ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อุลตร้าแมนออรั่ม (Ultraman Aurum)

    ลำดับตอนที่ #2 : ความสูญเสียคือการเริ่มต้นใหม่??

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 67


    เวลาเดียวกัน ณ ห้วงอวกาศกว้างใหญ่ที่ไร้กำแพงใดๆ เศษเสี้ยวของดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกกาบาต รวมไปถึงดวงดาวน้อยใหญ่ทั้งหลายนั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอวกาศแห่งนี้ รวมถึงโลกของเราเองก็เช่นกัน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของอวกาศมานานแสนนาน

     

    เวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้(ตอนที่1)นั้น บนอวกาศช่างตรงข้ามกับบนโลกนัก ในขณะที่บนโลก ผู้คนต่างเดินทาง เที่ยวเล่น รับประทานอาหาร ทำสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์พึงกระทำ แต่บนอวกาศอันแสนห่างไกลนั้นกลับเกิดศึกสงครามขึ้นระหว่างเผ่ามนุษย์ยักษ์แห่งแสงที่กำลังต่อกรกับเผ่าสิ่งมีชีวิตที่สามารถแปรสภาพได้หลากหลายขนาด หรือที่เรียกว่า ดีวอยด์

     

    “แกคิดอะไรอยู่กันแน่!!? ถึงได้ทำแบบนี้” เผ่าอุลตร้าตนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความสิ้นหวัง แต่ก็ยังมุ่งมั่นในหน้าที่แม้จะเสียพวกพ้องไปมากก็ตามที แต่ก่อนที่จะได้คำตอบ เขาก็ถูกมือมโหฬารข้างหนึ่งจับเอาไว้ ก่อนที่ทั้งตัวของเขาจะถูกลากไปชนกับเหล่าอุกกาบาต ดาวเคราะห์น้อย เศษหินต่างๆ ที่ลอยอยู่โดยรอบด้วยความเร็วสูง 

     

    “คำตอบนั้นมันไม่จำเป็นสำหรับพวกมดปลวกอย่างเจ้า!” สิ่งมีชีวิตเจ้าของมือยักษ์นั้นกล่าวต่อหน้าร่างที่กำลังจะหมดลมหายใจเพราะความทุกข์ทรมาน แล้วจึงชูแขนขวาขึ้นถึงระดับศีรษะ ฉับพลันนั้นก็มีอาวุธบางอย่างคล้ายหอกแสงผุดขึ้นมาจากแขน 

     

    “ฮึก..อ๊ากกกกกกก” ยักษ์แห่งแสงผู้น่าสงสารกรีดร้องออกมาสุดเสียง ก่อนที่จะสิ้นลมเพราะถูกคมหอกแทงเข้ากลางอกจนปุ่มพลังงานสีฟ้าสว่างได้แตกออก

     

    “เสียงกรีดร้อง ความตาย และความกลัว นี่แหละที่ข้าต้องการ” สิ่งมีชีวิตเจ้าของหอกแสงนั้นกระหยิ่มยิ้มเยาะ ดาวดวงหนึ่งโคจรหลบให้ดวงอาทิตย์ได้ทอแสงมา เผยให้เห็นเกราะสีดำทะมึนที่แทบจะกลืนไปกับห้วงอวกาศ ดวงตาเล็กแดงที่ส่องสว่างตลอดเวลา พร้อมกับที่ตามลำตัวมีลายเส้นสีแดงเรืองแสงพาดผ่านทั่วเกราะใหญ่หนานั้น

     

    และในไม่กี่อึดใจ สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายกันจำนวนหนี่งก็มุ่งหน้าเข้ามาหา ลำตัวของพวกมันมีแสงสีแดงเป็นดวงขนาดเล็กอยู่ที่ส่วนอก และศีรษะ

     

    “ภารกิจลุล่วงแล้วครับ ท่านลอร์ดโทรน” ดีวอยด์ระดับสูงตนหนึ่งในพวกนั้นเอ่ยขึ้น

     

    “ดีมาก พวกเจ้าจงกลับไปและรายงานในนายท่านได้รู้” 

     

    “ครับผม!” ทุกคนต่างขานรับ แล้วอวกาศยานรูปทรงแปลกตาที่ดูเหมือนแมงมุมก็ได้มาจอดตรงด้านหลังของโทรน ก่อนที่จะเปล่งแสงสีแดงทอดยาวมายังเหล่าทหารพวกนั้นแล้วดูดกลืนเข้าไป เหลือไว้เพียง “โทรน” ที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ไกลๆ

    .

