คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER1
ตอนที่ 1
บรืน ๆ ๆ ~ เสียง เคลื่อนตัวของรถจักรยานยนต์ที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง ท่ามกลางรถจักรยานยนต์คันอื่นๆ ในถนนที่ว่างเปล่ายามค่ำคืน ดังระงม รถที่ถูกแต่งมาเพื่อการแข่งขัน เพื่อความรวดเร็วเพื่อสนองความปรารถนาของผู้ขับขี่กำลังถูกใช้งานอย่างสุดความสามารถของมัน
“เยส” เสียงรอดไรฟัน ดังขึ้นเบาๆให้ตัวเองได้ยินคนเดียว เด็กสาวร่างสูงโปร่ง ผู้ได้รับชัยชนะ ...มาถึงจุดที่กำหนดก่อน ด้วยความเร็วเหนือคนอื่น
เวลา 23.54 นาที
“แกไปแข่งรถมาอีกแล้วใช่ไหม ซีน” เสียงของผู้มีอำนาจที่สุดในบ้านดังขึ้น ผู้ถูกถามก็ได้ก้มหน้านิ่งตาเหลือบมองที่พื้นโดยไม่สนใจกับอาการฉุนเฉียวของบุคคลที่เป็นฝ่ายถาม
“แม่บอกแกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก แกเป็นนักเรียนนะ แล้วดูนี่สิ สภาพแบบนี้ดูได้ที่ไหนกัน หา?” ผู้เป็นแม่ เดินเข้ามาหาเด็กสาวร่างสูง ก่อนจะผลักเธอแรงๆ ด้วยโทสะ สภาพของเด็กสาวตอนนี้ไม่เหมาะกับคำว่า ‘นักเรียน’ เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้หัวของเธอที่ไว้ผมซอยสั้นประบ่า กระเจิดกระเจิงเพราะแรงลม หน้าที่เคยขาวสะอาดบัดนี้กลับมีรอยสกปรก เปื้อนเปรอะทั่วใบหน้า อีกทั้งชุดที่เธอใส่ก็เป็นกางเกงยีนส์ขาดๆ และเสื้อยืดที่ดูสกปรกมอมแมม
“พรุ่งนี้แกต้องไป โรงเรียนนะ ขึ้นไปอาบน้ำแล้วเข้านอนได้แล้ว” แม่ของเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้เธออยู่คนเดียว
ซีน..มองตามแผ่นหลังของผู้เป็นแม่ช้าๆ แล้วเธอก็เลือกที่จะกลับห้องของตัวเอง เพื่อชำระล้างร่างกายที่สกปรกนี่ แล้วนอนลงบนเตียงนุ่มๆแสนสบาย เกลียดที่สุด! การไปโรงเรียน! เธอคิด
“เฮ้ ซีน เป็นไงว่ะ เมื่อวานได้ข่าวว่าแข่งรถชนะนี่หว่าเลี้ยงเลยๆ” เด็กสาวร่างสูงเจ้าของดวงตาสีน้ำตาล ผมซอยสั้นๆคล้ายซีน กล่าวทักเพื่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ได้ ไปไหนดีละ” ซีนกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“advance สิว่ะ ได้เงินมาเท่าไหร่ละ”เพื่อนของเธอถามอีกครั้ง
“
“ซีน แกจะไปไหน?” เพื่อนซีนเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อมองดูนาฬิกาแล้วพบว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน แต่ซีนกลับสะพายกระเป๋าเป้เพื่อเตรียมตัวออกจากโรงเรียนแล้ว
“จะไป advance ไม่ใช่เหรอ? มาสิ” ซีนกล่าวแล้วเดินออกจากประตูห้องทันทีทันใด ทำเอาเพื่อนของเธอเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าเป้เกือบไม่ทัน
“ไอ้ซีน รอก่อนเสะโว้ยย”
“ชีส อย่าเดินช้านัก เรากำลังจะออกนอกโรงเรียนก่อนถึงเวลา เงียบๆด้วย” ซีนหันไปจุ๊ปากใส่ เพื่อนของเธอ ชีส..เพื่อนสาวร่างสูงเพื่อนของซีน วิ่งตามมาติดๆ ไม่นานนัก ชีสก็เดินมาอยู่ข้างๆซีน
“จะออกไปตอนนี้เหรอ อาจารย์จับได้ว่าไงเนี่ย” ชีสถามหวาดๆ พลางสะพายกระเป๋าเป้ที่เมื่อครู่ถือเอาไว้
“กลัวด้วยหรือไง มาเร็ว” ซีนเดินมาหยุดที่หลังโรงเรียนซึ่งเป็นบ้านพักของนักการภารโรง ว่าแล้วเธอก็กระโดดข้ามกำแพงรั้วเก่าๆ ด้วยความชำนิชำนาญ
“ซีน เวรจริงๆ ไม่รออีกแล้วนะเว้ย” ชีส บ่นอุบเมื่อเห็นซีนกระโดดข้ามไปก่อนแล้ว
“อย่าพูดมาก บอกให้เบาๆทำไมชอบโวยวายอย่างนี้ รีบๆตามมาสิ” ซีนกล่าวเหมือนคำสั่ง ชีสจึงรีบกระโดดข้ามกำแพงตามซีนไปติดๆ
“เอามอ’ไซค์มาใช่ไหมเนี่ย?” ชีสถามขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่ริมถนนนอกโรงเรียน
