คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3
ตอนที่ 3
เย็นวันนั้นร่างสูงรู้สึกโมโหตัวเอง เธอไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเธอต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้หญิงคนนั้นถึง 2 ครั้งด้วย แล้วทั้งสองครั้งนั้นก็ทำให้เธอเจ็บตัวทั้งนั้น เด็กสาวร่างสูงขึ้นรถเมล์ไปที่โรงพยาบาลใกล้ๆโรงเรียนเพื่อเย็บแผลที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ปกติหากแผลยังใหม่อยู่แล้วมาเย็บจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเพราะจะชาๆ แต่นี่หัวแตกแล้วรอจนถึงเย็นค่อยมาเย็บ สร้างความเจ็บปวดให้เด็กสาวร่างสูงอย่างหาไม่ได้
“เจ็บ!!” เธอแผดร้องออกมาขณะที่หมอกำลังเย็บแผล
“อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วครับ ทนหน่อยนะ” หมอหนุ่มกล่าวก่อนจะลงมือเย็บแผลของเธอต่อ
กว่าเธอจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ และแม่ของเธอก็ยังไม่กลับบ้านอีกตามเคย
“ ว้าย!!คุณหนูของป้า เป็นอะไรค่ะ หัวแตกเหรอค่ะ?” ป้าแดง รีบวิ่งเข้ามาหาซีนเมื่อเห็นซีนเดินมาเข้ามาในบ้านและที่หัวมีผ้าก๊อตสีขาวพันอยู่รอบ
“อือ ไม่เป็นอะไรหรอก ซีนจะขึ้นห้องแล้ว” ซีนกล่าว แล้วเดินขึ้นห้องไป
ด้วยความอ่อนเพลีย
ยิ่งเจ็บแผลเท่าไหร่ ก็ยิ่งแค้นตัวเอง แค้นผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกประหลาดๆนี่ขึ้น ..ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยแม้แต่สักครั้งที่จะเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ไม่เคยสักครั้งที่เอาตัวเองเข้าไปช่วยคนอื่นจนต้องได้บาดแผลมาอย่างครั้งนี้ ทำไมกัน?
แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างของห้องนอน ทำให้เด็กสาวร่างสูงโปร่งที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราสะดุ้งตื่นทันที
ด้วยความเจ็บที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณศรีษะของเธอ ทำให้เธออดที่จะร้องออกมาไม่ได้
“โอย!!” ไ ม่รู้ปากแผลจะปริหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเด็กสาวร่างสูงโปร่งคนนี้ก็จะต้องเจ็บตัวซ้ำสองเป็นแน่ หากแผลติดเชื้อ ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่
“คงไม่เป็นอะไรหรอกนะ” เด็กสาวร่างสูงคิด เธอเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำกิจวัตรประจำวันเหมือนทุกๆวัน
เมื่อเสร็จกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของเธอ เด็กสาวร่างสูงก็เดินลงมาข้างล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้า
“หัวไปโดนอะไรมา” ไม่ทันที่เธอจะได้นั่งดี ผู้เป็นแม่ก็ถามเธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“หกล้ม” เด็กสาวร่างสูงตอบ ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้า
“หึ! หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วล่ะสิ อ้อ! ฉันลืมซะสนิทเลย เมื่อวันศุกร์แกไปทำอะไรมาอีกล่ะ ? อาจารย์ที่โรงเรียนโทรมาบอกฉันว่าแกไม่ได้อยู่ในคาบเรียน 4 คาบสุดท้าย” ผู้เป็นแม่จ้องหน้าบุตรสาวของตนไม่ละสายตา
“........” ไม่มีคำพูดใดใด รอดออกมาจากปากของเด็กสาว
“ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่ให้แกย้ายโรงเรียน อยู่โรงเรียนเก่าก็คงคบแต่เพื่อนแย่ๆสินะ ถึงได้พากันทำอะไรสถุลๆแบบนี้”
ซีนได้แต่นั่งเงียบ หากปริปากพูดอะไรออกไปในยามที่แม่กำลังโกรธแบบนี้ เธอรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไร ...น้ำน้อยมันย่อมแพ้ไฟอยู่วันยังค่ำ
“เอาล่ะ แกอยู่เกรด10 ห้อง 4 ในสายชั้นของโรงเรียนใหม่แกมีอยู่ด้วยกัน 10 ห้องเพราะฉะนั้นแกจงสำนึกไว้ซะ ว่ากว่าฉันจะใช้เงินฝาดหัวอาจารย์ใหญ่โรงเรียนแกให้แกได้อยู่ห้อง 4 น่ะมันยากแค่ไหน เงินมันหายาก ตั้งใจเรียนแล้วหัดทำให้ฉันชื่นใจบ้าง ไม่ใช่วันๆก็มีแต่เรื่องๆให้ฉันปวดหัวจนจะเป็นบ้าตายอยู่อย่างทุกวันนี้” ผู้เป็นแม่พูดรัวและเร็ว
“ซีนจะไปแล้ว สวัสดี” เด็กสาวร่างสูงโปร่งเบื่อกับการที่เธอจะต้องมานั่งฟังแม่บ่นก่อนไปโรงเรียนอย่างนี้ ในเมื่อเถียงไม่ได้ ก็ลุกหนีเสียเลย
ซีนลุกขึ้นยืนกล่าวคำบอกลาแม่ และไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ตามทำเนียมของลูกที่ปฏิบัติมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล
ชิชนนท์ คนขับรถที่วันนี้มีหน้าที่ไปส่งเธอที่โรงเรียนทักเธออย่างอารมณ์ดี
“คุณหนู จะไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ”
“ใช่” สิ้นคำตอบ ลุงคนขับรถเปิดประตูหลังให้เธอขึ้นนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับแล้วเคลื่อนรถออกจากบ้านอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ซีนลงจากรถ และเดินเข้าไปในโรงเรียนโดยมีสายตาของนักเรียนหญิงเกือบทุกคนที่เธอเดินผ่านจับจ้องมาที่เธออย่างชื่นชม
‘คนอะไร หน้าตาดีขนาดนี้เนี่ย’ เด็กสาวหลายคนคิดอย่างนี้
แต่ตรงกันข้าม เด็กชายหลายๆคนมองเธอด้วยสายตาเกลียดชัง
“อย่าหนีสิหยิน มาให้จับซะดี ฮ่าๆ!” เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งไล่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ผิวขาดเนียน ตะโกนขึ้น
“ไม่เอา ! ไม่เล่นนะไอซ์ ฉันไม่เล่นอย่าตามมา! อุ๊บ!” สิ้นเสียงของเด็กผู้หญิงคนที่กำลังวิ่งหนีเพื่อน เธอก็พบว่าเธอชนเข้ากับอะไรสักอย่าง ด้วยแรงปะทะที่เธอวิ่งมาด้วยความรวดเร็วทำให้ร่างของเธอและสิ่งที่เธอชนนั้นล้มไปกองที่พื้นพร้อมกัน
รู้สึกตัวอีกทีเธอก็พบว่าร่างของเธอกำลังนอนทับอยู่บนร่างของใครบางคนที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ..เพราะแรงสะเทือนเมื่อครู่ จึงทำให้แผลของเด็กสาวร่างสูงปริ
เด็กสาวคนที่เป็นต้นเหตุในการชนครั้งนี้ถึงกับผงะไปชั่วครู ด้วยความตะลึง ..
กับใบหน้าของคนที่เธอกำลังนอนทับอยู่นี่ ..เหมือนว่าหัวใจของเธอกำลังตีรวนคล้ายกับกลองชุด คนๆนี้ คนที่เธอนอนทับอยู่นี่มีใบหน้าเนียนขาว จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียว ดวงตาลึกล้ำน่าค้นหา ผมที่ซอยถึงแค่บ่า คิ้วเข้มๆที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ
“ขะ ขอโทษ” เสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินดังออกมาจากปากเธอ
“เล่นอะไรกัน? ปัญญาอ่อนหรือไง?” ร่างสูงที่ถูกนอนทับผลักตัวของเด็กสาวที่นอนทับเธออยู่ออก และแทนที่จะตอบกลับมาด้วยคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ เด็กสาวร่างสูงที่ถูกชนกลับตอบกลับไปอย่างดูแคลน
