ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] KyuMin 2

    ลำดับตอนที่ #2 : One minute "Special"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 247
      2
      6 ต.ค. 57




    One minute






     

    ห้องเรียนถูกเปลี่ยนเป็นห้องทำงานเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อรุ่นพี่ที่เคารพออกปากขอร้องให้มาเผางานช่วย เผางานของกลุ่มเด็กวิศวะคงขาดสิ่งนั้นไม่ได้เลยสินะ...ขวดเหล้า แก้วใบเล็กทำจากวัสดุชั้นดีถูกจับจ่ายไปตามขั้นลำดับความสำคัญที่พวกรุ่นพี่มันคิดขึ้นมาเอง

    “ปี1แดกก่อนครับ” ผมเป็นอันต้องส่ายหน้าเนืองๆ มุขนี้พวกพี่มันเล่นกันมากี่สิบชาติแล้วว่ะ

     

    ปลายดินสอถูกลากผ่านหน้าพื้นกระดาษสีขาว ตัวอักษรพร้อมโครงรูปร่างปรากฎขึ้นฉายความเสร็จสิ้นอีกไม่กี่ชม.หน้าข้างหน้า ใบหน้าหล่อเอียงเอนก้มลงชำเลืองมองเวลาในข้อมือ พรุ่งนี้เรียน10โมง...อีกหน่อยค่อยกลับไปงีบแล้วกัน

    ตัวเลขบนหน้าจอนาฬิกาดิจิตอลบ่งบอกเวลานอนที่นักศึกษาหลายคนคงกำลังนอนแช่ตัวบนเตียงนุ่มอย่างสบายใจ หากแต่มันคงใช้ไม่ได้กับเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนวงเหล้าขึ้นมาเป็นการทำงานสักที เสียงนกร้องในยามท้องฟ้าสดใสช่างดูน่าพิสมัย ในทางตรงกันข้ามความเมื่อยล้าในร่างกายไม่มีผลชื่นชมบรรยากาศรอบกายเหล่านั้นเลย ไหนจะแสงแดดท้อประกายความสว่างตัดกับกลุ่มหมอกควันมืดครึ้มบนฟ้ามืดสลัว

     

    “หัดแบ่งเวลามาปั่นงานบ้างนะครับ ไม่ใช่ดีแต่พากันไปแดกเหล้าหลังมอ” ผมชะงักค้างอยู่กับตัวเลข7 เมื่อไอ้รุ่นน้องปากกล้าพูดลอยๆขึ้นมา ไม่นานนักผมก็หันกลับไปลากปลายดินสอเป็นตัวเลขตัวอื่นตามมา

    “ทำตัวให้สมกับปี1ๆ” สม...ผมคิดในใจ ก้อนยางลบขนาดนั้นปาหัวหมาทันยังร้องเอ๋ง ดูท่าจะเจ็บเอาการอยู่เหมือนกันนะนั้น

    “กูจะฟ้องแม่”

    “แม่มึงก็แม่กูป่ะ”

    หึ...พี่น้องแสนแปลกพ่นคำด่าใส่กันแทบไฟแลบ ฟอร์มเยอะทั้งพี่ทั้งน้องถ้าไม่รักกันจริงคงไม่ตามมาเรียนคณะเดียวกันขนาดถึงนี้หรอก

     

    เสียงเปิดประตูเสียงความสนใจจากผม พี่ปี3ที่อุตส่าอาสาขับรถมอไซต์คู่ใจไปร้านสะดวกซื้อหอบเครื่องดื่มชูกำลังมาให้ นักศึกษาคละชั้นปีละมือจากอุปกรณ์ตรงหน้าก่อนจะพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงกระดกน้ำสีเหลืองผ่านลำคอ ความจริงแล้วผมคิดว่าพวกมันคงอยากล้างปากจากแอลกอฮอล์พวกนั้นมากกว่า

