คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : The Departure of The Wind
Chapter 4 : The Departure of The Wind
“ให้คุณสุริยะเป็น ‘นายใหญ่’ ชั่วคราวเหรอคะ?”
“ค่ะ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ขอให้ทุกคนเชื่อฟังคุณสุริยะนะคะ”
หลังจากผ่านมาสองวัน ตกกลางคืน มิคังก็แจ้งให้พนักงานทุกคนของร้านคินคาเสะทราบว่า เธอมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำต่างเมือง และเป็นธุระที่กินเวลานานมาก อาจต้องหายหน้าไปเป็นเดือน จึงแต่งตั้งให้คุณสุริยะเป็นผู้ดูแลร้านคินคาเสะแทนตนเองในช่วงที่เธอไม่อยู่
“แล้วนายหญิงจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ?” ยุ้ยเอ่ยถามขึ้น
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ รู้แต่ว่าคงนานพอดู”
มิคังตอบด้วยความสัตย์จริง เธอเองก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าการเข้าร่วม ‘หน่วยพิเศษ’ นี้ต้องปฏิบัติหน้าที่อีกนานแค่ไหน เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภารกิจที่เธอจะได้รับมอบหมายนั้นเป็นงานลักษณะใด
“ฝากดูแลยุยจังด้วยนะคะเอริจัง” มิคังหันไปพูดกับพนักงานสาวที่ชื่อเอลลี่พร้อมกับลูบหัวยุ้ยอย่างเอ็นดู
“ไว้ใจได้เลยค่ะนายหญิง”
“คุณเซเรนะ คอยช่วยเหลือคุณสุริยะดูแลทุกคนด้วยนะคะ” มิคังเอ่ยกับเซเรน่า พนักงานสาวอีกคนที่อายุมากกว่ามิคังสามปี มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ
“ค่ะคุณมิคัง”
“ว่าแต่คุณสุริยะหายไปไหนกันนะ นายหญิงจะไปแล้วแท้ๆ” เซเรน่าเอ่ยขึ้นหลังจากหันซ้ายหันขวาแล้วไม่พบชายที่เธอกล่าวถึง
“ผมยังไม่เห็นเขาออกจากห้องพักเลยนะครับ” พนักงานหนุ่มที่ชื่อมิ่งบุญตอบ
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานเลื่อนห้องของชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าพ่อครัวแห่งร้านคินคาเสะ สูดหายใจเข้าเต็มปอด และเอ่ยด้วยเสียงใสกังวาน
“คุณสุริยะ มิคังเองค่ะ”
“เชิญครับ”
เมื่อมิคังเลื่อนเปิดประตูก็พบกับสุริยะกำลังนั่งคุกเข่าหลับตาอยู่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง มิคังจึงเดินเข้าไปแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่ม
“จำเป็นต้องไปจริงๆ หรือครับ” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นพร้อมกับเปิดปากถาม สายตาของเขาแลดูเว้าวอนเศร้าสร้อย
“ฉันเกรงว่าหากปฏิเสธไป อาจนำภัยมาสู่ร้านเราได้ค่ะ” มิคังตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อีกฝ่ายมีอิทธิพลมากขนาดนั้นเชียวหรือครับ”
“ค่ะ ถ้าเอ่ยชื่อ ‘เวอร์กัส’ คุณคงรู้จักสินะคะ”
เพียงได้ยินชื่อ ดวงตาของสุริยะก็กระตุกเล็กน้อย ใบหน้าคมเข้มปรากฏความกังวลขึ้นมาชัดเจน
เวอร์กัส ชายผู้ถูกขนานนามว่ามันสมองแห่งเมโทรโปลิส อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงจอมพลอีกด้วย ว่ากันว่าอำนาจในมือของเขานั้นอาจมากกว่าผู้นำของประเทศนี้ด้วยซ้ำ
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ฝากร้านของเราด้วยนะคะคุณสุริยะ”
“ครับ...จนกว่าคุณจะกลับมา” ชายหนุ่มตอบ
“ฉันต้องกลับมาแน่นอนค่ะ”
รอยยิ้มอันงดงามของหญิงสาว สะกดให้ชายหนุ่มจ้องมองจนแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ
แล้วบทสนทนาของทั้งสองก็ขาดช่วงไป เกิดความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง หญิงสาวจึงโค้งให้ชายหนุ่มก่อนจะลุกขึ้น หันหลัง และเดินไปที่ประตู
“มิคัง!”
