คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER2
ตอนที่ 2
“แม่เรียกซีนมามีอะไรเหรอ?” ซีนถามผู้เป็นแม่พร้อมทั้งทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สุดหรูที่ห้องรับแขก
“ฉันจะให้แกย้ายโรงเรียน” สิ้นประโยค เด็กสาวร่างสูงดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจอยู่ครู่นึงแล้วสีหน้าก็กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม ทำให้ผู้เป็นแม่สงสัยยิ่งนัก
“แกไม่คัดค้านหน่อยหรือไง แกเองก็อยู่โรงเรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้วนี่ นี่ฉันจะให้แกย้ายไปอยู่โรงเรียนสหฯ นะ”
“ถึงซีนคัดค้านแต่ถ้าแม่ตัดสินใจ คัดค้านไปมันก็ไม่เป็นผลใช่มั้ย” ซีนให้เหตุผลที่เธอไม่คัดค้าน ผู้เป็นแม่นั่งเงียบ
“แกเหมือนพ่อของแกจริงๆซีน ทั้งหน้าตา กริยาท่าทางหรือแม้แต่คำพูดคำจา ฉันพยายามจะลบพ่อแกออกไปจากความทรงจำแต่แกเป็นเครื่องย้ำเตือนให้ฉันคิดถึงพ่อแก เอาเถอะที่แกพูดมันก็ถูกแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ พรุ่งนี้จะให้นนท์ขับรถไปส่งแกที่โรงเรียนใหม่”
“พรุ่งนี้?” ซีนถามด้วยความตกใจ
“ใช่พรุ่งนี้วันอาทิตย์ แกจะได้ไปสำรวจโรงเรียนใหม่ก่อนย้ายไปเรียนจริงๆในวันจันทร์”
แม่ของเธอตอบก้มหน้าเอามือมาประสานกันที่ตักแล้วเหม่อมองด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ซีนไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ใกล้ๆผู้เป็นแม่ต่อไป เธอรีบเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองที่มีทุกอย่างครบครันไม่ต่างจากคอนโดหลังย่อมๆ
ติ๊ดๆๆๆๆๆ ซีนรีบกดโทรศัพท์หาชีสทันทีที่ถึงห้อง
“หวัดดี ชีสพูดสาย” ชีสรับทันที
“ฉันจะต้องย้ายโรงเรียนแล้ว” ซีนกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“อะ อะไรน่ะ พูดเล่นใช่มั้ย?” ชีสถาม พูดเสียงดังแสดงความตกใจ
“พูดจริง แม่ฉันเพิ่งบอกเมื่อกี้”
“แต่เราอยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลแล้วนะ” ชีสกล่าวน้ำเสียงนิ่งงัน
“นั่นสิ อยู่ดีๆแม่ก็บอกฉันว่าฉันจะต้องย้ายโรงเรียนวันจันทร์แล้ว” ซีนกล่าว
“เข้าใจว่าแม่แกน่ะ ร้ายกาจแค่ไหน!” ชีสพูดเสียงดัง
“นั่นสินะ เค้าเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แค่นี้ละนะ บาย”
ปิ๊บ ซีนกดวางสาย ชีสเหมือนเป็นเพื่อนคนเดียวในโลกของซีน ด้วยความที่ทางบ้านทำธุรกิจร่วมกัน ตั้งแต่สมัยปู่ย่า แต่ก็อย่างว่าเกี่ยวดองกันแค่ปู่ย่า ไม่ได้รวมถึงฝ่ายตายาย ซึ่งก็หมายความว่าทางด้านแม่ของซีนนั้น ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับตระกูลของชีส
ซีนเดินไปที่ตู้เก็บของเก่าๆ ก้มลงหยิบกล่องไม้ที่ถูกทาไว้ด้วยสีดำเก่าๆ ตอนนี้มันมีฝุ่นเกาะมากมายเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลมาเป็นเวลาหลายปีนัก ..ซีนบรรจงเปิดกล่องไม้สีดำนั้นออก ภายในกล่องไม่มีอะไรเลยนอกจาก รูป 1 ใบ .. รูปที่ถ่ายที่เนเธอร์แลนด์ เป็นรูปครอบครัวของเธอ เมื่ออายุเธอได้ 6 ขวบ เธอจำได้แม่น มี พ่อ แม่ แล้วก็เธอ ทั้ง 3 คนอยู่กันพร้อมหน้า ..