“อะไรกันครับ นี่เพื่อนผมเค้าไม่ได้ทำให้คุณล้มหัวแตกซะหน่อยนะ” เด็กผู้ชายคนที่เป็นฝ่ายไล่ตามเด็กหญิงร้องขึ้น
“แล้วยังไง? นี่มันโรงเรียนไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่พวกเธอจะมาวิ่งซุ่มสี่ซุ่มห้าอย่างนี้” ร่างสูงกล่าวเสียงราบ ตอนนี้ร่างสูงไม่ได้หันหน้าไปมองเด็กผู้ชายคนนั้นเลย
ดวงตาของร่างสูงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กผู้หญิงคนที่ชนเธอเมื่อครู่ต่างหาก เพิ่งสังเกตว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ น่ารักทีเดียว ทั้งหน้าตา กริยาท่าทาง แต่ด้วยเวลาหน้าบึ้งเพราะคงจะโกรธที่โดนร่างสูงตำหนิไปอย่างนั้น
ร่างสูงพินิจอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ส่วนเด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกลับเช่นกัน
“ฉันขอโทษค่ะ ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษแล้วก็น่าจะให้อภัยกันได้ไม่ใช่เหรอค่ะ?” เด็กสาวตัวเล็กกล่าวขึ้นเสียงแข็ง
“แล้วนี่ เห็นไหม? อะไร? เธอทำให้ฉันเลือดออก” ร่างสูงบิดข้อมือของเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเธอ(มาก) อีกมือหนึ่งชี้มาที่ศีรษะของตนที่ตอนนี้เลือดไหลซิบๆ
“โอ๊ย ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” เด็กสาวคนตัวเล็กกว่า ร้อง
“ฉันก็ไม่ได้อยากจับนักหรอก แค่จะทำให้เธอเห็นว่าเจ็บน่ะมันรู้สึกยังไง” ร่างสูงกล่าวอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าตน
“คุณ! ปล่อยมือจากเพื่อนผมเดี๋ยวนี้เถอะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว” เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆเด็กผู้หญิงกล่าว
ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มที่มุมปาก
“แฟนนายหรือไง ถึงได้เป็นห่วงเป็ใยกันขนาดนี้น่ะ?”
“ปะ เปล่า แต่ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนผม ปล่อยเธอ!” เด็กชายตอบเสียงตะกุกตะกักในตอนแรก
ร่างสูงพอจะเดาได้รางๆ ว่าเด็กชายคนนี้คงจะชอบเด็กหญิงคนนี้แน่ๆ เห็นแก่เด็กชายร่างสูงจึงคลายข้อมือของเด็กหญิงคนนั้น
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าหยิน? ดูสิข้อมือแดงหมดเลย” เด็กชายกล่าวพลางลูบๆที่ข้อมือของเด็กหญิงอย่างเบามือที่สุด
“ไม่ละไอซ์ ไม่เจ็บแต่ตอนนี้อารมณ์เสียมากกว่า!” เด็กหญิงตัวเล็กกล่าว
คนตัวเล็กพยายามพูดเสียงดังๆเพื่อให้ร่างสูงที่กำลังเดินจากไปได้ยินชัดๆ
ร่างสูงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความไร้เดียงสาของเด็ก
ยังไงก็ดีกว่าเดินหาเอาเองละมั้ง โรงเรียนออกจะใหญ่ขนาดนี้นี่นะ..เด็กสาวร่างสูงที่เป็นฝ่ายถูกถามคิด ก่อนจะเปิดปากพูดออกไป
“ฉันอยู่เกรด 10 คลาส 4 ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน” พูดแค่นี้ พวกเด็กหญิงกลุ่มเดียวกับเด็กสองเปียก็รีบวิ่งเข้ามาจูงมือซีนกันยกใหญ่
เด็กสาวพวกนั้นนำซีนไปที่อาคารสีขาวหลังเมื่อวานที่ซีนเดินมาสำรวจแล้วหัวแตกเพราะช่วยผู้หญิงคนนั้นไว้
เด็กผู้หญิงผมเปียสองข้างเอ่ยขึ้น เมื่อนำซีนมาถึงห้อง
“ถึงแล้วค่ะ พี่ซีน” เธอกล่าวแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อน
