ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rise of The Wind คมดาบสายลมพิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : Winter Mission

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 57



    Chapter 5 : Winter Mission

     

    Fireeeeeeeeeee!!!

    แสงสีแดงเรืองวาบออกมาจากเซ็นเซอร์บริเวณโคนของใบดาบ พลันบังเกิดเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นห่อหุ้มทั่วทั้งใบดาบโค้งมีคมด้านเดียว ยาวประมาณเจ็ดสิบเซนติเมตร มิคังตวัดดาบคาตานะในมือเบาๆ เปลวเพลิงจากดาบก็พวยพุ่งไปด้านหน้าและสลายกลายเป็นละอองไฟ

    เมื่อทดสอบจนพอใจหญิงสาวจึงกดปุ่มยกเลิกที่ปลายของด้ามดาบ เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มดาบก็สลายหายไปพร้อมกับแสงสีแดงที่เซ็นเซอร์ เผยให้เห็นใบดาบสีทองอร่าม สลักลวดลายคล้ายฟันปลาที่ด้านคมของดาบ ด้ามดาบมีสีน้ำเงินตกแต่งด้วยลวดลายเกล็ดปลา

    หญิงสาวยกมือขวาที่มีแหวนสวมอยู่สามวงขึ้นมา โดยสวมอยู่ที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง แบ่งเป็นอัญมณีสามสีคือ สีแดง สีขาว และสีฟ้าตามลำดับ หลังจากทดสอบแหวนสีแดงไปแล้ว คราวนี้เป็นแหวนสีขาวที่อยู่บนนิ้วกลาง

    Freezerrrrrrrrrrrrr!!!

    เมื่อสแกนกับเซ็นเซอร์ที่ดาบ แสงสีขาวก็เรืองออกมาพร้อมกับใบดาบถูกห่อหุ้มไปด้วยละอองน้ำแข็ง พลังแห่งน้ำแข็งนี้เองที่มิคังเคยใช้แช่แข็งสัตว์ประหลาดยักษ์เพื่อช่วยเหลือยุ้ยที่อาคารอันเดอร์วอเทอร์ แต่ครั้งนั้นเป็นดาบสั้นอีกเล่มหนึ่งซึ่งมีพลังด้อยกว่าดาบยาวพอสมควร

    ต่อมาเป็นแหวนวงที่สาม แหวนสีฟ้า ถือเป็นแหวนที่มีพลังทำลายมากที่สุด ถ้าไม่นับแหวนวงใหม่ที่มิคังเพิ่งได้รับมาจากโกสต์ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีพลังอะไร

    Thunderrrrrrrrrrrrr!!!

    ประกายไฟแสบตาแล่นเปรี๊ยะๆ ออกจากใบดาบที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้า จนหญิงสาวรู้สึกคันยิบๆ ที่มือราวกับได้รับผลกระทบของสายฟ้านั่นไปด้วย ศัตรูที่ถูกดาบธาตุสายฟ้านี้ฟันเข้าจะคล้ายกับโดนพลังแห่งอัสนีบาตผ่าเข้าร่าง ทำให้เป็นอัมพาตไปชั่วขณะ หากโดนช็อกอย่างรุนแรงก็อาจเสียชีวิตทันทีได้

    ยังใช้งานได้ดีทุกธาตุเลยแฮะแต่ก็ยังรู้สึกรำคาญเสียงของคุณหยงอยู่ดี

    สามปีแล้ว ที่มิคังไม่ได้แตะต้องดาบคาตานะเล่มนี้เลย ดาบที่นักประดิษฐ์หยงตั้งชื่อให้ว่า อัลติเมทเอเลเมนต์ไฟเออร์ฟรีซเซอร์ธันเดอร์ แต่มิคังไม่สนใจชื่อนั้นและตั้งชื่อให้มันใหม่ว่า ทะจิอุโอะ ซึ่งมีความหมายว่า ปลาดาบ