อยากให้วันเวลาตอนนั้น ย้อนกลับมา..ซีนคิดถึงพ่อ
ชูบีดูวา ชูบีดูวา~ เสียงริงโทนของเกรซปลุกให้เธอต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่
“เกรซพูดสายค่ะ” เธอกรอกเสียงรับ อย่างงัวเงีย
“ขอโทษนะเกรซ ชาโทรมากวนสิเนี่ย” รณชาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“อา เปล่าเลยๆเกรซตื่นแล้วมีอะไรเหรอชา” เกรซเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะปรับเสียงกระตือรือร้นแล้วถามผู้ที่เป็นฝ่ายโทรมาปลุกเธอ
“อ่อ ชาจะโทรมาเตือนเกรซน่ะ ว่าวันนี้ห้องเราต้องไปซ้อมละครวันสถาปนาโรงเรียนกัน เพื่อนๆนัดกัน 9 โมง”
“เออใช่ เกรซลืมไปแล้วนะเนี่ย”
“ชาถึงได้โทรมาเตือนนี่ไง ตอนนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว ตอน 8 โมงชาจะไปรับที่บ้านนะ”
“ได้ๆขอบใจที่โทรมาเตือนนะชา”
“ครับผม ไม่เป็นไรครับเจ้าหญิง” ชากล่าวทีล้อทีจริงแล้ววางสายไป
เกรซไม่ได้เป็นผู้หญิงประเภทที่จะไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสอง อย่างง่ายดายหากไม่รู้จักกันดีล่ะก็ไม่มีทางทีเดียว แต่นี่เพราะว่าพ่อแม่ของรณชาและเกรซ เป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันตั้งแต่พวกท่านไปศึกษากันที่ต่างประเทศจนกระทั่งมีลูกกันแล้วก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะ ฟังดูขัดหูสำหรับการนอนอันแสนสุขสบายของซีน
“คุณหนูค่ะ คุณผู้หญิงให้ป้าขึ้นมาปลุกคุณหนูวันนี้คุณหนูต้องไปดูโรงเรียนใหม่นะค่ะ” เสียงแม่บ้านคนเดียวของที่บ้านหลังนี้ดังมาจากนอกห้อง
“ซีนรู้แล้วอีก 10 นาทีซีนจะลงไป” ซีนว่า เธอเด้งตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน
เวลา 08.35 น. เช้าวันอาทิตย์
“ถึงแล้วครับคุณหนู” ชิชนนท์ คนขับรถของบ้านประจำบ้านของเด็กสาวร่างสูงเอ่ย
“ขอบคุณ แล้วลุงจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ลุงกะว่าจะไปซื้อของให้แดงเค้าหน่อยน่ะครับถ้าคุณหนูไม่ว่าอะไร” ชิชนนท์กล่าวอย่างเก้อเขินที่จะต้องขออนุญาตนายน้อยของเขาเพื่อจะไปซื้อของให้ภรรยา
“ไม่เป็นไร ซีนกลับเองได้ ลุงไปเถอะ”
“งั้น ลุงขอตัวนะครับคุณหนู แดงเค้าสั่งมาให้ลุงซื้อของยาวเป็นหางว่าวเลยครับ”