    .

    .

     

          ณ สมรภูมิรบ ความปราชัยของเผ่ายักษ์แห่งแสง ผู้ทำตัวประหนึ่งศาลเตี้ยที่ผดุงความยุติธรรมนั้นได้ก่อตัวและกระจายไปอย่างรวดเร็ว ยักษ์เหล่านั้นเมื่อยุคสมัยที่ผ่านมาได้ออกปราบปรามเหล่าสัตว์ต่างดาวมากมาย กลับต้องแพ้พ่ายในศึกนี้อย่างหมดสภาพ 

    ความกำแหงกล้า ความหยิ่งทะนงของผู้นำทัพโดยปราศจากการคิดหน้าคิดหลัง เก่งแต่ใช้กำลังเข้าสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดโดยไม่รู้ตัวว่าทั้งหมดนี้คือแผนลวง ครั้นมาคิดได้ก็สายเสียแล้ว แรงที่หมดไปกับการกำจัดเหล่าเดรัจฉานอวกาศไม่สามารถเรียกกลับมาได้เมื่อต้องเข้าประมือกับศัตรูที่มีฝีมือเทียบเท่าตน ยักษ์แห่งแสงบางคนถึงแม้จะจัดการเหล่าศัตรูที่มาทีหลังได้จำนวนหนึ่ง ก็ถูกความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำจนไม่สามารถต่อกรไหวอีกและถูกโค่นลงในที่สุด 

     

    “ถ้าพวกข้ามีท่านเซเฟอร์อยู่ ชีวิตของข้าก็ไม่ขอวางใจใครอื่นอีกแล้ว” 

       คำสัตย์สาบานเหล่านั้น บัดนี้ได้กลายเป็นแรงฮึดให้เจ้าของนาม ‘เซเฟอร์’ ได้ลุกขึ้นสู้อีกเป็นครั้งสุดท้าย เกราะที่คลุมลำตัวของเขาเกิดประกายสีขาวก่อนที่จะสว่างจ้าทั้งตัว แล้ววงแหวนเวทสีขาวนวลก็ได้ปรากฏขึ้นมาเบื้องหลังของเขา หลังจากนั้น มันส่งลำแสงเป็นเส้นบางๆ มารวมกันที่ลำแขนทั้งสองข้าง เหล่าทหารได้เข้ามาล้อมตัวของเซเฟอร์และหันหลังให้พลางชูหอกแสงขึ้น เกิดสายฟ้าจากวงแหวนเวทส่งไปยังหอกแต่ละเล่ม

     

    “ขอท่านพ่อได้เป็นแสงสว่าง ส่องนำทางข้าสู่ชัยชนะที่พวกเราเผ่าอุลตร้าได้เฝ้าคอยมาอย่างยาวนาน ทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้นั้นขึ้นอยู่กับลำแสงไม้ตายนี้ จงพิฆาตศัตรูให้สิ้น! เทอรฺมิเนโชเน็ม โทนิตรูอุม*! !” 

    *เทอรฺมิเนโชเน็ม โทนิตรูอุม(Terminationem Tonitruum=ฟ้าคำรามแห่งการสิ้นสุด)​

    สิ้นเสียงกล่าวนามกระบวนท่า แขนทั้งสองข้างของเซเฟอร์ยกขึ้นสุด มือของเขาเลยระดับศีรษะประมาณคืบเศษ และแล้วลำแสงลีขาวไสวก็ถูกส่งออกมาจากมือข้างที่ได้รับมนตร์จากวงแหวน แน่นอนว่าแสงนั้นก็ถูกส่งไปยังหอกของพลทหารด้วยเช่นเดียวกัน ผ่านทางรูปแบบของการชูแขนที่เปลี่ยนไป จากเหนือหัว เขาเปลี่ยนมาเป็นการกางแขนไปด้านข้างแทน ทำลำแสงพุ่งไปสู่หอกแต่ละเล่มนั่นเอง 

     

    ทุกคนต่างมองไปที่กระบวนท่านั้นจนแทบจะเป็นตาเดียวกัน สายฟ้าเหล่านั้นฟาดฟันเหล่าศัตรูในทันที แต่ก็ฟื้นฟูร่างกายของฝ่ายพันธมิตรด้วยเช่นกัน แรงฮึดสู้นั้นได้หวนคืนสู่เหล่ายักษ์แห่งแสง แต่ทว่า.. 