    “เหลืออีกเยอะมั้ยว่ะ” เจ้าของผลงานเอ่ยขึ้น ทำเอาพวกผมอยากโบกกะโหลกพี่มันสักทีสองที งานตัวเองแท้ๆยังมีหน้ามาถามคนอื่นเขาอีก ผิดที่กูเอง...เสือกเป็นสายรหัสพี่มัน

    “ผมไม่ทำแล้วนะพี่ ใบปริญญาใครคนนั้นก็ต้องทำเองดิ” ตอนนี้ผมอยากกราบไอ้คนพูดจากใจ ความคิดเข้าท่าดีหนิ แต่เสียทีคิดช้าไปหน่อยหลงกลพี่มันจนไม่ได้หลับไม่นอนมาขนาดนี้ละ

    “อย่าเยอะ!” เป็นอันว่าจบการสนทนาระหว่างสายรหัส

     

     

    ผมสลัดความเมื่อยล้าที่สะสมมานานหลายชั่วโมงออก มือหนาเอื้อมหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่า งานพี่มันไม่เสร็จแต่ผมกำลังจะแย่เอาหากไม่รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวล้างกลิ่นเหม็นคลุ้งของแอลกอฮอล์ก่อนถึงเวลาเรียนจริง

    บันไดโค้งวนกลายเป็นเอกลักษณ์เด่นประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ บอกใครไปคงมีแต่คนหัวเราะ...ผมเลือกเรียนที่นี้เพราะไอ้บันไดนี้นี้แหละ ผมหลงใหลในโครงสร้างของมันผ่านทวิตที่ถูกแชร์นับพันเมื่อสมัยม.ต้น ผมตั้งปณิธานแน่วแน่และผมก็ทำมันจนสำเร็จจนได้

    “สายแล้วกู” มัวแต่เหมอมองความสวยงามของมันจนละเลยเวลาอันมีค่า ผมรีบเร่งฝีเท้าเพื่อกระชับเวลาให้มากขึ้น ไม่กลัวหากต้องเข้าสายเพราะเพื่อนผมมันคงฉลาดมากพอที่จะเช็คชื่อให้ แต่วันนี้ผมรู้สึกแปลกไป...ผมอยากลงไปถึงข้างล่างให้เร็วที่สุด

     

    วินาทีที่1...“อ๊ะ!!!/เห้ย!!!” ผมคว้าแขนเรียวของเด็กที่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้าตึกคณะ จะรีบไปไหนพ่อคูณห้องเรียนมันไม่ย้ายไปไหนหรอก ผมก้มลงมองคนที่กำลังพยุงตัวเองขึ้น...ใบหน้าน่ารักฉายความสดใสส่งมาให้กับผมตั้งแต่วินาทีแรกที่เผลอไปสบตาเข้า ผมเอ่ยขอโทษแบบไม่รู้ตัวทั้งที่ความจริงแล้วน้องเขาต่างหากที่วิ่งมาชนผมเอง

     

    วินาทีที่13...ถ้าน้องเขาจะคิดว่าผมเป็นคนบ้าก็คงไม่ผิด เพราะทันทีที่คนน่ารักใช้น้ำเสียงแสนหวานขอโทษ ผมกลับยืนยิ้มอยู่แบบนั้น

     

    วินาที20...“เอ๋”

    “โทษทีๆ” รู้ตัวอีกทีผมก็ยกมือเกาท้ายทอยซะแล้ว อาการแบบนี้ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ...ผมกำลังเขิน

     

    วินาที32...ไหล่บางกับไหล่หนาผัสพันธ์กันอย่างไม่ตั้งใจ คนน่ารักสะดุ้งตัวเล็กน้อยเท่าที่ผมสัมผัสได้