“ไม่ได้เอามา” คำตอบของซีนทำให้ชีสหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“หา ? ว่าไงนะ?” ชีสถามย้ำ เพราะคิดว่าเมื่อกี้เธออาจจะหูฝาดไปก็เป็นได้
“ก็บอกว่าไม่ได้เอามาไงละ แม่ทำโทษฉันที่เมื่อคืนไปแข่งรถ เลยยึดมอ’ไซค์ ไม่ให้ใช้ 1 อาทิตย์” ซีนตอบหน้าตาย
“แต่ร้าน advance มันไกลเป็นกิโลๆเลยนะซีน” ชีสกล่าว
“เงียบน่า จะไป advance หรือ จะกลับเข้าโรงเรียนอีก เลือกเอา ถ้าไปก็ตามมา” ซีนพูดน้ำเสียงระอาเต็มทน
ทำให้ชีสหยุดพูดและเดินตามซีน ไปอย่างว่าง่าย
เวลาผ่านไป นานพอสมควร ตอนนี้เป็นเวลาที่เด็กนักเรียนและผู้ใหญ่ต่างมีภาระของตนเอง ผู้ใหญ่ต้องทำงาน ส่วนเด็กนักเรียนต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือเพื่ออนาคตที่ดีของตน จึงไม่แปลกที่จะไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กสาวร่างสูงโปร่งสองคนใส่ชุดนักเรียน กำลังเดินเคียงคู่กันมาเพื่อเข้าร้านที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น ร้าน ‘advance’
ฟืด! เสียงเลื่อนประตูทางเข้าร้าน advance ดัง แสดงให้เห็นได้ว่าประตูฝืดไม่ได้รับการเอาใจใส่มาเป็นเวลาหลายปี ทำให้วัยรุ่นที่กำลังสนุกสนานกับเรื่องต่างๆภายในร้านหันมามองซีนและชีสเป็นตาเดียวกัน แต่หลังจากนั้นทุกคนก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเด็กสาวร่างสูงสองคนที่ใส่ชุดนักเรียน เป็นธรรมดาของร้าน advance จะมีเด็กนักเรียนมาเข้าร้านในเวลาเรียน
“Liqueur หนึ่ง” ซีนบอกพนักงานสาวที่คุ้นเคยกัน
“แหม วันนี้แรงนะซีน แสดงว่าแข่งรถชนะละสิ จุดไฟด้วยไหม?” พนักงานสาวถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่ต้อง จะสั่งอะไร” ซีนบอกพนักงานสาวแล้วหันไปถามชีส
“เอา Gin..อย่าลืมใส่มะนาวนะจ้ะ แพมคนสวย” ชีสบอกพนักงานสาว หรือ แพม โดยไม่ลืมส่งสายตาอันหวาบหวามไปให้ ถึงจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ก็แทบทำให้หัวใจของแพม ละลายเลยทีเดียว
แพมพยักหน้ารับเมนู แล้วเดินจากไป
“ของแพงนะนั่น” ซีนบ่น
“ฮ่าๆ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ซีนแกดูนั่นดิ สวยดีว่ะ” ชีสว่า แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางผู้หญิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกผู้ชาย ดูสีหน้าของเธอแล้วเหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจที่นั่งอยู่ท่ามกลางคนพวกนั้น
แต่ซีนเองก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องของเธอซะหน่อย จะไปสนทำไมให้เปลืองเวลา
“แกว่า ผู้หญิงนั่นเต็มใจมั้ย ? ดูหน้าตาเดะ เหมือนจะร้องไห้ยังไงไม่รู้ เข้าไปช่วยดีมั้ยว่ะ” ชีสถาม น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
“ได้แล้วค่ะ” แพม พนักงานสาวสวยคนเดิมกล่าว แล้ววางของที่ซีนกับชีสสั่งลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล ก่อนจะปลีกตัวออกไปรับออเดอร์ลูกค้าคนอื่นๆ
“อึก! อย่ายุ่งดีกว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา” ซีนดื่มคอกเทลล์ของตัวเอง แล้วแนะชีส
“แต่ ดูสิไอ้พวกนั้นกำลังจะลวนลามเธอแน่ๆ ดูเธอสิร้องไห้แล้วด้วย” ชีสพูดน้ำเสียงกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็อีก .. ซีนไม่ได้สนใจเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว ซีนนั่งนิ่งแล้วดื่มเครื่องดื่มของตัวเองอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว
“ยังจะกินลงอีกเหรอว่ะ ทั้งๆที่แกหันหน้าไปทางไอ้พวกนั้นแท้ๆ ซีน” ผู้เป็นเพื่อนกล่าวน้ำเสียงตำหนิ
“อยากช่วยก็ไปสิ ฉันไม่ได้ห้าม แต่อย่ามาอารมณ์เสียใส่ฉัน” ซีนว่า แล้วก็ยกเครื่องดื่ม ดื่มอีกครั้ง
“ก็ได้ เพื่อนมันเป็นอย่างนี้ก็ให้มันรู้ไปโว้ย” ชีสพูดอย่างเหลือดอด แล้วลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าว ตรงไปที่โต๊ะเป้าหมาย
“หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว ชีส แกนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ” ซีนหัวเราะกับคำพูดของตัวเอง ก่อนจะยกเครื่องดื่มของตัวเองดื่มจนหมดแก้ว แล้วนั่งดูเหตุการณ์ อย่างเงียบๆ
“ไอ้พวกเลว แกทำอะไรวะ” เสียงชีส ตะโกนลั่นร้านเมื่อเดินไปถึงโต๊ะเป้าหมาย
“มึงเป็นใคร เสือกออะไรกับพวกกูไม่ทราบ ? “ ผู้ชายใส่ชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งในโต๊ะกล่าวด้วยน้ำเสียงกวนสุดๆ พวกผู้ชายที่เหลือในกลุ่มก็พากันหัวเราะครืน อย่างสนุกสนาน ไม่สนใจกับการตะโกนของชีส
“แก!!” ชีสสบถออกมาด้วยความโกรธสุดขีด ภาพตรงหน้ามันเหลือทนจริงๆ พวกผู้ชายพวกนั้นกำลังรุมรังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งตัวสั่นงันงก ราวกับลูกนกในกำมือของนายพรานป่า แล้วชีสเองก็เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่เต็มใจเอามากๆ ..
หรือว่าเธอจะถูกฉุดมา????
“ช่วยฉันด้วยค่ะ ..” เสียงเล็กๆของผู้หญิงคนนั้น เว้าวอนขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตา
“ทำไมวะ แกยุ่งอะไรด้วย หา?” ผู้ชายอีกคน กล่าวขึ้นแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ชีส
“ไอ้พวกสารเลว ไอ้พวกสวะ เดนมนุษย์ ไอ้เวรรรร!!!! “ ชีสตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความเหลือทน แล้ววิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อผู้ชายคนที่กำลังล้วงหน้าอกของเด็กผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะปล่อยหมัดที่อัดอั้นไว้ด้วยความโกรธใส่หน้ามัน อย่างสุดแรง
ปั๊ก !! เสียง หมัดกระทบกับหน้า เพื่อนๆของผู้ชายที่ถูกต่อยต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว และหยุดล่วงเกินกับเด็กผู้หญิงคนนั้น โดยอัตโนมัติ
“อีนี่ วอนไม่เข้าเรื่อง มึง!!! ตายซะ” ผู้ชายคนที่ถูกต่อยพ่นคำด่าออกมา แล้วจับคอเสื้อชีสคืน ด้วยแรงกระชากของผู้ชาย ชีสไม่สามารถสู้ได้ ขณะที่หมัดกำลังจะถูกปล่อยลงมาบนใบหน้าขาวสะอาดของชีส ก็มีมือปริศนามาดึงชีสให้รอดพ้นจากรัศมีอันตรายได้ซะก่อน
“ซีน” ชีสหันไปทางมือปริศนาพบว่าเป็นเพื่อนของตนก็ยิ้มให้
ปั๊ก !! ซีนสวนหมัดเข้าไปเป็นหมัดที่สองที่หน้าของผู้ชายระยำที่กำลังจะต่อยชีสเมื่อครู่ตอนนี้มันมีสภาพสะบักสะบอมจนเพื่อนๆของมัน ทนดูไม่ได้ เพื่อนๆของมันอีก 2 คน ที่เหลือ ต่างพากันลุกขึ้นมาเพื่อเปิดศึกกับซีนและชีส
แน่นอนว่าสาวร่างสูงโปร่งสองคน ก็เตรียมตัวรับชะตากรรมแล้ว การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้ชายร่างสูง3คน กับเด็กสาวในคราบนักเรียนร่างสูงโปร่ง 2 คน โดยมีต้นเหตุมาจากเด็กผู้หญิงคนที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ที่โต๊ะ เรียกความสนใจจากคนในร้าน advance ได้อย่างดี ไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้าม หลายๆคนอยากดูการโชว์ที่สนุกและสร้างสีสัน!!
