ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC Parallel of love KYUMIN

    ลำดับตอนที่ #9 : Parallel of love VIII

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 116
      0
      28 ม.ค. 58




    Paralle of love

     

                  

                   ใบหน้าคมที่กำลังสูดปากร้องโอดโอยเวลาผมจิ้มสำลีเปื้อนยาบริเวญรอยช้ำ มันอาจดูน่าสงสารในสายตาของใครหลายคนแต่กลับผมมันตรงกันข้าม! บอกแล้วไม่เคยจำ พี่คยูฮยอนนอกจากจะพูดไม่ฟังแล้วยังหน้ามึนอีกต่างหาก หลังจากมีคำสั่งจากส่วนกลางของกิจกรรม ให้นักเรียนมีเวลาพักผ่อนส่วนตัวได้จนถึงเวลา2ทุ่มครึ่ง ผมเลยแอบหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่คาดว่าน่าจะได้ใช้ติดมือมาด้วย

     

                   “ผมไม่ชอบให้พี่ต่อยไปกับใคร”

                   “...”

                   “ทำไมพี่ไม่เคยฟังผมเลย”

                   “....”

     

                  

                   “ซองมินอ่า”

                   “...”  มือใหญ่ช้อนตัวผมให้นั่งแหมะลงกลางตัก  ก่อนพี่คยูที่จะใช้คางแหลมเกยมันเบาๆบนไหล่ลาดของผม ผมเปล่งเสียงค้านเมื่อดูท่ามือที่วางของพี่เขาเริ่มอยู่ไม่สุข ชายเสื้อยืดตัวบางถูกเลิกขึ้นเกือบถึงสะดือ

     

                   “อื้ออออ”

                   “หวาน ซองมินของพี่หวานไปทั้งตัวเลยรู้มั้ย” พี่คยูพรมจูบบริเวญหลังคอเนียนพร้อมทิ้งรอยรักไปกว่าครึ่ง ผมซี๊ดปากน้อยๆเพราะแรงกดที่พี่เขาใช้มันกำลังทำให้ผมขาดใจ ร่างกายที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนถูกปลุกเล้าจากอาจารย์ผู้สอนเรื่องอย่างว่าเสียง่าย ผมเอียงตัวให้พี่เขาทำการสะดวกได้ขึ้น...สุดท้ายผมเองก็ต้องเสียเปรียบไปกับวิธีการไถ่โทษของพี่คยูอยู่ดี

     

     

                   ทำไมพี่เขาถึงชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย กางเกงตัวเล็กเปรอเปื้อนคราบน้ำรักสีขาวขุ่น ผมก้มหน้างุดเพราะนั้นมันคือผลงานชิ้นเอกของตัวผมเอง ใครจะไปรู้ล่ะว่าพี่เขาคิดที่จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้

                   “ถ้าพี่กอดเรามากกว่านี้ คืนนี้อย่าหวังจะได้กลับไปนอนกับเรียวอุค”

                   “...” ผมนั่งมองพี่คยูที่กำลังเดินไปเอากางเกงตัวใหม่ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับสัดส่วนของผมเอาซะเลย แต่จะให้กลับไปใส่ตัวเดิมก็คงไม่เพราะไม่งั้นเพื่อนตัวเล็กได้เอาผมไม่ล้อยันเช้าแน่ๆ

     

                   “นอนอยู่เฉยๆนะครับ เดี๋ยวพี่ใส่ให้” ผมทำได้แค่เพียงพยักหน้างึกงัก เพราะแรงทั้งหมดที่มีมันลอยล่องหายไปพร้อมกับเสียงหวีดร้องเมื่อครู่ไปซะหมด ใบหน้าคมทำเอาผมเม้นริมฝีปากเข้ากัน เรียวปากนั้นมันเร่าร้อนเสียจนผมเกือบถอนตัวไม่ขึ้น

                  

     

     

     

                   สิ้นเสียงอาจารย์ใหญ่เหล่านักเรียนทั้งหลายก็พร้อมใจกับปรบมือเสียงดัง แอลกอฮฮล์ดีกรีไม่แรงถูกอนุญาตนำเข้ามาสังสรรค์กันได้ เรียวอุคทำหน้าเป็นเชิงเบื่อโลกแต่มือเรียวกลับฉวยแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสีหวานขึ้นจิบ

                   “แอะ”

                   “เคยดื่มหรอ?”