    วินาทีที่35...“เดี๋ยวๆ” คนน่ารักไม่มีท่าทีหยุดเดินการเคลื่อนไว ด้วยความกล้าที่มีเพียงน้อยนิดของผมนั้น มือหนากลับฉุดรั้งน้องเขาเอาไว้ นิยามที่ผมเคยได้ยินจากเพื่อนคนอื่นๆย้อนปรากฏเด่นชัดขึ้น...โอกาสมันไม่ใช่อากาศที่จะมีได้ทุกเมื่อ

    วินาทีที่45...ผมปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระ คนน่ารักทำไมถึงเอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้นล่ะ พี่ใจไม่ดีเลยนะครับรู้มั้ย

     

    วินาทีที่50...เอาเถอะลองดูก็คงไม่เสียหาย ผมล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นสายใยที่จะถักทอความสัมพันธ์ของผมกับคนน่ารักต่อไปในวันข้างหน้า อ่า...รับของในมือพี่ไปแบบนั้น พี่คงพอมีหวังแล้วใช่มั้ย

    วินาทีที่59...“จีบนะ”

    วินาทีที่60...“ครับผม”

     

     

    หัวใจดวงน้อยกำลังพองโตอย่างน่าอิจฉา คนตัวโตก้มลงมองโค้ดเนมสุดแสนน่ารักไม่แพ้ใบหน้าเจ้าของมัน เด็กหนุ่มยืนยิ้มเมื่อว่าที่เจ้าของหัวใจออกตัววิ่ง...หวังว่าเขาคงไม่ทำให้คนตัวเล็กนั้นเข้าเรียนสายหรอกนะ

     

    “พี่ชื่อคยูฮยอนนะครับ” ผมกดส่งข้อความแนะนำตัวไปให้น้องเขา ไม่นานมันก็ถูกอ่าน...ผมสั่นไปทั้งตัวไม่เคยรู้สึกตื้นเต้นเท่านี้มากก่อนเลย แต่แล้วความหวังทั้งหมดมันกลับพังทะลายลง...คนน่ารักอ่านไม่ตอบ

     

    ผมเก็บเครื่องมือสื่อสารพร้อมกับหัวใจที่กำลังห่อเหี่ยวลงชั่วพริบตา กลับห้องไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน...โจวคยูฮยอนเอ๊ย มอไซต์คู่ใจที่ผมเกือบไม่ได้รับอนุญาตจากคุณปู่ให้เอามันมาร่วมชะตากรรมในรั้วการศึกษาด้วย ผมคงเผลอระบายอารมณ์เลวร้ายเกินกว่าที่มันจะรับได้...สตาสไม่ติด

     

    จะปล่อยน้องเขาไปหรือจะลองดูสักครั้ง ประโยคที่วนเวียนในหัวสมองผมกลับไปกลับมารวมชั่วโมง ผมนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างหมดอาลัยตายอยาก เจอคนถูกใจทั้งทีทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้ว่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนน่ารัก...โจวคยูเสียใจ

    “อื้ม หรอ...โอเค” ในความโชคร้ายก็ยังอุตส่าแทรกความโชคดีเข้ามาให้ วันนี้อาจารย์งดคลาส...ผมเด้งตัวขึ้นจากเตียงพลางดีดนิ้วให้กับความคิดของตัวเอง

     

    ไม่นานนักเจ้ามอไซต์คู่ใจของผมก็พาผมพุ้งทะยานมายังจุดหมายสำนักทะเบียนนักศึกษา เกิดมาไม่เคยเจอใครเหมือนเธอ ตั้งแต่ได้เจอฉันหัวใจที่เคยมีฉันมอบให้เธอเพียงคนเดียว

    “มึง ช่วยไรกูหน่อย” ผมโผล่หน้าผ่านช่องกระจกที่ถูกเปิดออกเพียงครึ่ง เพื่อนต่างคณะทำหน้างงเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ผม