     

    “พบบุคคลไม่ทราบฝ่ายกำลังสังหารเผ่าอุลตร้าไปทีละคนครับ และที่สำคัญ มันใช้ลำแสงที่มีการจัดเรียงอานุภาคแบบลำแสง M87ของโซฟี่ได้ด้วยครับ!!” 

    เสียงสั่นเครือของยักษ์แห่งแสงตนหนึ่งที่เฝ้าสังเกตการณ์หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ๋ได้ถูกเอ่ยออกมา ความกังวลของเขาสร้างความประหลาดใจแก่ ‘ออร์บ’ ผู้เป็นเจ้านาย

     

    “ไม่จริงน่า ลำแสงM87 มีแค่คุณโซฟี่ที่ใช้ได้ไม่ใช่รึไงกัน..”

    เขาเอ่ยพึมพำ

     

    “หากว่าเป็นลำแสงM87อย่างที่เจ้าว่าแล้วล่ะก็ ข้าก็คงต้องออกไปประมือกับผู้ใช้กระบวนท่านั้นซะแล้วล่ะ”

     

    “ดะ.. เดี๋ยวก่อนครับท่านออร์บ!! ข้างนอกนั่นมันอันต—” 

     

    [ULTRAMAN ORB THUNDER BREASTER!! / อุลตร้าแมนออร์บ ธันเดอร์เบรสเตอร์!!]

     

    ยักษ์แห่งแสงผู้เป็นลูกน้องพูดยังไม่ทันจบ ออร์บก็ได้พุ่งทะยานออกจากฐานที่มั่นไปพร้อมกับเปลี่ยนร่างของตนให้มีความสามารถดั่งที่ตนต้องการ

     

    “ท่านออร์บ!!”

    ลูกน้องคนเดิมกล่าวตะโกน แต่ก็สายไปเสียแล้ว ประตูที่เปิดได้ทางเดียวได้ปิดลง คราวนี้ถ้าออร์บเป็นอะไรไป กองทัพของยักษ์แห่งแสง.. ไม่สิ ดาวO-50(โอฟิฟตี้)แห่งนี้ก็คงจะถึงกาลอวสานเป็นแน่

     

       ทว่าการออกไปสู้ในครั้งนี้ของออร์บ ถึงแม้ว่าขวัญกำลังใจของกองทัพจะเพิ่มขึ้น แต่การสังหารยังคงดำเนินต่อไป ทางด้านของเซเฟอร์นั้น เหล่าทหารหอกองครักษ์ก็ถูกสังหารไปจนสิ้นแล้ว แม้แต่สายฟ้าฟาดที่ถูกเชิดชูว่าเป็นไม้ตายทรงอานุภาพที่สุดของดาวดวงนี้ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ศัตรูระดับสูงๆ ได้เลย ทำได้เพียงแค่สร้างรอยขีดข่วนให้เท่านั้น

     

    “ยังหรอก! มันยังไม่จบแค่นี้!!” 

    เซเฟอร์เอ่ยตะโกน ในคราวนี้กระบวนท่าของเขาได้เปลี่ยนไป แขนของเขาได้เพิ่มขึ้นมาอีกสองคู่ อีกทั้งยังมีวงแหวนเวทกลางหลังที่มีรูปทรงคล้ายรูปดวงตาคอยเสริมแกร่งให้พลังเวทย์โดยรวมของเซเฟอร์ เขาได้ทำการจำลองร่างของตนเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ทุกร่างรวมถึงร่างต้นจะใช้แขนทุกข้างสร้างโซ่ขึ้นมารัดเจ้าตัวปริศนาที่กำลังไล่สังหารเหล่ายักษ์แห่งแสง

     

     

    “เอาเลยครับ! รุ่นพี่ออร์บ!!” 

    เซเฟอร์ตะโกนเรียกเมื่อเห็นว่าตนรัดศัตรูไว้แน่นหนาแล้ว

     

    “อา!!” 