“อืม ..” ซีนหัวเราะในใจกับคำพูดติดตลกของคนขับรถ ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนใหม่ของเธอ
“ไม่เลวนี่” โรงเรียนใหม่ของซีนเป็นโรงเรียนที่เน้นเทคโนโลยี จัดสถานที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ค่อยมีต้นไม้มากนัก ส่วนมากในโรงเรียนจะเต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นตรงที่ดื่มน้ำก็ยังมีคอมพิวเตอร์ ท่าทางค่าเทอมจะแพงน่าดู ซีนมองไปเรื่อยๆเหลือบไปเห็นรถของโรงเรียน เป็นรถบ้านสีดำ ...แพงมากนะรถคันนั้นหลายสิบล้านอยู่ โรงเรียนนี้คงมีแต่ลูกคนรวยเรียนกันแน่ๆ ร่างสูงคิด
รถสปอร์ตสีเทา เลี้ยวเข้ามาจอดในที่จอดรถของโรงเรียนทำให้เด็กสาวร่างสูงชะงักมองอยู่คู่หนึ่ง
“คะ คนนั้น” เด็กสาวที่เบาะคนนั่งของรถกล่าวขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นเด็กสาวร่างสูง จะมีเด็กผู้หญิงสักกี่คนกันที่สูงโดดเด่นขนาดนั้น ? ถ้ากะเอาก็น่าจะประมาณ 180 กว่าๆ นั่นแหละ ผู้หญิงคนนั้นสูงกว่าผู้ชายหลายๆคนซะอีก ..แล้วหน้าตาที่เรียบเฉยตลอดเวลา แต่พอมองแล้วกลับทำให้รู้สึกหัวใจเต้นแรงนั่น ทั้งทรงผมและใบหน้าที่เป็นจุดเด่นเพราะเธอมีใบหน้าที่คมคาย จมูกเป็นสัน คิ้วที่เรียงกันเข้ม ดูยังไง..เด็กสาวร่างสูงคนนี้ก็หน้าตาดี แต่ทว่าเธอไม่ได้สวย ทั้งหมดของร่างกายเธอมันบ่งบอกชัดๆว่าเธอ “หล่อ”
“มีอะไรเหรอเกรซ?” ชาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
เขาจอดรถแล้วกดรีโมทคอนโทรลเพื่อให้ประตูรถเปิด
เกรซก้าวลงมาจากรถ แต่เมื่อมองไปที่เดิมก็เห็นแต่เพียงความว่างเปล่า ..
เธอตาฝาดไปหรือเนี่ย? นี่เธอนึกถึงคนๆนั้น จนตาฝาดไปเลยหรือ?
หลังจากที่ซีนหยุดชะงักดูรถสปอร์ตคันหรูอยู่สักครู่ เธอจึงตัดสินใจเดินสำรวจโรงเรียนต่อ เธอมาหยุดอยู่หน้าม้านั่งเหล็กสีดำแล้วนั่งลง
ไม่เห็นเหมือนโรงเรียนเก่าของเธอเลยสักนิด โรงเรียนเก่าของเธอมีต้นไม้ร่มรื่น แต่โรงเรียนนี้สิ ต้นไม้สักต้นยังหายากเลย มีแต่โดม กับที่กันแดดที่ทำจากโลหะทั้งนั้นขนาดโต๊ะนั่งยังทำจากเหล็กสีดำเลย ซีนค่อยๆทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้เหล็กสีดำนั้น ค่อยๆปิดตาลง ..