ปั๊ก !! หมัดของผู้ชายคนหนึ่งอัดเข้าที่หน้าซีนเต็มๆ ซีนค่อยๆเอามือปาดเลือดที่มุมปากออกและบ้วนน้ำลายปนเลือดลงบนพื้น สายตาของซีนหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนที่ปล่อยหมัดเข้าหน้าเธอเธอมองที่หน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างเย็นชาและเหยียดหยาม สายตาอย่างนี้ที่ทำให้ศัตรูใจฝ่อมานักต่อนัก สายตาที่บ่งบอกว่าเจ้าของตาคู่นี้กำลังตกอยู่ในสภาวะโกรธสุดขีด ซีนไม่พูดอะไร ขบกรามแน่น และตรงเข้ากระชากคอเสื้อผู้ชายคนนั้น ปล่อยหมัดรัวเข้าที่ใบหน้าและท้องของมันอย่างเร็วและแรง
“โอ้ย กูเจ็บ ช่วยกูด้วย ไอ้ด๊อฟ” เสียงของผู้ชายที่ถูกซีนกระหน่ำต่อยร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของมัน แต่เพื่อนของมันเมื่อเห็นกำลังของซีน แทนที่จะเข้ามาช่วยเพื่อนที่กำลังถูกกระหน่ำต่อย กลับโกยแน่บอย่างไม่คิดชีวิต
“อ๊าก !!! “ชีส ร้องเสียงหลงเมื่อโดนผู้ชายระยำอีกคนที่กำลังว่างอยู่ ต่อยเข้าที่ท้องน้อย จุดอ่อนของร่างกาย
“เป็นไงมึง เก่งดีนักนะ หึ!” ผู้ชายระยำคนนั้นพูดแล้วเข้ามากระชากผมชีส ตอนนี้ชีสไม่มีแม้แต่แรงจะลุก ได้แต่นั่งกุมท้องตัวเองอยู่อย่างนั้น
เพี๊ยะ !!ไอ้ผู้ชายระยำ ตบเข้าที่หน้าชีสอย่างแรง เสียงดังทำให้คนที่มุงดูอยู่ อดเสียวแทนไม่ได้
“ฮ่าๆ เป็นไงมึง ฮ่าๆๆ อย่างมึงต้องโดนอย่างนี้แหละ” ไอ้ผู้ชายระยำหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะลงมือตบหน้าชีสเข้าอีกฉาด!! แล้วก็ตบรัว
เลือดที่คิ้ว มุมปากและจมูกของชีสหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้าช้ำเป็นปื้นไปด้วยรอยนิ้วมือ
ลุกไม่ได้!! เจ็บ ..เจ็บท้องเหลือเกิน ชีสคิด
“อ๊ะ!” ผู้ชายที่ถูกซีนกระหน่ำต่อยล้มลงไปนอนกับพื้น สบถอะไรไม่เป็นภาษาออกมาก่อนที่จะสลบไป ใบหน้าของมันเปื้อนเลือดอย่างที่คนที่มุงดูอยู่ยังรู้สึกสยดสยองไปตามๆกัน
เมื่อครู่ ซีนมัวแต่กระหน่ำต่อยผู้ชายคนที่สลบด้วยความโทสะเธอจึงไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่พอหันหน้ากลับไปอีกที ก็พบเพื่อนของตัวเองกำลังถูกกระหน่ำตบหน้า สีหน้าของชีสซีด ไร้ชีวิตชีวา ทำให้ซีนถึงกลับใจหายขึ้นมาทันที ซีนไม่รอช้ารีบเดินตรงไปที่ไอ้ผู้ชายระยำคนที่กำลังกระหน่ำตบชีส มันกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับมันเป็นคนบ้า!!!