                   “แฮ่ๆ ไม่อ่ะ” เพื่อนตัวเล็กส่วยหน้าก่อนจะหันกลับมาสนใจแก้วตรงหน้าต่อ เรียวอุคกลืนน้ำสีสวยพวกนั้นผ่านลำคออย่างยากเย็น แต่เจ้าตัวกลับไม่ย่อท้อที่จะยกแก้วแล้วแก้วเล่า

     

                  

    ผมลูบแผ่นหลังเรียวอุคเพื่อที่เจ้าตัวจะได้ปล่อยรสชาติขมออกจากปากให้หมด ผมอมยิ้มน้อยๆเรียวอุคเหมาะกับโลกสีขาว ไม่เหมือนกันผมที่ตัดสินใจใช้ชีวิตไปกับโลกสีเทา...

                   “ไหวมั้ย” ผมเอ่ยถามพลางก้มลงมองใบหน้าขึ้นสีของเรียวอุค

                   “เราม่ายไหวอ่ะ เดี๋ยวระเรา...มานะขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึง” เพื่อนตัวเล็กออกตัววิ่งระลิ่วทั้งที่ผมยังทันตอบเลย เครื่องดื่มพวกนี้รสชาติก็ไม่เลวนะผมว่า ผมยกมือชี้แก้วที่อยู่ในถาดของบริกรในค่ำคืนนี้ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียก

     

                   “ขอแบบนี้อีกแก้วนึงครับ”

                   “...”

                   “เอ๊ะ!คุณ ผมบอกว่าของแบบนี้อีกแก้วไง”

                   “....”

     

                   คล้อยหลังคุณบริกรสุดหล่อที่ผมแอบหมั่นไส้ เพราะขนาดใบหน้าไม่สมประกอบ100%แต่สาวๆเพื่อนรวมชั้นของผม ก็พากันกรี๊ดทุกครั้งเมื่อคุณบริกรออกไปบริการคุณลูกค้าถึงที่ บรรยากาศโดยรอบมันหมุนได้เองหรือเพราะผมดื่มมากเกิน...ผมพยายามทรงตัวให้นิ่งก่อนจะยึดตัวขึ้น เรียวอุคอ่านายหายไปเข้าห้องน้ำนานเกินไปแล้ว สองขาที่เดินสะเปะสะปะของผมพาผมก้าวเดินมาหยุดขึ้นอยู่หน้าห้องน้ำชายจนได้

                   “ระ..เรียวอุค นายอยู่ในนี้ม้าย?” ผมเคาะห้องน้ำที่ประตูปิดแน่นก่อนจะตะโกนถามออกไป ผมสะบัดหัวแรงๆเพราะอาการพะอึดพะอดที่เอ่อตรงลำคอ ไม่นานเมื่อไร้เสียงตอบรับผมเลยถือวิสาสะผลักประตูห้องน้ำเสียแรง ผมผงะตัวเล็กน้อยเมื่อเพื่อนตัวเล็กทำเหมือนกำลังได้เสียกับโถชักโครก ผมเดินเซเข้าไปฉุดแขนเรียวอุคให้ยืนขึ้น อะไรของนายอ่า...เมาแล้วเป็นแบบนี้หรอ

     

                   “อ่า...ซองมินนา” ใบหน้าน่ารักยิ้มสวยส่งกลับให้ผมช้าๆ เรียวอุคตาเหยิ้มมากกว่าผมหลายเท่าอีกแฮะ

                   “ป่ะ เดี๋ยวเราพากลับนะ” ผมยกแขนเรียวของเพื่อนตัวเล็กขึ้นพาดบ่า หมายดึงร่างของอีกคนให้ลุกขึ้นตาม แต่แล้วมันกลับไม่เป็นไปตามที่ผมคิด...