    ออร์บขานรับ ก่อนที่เขาจะใช้กระบวนท่าของร่างธันเดอร์เบรสเตอร์อย่าง กงจักรแสงเซ็ตเซี่ยม ในการพุ่งเข้าไปโจมตี

     

    การระเบิดเกิดขึ้นในทันที ฝุ่นระเบิดเกิดขึ้นละแผ่เป็นวงกว้าง ออร์บมุ่งออกมาจากจุดศูนย์กลางการเกิดฝุ่นควันนั้น เขาไม่รู้ว่าผลของการโจมตีนั้นเป็นเช่นไร

     

    “หึหึหึ”

    เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาจากม่านควันนั้น เขายังไม่ตาย แต่ผ้าคลุมที่คลุมตัวของเขาอยู่ได้ถูกทำลาย โทรนนั่นเอง เขาไม่รอช้ารีบยิงลำแสงที่คล้ายลำแสงM87ใส่เซเฟอร์ทันที 

     

    “อึก!! ลำแสงที่รุนแรงนี่มัน!?” 

    เซเฟอร์คิดในใจ แม้ว่าจะหลับได้ทัน แต่ความร้อนที่แผ่ออกมาก็ทำให้รู้สึกหวาดเสียวอยู่ไม่ใช่น้อย

     

    “อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ เจ้านั่นน่ะ.. ใช้ลำแสงM87ยิงออกมาหาเราเมื่อกี้นี้”

    ออร์บเอ่ยขึ้นราวกับอ่านความคิดของเซเฟอร์ออก

     

    “มะ.. ไม่จริงน่า แม้แต่ดาวอุลตร้าดวงนั้นที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด.. แม้แต่คุณโซฟี่ก็ยัง!!” 

    มือของเซเฟอร์กำแน่น ร่างสีขาวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสีแดงเข้ม

     

    “ข้าจะไม่ปล่อยไว้อีกต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจบที่นี่ ด้วยคมดาบของข้า! ลูซิเฟอร์ผู้นี้!!”

    เทวทูตสีขาวสัญลักษณ์แห่งความหวัง บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นยมทูตสีแดงฉานแล้ว ดาบของเขาทั้งเล่มอาบไปด้วยเพลิงสีส้มแดง เขาวาดดาบเป็นวงกลม วิชาเวทย์ก้นหีบที่เขาเก็บงำไว้เป็นแรมปีได้ถูกนำมาใช้เป็นแผนสุดท้าย ออร์บในร่างออริจินที่มีเกราะคล้ายแกลดิเอเตอร์สวมอยู่นั้นตะลึงกับสิ่งที่ตนเห็นเป็นอย่างมาก

     

    “เซเฟอร์คนเดิม ไม่มีอีกแล้วอย่างนั้นรึ”

    ออร์บกล่าวในใจ

    .

    .

    .

    ห่างไปไม่ไกล ผ่านซากไร้วิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้าหาญและเหล่าซากศพของอริศัตรูทั้งหลาย ร่างหนึ่งได้ฟื้นคืนสติจากอาการสลบ เขาตกใจสุดขีดเมื่อได้เห็นศพมากมายทั่วห้วงอวกาศ

     

    “เพื่อนของข้า พี่น้องของข้า อาจารย์ของข้า ตายหมดแล้ว..” 

     

    “โทรน.. ถ้าฉันฆ่าแกในวันนั้นซะก็สิ้นเรื่อง!!” 

    เขาคิดได้ดังนั้นก็พุ่งไปหาโทรน โดยที่ระหว่างนั้นร่างของเขาก็เริ่มเปล่งแสงหลากสีออกมา

    .

    .

     

    “โฮ่… ช่างน่าเกรงขามอะไรเยี่ยงนี้ แต่ว่า..”

     

    “ย๊ากกกกกกก”

    ลำแสงพุ่งผ่านกลางลำตัว จากคัลเลอร์ไทเมอร์กลางอกส่งไปยังเป้าหมายด้วยความเร็วสูง ความเร็วนั้นเทียบได้กับกระสุนปืน

     

    “ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยตัวเจ้าเองงั้นเหรอ.. มันจะไม่จองหองเกินไปหน่อยรึไง!!” 

    โทรนรับลำแสงของเซเฟอร์ด้วยมือเพียงข้างเดียว แน่นอนว่าปีศาจร้ายตนนี้นั้นก็มีอาคมเช่นกัน เขาได้ส่งลำแสงนั้นไปยังมิติว่างเปล่าด้วยหลุมดำขนาดย่อที่สามารถเนรมิตออกมาด้วยมือเมื่อใดก็ได้

     

    “ข้าจะทำให้ที่นี่เป็นสุสานของเจ้าเอง!!”