“หนูชื่อตูนค่ะ อยู่เกรด 8 ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เด็กสาวเจ้าของผมเปียกล่าว
“อืม” ซีนตอบ แล้วพยักหน้าเบาๆก่อนจะหันไปสนใจห้องเรียนของใหม่ของเธอ
“พี่ซีนรู้แล้วว่าห้องอยู่ไหน งั้นพวกหนูไปก่อนนะค่ะ บ้ายบายค่ะ” เด็กหญิงผมเปีย และเพื่อนๆของเธอโบกมือบ้ายบายซีน แล้ววิ่งลงจากอาคารนี้ไป
เด็กสาวร่างสูงเจ้าของผมซอยประบ่า เดินเข้าไปในห้องเรียนใหม่ของเธอ
และแล้วเมื่อเธอกล่าวไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู สายตาของเด็กผู้หญิงที่อยู่ในห้องหลายๆคนก็จับจ้องมาที่ร่างสูง
“กรี๊ดดด!!! น่าร๊ากกกก ชื่ออะไรค่ะๆ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาซีนก่อนเป็นคนแรก
จากนั้นก็ตามมาด้วยผู้หญิงคนอื่นๆวิ่งเข้ามารุมล้อม เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่โรงเรียนเดิมก็มีเด็กผู้หญิงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกันมาตามจีบเธอเป็นพัลวันอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าเด็กผู้หญิงโรงเรียนใหม่ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษาอย่างนี้จะให้ความสนใจในตัวเธอ
“ชื่ออะไรเหรอค่ะ” หนึ่งในผู้หญิงที่มารุมล้อมเธอกล่าวขึ้น
“ซีน” ร่างสูงตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“กรี๊ด ชื่อเท่จังเลย”
ความวุ่นวาย ทำให้เด็กสาวร่างสูงเกิดความรำคาญ เธอจึงเลือกที่จะมองหาที่นั่งว่างๆแล้วรีบเดินออกมาจากฝูงคนที่มารุมล้อมเธอ
ซีนวางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตัวหนึ่ง แล้วเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจเสียงเรียกชื่อเธอจากเด็กผู้หญิงพวกนั้น
“ธะ เธอ เลือด!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเดินสวนกลับซีนก่อนจะถึงแถวทักขึ้น เด็กสาวร่างสูงจึงนึกได้แล้วรีบเอามือกุมหัวตัวเองทันที เพราะเมื่อเช้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องแผลที่เพิ่งไปเย็บมา เลยไม่ได้บอกให้ป้าแดงดูแลทำความสะอาดและพันผ้าก๊อตให้ ตอนนี้เลือดมันเลยไหลอีก...ปากแผลคงปริแล้ว
ซีนไม่รอช้ารีบวิ่งไปห้องพยาบาลของโรงเรียน
“เป็นอะไรมาเนี่ยเธอ ไหนครูดูหน่อยสิ” เมื่อครูพยาบาลเห็นเด็กสาวร่างสูงวิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลก็รีบเดินไปดูทันที และต้องเอามือปิดปากเมื่อเห็นแผลที่หัวของเด็กสาวร่างสูงปริออก มีเลือดไหลไม่หยุด
“แผลเธอมันปริแล้ว เพิ่งจะเย็บมาใช่ไหมเนี่ยแล้วทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองเลยล่ะ เฮ้อ!!” ครูพยาบาลกล่าว ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ของห้องพยาบาล แล้วเดินออกมาพร้อมกับเครื่องมือเย็บแผล
เด็กสาวร่างสูงได้แต่มองครูพยาบาลอย่างหวาดๆ ถ้าเป็นหมอเธอคงจะไม่กลัว แต่นี่เป็นครู!!??
“ไม่ต้องห่วง ครูน่ะเรียนจบพยาบาลสี่ปีมานะจ้ะ ครูเย็บเป็นน่ะเรื่องแค่นี้สบายมาก อ๊ะ!! นั่งเฉยๆล่ะ” ครูพยาบาลรีบบอกเมื่อเห็นสีหน้าหวาดของซีน
ได้ยินดังนั้นเด็กสาวร่างสูงจึงค่อยโล่งใจและนั่งตัวเกร็งเพื่อรับความเจ็บปวดจากการเย็บแผลสดอีกครั้ง
เจ็บกว่าเมื่อวานหลายเท่านัก!!!