จากนั้นเธอก็เข้าสู่ห่วงนิทรา
“เห ..เก้าโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย” ซีนพูดกับตัวเองขณะที่ก้มมองนาฬิกาข้อมือ นี่เธอก็เผลอหลับไปหลายนาทีเหมือนกัน
ณ ห้องเรียนที่ใช้ซ้อมละคร
“โอ้ย หิวน้ำๆๆ” ดิว เพื่อนชายในห้องตะโกนเสียงดัง เพราะความกระหายน้ำและเหนื่อย ที่ต้องซ้อมละครติดกันมาหลาย ช.ม. โดยไม่มีการพักเบรค
“งั้นทุกคน รอก่อนนะเกรซจะลงไปซื้อน้ำมาให้เอง” เกรซกล่าวขึ้น
“ชาไปเป็นเพื่อนมั้ยเกรซ”
“แหม! อย่าหวานกันเกินไปนักสิ พวกฉันน่ะอิจฉานะ” แก้ว...เพื่อนผู้หญิงในห้องกล่าวอย่างล้อเลียน
“เราเป็นเพื่อนกันนะ” ทั้งเกรซและรณชาต่างพูดขึ้นพร้อมกัน
“จ๊ะ! เข้าใจว่าเพื่อน ฉันไม่ล้อก็ได้” แก้วกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหน้าไปวุ่นอยู่กับการทำฉากละครกับเพื่อนๆคนอื่นต่อ
“ไม่ต้องหรอกชา ลงไปแค่สองชั้นเองเกรซไปแปปเดียว รออยู่บนห้องเนี่ยแหละ” เกรซหันไปบอกรณชาแล้ววิ่งออกมาจากห้อง
ด้วยความที่เธอเป็นคนห่วงเพื่อน เป็นห่วงว่าเพื่อนจะหิวน้ำจนทนไม่ไหวเป็นกันไปซะก่อน ทำให้เธอวิ่งอย่างรวดเร็วโดยลืมไปเลยว่าตัวเธอเอง..ก็ซุ่มซ่ามใช่ย่อยเหมือนกัน
“ว้าย !!!!!!” เกรซกรีดร้องด้วยความตกใจเนื่องจากเธอสะดุดกับอะไรเข้าสักอย่าง เกรซเสียการทรงตัวเธอไม่สามารถบังคับให้ขาของเธอยืนอย่างมั่นคงได้ เป็นเหตุให้เธออยู่ในท่าทางที่กำลังจะล้ม มันจะไม่มีอะไรน่ากลัวเลยหากว่าเธอล้มที่พื้นราบเรียนธรรมดา แต่นี่..เธอกำลังสะดุดที่บันไดของ ชั้น 3 ซึ่งก็หมายความว่าหากเธอตกไปจากตรงนี้เธอจะต้องกลิ้งลงไปถึง 2 ชั้นเลยทีเดว
เพื่อนๆของเธอต่างได้ยินเสียงร้องของเธอ ต่างคนก็ต่างกะลีกุจอมาดูเธออย่างรีบเร่ง โดยเฉพาะรณชาที่รีบเร่งวิ่งนำหน้ามาก่อนใครเพื่อน แต่ก็ไม่ทัน รณชาพยายามจะคว้าตัวเกรซไว้แต่ด้วยระยะห่างที่มีมากเกินไป ทำให้เขาวิ่งมาไม่ทัน
หมับ!!! มีมือสองข้างที่เกรซไม่คุ้นเคยรับตัวเธอไว้ เกรซนึกว่าจะปลอดภัยแต่ก็ต้องร้องออกมาอีกครั้งเมื่อร่างของเธอและร่างของเจ้าของมือปริศนากำลังกลิ้งตกบันไดไปพร้อมๆกัน
เธอรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังกอดเธอแน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะบอบช้ำจากการตกบันไดครั้งนี้อย่างไรอย่างนั้น
ตุบ!!!
เกรซหลับตาปี๋เตรียมจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่แล้วเธอก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะไม่รู้สึกเจ็บอะไรตรงไหน
“คะ คุณ!!” เธอเอ่ยอย่างตกใจที่เห็นร่างของเธอนอนทับร่างของเด็กสาวร่างสูงคนนั้น ! เด็กสาวร่างสูงที่ช่วยเธอที่ร้าน ADVANCE นั่น !