     

                   “อ๊ะ...” สุดท้ายทั้งผมทั้งเรียวอุคเลยได้มานอนแช่พื้นของห้องน้ำเล่น ผมถอนหายใจช้าๆพลางหยุงตัวที่มีแอลกอฮอล์อยู่เกินครึ่งขึ้นอีกครั้ง แต่เรียวอุคนี้สิ...ดูเหมือนจะหลับเป็นตายเพราะเจ้าตัวส่งเสียงกรนดังซะขนาดนั้น

                  

                   “เรียวอุคๆ ตะตื่นก่อน...” ผมเขย่าร่างเล็กเสียแรง แต่เพื่อนตัวเล็กของผมกลับเอาแต่นอนนิ่ง           

    “เห้ย!!!” คนเมาปะทะคนเมา ผมล่ะอยากทึ้งผมตัวเองจริงๆ ขาเล็กของผมที่กำลังทรงตัวขึ้นยืนกลับลื่นล้มลงมาไม่เป็นท่า สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมนี้สิทำเอาผมลมแทบจับ...ผมกำลังขึ้นคร่อมเรียวอุคอยู่

     

    “เชี่ยคยู เมียมึงจะจูบเมียกู!!!

    ห๊ะ...ผมอุทานในลำคอ ก่อนจะเบิกตากว้าง ไม่ใช่อย่างนั้นนะทุกคนกำลังเข้าใจผิด แรงผลักมหาศาลของพี่เขาที่พุ่งเข้ามาราวกับว่าโกรธเคืองผมมาเกือบล้านปี ทำให้ผมต้องนิ่วหน้า...เงียบ บรรยากาศโดยรอบเงียบเสียผมเองรู้สึกกลัว ผมนั่งมองพี่เยซองที่กำลังอุ้มเรียวอุคขึ้นแนบอกก่อนจะทิ้งไว้เพียงหมากตัวสำคัญภายในสนาม ผมและคนที่เพิ่งผลักผมเมื่อครู่...พี่คยูฮยอน

     

     

     

    แค่ยืนยังไม่ตรง ตอนนี้ผมไม่แรงไปต่อกรอะไรทั้งสิ้นกับพี่เขาจริงๆ ร่างหนาจ้องผมเขม่นพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ แต่กลไลการทำงานของร่างกายผมนี้สิดูเหมือนจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีซองมินค่อยๆถอยหลังเมื่อโจวคยูฮยอนเดินเข้ามาเรื่อยๆ

    “พะ..พี่” ผมเอ่ยได้ไม่เต็มปาก เพราะสีหน้าของพี่คยูในตอนนี้มันดูไม่น่าวางไว้ใจเอาซะเลย ผมหันรีหันขวางก่อนจะยกไม้ถูกพื้นขึ้น...

     

    “ถ้าพี่เดินเข้ามาอีก ผมฟาดพี่จะ..จริงๆด้วย!” ตะโกนออกไปพร้อมทั้งหลับตาปี๋

    “กล้าหรอ?”

    “...” ไม่กล้า เพราะคือพี่คยูไงผมเลยไม่กล้าทำให้พี่เจ็บตัว แต่ก่อนอื่นพี่ควรฟังผมก่อนนะ ว่าภาพที่เห็นเมื่อกี้มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจ

     

     

    “เพราะเป็นห่วงเลยเดินตามเข้ามา”

    “ก็รู้” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม

    “ซองมินชอบรุกหรอครับ?” น้ำเสียงตัดพ้อแต่มันดูผกผันกับแววตาคม ผมส่ายหน้าช้าๆพลางหาทางนี้ ก็บอกให้ฟังผมก่อนไงเล่าฮือ

     

    “งั้นเรามาทวนความจำดีกว่า ซองมินจะได้คำตอบพี่ได้ว่าซองมินชอบแบบไหนกันแน่”

     

     

     

    Kyuhyun’s part

     

    เด็กดื้อ...ใจจริงผมเองก็อยากฟัดคนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยในอ้อมแขนผมซะให้หน่ำใจ แต่เพราะหยดน้ำตาบวกกับดวงตาอันบวมเป่งของซองมิน ทำให้ผมหยุดความเอาแต่ใจลง