    ความจริงแล้วดาบที่หยงสร้างให้มีความสามารถเพียงเปลี่ยนใบดาบเป็นธาตุต่างๆ เท่านั้น แต่พอมาอยู่ในมือของมิคัง เธอสามารถใช้ เพลงดาบแห่งสายลมผสานเข้ากับธาตุที่ห่อหุ้มใบดาบได้ สายลมที่ฟันออกไปจึงมีคุณสมบัติตามธาตุที่อยู่บนดาบ ก่อให้เกิดความสามารถที่หยงเองก็คาดไม่ถึง ราวกับดาบได้ขานรับเธอซึ่งเป็นเจ้าของและสำแดงพลังอันเกินขีดจำกัดออกมา

    มิคังไม่ใช่ชาวเมโทรโปลิสแต่กำเนิด ตระกูล ฮิโนซารุ ของเธอเป็นตระกูลเก่าแก่ของดินแดนอาทิตย์อุทัย มีชื่อเสียงในเรื่องของวิชาดาบที่แปลกพิสดาร สามารถสร้าง สายลมออกจากดาบยามที่ฟาดฟันได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่านักดาบจากตระกูลฮิโนซารุทุกคนจะสามารถใช้วิชานี้ได้ เนื่องจากเป็นวิชาที่ต้องผ่านการฝึกฝนร่างกายและขัดเกลาจิตใจอย่างหนัก ซึ่งมีเพียงผู้ที่ใช้เพลงดาบแห่งสายลมได้เท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ในการเป็นผู้นำตระกูล

    แต่ตามกฎของตระกูลแล้ว ผู้นำจะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น แม้ว่ามิคังจะสามารถใช้เพลงดาบแห่งสายลมได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งยังมีฝีมือดาบที่เหนือกว่าผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันทุกคน แต่เธอก็ไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้...เพราะเธอเป็นผู้หญิง

    นั่นทำให้พ่อของเธอไม่สบอารมณ์อย่างมาก และพาเธอหนีออกจากตระกูล ออกจากแดนอาทิตย์อุทัยบ้านเกิดมาอยู่ที่เมโทรโปลิสแห่งนี้

     

    ขณะนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงเช้า พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าเพียงเล็กน้อย อากาศสดชื่นยามเช้าช่วยให้มิคังรู้สึกผ่อนคลายขณะออกมาฝึกดาบที่สนามหญ้าหน้าฐานทัพ เธอสวมเพียงผ้ารัดหน้าอกสีขาวเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มและเรือนร่างอันงดงามทว่าดูแข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อเล็กน้อยจากการออกกำลังกาย ผิวขาวเนียนละเอียดเปียกไปด้วยเหงื่อจากการฝึกซ้อมดาบ ท่อนล่างสวมกระโปรงฮาคามะที่ผ่าตรงโคนขาเพื่อความคล่องตัว

    ระหว่างที่มิคังกำลังซ้อมฟันดาบอยู่นั้น เสียงของเครื่องจักรบางอย่างดังหึ่งๆ รบกวนสมาธิของเธอจนต้องหันไปมอง ใกล้กับจุดที่หญิงสาวยืนฝึกซ้อม เอเลี่ยนกำลังง่วนอยู่กับการไถเครื่องจักรไปตามพื้นหญ้า

    “......”

    มิคังยืนมองอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเด็กหนุ่มหันมาสบตาด้วย

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” มิคังเอ่ยทัก

    “อรุณสวัสดิ์” เอเลี่ยนตอบ

    “ทำอะไรอยู่เหรอคะ?”