    “เห้ย!เอกสารราชการ” เสียงคัดค้านจากมันไม่มีผลต่อผมเลยในวินาทีนี้ ผมไล่เปิดเอกสารประวัติของนักศึกษาทีละคณะอย่างใจจดใจจ่อ นักศึกษาชั้นปีที่1 จำนวน6000กว่าคนถ้าเทียบกับหัวใจของคนน่ารักแล้วมันจิ๊บจ้อยมาก

     

    อีซองมิน...คนใจร้าย

     

     

    ผมย้อนกลับเข้ามาคณะอีกครั้ง หวังว่าคนใจร้ายยังไม่หมดคาบเรียนนะ ขาผมหยุดชะงัก...แล้วผมจะจีบร้องเขายังไงดี จีบมันต้องเริ่มจากตรงไหนปัญหาใหญ่กำลังเข้าเล่นงานผมซะแล้ว

    “สอนกูจีบคนใจร้ายหน่อย”

    “วันนี้มึงกินยาไม่เขย่าขวดหรอว่ะ”

    “ขอร้องล่ะ” ผมอ้อนวอนเพื่อนรักอย่างสุดชีวิต

    “เหล้า3ลัง” ของฟรีไม่มีในโลกผมเพิ่งเข้าใจมันท่องแท้ก็คงวันนี้แหละ

     

    หลังจากเพื่อนในกลุ่มระดมมันสมองเพื่อช่วยผมพิชิตศึกหัวใจครั้งแรกในชีวิตจบลง พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอซองมินเดินผ่านบันไดในตึกเรียน ป้ายผ้าดิบตัวอักษรโคตรหยาบถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูรูปหัวใจลายเส้นเด็กประถม กำลังรอเวลาให้เจ้าของที่แท้จริงได้เห็นมัน

    “มือสั่นว่ะ” เพื่อนผมขำพรืดออกมาแทบทันที เพราะไม่มีครั้งไหนที่ผมขาดความมั่นใจในตัวเองเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ยอมสยบเธอเพียงวินาทีแรกที่ได้พบสบตา

    “ใครมันจะเชื่อใจเด็กวิศวะอย่างเราว่ะ มึงก็รู้กิตติศักดิ์อันโด่งดังของคณะเรามันไปไกลแค่นั้น” นั้นสินะ...คนน่ารักเลยไม่ยอมตอบไลน์ผมกลับมาสินะ

    “คนนั้นป่ะ มาแล้วๆ” ผมสลัดความคิดไม่เข้าท่าออก เพื่อนยกมือเป็นสัญญาณเตรียมพร้อมให้กับผมจากตึกเรียนชั้น2 เอาว่ะ...เป็นไงเป็นกัน

     

    คนใจร้าย ผมอยากตบปากตัวเองให้เลือดกลบก็คงคราวนี้แหละ สาบานว่านี้คือวิธีการจีบของผม

    รู้ชื่อผมแล้ว...ไม่ทราบว่าผมใจร้ายตรงไหนครับ ถ้าไม่รักกันโปรดอย่าส่งสายตาแบบนั้นมาเลย ผมยกมือเกาท้ายทอยรอบที่สองของวัน อ่า...เด็กบ้าทำอะไรก็ดูน่ารักไปซะหมด

    ไปทานข้าวกันเถอะ พี่นั่งรอเราตั้งสามชั่วโมงแหนะ  เสียงโห่แซวจากด้านหลังทำเอาผมอยากมีเวทมนต์เสกให้เราสองคนหายไปจากบริเวณแถวนี้ แต่ถึงยังไงถ้าไม่มีพวกมันผมคงไม่ใจกล้าด้านหน้าทำเรื่องแสนเลี่ยนพิชิตใจคนน่ารักหรอก

    โจวคยูฮยอนขอจีบอีซองมินอย่างเป็นทางการได้มั้ยครับ

     

     