    ภาพที่อีซองมินกำลังขึ้นคร่อมคิมเรียวอุคมันฉุดให้อารมณ์ร้อนของผมพุ้งขึ้นหน้า ตอนแรกผมเองที่เกือบหน้ามืดบดขย้ำกระต่ายน้อยให้หลาบจำตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องน้ำ แต่เพราะใบหน้าหวานที่หวาดกลัวดึงสถานการณ์ให้ผมหยุดแค่คำว่า อยากแกล้ง

     

     

    “อื้มมมมม” แม่ตัวดีของผมที่เมาเหล้าพร้อมเมารักขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากที่เผยอออกจากกันมันกำลังเชิญชวนให้ผมอยากจับซองมินขึ้นมาฟัดอีกรอบ เก่งนักหรือไงเราถึงได้ชอบปั่นหัวพี่เล่นตลอด...หื้ม ผมอมยิ้มเมื่ออีกคนที่โดนผมขโมยครอบครองแก้มดิ้นขยุกขยิกก่อนจะสงบลง

     

    “เหนื่อย? หึ” สุดท้ายผมก็หลุดขำจนได้ ร่างเล็กที่อ่อนไปทั้งตัวเมื่อผมปล่อยความใคร่เพื่อทำโทษ ซองมินเร่าร้อนซะยิ่งว่าตอนไม่เมาอีก แต่ผมชอบตอนน้องไม่เมามากกว่า...เพราะซองมินน่ะใสซื้อบริสุทธิ์สำหรับผมเสมอ

     

     

     

     

                   สองเพื่อนรักโผล่กอดราวกับว่าพลัดพรากจากกันไปแสนนาน ผมเห็นเด็กดื้อบ่นขมุบขมิบ...คงกำลังฟ้องเรียวอุคอยู่แน่ๆ เยซองยักคิ้วใส่ผมก่อนจะเดินไปแยกทั้งสองออกจากกัน ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าระหว่างผมกับเยซองใครกันแน่ที่หวงเมียมากกว่ากัน

     

                   “ยิ้มทำห่าอะไร”

                   “...”

                   “ไอ้นี้ ถามแล้วไม่ตอบท่าจะบ้า”

                   “...”ผมยักไหล่เหมือนไม่สะท้านต่อคำด่า ถ้าจะให้ผมไปนั่งต่อล้อต่อเถียงกับไอ้เยซองผมยอมไปนั่งฟังคำสั่งของพระเยซูดีกว่า

     

     

                  

                   ในที่สุดกิจกรรมบ้าบอก็จบลงซักทีรวมถึงภารกิจที่ผมมอบหมายให้กับตัวเอง ความปลอดภัยของคุณหนูอีซองมิน ผมนอนแผ่หลาทันทีที่เท้าเหยียบพื้นห้อง เด็กดื้อของผมเองก็ขี้บ่นใช่ย่อย ซองมินเดินเอาข้าวของไปเก็บก่อนจะเดินวนไปทั้งบริเวญห้อง

                   “พี่คยู ไปซักผ้า”

                   “ห๊ะ..” พูดอีกทีสิ อะไรกันเดี๋ยวนี้ซองมินกล้าใช้ผมถึงขั้นนี้แล้วหรอ

                   “ไปซักผ้าไง”

     

                   “ก็ผมซักไม่เป็น...”

                   “มาหาพี่หน่อย” ผมขวักมือเรียกซองมินให้เดินเข้ามาก่อนจะฉุดคนตัวเล็กให้นั่งลงข้างกัน ผมช้อนใบหน้าเรียวขึ้นมองให้หน่ำใจ น่ารัก...ซองมินของพี่คยูน่ารักที่สุด

                   “ผมขอโทษที่ช่วยอะไรพี่คยูไม่ได้เลย

                   “ไม่เป็นไร”

                   “ผมขอโทษที่สร้างแต่ปัญหาให้พี่คยู”

