาเขารู้แน่ๆ
ว่าถ้าพูดออกไปอาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจและระหว่างเรามันจะมีความอึดอัดต่อกัน
เขาก็เลยเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า
หนังที่เล่นไปได้ครึ่งเรื่องถูกหยุดเอาไว้
แล้วบรีสจึงหันไปเก็บพวกถ้วยจานเอาเศษอาหารและขยะลงไปทิ้งที่ถังขยะด้านล่างหอ
แล้วขึ้นมาเช็ดโต๊ะ พับเก็บให้เข้าที่กวาดห้องแล้วเช็ดพื้นอีกรอบ
แล้วกลับมานั่งดูหนังในเน็ตฟลิกซ์ต่อ
นี่ก็เป็นหนึ่งความใจดีของรูมเมทที่ไม่หวงของกับเขาเลย
เจ้าตัวให้ยืมแมคบุ๊กดูหนังในเน็ตฟลิกซ์โดยไม่ต้องขออนุญาตอะไร
บรีสเองก็มีโน้ตบุ๊กเหมือนกันแต่มันเป็นรุ่นเก่าแล้วใช้งานมานานจนแบตฯเสื่อมต้องเสียบสายชาร์จไว้ตลอดเลยไม่ค่อยเปิดมาใช้เท่าไหร่นอกจากจะทำงาน
'วันนี้ไม่กลับหอนะ ฝากชาร์จไอแพดให้ที'
เป็นรูมเมทของเขาที่ส่งแชทมา
เจ้าตัวก็คงไปนอนค้างที่หอของพี่เพลงตามปกติ
'ครับ'
ตอบกลับไปแล้วเดินไปเปิดกระเป๋าเป้บนโต๊ะของอีกฝ่ายหยิบเอาไอแพดออกมาเสียบสายชาร์จให้ตามคำสั่ง
แล้วกลับมาดูหนังต่อให้จบจากนั้นจึงปิดไฟเข้านอน
คือ..เปิดไว้เฉยๆ แล้วหลังสอบเราค่อยมาเจอกันได้มั้ย
แบบ tbc. หลังสอบ
c u again ตอนชาติต้องการไรงี้
ได้แหละ มองเธออีกหนึ่งเดือนนะ
ความคิดเห็น