หมับ !! ซีนคว้าข้อมือของผู้ชายระยำคนที่กำลังง้างฝ่ามือเพื่อจะตบหน้าชีสไว้
“เอ้า อีนี่ วอนหาเรื่องอีกคนเรอะ? แล้วเพื่อนกูไปไหนกันหมดว่ะ ช่างมัน ปล่อยกู!!” ไอ้ผู้ชายระยำร้องโหยหวนเมื่อซีนบิดที่ข้อมือของมันอย่างแรง เสมือนกระดูกแตกเป็นเสี่ยง
“ซะ ซีน” ชีสที่ตอนนี้กำลังนั่งกุมท้อง เลือดสีแดงสดยังคงไหลไม่หยุด
ปั๊ก !! ผู้ชายระยำที่ซีนกำลังบิดข้อมืออยู่ ใช้มืออีกข้างต่อยเข้าที่หน้าซีน
อย่างจัง เลือดออกจากมุมปากของซีนไหลเป็นครั้งที่สอง บันดาลโทสะของซีนให้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“หึ !” ซีนปาดเลือดออกจากมุมปาก แล้วรีบปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของไอ้ผู้ชายระยำชนิดที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว
“มึง!!! “ ไอ้ผู้ชายระยำก็เลือดออกที่มุมปากเช่นกัน มันใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกซีนบิด ปาดเลือดออกช้าๆ แล้วมองมาที่ซีนด้วยสายตาอาฆาตแค้นยิ่งนัก มันตรงเข้ามาปล่อยหมัดใส่หน้าซีน แต่ช้าไป ซีนหลบทันโดยความว่องไว ซีนรีบปล่อยหมัดสวนกลับไปอีกทีอย่างแรงที่ใต้คางของมัน
“อั๊ก!!” ไอ้ผู้ชายระยำร้องเสียงหลง ก่อนจะหน้าเขียวแล้วลงไปนอนสลบกองกับพื้น
ใต้คาง...เป็นจุดอ่อนที่สำคัญของร่างกาย ไม่ว่าใครเจอสอยใต้คางก็ร่วงกันทั้งนั้น ข้อนี้ซีนรู้ดี
หลังจากจัดการเสร็จสภาพของซีนก็สะบักสะบอมดูไม่ได้ ซีนเดินเข้าไปพยุงชีสที่ตอนนี้ไม่ได้สติ แล้วเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงคนที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ‘เธอจะเป็นอิสระแล้ว!’ เด็กผู้หญิงคิด
“ทีหลัง หัดปกป้องตัวเองบ้าง อย่าให้คนอื่นมาเดือดร้อนอย่างนี้” ซีนกล่าวน้ำเสียงเย็นชา เชิงตำหนิก่อนจะพาโบออกจาร้าน advanceไป โดยไม่ลืมควักเงินออกมาวางที่โต๊ะเป็นค่าเครื่องดื่มวันนี้
“เกรซ!!!” เสียงแหบห้าวของผู้เป็นเพื่อนของเด็กผู้หญิงดังขึ้นในร้าน advance เมื่อซีนและ
ชีสออกไปได้สักพักใหญ่
“ฮึกๆ ฮือๆ” เด็กผู้หญิงที่ชื่อ เกรซ นั่งร้องไห้ อย่างไม่ลืมหูลืมตาและไม่แม้แต่จะหันไปมองต้นเสียง
“เกรซ เธอไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย ฉันมาช่วยเธอแล้ว ไอ้พวกนั้นล่ะ มันอยู่ไหนๆ” เพื่อนชายของเธอถามอย่างกระวนกระวาย
“มันหนีไปแล้วมีคนมาช่วยเกรซไว้” เกรซเงยหน้าปาดน้ำตาแล้วตอบเพื่อนของเธอ
“จริงเหรอ? แสดงว่าคนนั้นคงเป็นคนดีมากเลย กลับบ้านเถอะเกรซ ชาจะพาเกรซกลับบ้านเองนะ”
รณชา โอพาสสิริกุล เพื่อนของเกรซ กล่าวขึ้นแล้วอุ้มเธอไปไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของผู้ชายอย่างเขาด้วยความนุ่มนวล
“ชา ไม่ต้องอุ้มเกรซก็ได้ เกรซไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยเกรซลงเถอะ” เธอพูดด้วยความขวยเขิน เนื่องจากตอนนี้เธอและชากำลังถูกสายตาของคนทั้งร้านจับจ้องอยู่
“ไม่ได้นะเกรซ เดี๋ยวน้าชิตกับน้าแปง จะไม่สบายใจ เอาน่าให้ชาช่วยเถอะนะ” ชามองด้วยสายตาวิงวอน เกรซจึงพยักหน้าช้าๆ
ชาอุ้มเกรซมาจนถึงรถสปอร์ตสีเทาคันหรูของตน เขากดรีโมทคอนโทรลเพื่อเปิดประตูรถ แล้วค่อยๆวางเกรซลงที่เบาะคนนั่งอย่างเบามือ
รณชา รู้สึกผิด เขาละเลยและไม่ดูแลเพื่อนสาวของตนอย่างดี จึงทำให้มีพวกเด็กมหาวิทยาลัยมาฉุดเพื่อนสาวของเขาไปได้ มันเป็นเพราะเขา!!