                   “ไม่เอา ซองมินไม่พูดนะครับ” ผมเลื่อนนิ้วไปปิดปากเล็กที่กำลังพรั่งพรูความในใจออกมา ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากรู้แต่สถานการณ์เช่นนี้ มันเองก็ทำให้ผมหายใจไม่เช่นกัน...ใช่ ตั้งแต่ที่ผมได้รู้จักคนๆนี้ดูเหมือนว่าชีวิตประจำตัวของผมจะดูยุ่งยากขึ้นเยอะ แต่จะให้ทำยังไงได้เพราะผมเองก็เผลอยกใจให้อีกคนเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้มอง...

     

     

     

                   หายนะนี้มันห้องนอนหรือแหล่งซ่องสุ่ม เสียงสูดปากเมื่อขอกำนัลถูกส่งให้ผู้ชนะ ผมส่ายหน้าระอา แต่ดูเหมือนเด็กดื้อของผมจะยิ่งชอบใจเพราะเจ้าตัวใช้นิ้วเรียวดีดเอาๆจนใบหูไอ้เยซองแดงเทือกลามไปจนจะถึงหน้าผากแล้วนั้น

                   “เล่นมั้ยมึง?”

                   “ไม่” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด พลางนั่งลงช้อนตัวซองมินขึ้นตัก เพื่อนตัวดีแอบร้องแซวก่อนจะพากันหุบปากเพราะฝ่าตรีนผมวางแหมะอยู่กลางวงไพ่แทบทันที

                   “ครับๆ ผมว่าท่านคยูเอาเท้าออกก่อนเถอะครับ ป่ะๆพวกมึงเล่นต่อ” เยซองรวบรวมความกล้าพร้อมทั้งยกเท้าเจ้าของห้องออก

     

                   “กูว่าเราเลิกเล่นเถอะว่ะ ดูท่าหูกูคงหนวกแล้วมั้ง” น้ำเสียงประชดประชันจากเพื่อนรัก ไม่ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาแต่อย่างใด เสียงหัวเราะคิกคักที่กำลังดังอยู่ข้างผมตอนนี้ต่างหาก มันน่าจับมาตบด้วยปากจริงๆ ซองมินชอบใจไม่น้อยที่ ผมถ่ายทอดวิชามารให้เด็กดื้อไปต่อกรกับเพื่อนตัวเองจนได้สลับกันร้องโอดโอย

                    

                   “ไปไหนว่ะ” งอนจริงหรืออะไร ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเยซองทำท่าจะเดินไปท่าประตู แค่นี้ทำเป็นป๊อดนะมึง

                   “ไปรับเรียวอุค”

                   “ผมไปด้วย”

                   “นั่งลง” ผมตวัดสายตาเป็นเชิงห้ามแม่ตัวดี คดีเก่าผมยังเคืองไม่หาย พอห่างกันแค่ไม่กี่วันก็จะดันทุรังไปเจอกันให้ได้เลยรึไง...หื้มมมมม

                   “พี่คยูอ่ะ” ซองมินยู้หน้าใส่ผมพลางเอี้ยวตัวหนีเมื่อผมกะจะโชว์สวีทซักหน่อย ความจริงผมไม่ใช่คนแบบนั้นถ้าอยู่ต่อหน้าเพื่อนเยอะขนาดนี้ แต่เพราะมันคือวิธีเดียวที่จะทำให้เด็กดื้อของผมยอมอยู่นิ่งๆต่างหาก

     

                   วงพนันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ขวดเหล้าที่เหมือนซื้อมาอาบมากกว่ามากินวางระเนระนาดเกลื่อนเต็มห้อง ซองมินพร้อมใบหน้าแดงกร่ำ ผมอยากจับร่างเล็กลากเข้าห้องตอนนี้ซะจริง

                   “พวกมึงรีบๆกลับกันได้แล้ว กูง่วง”

                   “ถุ้ย! อย่าว่าพวกกูไม่รู้”

                   “อะไรๆพวกมึงหนิ ไปๆรีบออกจากห้องกูเร็ว”

     

     