    “ตัดหญ้า”

    มิคังรู้สึกกระดากกระเดื่องเล็กน้อยที่ถามในสิ่งที่เห็นๆ อยู่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจเธอเสียเท่าไร ตั้งหน้าตั้งตาไถเครื่องตัดหญ้าต่อไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

    จากการสังเกตของเธอพบว่า เอเลี่ยนมักจะถามคำตอบคำและไม่เคยเริ่มต้นบทสนทนาก่อนเลย จึงน่าจะเป็นคนประเภทที่ถ้าไม่ชวนคุยหรือโดนถามก่อนก็จะไม่ปริปากพูด นอกจากนี้ยังปฏิบัติตามคำสั่งของเวอร์กัสอย่างเคร่งครัด อย่างคราวที่บุกมาหาเธอที่ร้านและกระทำการรุนแรงก็เพราะทำตามคำสั่งของเวอร์กัสโดยไม่สนใจเรื่องอื่นทั้งสิ้น ราวเป็นกับหุ่นยนต์รับใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็มิปาน

    และที่เขาออกมาตัดหญ้าอยู่ที่นี่ ก็คงเป็นคำสั่งเหมือนกัน เมื่อมิคังเห็นเอเลี่ยนที่เป็นแบบนี้แล้ว ความขุ่นเคืองที่เขาเคยมาอาละวาดที่ร้านก็ลดน้อยลง แต่กลับไปเพิ่มพูนให้กับผู้ที่เป็นคนสั่งการแทน...เวอร์กัส

    มิคังยังคงสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกที่ชื่อแพะ จากภาพจำลองโครงสร้างสามมิติของร่างกายสมาชิกทั้งหกคนของหน่วยพิเศษที่เธอเห็นในห้องประชุม มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ แต่ในห้องประชุมกลับไม่มีเขาคนนั้น ที่นั่งของเขากลับถูกแทนที่ด้วยแพะที่เป็นสัตว์ไม่ใช่คน ซึ่งจนถึงตอนนี้มิคังยังไม่เคยพบเด็กหนุ่มที่ชื่อแพะคนนั้นเลย

    ข้อสงสัยอีกประการของมิคังคือ ทำไมสมาชิกของหน่วยพิเศษส่วนใหญ่ถึงอายุน้อยกันขนาดนี้ นอกจากตัวเธอที่อายุยี่สิบแปดและชายในชุดกาวน์แพทย์ที่คาดว่าน่าจะอายุสามสิบปลายๆ นั้น ทั้งเอเลี่ยน คาร์เดีย และรีน่า ดูจากภายนอกแล้วไม่น่าจะเกินยี่สิบเลยสักคน โดยเฉพาะรีน่าที่ไม่รู้ว่าอายุถึงสิบห้าแล้วหรือยัง อีกทั้งเด็กหนุ่มที่อยู่ในภาพสามมิติก็น่าจะอายุประมาณยี่สิบไม่ก็ยี่สิบเอ็ดเท่านั้น

    คนเหล่านี้...พิเศษถึงขนาดต้องให้ออกมาสู้ตั้งแต่อายุยังน้อยเชียวหรือ...

    หรือเป็นแค่ความคิดอันตื้นเขินของเวอร์กัส

     

    ...........................................................................................

     

    ท่ามกลางสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้มาอาศัยอยู่ในฐานทัพนี้ชวนให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ยังมีสถานที่หนึ่งที่ช่วยให้มิคังรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองได้

    ห้องครัว

    ห้องครัวเป็นห้องแรกที่มิคังเดินมาสำรวจตั้งแต่เพิ่งย้ายเข้ามา เป็นส่วนหนึ่งของห้องอาหารที่อยู่ด้านในสุดใกล้ๆ กับลิฟต์ ซึ่งห้องอาหารจะแบ่งเป็นส่วนที่มีโต๊ะสำหรับนั่งรับประทาน และครัวที่ใช้ประกอบอาหาร ซึ่งมีเคาน์เตอร์และอุปกรณ์ทำอาหารสุดไฮเทคมากมาย ทั้งเตาอบสารพัดนึก หม้อความดัน เตาไฟฟ้า รวมไปถึงเครื่องมือสารพัดที่ใช้ในการทำอาหารและมีดขนาดต่างๆ ครบเซ็ต มีกระทั่งมีดปอกมะม่วง