              หยาดน้ำที่กำลังล่วงหล่นมาจากม่านฟ้าไม่อาจขีดกั้นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละนิดได้ คนตัวโตสละเสื้อช็อปอันมีค่าขึ้นบดบังความหนาวเย็นจากเม็ดฝนให้คนตัวเล็ก ใบหน้าหวานยิ้มสู้สภาพอากาศในยามนี้ มันช่างกระชากหัวใจที่เหลือเพียงน้อยนิดของรุ่นพี่ต่างคณะไม่ให้เหลือพอได้เอาไปซูบฉีดเลือดในร่างกาย

    “ขอโทษนะ” ผมเอ่ยออกมาเบาเบา ราวกับว่าตอนนี้ผมกำลังทำให้ซองมินลำบากเพราะความดื้อรั้นของผม

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมว่าแบบนี้มันก็โรแมนติกดีนะ”

    “หึ” คนน่ารักมักมองโลกในแง่ดีเสมอ ผมหัวเราะพลางมองปริมาณน้ำฝน ท่าทางอีกนานกว่าจะหยุดตก

     

    “ซองมิน”

    “หื้อ” น้องสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ผม เด็กบื้อเอ๊ย!

    “รู้มั้ยบรรยากาศแบบนี้คู่รักเขาทำอะไรกัน” ผมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างนึกแกล้ง ใบหน้าใสซื่อกับหัวใจอันบริสุทธิ์ที่โอบล้อมความรักของเราไว้ ผมชักอยากลองครอบครองมันอีกครั้งซะแล้วสิ

    “ไอ้ทะลึ้ง” ฮ่าๆคนน่ารักมองเกมส์ออกก่อน...ผมรู้สึกเสียดายจังกะว่าจะแกล้งให้ได้เขินเล่นสักหน่อย

     

     

    เมื่อฝนเริ่มซาลงผมกับน้องเลยตัดสินใจใช้เท้าเปล่าเป็นยานพาหนะซะเลย หากมัวรออากาศเป็นใจวันนี้ทั้งวันผมคงโดนเพื่อนแซวแน่

    “ไปรับกันอีท่าไหนว่ะ นานซิบหาย” ผมคิดแล้วไม่มีผิด

    “ฝนมันตก พวกมึงมันจันไร”

    “ทำเป็นพูดดี” ลุงรหัสปี4ตัวดี ที่ไหว้วานพวกเรามาช่วยเผางานอีกรอบก่อนจบเดินเข้ามากระซิบใส่ผม เอ้อ...ผมยอมรับก็ได้เรามีอะไรกันสองครั้งแล้วและก็ใช้ที่นี้แหละเป็นเรือนหอ

    “ผมไปนั่งตรงนั้นนะ” ซองมินหน้าแดงเกินกว่าที่ผมคิดแฮะ น้องขอตัวหลีกหนีการถูกแซวทางสายตาของเหล่าเด็กวิศวะ

     

     

    อาจจะฟังดูไวไฟไปหน่อยแต่ทุกการกระทำที่เกิด ผมและน้องเรามีสติครบถ้วนกับเรื่องที่เกิดขึ้นแถมเราทั้งสองยังมีความสุขกับมัน คนน่ารักเดินหยิบเสื้อช็อปของผมสลัดละอองน้ำออกก่อนจะเดินเอาไปพาดไว้ริมระเบียงบ้าน สิ่งเล็กน้อยที่เราทำให้แก่กันมันล้วนทอสายใยรักของเราให้หนาขึ้น

    “ขอบคุณครับ” คำขอบคุณที่ผมแอบพูดมันเบาๆทุกครั้งที่น้องทำสิ่งดีๆให้กับผม ผมยอมรับว่าผมติดน้องมาก...ผมรู้สึกไม่อยากอยู่ห่างน้องเอาซะเลย คนน่ารักเลยออกความเห็นว่า “งั้นผมจะอยู่ทุกๆที่ที่พี่ไปนะครับ”