“ไอ้ชาเอ้ย ไอ้ควาย ไอ้เลว ไอ้โง่” ชาด่าทอตัวเอง ตบหัวตัวเองไปมาอย่างแรงเพื่อลงโทษ ในขณะที่จอดรถเพื่อรอสัญญาณไฟจราจรเป็นสีเขียว
“ชะ ชา ตบหัวตัวเองทำไมน่ะ แดงหมดแล้วพอเถอะ พอ” เกรซกล่าว แล้วรีบคว้ามือเพื่อนชายของเธอไว้ ไม่ให้เขาตบหัวตัวเองอีก
“เกรซอย่าห้ามชาเลย ชามันไม่ได้เรื่อง ไม่เอาไหน ปล่อยให้เพื่อนของตัวเองถูกไอ้พวกระยำพวกนั้นจับตัวเกรซไป ชาผิดเอง ชาขอโทษเกรซ ชาขอโทษ” รณชากล่าวด้วยความจริงใจอย่างที่สุด เขาเจ็บแปลบที่หัวใจเมื่อคิดว่าไอ้พวกผู้ชายระยำพวกนั้นจะทำอะไรกับเกรซบ้าง
“ชา เกรซไม่โทษชาหรอก สบายใจเถอะ เอ้า! ไฟเขียวแล้วรถข้างหลังบีบแตไล่แล้วไปเร็ว” เกรซพูดแล้วยิ้มร่า เป็นการยืนยันว่าเธอไม่ได้โกรธอะไรเขา ทำให้เขายิ้มตอบแล้วหันไปขับรถต่อ
เมื่อมีเธออยู่ใกล้กันก็ดูเหมือนว่าโลกทั้งโลกของผมเป็นสีชมพูสดใส เหมือนคนกำลังมีความรัก แม้ความรักของผมจะเป็นแค่ความรักที่แอบรักเขาข้างเดียวก็ตาม..
ชีสเลือดออก ตอนนี้เสื้อของเธอมีลอยเลือดแดงฉาน เลือดแห้งเกรอะกรังส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ทำให้ผู้พยุงเพื่อนอย่างซีนต้องหันหน้าหนี
จะพาชีสไปส่งที่บ้า ชีสก็ไม่ได้ ถ้าพ่อแม่ของชีสรู้เรื่องนี้ละก็..ชีสตายแน่ ซีนตัดสินใจพาชีส
กลับไปที่บ้านของตน
“คะ คะ คุณหนู!!” เสียงแม่บ้านของซีนดังขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นเด็กที่ตนเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยแบกเพื่อนที่มีสภาพดูไม่จืดเข้ามาในบ้าน
“เพื่อนซีน ชื่อชีสอีก 5 นาทีป้าแดงช่วยขึ้นไปเช็ดตัวให้ชีสด้วย ซีนจะอาบน้ำ” ซีนกล่าวแล้วไม่หันไปมองสีหน้าของผู้เป็นแม่บ้านแม่แต่น้อย ว่าแม่บ้านของเธอทำหน้าตกใจขนาดไหน
ซีนแบก ชีสขึ้นมาถึงห้องนอนของตัวเอง โชคดีที่วันนี้แม่ของซีนไม่อยู่บ้าน เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์แม่ของเธอจึงออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนวัยเดียวกัน กว่าจะกลับก็คงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้
“คุณหนู ไม่พาไปโรงพยาบาลหน่อยเหรอค่ะ ป้าว่าอาการหนักพอควรนะค่ะ” ป้าแดงเปรยขึ้น ขณะที่กำลังเช็ดตัวให้ชีส
“ไม่จำเป็นหรอก เดี๋ยวก็คงจะฟื้นน่ะ ซีนง่วงแล้วป้าช่วยทำแผลให้ชีสด้วยเลยละกัน อ่อ ! เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ชีสด้วยเลยนะ ราตรีสวัสดิ์” ซีนกล่าวอย่างเย็นชาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนแสนนุ่มของตัวเองในบัดดล
“คุณหนูนะคุณหนู แข็งนอกอ่อนในจริงๆ ป้ารู้นะค่ะว่าคุณหนูน่ะเป็นคนดีคุณหนูคงรักเพื่อนคนนี้มากๆ” ป้าแดงรำพึงกับตัวเอง
รุ่งเช้า
“อ๊ากก!!! ซีนเจ็บอ่ะ” ชีสตะโกนลั่นบ้าน เมื่อซีนกำลังทาแอลกอฮอล์ตรงแผลที่คิ้วให้
“หาเรื่องเองไม่ใช่เหรอไง ฉันบอกแล้วนี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา แต่ก็ดันเข้าไปยุ่ง”