                   “สาบานว่าง่วง” ทำไมผมถึงรู้สึกว่าช่วงนี้ซองมินติดนิสัยกวนจากไอ้เยซองมาซะเยอะ

                   “พี่ง่วงจริงๆนะครับ”

                   “ถ้าพี่คยูง่วงก็นอนนะครับ” นอนทำไม ไม่นอน...ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมวาดแขนพาดโซฟาตัวเก่าพลางมองเด็กดื้อของผมที่กำลังวิ่งเอาโน้นนี้ไปเก็บตรงโซนครัว

     

                   “ซองมินมานอนเถอะ” ผมชักรอนานแล้วสิ

                   “แป๊ปนึงนะครับ”

     

                   10นาที

                   “อ๊ะ!!!” ผมลุกขึ้นอุ้มร่างเล็กลอยหวือจากพื้น ก่อนจะเดินอาดๆวางซองมินลงบนเตียง

                   “อื้มมมม” ผมครางรับในลำคอเพราะกลิ่นกายของซองมินทำผมแทบคลั่ง วันนี้น้องไม่ได้ดื่มมากจนขาดสติแต่ผมนี้สิกำลังจะสิ้นสติเพราะดวงตาเย้ายวนตรงหน้า เชิญชวนพี่ถึงขนาดนี้...สงสัยคืนนี้พี่ต้องจับมาขย้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยใช่มั้ยครับ...ซองมิน

     

                   ผมเองยังไม่กล้าปล่อยซองมินไปโรงเรียนคนเดียวแม้จะมีเพื่อนรักอย่างเรียวอุคคอยตามดูอย่างใกล้ชิดก็อยู่ตาม ผมรับกระเป๋าใบเล็กที่ซองมินยื่นมาให้ก่อนที่ตัวเล็กจะก้มลงใส่รองเท้าให้ผม ผมเกือบชักเท้าหนีไม่ทันแต่ซองมินกลับเอื้อมมือมาคว้าไว้อีก ผมอ้ำอึ้งอยู่นาน...จนเสียงหวานลอยเข้าสู่โสตประสาท

                   “เพราะพี่คือคนรักของผม”

                   “...” สุดท้ายผมเองต้องปล่อยให้เด็กดื้อทำตามใจ ซองมินยกยิ้มเมื่อใส่มันจนเสร็จทั้งสองข้างพลางเงยใบหน้าสวยขึ้นมาตามด้วยยึดตัวลุกขึ้นยืน

                   “ป่ะ ไปกันเถอะ”

     

     

     

                   มุมตึกที่น้อยคนนักจะกล้าเฉียดเข้ามา แม้สถานที่แห่งนี้คือโรงเรียนเอกชนชั้นนำก็ตามที่ กลุ่มควันสีเทาพุ่งทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะจางหายไปกับอากาศ ผมอัดรสชาติคุ้นเคยเข้าเต็มปอด...คุณหญิงกำลังจะกลับมา

                   “เฮ้อ” สุดท้ายก็ต้องทิ้งม้วนบุหรี่ที่เหลืออยู่กว่าครึ่งลงพื้น ก่อนจะบดขยี้มันด้วยปลายเท้า

                   “ยังไม่ตายหนิ”

                   “หึ”  ผมก้มหน้าลงไม่ใช่เพราะกลัว เพียงแค่คร้านจะต่อกรกับไอ้บ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม ในมือมันถือช่อดอกกุหลาบสีขาว ดูก็รู้ว่ามันตั้งใจเอาไปให้ใคร

     

                  

                   “มึงมาทำไม!” เชี่ย...ผมถลาตัวเข้าไปรับหมัดไอ้ฮันก่อนที่มันจะเสยเข้าคางอีกคน อารมณ์ร้อนกันทุกครั้งที่เจอหน้าแล้วเมื่อไรพวกมึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ว่ะ