    ที่สำคัญที่สุดคือตู้เย็นขนาดใหญ่ที่บรรจุวัตถุดิบสำหรับทำอาหารไว้เต็มเปี่ยม มีทั้งผักผลไม้หลากชนิดและเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ให้เลือกสรร นอกจากนี้ยังมีเครื่องปรุง ซอส และเครื่องเทศต่างๆ อีกมากมาย มิคังดีใจมากที่มีโชยุและซอสงาด้วย น่าเสียดายที่ไม่มีมิโสะและวาซาบิ แต่ไม่เป็นไร เธอได้เตรียมมันมาจากบ้านแล้ว

    หลังจากฝึกซ้อมดาบเสร็จมิคังก็กลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องพักที่ชั้นสอง แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินและกางเกงขายาว แล้วจึงลงลิฟต์ไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมวัตถุดิบทำอาหาร โดยเธอกะว่านอกจากทำกินเองแล้ว ยังเตรียมวัตถุดิบไว้เผื่อมีสมาชิกคนอื่นอยากชิมอาหารฝีมือเธอด้วย

    “มีกระทั่งโบลวทอร์ช (เครื่องพ่นไฟ) ด้วยแฮะ”

    มิคังว่าพลางหยิบอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายปืนขึ้นมา เป็นอุปกรณ์ทำอาหารที่ใช้สำหรับพ่นไฟเพื่อเผาผิวด้านบนของอาหารให้มีสีออกไหม้ๆ สวยงามและส่งกลิ่นหอมมากขึ้น เธอจึงคิดจะเอาไปใช้ทำแซลมอนเผาไฟไม่ก็ใช้เผาผิวด้านบนของแผ่นชีสให้เกรียมๆ น่ารับประทาน

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณน้า”

    เสียงน่ารักสดใสเอ่ยทักมาจากด้านหน้าเคาน์เตอร์ มิคังหันไปก็พบกับรีน่า เด็กสาวตัวเล็กผู้มีนัยน์ตาสีแดงและเส้นผมสีน้ำเงินยาวประบ่า แลดูแปลกตาราวกับไม่ใช่สีธรรมชาติ ผิวขาวเรียบเนียน ใบหน้าปากนิดจมูกหน่อย ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มอันสดใสร่าเริงแบบเด็กๆ แต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมสีดำยาวถึงเข่า

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะรินะจัง” มิคังทักตอบ

    เมื่อทักทายเสร็จเรียบร้อยรีน่าก็เดินอ้อมเคาน์เตอร์เข้ามาภายในครัว

    “คุณน้ามีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ หนูน่ะ เคยช่วยคลอเทียสทำอาหารนะ ถึงเค้าชอบจะบอกว่าหนูไปยุ่งก็เถอะ” รีน่าพูดพลางยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้นอยู่ระดับอก ความน่ารักของเธอทำให้มิคังรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มาก

    “เก่งจังเลยรินะจัง ถ้างั้นช่วยตอกไข่ให้น้าสองฟองนะคะ เดี๋ยวน้าจะทำออมเล็ตให้ทาน”

    “ได้ค่ะ!” เด็กสาวขานรับอย่างกระตือรือร้น

    เด็กน่ารักแบบนี้...ต้องมาเข้าร่วมสงครามจริงๆ เหรอ...

     มิคังได้แต่โอดครวญในใจ

    ใช้เวลาไม่นานนัก ออมเล็ตสูตรพิเศษสไตล์มิคังก็ถูกเสิร์ฟให้กับรีน่าที่โต๊ะอาหาร เด็กสาวดูตื่นตากับอาหารตรงหน้า ก่อนจะบรรจงใช้ช้อนตักเข้าปากแล้วเคี้ยวหงุบหงับอย่างมีความสุข

    มิคังยืนมองรีน่าผ่านเคาน์เตอร์ได้สักพัก สายตาก็เหลือบไปเห็นคาร์เดียกำลังเดินตรงมาหาเธอ ผมยาวสลวยถึงเอวของเด็กสาวส่ายไปมาทุกย่างก้าวที่เดิน สวมเสื้อแขนยาวแบบมีฮู้ดและกระโปรงสั้นเหนือเข่า