ซีนกล่าวพลางกดสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ตรงแผลที่คิ้วของชีสแรงๆ เพื่อเป็นการย้ำเตือน
“เออๆ เฮ้ย แล้วเด็กคนนั้นละ ป่านนี้จะรอดหรือยังก็ไม่รู้” ชีสอดนึกถึงสีหน้าของเด็กคนที่ตนเองเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยไม่ได้
นั่นหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ดูเรียบร้อยไม่มีพิษสงค์อะไร เหมือนผ้าขาวที่ช่างขาวบริสุทธิ์
“ไม่รู้”
“หา?? ซีนแกบอกว่าไม่รู้เหรอว่ะ ได้ไง? นี่เมื่อวานฉันอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเด็กนั่น แล้วแกปล่อยเด็กนั่นไปไหนว่ะ อย่างน้อยๆแกก็น่าจะพาเค้ากลับมาที่บ้านแกด้วยสิว่ะ” ชีสโวยวาย อารมณ์โกรธพุ่งไปที่เพื่อนสนิทของตน ด้วยความที่ชีสเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นและมักจะห่วงคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง
“ยัยนั่นคงไม่ตายหรอก ลงไปกินข้าวได้แล้วเดี๋ยวป้าแดงจะรอ” ซีนบอกเพื่อน แล้วเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลใส่กล่องพยาบาลเล็กๆ นำไปวางไว้ที่ตั่งใกล้ๆเตียงนอน
“เชิญ ตามสบายนะค่ะ คุณหนูชีส” ป้าแดงพูดกับชีสอย่างสำรวม
“ค่ะ งั้นชีสไม่เกรงใจแล้วน้า” ชีสกล่าวรับ ก่อนจะลงมือกินข้าวฝีมือแม่บ้านของซีนอย่างเอร็ดอร่อย
“แม่กลับมาหรือยัง ?” เจ้าบ้านเอ่ยถามผู้เป็นแม่บ้านของตน
“ยังเลยค่ะ คุณหนู”
“อืม งั้นก็ดี”
“เห่ๆๆไอ้ซีน แม่แกยึดรถแกไม่ใช่เหรอว่ะ แล้วแกเอารถออกมาจากโรงรถได้ยังไงละว่ะ ถ้าแม่แกจับได้ซวยนะเว้ย” ชีสเอ่ยขึ้นขณะที่เห็นซีนกำลังลากรถแต่งคันงามของตนออกมาจากโรงเก็บรถจักรยานยนต์ของบ้าน
“ชู่วๆ เงียบ เดี๋ยวป้าแดงได้ยินจะดุเอา ขึ้นมาเหอะ เร็วๆ” ซีนกล่าวกับชีส ชีสลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเพื่อนของเธออย่างช่วยไม่ได้
ซีนขับรถเก่งและเร็วกว่าที่ชีสคิดไว้มาก ทั้งขับหวาดเสียว ทั้งเฉียดไปเฉียดมา
“ชีส ไม่ต้องเกาะเอวฉันแน่นขนาดนั้นก็ได้ กลัวมากหรือไง” ซีนถามพลางเอามืออีกข้างแกะมือของชีสออก
“ก็คนมันกลัวนี่ แกเล่นขับซะท้าพายุขนาดนี้อ่ะ ขอเกาะหน่อยเหอะ ถ้าตกจะได้จับแกไปด้วยไง ฮ่าๆ”
ชีสยังไม่วายหัวเราะร่าเริง ทั้งๆที่เมื่อวานเจ็บตัวจนสลบไปเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้ย ทะเลๆ โย่วๆ ไม่ได้มาทะเลกันนานแล้ว วันนี้คิดยังไงขี่รถพามาถึงทะเลว่ะเนี่ย” ชีสถาม มือกำลังวาดรูปไปเรื่อยเปื่อยที่ผืนทราย
“ก็มันวันหยุด ไม่มีอะไรทำ เบื่อ เลยพามา อารมณ์ของคนเรามันก็แปรปรวนเหมือนคลื่นทะเล” ซีนพูดแล้วเหม่อมองออกไปที่ผืนทะเลกว้าง สุดลูกหูลูกตา
“นับวันแกชักจะทำตัวเฉยชาขึ้นทุกวันแล้วนะเนี่ย น่ากลัวจริงๆว่ะ” ชีสกล่าว เธอลุกขึ้นมายืนเคียงข้างเพื่อนขอเธอแล้วตบไหล่ซีนเบาๆ
“แกน่าจะเลิกแข่งรถได้แล้วนะซีน” เธอเอ่ยขึ้น มือล่วงกระเป๋ากางเกง ตามองออกไปที่ผืนทะเลกว้างเช่นเดียวกันกับซีน