    ระยะห่างของขนตาเส้นงอนยาวเป็นแพรับกับพวงแก้มของคนที่กำลังแอบอู้ ซองมินเผลอหลับทั้งๆที่ด้ามปากกาหลากสีค้างคามือ ผมหยิบมันออกพลางวางผ้มห่มลงบนตัวน้อง จูมพิตเบาๆเป็นการกล่อมในอีกคนหลับฝันดี ผมยืดตัวขึ้นเดินกลับเข้าวงเผางานปนวงเหล้า(?) เพราะผมไม่อยากถูกพวกขี้แซวจ้องมองเหมือนกำลังรอของดีอะไรประมาณนั้น

     

     

    “อาบน้ำไปเรียนได้แล้วครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ใบหน้าหวานงัวเงียให้กับความง่วง น้องยู้หน้าใสผมเหมือนดังเคยกลิ่นเหล้าที่น้องบอกเหม็นนักเหม็นหนาคงลอยปะทะจมูกโด่งรั้นนั้น

    “อีกแปปนะ” ยู้หน้าใส่เขาแต่ก็เอาหน้ามาซุกเขา อีซองมินคนบ้าบอ...ผมเอื้อมมือลูบเส้นผมที่พันกันได้ที่เพราะตัวเจ้าไม่คิดจะจัดมันให้เข้าทรง

    “ถ้าสายพี่ไม่รู้ด้วยนะ”

    “ช่างมันดิ”

    “พี่ชอบลักหลับเด็กดื้อนะรู้เปล่า”

    “ลามก” คนน่ารักผละหน้าออกก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ผม น้องรีบวิ่งคว้าผ้าเช็ดตัวที่ผมแอบเตรียมไว้ให้เข้าห้องน้ำบ้านลุงรหัสไป ท่าทางจะยังไม่ชินฮ่าๆ

     

     

    คนตัวเล็กก้าวเดินตามเส้นสีขาวริมทางของถนนที่ทอดผ่านให้ผู้คนสัญจรไปยังจุดหมาย ใบหน้าสดใสก้มลงมองมันทีละก้าวอย่างตั้งใจ อีกคนค่อยๆประทับรอยเท้าใหญ่ตามรอยที่ยังคงอุ่นเพราะฝ่าเท้าเล็กนั้น ทุกครั้งที่ซองมินล้มเขาจะเป็นคนเข้าไปพยุงขึ้นมาเอง หากครั้งไหนที่เขาล้มลง...เขาจะรีบลุกขึ้นทันทีไม่ให้อีกคนได้เห็นมัน

    “คูยอนนนนนนนน คยูๆ คูยอนนนนนนนน” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่กำลังปะปนผ่านอากาศนั้นทำเอาคนตัวโตยิ้มไม่หุบ

    “บอกให้เรียกพี่ไง”

    “คูยอนนนนนนน”

    “เดี๋ยวเถอะ” ผมส่ายหน้าให้กับความแสนดื้อของอีกคน

    “รักนะ” อ๊ะ...รู้สึกตัวอีกทีคนน่ารักก็วิ่งออกตัวนำหน้าผมไปก่อนแล้ว หากแต่ความรู้สึกอุ่นๆที่ยังคงไม่จางหายนั้นกำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งริมฝีปากผม...แค่นี้พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้วครับ...อีซองมิน

     

     
     


    END











    Talk...

    รอนานมั้ยเอ่ย?555ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
    จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน
    (อาจจะแซะบางบ้างทีค่อยว่ากัน)
    ในมุมของคยูอยอนทำเอาความเสี่ยวหายไปหมดเลย
    นางจีบสาว(?)ไม่เป็น555
    ไม่รู้อ่า...แต่งไปก็เขินไป บิดตัวจนเมื่อยล่ะเนี่ย
    หวังว่าจะชอบกันนะคะ ^_^

    เม้น=กำลังใจ

    @pooyfaizera
    ติดตามข่าวสารและเม้าส์มอยกันได้น้า

     



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×