    ดีค่า พี่สาว~

    คาร์เดียทักทายด้วยน้ำเสียงหวานใส

    “สวัสดีค่ะคาจิจัง ทานอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่ทำให้”

    ทว่า เด็กสาวกลับไม่ได้ฟังคำถามของมิคัง ดวงตาสีทองเปล่งประกายของคาร์เดียจ้องมองมิคังอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเบิกกว้างเหมือนนึกอะไรออก

    “อ้ะ พี่สาวร้านคินคาเสะนี่นา!” คาร์เดียกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “รู้จักร้านของพี่ด้วยเหรอคะ?”

    “หนูเรียนที่เขตการศึกษาประจำเขตสองค่ะ ไปกินกับเพื่อนบ่อยๆ”

    เขตการศึกษาประจำเขตสอง ตั้งอยู่ภายในเมืองหลวงเขตสอง ห่างจากร้านคินคาเสะเพียงแม่น้ำคั่นกลางเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักศึกษาจากที่นั่นจะเคยมาที่ร้านของเธอ

    “ขอบคุณที่อุดหนุนร้านพี่นะคะ” มิคังโค้งศีรษะให้คาร์เดียเล็กน้อย

    “หนูเห็นคนกินแล้วชักดาบด้วย พี่จับได้มั้ย...”

    มิคังพลันนึกไปถึงวันที่โกสต์มาหาเธอที่ร้าน มอบแหวนพิเศษจากนักประดิษฐ์หยงให้เธอ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดยที่ลืมจ่ายเงิน ต้องลำบากหญิงสาววิ่งออกไปตาม

    คาร์เดียคงจะมาที่ร้านของเธอวันนั้นพอดี

    “อ๋อ ค่ะ เคลียร์เรียบร้อยแล้วค่ะ”

    หลังจากคุยเล่นกันสักพัก คาร์เดียก็ขอผักสลัดเป็นอาหารเช้าจากมิคัง หญิงสาวจึงหันเข้าไปในครัวครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงมีดกระทบกับเขียงดังแว่วออกมา ก่อนจะกลับมาพร้อมกับจานสลัดที่เต็มไปด้วยผักหลายชนิดที่ถูกหั่นมาแบบพอดีคำ เสิร์ฟพร้อมซอสงาที่ใช้เป็นน้ำสลัด

    “เชิญค่ะ” มิคังกล่าวพร้อมค้อมตัวเล็กน้อย

    “ขอบคุณค่า ว้าว~ น่าทานจังเลย

    เด็กสาวใช้ส้อมจิ้มผักชิ้นหนึ่งขึ้นมาหมุนมองด้วยสายตาสนอกสนใจ ก่อนจะนำเข้าปากเคี้ยวกรุบๆ มิคังดูออกว่าเด็กสาวกำลังพิจารณารอยหั่นผักของเธอ ทำให้เธอเข้าใจในทันทีว่า คาร์เดียอาจไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาๆ อย่างที่เธอคิด

    ระหว่างที่คาร์เดียกำลังรับประทานสลัดอยู่นั้น เสียงเมลเข้าก็ดังจากสายรัดข้อมือของเธอและมิคังพร้อมๆ กัน จนไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นคนส่งมา

    วันที่ 7 พฤษภาคม, เวลา 8.55 น.

    ผู้ส่ง: เวอร์กัส

    เนื้อหา: ประชุมด่วน เก้าโมง ที่ห้องประชุมในฐานทัพ

     

    ...........................................................................................