“ไม่มีทาง ฉันรักการแข่งรถ”
“แต่แม่แก..ไม่ชอบ แกเองก็รู้ว่าทำไม แล้วยังจะทำอีก”
“ฉันไม่สน มันเป็นชีวิตของฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาก้าวก่าย รวมทั้งแกด้วย” ซีนกล่าวเสียงเด็ดขาดทำให้ชีสผงะไปชั่วครู่ก่อนจะไปนั่งวาดรูปเล่นที่ทรายต่อ
“เกรซ กลับมาแล้วเหรอลูก แม่เป็นห่วงมากเลยนะ แม่ดีใจจริงๆที่ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย ขอบใจนะจ้ะ ชา ที่ช่วยดูแลลูกป้า” หญิงสาวผู้เป็นแม่ของเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวถึงกลางหลัง ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนบ่งบอกได้ว่าเป็นลูกผู้ดีมีสกุล วิ่งเข้ามากอดลูกสาวของตัวเองด้วยความเป็นห่วง ผู้เป็นบิดาก็เช่นกันวิ่งเข้ามาหาลูกสาวด้วยความโล่งใจถึงแม้ไม่ได้กอดหรือเอ่ยคำพูดใดๆออกมาแต่เด็กสาวก็รู้ว่าผู้เป็นบิดาห่วงเธอแค่ไหน
“ครับคุณป้า ชาก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับพอดีมีคนมาช่วยเกรซไว้ก่อนหน้าที่ชาจะตามไปถึงแล้วน่ะครับ” ชาตอบอย่างนอบน้อม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะตาชา มาๆเข้าบ้านก่อนสิเข้ามากินน้ำกินท่ากันก่อน” ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวกล่าวขึ้นก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน
“คนที่มาช่วยเกรซเนี่ย ดีจริงๆเลยนะคุณ” แม่ของเด็กสาวหันหน้าไปพูดกับสามีของตน
“ค่ะ ถ้ามีโอกาสเกรซก็อยากตอบแทนพวกเค้าสักครั้งค่ะคุณแม่” เธอบอกเจตนารมณ์ของตัวเอง
“แล้วเค้าเป็นไงจ้ะ เป็นผู้ชายที่หล่อมั้ย” แม่ของเกรซเอ่ยถามอย่างล้อเลียน ทำให้รณชาที่กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆของตนเองกับบิดาของเกรซ หยุดชะงักทันที
“เหอๆ คุณแม่ก็...เค้าก็หล่อนะค่ะ แต่เค้าไม่ใช่ผู้ชายค่ะ” เกรซตอบ หน้าแดงขึ้นทันที มีหรือผู้เป็นแม่จะสังเกตไม่ทัน
“หน้าแดงใหญ่เลยนะเกรซ ..ลูกบอกว่าเค้าไม่ใช่ผู้ชายเหรอ งั้นก็เป็นผู้หญิงน่ะสิ”
“ค่ะ ผู้หญิงสองคน เค้าแต่งเครื่องแบบนักเรียนหญิงค่ะแม่ ถ้าไม่แต่งเครื่องแบบล่ะก็เกรซคงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเค้าเป็นผู้หญิง” เธอนึกภาพเด็กสาวร่างสูงโปร่งเจ้าของผมซอยประบ่าที่กำลังพยุงเพื่อนของตนที่ได้รับบาดเจ็บและเดินเข้ามาพูดกับเธอว่า “ทีหลังหัดปกป้องตัวเองบ้าง อย่าให้คนอื่นมาเดือดร้อนอย่างนี้” เกรซหัวเราะกับตัวเองน้อยๆ แล้วก็หน้าแดงอีกครั้ง
“หน้าแดงอีกแล้วนะเกรซ ลูกไม่สบายหรือเปล่า หือ?” ผู้เป็นแม่ถามด้วยความห่วงใยกลับทำให้เกรซหน้าแดงขึ้นอีก อะไรกัน? ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันแค่ดูเหมือนผู้ชายเท่านั้นแถมยังเจอกันครั้งแรก หรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ ทำไมเราจะต้องมานั่งคิดถึงเค้าแล้วหน้าแดงด้วย
ความคิดเห็น