“โอ้ย!!” ซีนร้องออกมาเสียงดัง
“อีกนิดเดียวนะ” ครูพยาบาลบอกพร้อมกับลงมือเย็บต่อไป
ซีนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงด้าย ดังฟืดผ่านไปผ่านมาอยู่ที่หน้าผากของเธอ ซีนกัดฟันกรอดๆเพื่อระงับความเจ็บ ไม่นานนักภาระกิจการเย็บแผลก็เสร็จสิ้น ครูพยาบาลให้ยาแก้ปวดและยาแก้อัพเสพ ยังกำชับกับซีนอีกว่าให้ซีนกินยาทุกวันจนกว่ายาหมดจะได้ไม่ปวดแผลและแผลจะได้ไม่เกิดการติดเชื้อ
“เธอต้องบอกให้ที่บ้านเค้าทำแผลให้เธอทุกๆวันนะ หรือถ้าลำบาก็มาที่นี่ทุกเช้าก็ได้ ครูว่างน่ะ” ครูพยาบาลบอกแล้วกลับไปในห้องพักผ่อนของตน
เวลา 08.30 กิจกรรมที่แถวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซีนไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะเธอมาเย็บแผลที่ห้องพยาบาล ซีนเดินดุ่มไปทางอาคารสีขาวที่ตัวเองอยู่แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองของอาคาร หยุดก้าวขาที่หน้าห้อง เกรด 10 คลาส 4 ซึ่งเป็นห้องเรียนใหม่ของเธอ
อาจารย์ยังไม่เข้าสอน ที่นี่เริ่มเรียน 09.00 น. ตรง
“กรี๊ด!!!นั่นซีนนี่ ไม่เห็นมาเข้าแถวเลยนึกว่าหนีกลับบ้านไปซะแล้ว” แก้ว..เพื่อนหญิงคนที่เมื่อวันอาทิตย์ได้เห็นซีนแล้วกล่าวขึ้นเสียงดัง
ทำให้เพื่อนๆผู้หญิงที่นั่งอยู่แถวนั้นหันมามองซีนกันเป็นตาเดียว เด็กสาวร่างสูงรู้สึกอึดอัดและหน่ายใจเมื่อมีคนมายุ่งวุ่นวายกับเธอ
“ที่หัวซีนมีผ้าก๊อตพันแผลอยู่ด้วยเธอ!! ซีนเป็นอะไรน่ะ” ป่านเด็กสาวอีกคนที่ก็เห็นซีนเมื่อวันอาทิตย์หันไปกล่าวกับ ‘นิ้ง’ ...แน่นอนนิ้งเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เห็นซีนเมื่อวันอาทิตย์
“หัวแตกไง เมื่อวันอาทิตย์จำไม่ได้เหรอ เค้ารับยัยเกรซไว้นี่” นิ้งหันไปบอกป่านเบาๆ ...แต่นั่นก็ดังพอที่จะทำให้ซีนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกนั้น ได้ยินด้วย
‘เกรซ’ ยัยซุ่มซ่ามคนนั้นชื่อเกรซ งั้นเหรอ? เด็กสาวร่างสูงคิด
เธอคิดว่าพวกนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เธอเองไม่ควรที่จะมายืนฟังพวกผู้หญิงชอบเม้าส์พูดอย่างนี้ เด็กสาวร่างสูงจึงเดินมองหาโต๊ะของตัวเองที่ตอนเช้าได้นำกระเป๋ามาวางจองไว้เรียบร้อยแล้ว ซีนมองไปยังโต๊ะตัวที่เธอนำกระเป๋ามาวาง แล้วก็ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะทันที เนื่องจากโต๊ะตัวข้างๆโต๊ะเธอที่ตอนเช้ายังไม่มีใครมานั่ง บัดนี้กลับมีเด็กสาวเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ผมยาวสลวย หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักนั่งอยู่ เด็กสาวคนนั้นคงไม่ได้สังเกตซีนเพราะเธอกำลังก้มหน้าก้มหน้าทำอะไรบางอย่างอยู่
เด็กสาวคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ‘เกรซ’
ซีนยิ้มที่มุมปากอย่างไร้เหตุผล แล้วเดินไปนั่งที่ของตัวเอง
เด็กสาวเจ้าของหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังอ่านบทความภาษาดัสอยู่รู้สึกเหมือนมีแรงกระทบระหว่างโต๊ะ จึงเงยหน้าขึ้นช้าๆและภาพคนที่นั่งอยู่ข้างๆโต๊ะเธอกลับทำให้เธอนิ่งงันอยู่ซะอย่างนั้น นานสองนาน
“เป็นอะไรน่ะ?” เด็กสาวร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นเด็กสาวเจ้าอีกคนทำหน้าตกใจราวกับเห็นผี
“ปะ เปล่าค่ะ เอ๊ะ!! คุณทำแผลมาแล้วเหรอค่ะ?” เกรซเอ่ยถามแล้วจ้องมองไปที่ผ้าก๊อตที่พันอยู่รอบศีรษะซีน
“อืมใช่” ซีนตอบ
“ขอโทษนะค่ะ ฉันทำให้คุณเจ็บตัวมาสองครั้งติดกันแล้ว เรื่องเมื่อวันศุกร์ฉันขอบคุณ คุณมากนะค่ะ ...คุณ เอ่อ??”
“ซีน” ซีนเอ่ยชื่อตัวเองเสียงแผ่วเบา
“ค่ะ ซีน คุณเพิ่งย้ายมานี่ค่ะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้นะค่ะ” เกรซพูดแล้วยิ้มอย่างจริงใจให้เด็กสาวร่างสูง สายตาของเด็กสาวยังไม่ละออกจากใบหน้าของเด็กสาวร่างสูง ใบหน้านี้ช่างงดงามเหลือเกินเหมือนดั่งเทพบุตรบนสวรรค์ก็มิปราน...
ความคิดเห็น