                   “ฝากให้ฮีชอล” โค้ดเนมสั้นๆเปล่งออกมาจากปากซีวอน

                   “ถุ้ย!มาทางไหนกลับไปทางนั้น ไป!” เหนื่อยจะห้าม ปล่อยให้พวกมันซัดกันเหมือนหมาดูบ้างก็คงจะดี ผมรับช่อดอกไม้ในมือพลางนับจำนวนดอก อื้มครบ...ครบเท่าจำนวนวันที่ฮีชอลจากพวกเราไปพอดี

     

                “ไอ้คยู ถ้ามึงไม่ทิ้งของเฮงซวยนี้ไป มึงได้เห็นดีกับกูแน่”

                   “แยกแยะหน่อย” ผมส่งต่อมันให้กับเยซองพลางพยักหน้าบอกเหล่าลูกน้องแยกย้าย เรื่องส่วนตัว...ผมแค่อยากให้เพื่อนได้ปรับความเข้าใจกัน

                  

                   “กู ไม่ มี วัน ให้ อภัย คน น้ำ หน้า อย่าง มึง”

                   “สัด” ทั้งผมและเยซองสถบออกมาพร้อมกัน เรื่องในวันเก่ามันเป็นแผลร้าวที่กรีดลึกจนยากจะรักษา หากเอาเข้าจริงต่างไม่มีใครอยากให้มันเกิด ผมตบบ่าซีวอนเบาๆไม่ใช่เพราะอยากญาติดีด้วยหรอก แต่เพราะหมากในตารางหัวใจของผมตกอยู่ในกำมือของมันมาตั้งแต่ต้น

     

                   “กูคิดถึงฮีชอล...” น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวอ่อนลงจนผมนึกฉุดในใจ

                   “อย่ามาพูดดี เพราะมึงฮีชอลถึงต้องตาย” ฮันคยองหลับตาลงช้าๆพลางเดินดุ่มๆไปกระชากช่อดอกไม้ในมือเยซอง ร่างสูงคว้ามันมากำไว้แน่นปล่อยให้หนามกุหลาบแทงมือจนเลือดซึม

     

                   “ปล่อยกูแค่นี้มันไม่เจ็บเท่าวันที่ซีวอนฆ่าฮีชอลเลย!

                “มึงช่วยมีสติหน่อย ซีวอนไม่ได้เป็นคนฆ่าฮีชอล!!! ไอ้เวร มึงฟังกู”

     

                   เยซองเขย่าไหล่เพื่อนรักเพื่อดับอารมณ์ หมัดหนักซัดเข้ามุมปากพอดีเป๊ะ...ก่อนที่เยซองจะก้มลงดึงคอเสื้ออีกคนให้ลุกขึ้น ตาจ้องตา ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย...

                   “ฮีชอลยอมตาย เพราะมันรักซีวอน” ร่างทั้งร่างทรุดฮวบ เยซองสะบัดตัวทิ้งเพื่อนรัก ผมถอนหายใจพลางเดินเข้าไปพยุงตัวไอ้ฮัน สุดท้ายมึงก็แพ้อยู่ดี...

     

     

                   “คยู แม่กูกำลังกลับมา...มึงรู้นะว่าต้องทำยังไง” ผมพยักหน้ารับถ้อยคำสุดท้ายของร่างสูงที่กำลังก้าวขึ้นรถ มันส่งซองสีน้ำตาลขนาดเล็กให้ผม ผมรับมันมาในมือพร้อมทั้งจิตใจที่ถูกน้ำตาไหลกัดเซาะ เพราะรักเขามาก...ดังนั้นผมคงต้องปล่อยเขาไป

                                  






     


    Talk...

    สรุปซีวอนเป็นคนดีหรือไม่ดี???
    เรื่องดำเนินมาถึงสถานะการณ์แบบนี้
    คนเขียนเองก็บีบหัวใจตัวเองเหมือนกันค่ะTT
    คาดว่าทุกคนคงพอจะเดาอะไรออกบ้างแล้ว
    ไม่รู้จะสงสารเด็กดื้อหรือพี่คยูดี

    #ฟิคเส้นขนานคยูมิน
    วิจารณ์ฟิคหรือตัวละครผ่านแท็กนี้ได้นะคะ

    เม้น=กำลังใจ

     

    280115 แก้คำผิดรอบแรก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×