“ลุกขึ้น” ซีนกล่าวเสียงแข็ง หัวของเธอได้รับการกระแทกอย่างแรงจนหยดเลือดสีแดงๆไหลรินไม่ขาดสาย แต่เธอกลับไม่ร้องสักแอะ
“เกรซๆ เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นมั้ยน่าจะให้ชามาด้วย” เสียงดังมาก่อนตัว รณชารีบวิ่งมาดูเกรซด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เกรซไม่เป็นอะไร แต่เค้าเลือดออก” เกรซชี้ไปที่ศีรษะของซีน เธอหน้าซีดด้วยความกลัวเลือด
“เธอเป็นใครน่ะ” รณชาถามเสียงกร้าว
“ชา ทำไมถามแบบนั้นเค้าช่วยเกรซไว้นะ รีบพาเค้าไปโรงพยาบาลเถอะ” เกรซกล่าวขึ้นแล้วเดินไปพยุงซีนที่ตอนนี้กำลังเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ ไม่ต้อง” ซีนว่าแล้วเธอก็ผละตัวออกมาจากเกรซ
“ไม่ได้นะค่ะ คุณช่วยฉันไว้ตั้งสองครั้งแล้ว ให้ฉันช่วยเถอะค่ะ” เกรซยังยื่นความช่วยเหลือไม่หยุด รณชาได้แต่มองภาพของคนที่เป็นเพื่อนสนิทและผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจของเขาพยายามจะเดินเข้าไปช่วยพยุงเด็กสาวร่างสูงโปร่งคนนั้น โดยที่รณชาไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าเด็กสาวร่างสูงคนนี้ดูดีกว่าผู้ชายบางคนอย่างเขาเสียอีก
“ฉันบอกว่าไม่ไง กลับไปหาผู้ชายของเธอซะแล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก น่ารำคาญ” ซีนหันไปพูดเสียงดังฟังชัด เกรซถึงกับตกตะลึงกับท่าทีของซีนทันที เธอได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกมองดูแผ่นหลังของเด็กสาวร่างสูงคนที่ช่วยเธอไว้อีกครั้งเดินจากไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง รณชาเข้ามาจับตัวเธอ เธอถึงได้สะดุ้งรู้สึกตัว
“ไม่เป็นไรนะเกรซ กลับไปซ้อมละครต่อกันเถอะในเมื่อเค้าไม่รับความหวังดีก็ปล่อยเค้าไปเถอะ” รณชาพูดอย่างอ่อนโยน แล้วกุมมือเธอให้เดินขึ้นห้องเรียนไปด้วยกัน
“เกรซ !พวกเราตกใจกันแทบแย่แน่ะ นึกว่าเธอจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก” เพื่อนๆในห้องต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน เพราะเกรซเป็นคนสวย น่ารัก รวมทั้งนิสัยของเธอยังเป็นคนดีมากๆทำให้เพื่อนๆในห้องต่างพากันเป็นห่วงเธอจากใจจริง
“เอ่อ ..เมื่อกี้ฉันเห็นมีผู้ชายคนนึงเค้ามาช่วยเธอไว้เหรอ?” กิ่ง เพื่อนในห้องคนหนึ่งถามขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิง!” รณชากล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
อะไรกัน? ทำไมพวกนี้ถึงมองว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้ชายไปได้นะ
“ล้อเล่นน่าชา ! คนเมื่อกี้เนี่ยนะ ผู้หญิง? ถ้าใช่เค้าก็ไม่หลงเหลือความเป็นผู้หญิงแล้วละ ถ้าดูจากภายนอกน่ะ เค้าเป็นผู้ชายชัดๆเลย” แก้วเอ่ย
“นั่นสิ เห็นด้วยเลย” เพื่อนๆผู้หญิงในห้องต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของแก้ว แต่ไม่นานบทสนทนาเรื่องเด็กสาวร่างสูงก็จบลงเมื่อเพื่อนๆนึกขึ้นได้ว่ามีภารกิจสำคัญกว่าคือการซ้อมละครวันสถาปนาโรงเรียน!
ความคิดเห็น