    พูดจบเขาก็ส่งลำแสงเมื่อครู่กลับมาโดยไม่ทันตั้งตัว 

     

    “ข้าจะไม่แพ้เจ้าอีกเป็นรอบที่สองง!!”

    ยักแห่งแสงสีรุ้งส่องประกายได้เข้ามาป้องกันลำแสงโต้กลับนั้นไว้ด้วยม่านป้องกันของเขา

     

    “อะ.. ออรั่ม?” 

    ออร์บกล่าวด้วยความฉงน ส่วนลูซิเฟอร์นั้นไม่ได้สนใจอะไร และเตรียมตัวจะเข้าปะทะอีกครั้ง เขากำดาบไว้แน่นด้วยสองมือ ร่างแยกถูกทำให้หายไป ออรั่มคลายม่านออกหลังจากลำแสงสิ้นสุด ในมือของเขาเตรียมใช้งานกระบวนท่าบางอย่าง

     

    “คุณลุงหลบไปก่อนครับ ทางนี้ผมจัดการเอง”

     

    “ขะ…เข้าใจแล้ว” 

    ออร์บไม่กล้าขัดคำพูดนั้น เหตุเพราะเขานั้นมีความลังเลที่จะห้ามหลานชายเพียงคนเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับพลังที่ออร์บนั้นรู้สึกได้ว่าพลังนั้นยิ่งใหญ่มาก

     

    “ศัตรูเก่าผู้ไร้ค่า เจ้าน่ะดิ้นรนมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องพักผ่อนอย่างสงบด้วยมือข้าแล้ว!!”

    โทรนกางแขนออก พลังงานรูปแบบวังวนสีม่วงได้ปรากฏขึ้น พร้อมกับที่มันค่อยๆ ดูดร่างไร้วิญญาณของสิ่งมีชีวิตเข้าไปทีละคน ทีละคน

     

    “พวกเราไม่ยอมหรอกเฟ้ย!” 

    ไม้ตายได้ถูกใช้งาน ฝั่งของลูซิเฟอร์ได้ยิงลำแสงจากคัลเลอร์ไทเมอร์เป็นรอบที่สอง ส่วนออรั่มก็ตั้งแขนเป็นรูปตัวLหันหน้าให้ศัตรู แล้วลำแสงก็ออกมาจากแขนข้างที่ทำแนวตั้ง พุ่งออกไปหาโทรนหวังจัดการให้จบภายในท่าเดียว

     

    แต่ว่า วังวนได้ดูดลำแสงเหล่านั้นเข้าไปทั้งหมด ทำให้ในตอนนี้ ไม่มีใครมีพลังที่จะจัดการโทรนได้อีกต่อไป

    “ฮ่าๆๆๆ เหล่านักรบอุลตร้าผู่น่าสงสาร มีอะไรจะสั่งเสียไหมล่ะ”

     

    “มีเซ่!!!”

    ลำแสงหนึ่งได้พุ่งมาท่ามกลางความสิ้นหวัง ระหว่างที่วังวนกำลังกลืนลำแสงของออรั่มและลูซิเฟอร์อยู่ มันไม่ได้รู้ถึงการมาของลำแสง ออร์บซูพรีมคาลิเบอร์ เลยแม้แต่น้อย

     

    “หา!!?”

    โทรนสังเกตเห็นรอยร้าวเล็กๆ เพียงเสี้ยววินาทีเดียว รอยแตกเล็กก็ปริใหญ่ขึ้นจนระเบิดออกในที่สุด มันเปลี่ยนกลายเป็นหลุมดำขนาดยักษ์


    รอยแตกนั้นเกิดขึ้นมาจากลำแสงที่รุนแรงเกินไปของ 'ออร์บซูพรีมคาลิเบอร์'​ ซึ่งเป็นสุดยอดไม้ตายของออร์บ ได้เข้าปะทะกับรอยแตกที่ปรากฏขึ้นมาโดยบังเอิญอย่างกระทันหัน ทำให้รอยแห่งความไม่เสถียรของจักรวาลนั้นแผ่ขยายออกมาจนเกิดเป็นหลุมดำ

     

    “อ๊ะ! แย่แล้ว!!” 

    เจ้าของลำแสงที่อยู่ไกลตะโกนขึ้น แต่ก็มีแค่ลูซิเฟอร์ที่กางปีกที่หลังของตนแล้วบินออกมาได้ทันท่วงที ส่วนออรั่มและโทรน ทั้งสองคน..

    .

    .

    .

     

    ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในหลุมดำนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×