     

    ขอโทษที่ต้องเรียกมาด่วน ฉันมีภารกิจมาให้พวกเธอทำ

    เวอร์กัสปาดนิ้วลงบนกระจก พลันภาพโฮโลแกรมก็ฉายขึ้นมาจากโต๊ะวงกลมกลางห้อง เป็นวิดีโอคลิปที่ถ่ายเห็นลำแสงสีม่วงขนาดใหญ่พุ่งตรงจากยอดเขาสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนโดยรอบ โหมกระหน่ำด้วยพายุหิมะ

    ลำแสงประหลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนที่ยอดเขาพัมพ์กินส์ บริเวณชานเมืองเวสเทิร์นฟอร์ด ประชาชนตื่นตระหนกว่านี่อาจจะเป็นเวทต้องห้ามของทางฝ่ายแฟนตาเซีย อีกทั้งบริเวณเทือกเขายังปกคลุมไปด้วยพลังงานบางอย่างทำให้ไม่สามารถขับพาหนะทุกชนิดขึ้นไปได้ ฉันจึงอยากให้รีน่าไปตรวจสอบสาเหตุของลำแสงประหลาดนั่น เวอร์กัสกล่าวพลางหันไปมองรีน่า

    หนู...คนเดียวเหรอคะ?”

    ร่างเล็กเอ่ยถามตะกุกตะกัก ดวงตาสีแดงเบิกกว้างด้วยความตกใจ

    ใช่ เธอคนเดียว เวอร์กัสย้ำ

    เมื่อมิคังได้ยินดังนั้น ราวกับเส้นด้ายแห่งความอดทนของเธอเริ่มสั่นคลอน

    ขออนุญาตค่ะ

    มิคังยกมือพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สะกดความไม่พอใจเอาไว้

    เชิญครับ เวอร์กัสตอบรับพลางผายมือไปทางหญิงสาว

    นี่คุณคิดจะส่งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ไปปีนยอดเขาฝ่าพายุหิมะแบบนั้นคนเดียวหรือคะ?”

    เข้าใจถูกแล้วครับเวอร์กัสตอบด้วยรอยยิ้ม

    ฉันขอคัดค้านค่ะ ฉันเกรงว่าภารกิจนี้จะหนักเกินไปสำหรับ...

    ผมว่าคุณคงจะลืมอะไรไปนะ เวอร์กัสเอ่ยขัดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

    หน้าที่ของคุณคือทำตามคำสั่ง ไม่ใช่คัดค้าน

    เส้นด้ายแห่งความอดทนขาดผึงลงตรงนั้น มิคังลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอามือไปทาบไว้ที่ด้ามดาบพร้อมที่จะชักออกมาฟันคนตรงหน้าได้ทันที ดวงตาสีฟ้าคมกริบจ้องมองเวอร์กัสราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    ขณะเดียวกัน เอเลี่ยนก็ลุกขึ้นแตะปืนที่เอวเพื่อขู่มิคังเช่นกันในฐานะลูกน้องของเวอร์กัสที่ต้องปกป้องเจ้านาย บรรยากาศอันตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง

    ไม่เป็นไรค่ะคุณน้ามิคัง หนูจะทำภารกิจนี้ค่ะ

    เสียงใสเอ่ยแทรกขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่น ดึงสายตาของมิคังให้เหลือบไปมอง

    ดวงตาสีแดงที่สบมานั้นเต็มไปด้วยความสับสน แต่กลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น มือเล็กๆ ยกขึ้นกำแน่นระดับอกเพื่อเสริมความมั่นใจ จนหญิงสาวใจอ่อนยอมผละมือจากดาบและนั่งลง แต่ยังมิวายหันไปจ้องเวอร์กัสเขม็งด้วยสายตาอาฆาต

    ไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอกครับ คุณเองก็มีภารกิจที่ต้องทำเช่นกัน

    เวอร์กัสกล่าวอย่างไม่ยี่หระท่าทีของหญิงสาว นิ้วเคาะเปิดจอใหม่ขึ้นมาเป็นทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน และผู้คนที่แต่งกายคล้ายชนเผ่า มีรอยสักเต็มตัว กำลังเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะ

    ที่ชายแดนน้ำแข็ง

     

     

    อ่านฉากการประชุมในมุมมองของเอเลี่ยนได้ที่ [Me who came from the star]
    อ่านฉากการประชุมในมุมมองของรีน่าได้ที่ [Robot's breath]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×