เสียงของสุริยะฟังดูเข้มแข็งและจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา มือเรียวงามของหญิงสาวหยุดชะงักอยู่ตรงที่เปิดประตู แต่เธอไม่กล้าหันกลับไปหาชายหนุ่ม...
เพราะบัดนี้ดวงตาสีฟ้าของหญิงสาวคลอเบ้าไปด้วยน้ำใสๆ เสียแล้ว
“ผมจะรอคุณนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็จะรอ”
มิคังยังคงยืนนิ่ง พยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้
“พอถึงวันนั้น...วันที่คุณกลับมา...แต่งงานกับผมนะมิคัง”
‘แต่งงานกับผมนะมิคัง’
คำพูดของสุริยะดังก้องอยู่ในหัวของหญิงสาว พลันน้ำตาที่กลั้นมาตลอดก็เอ่อล้นไหลอาบแก้มขาวเนียนของเธอไม่หยุดราวกับทำนบที่กั้นไว้พังทลายลง
ไร้เสียงตอบรับจากหญิงสาว มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นไห้ได้ยินไปถึงชายหนุ่ม มืออีกข้างค่อยๆ เอื้อมไปเปิดประตูออกทั้งที่ยังสั่นเทา...
มิคังผงกหัวเล็กน้อยแทนคำตอบ และรีบออกจากห้องไปทันที
...........................................................................................
เบื้องหน้าของมิคังคืออาคารขนาดใหญ่บุผนังด้วยเบริลเลียม มีสนามหญ้าเขียวชอุ่มอยู่ด้านหน้า เป็นฐานทัพของ ‘หน่วยพิเศษ’ ที่มิคังต้องมาปฏิบัติงานตามคำเชิญของเวอร์กัส ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้คนของหน่วยพิเศษมาอาศัยอยู่โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ในเขตหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพ เป็นเขตที่มีอาณาเขตติดกับชายแดนของประเทศ ‘แฟนตาเซีย’ อันเป็นศัตรูคู่แค้นของชาวเมโทรโปรลิสมาช้านาน
ซึ่งสมาชิกของหน่วยพิเศษนี้...มีอยู่ทั้งหมดหกคน
ย้อนกลับไปเมื่อวาน วันที่มิคังมาประชุมที่ฐานทัพครั้งแรก
ณ ห้องประชุมภายในฐานทัพของหน่วยพิเศษ สมาชิกของหน่วยทั้งหกคนอยู่กันพร้อมหน้านั่งเรียงกันเป็นวงกลมที่โต๊ะประชุม รวมไปถึงแม่ทัพปริภูมิ และ...
“สวัสดี ผู้ถูกเลือกทั้งหลาย ขอบคุณที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
เขาคือชายหนุ่มผู้ซึ่งกุมอำนาจทั้งหมดแห่งกองทัพเมโทรโปลิสไว้ เป็นจอมพลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ มีอำนาจถึงขนาดสั่งการผู้นำของประเทศแห่งนี้ได้ เจ้าของเรือนผมสีทองยาวประบ่า รูปร่างสูงสง่าในชุดเครื่องแบบแขนยาวสีน้ำเงิน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแลดูเจ้าสำอาง นัยน์ตาสีเขียวมรกตฉายแววเฉลียวฉลาด ดวงตาเจ้าเล่ห์กวาดมองสมาชิกทุกคนในห้องประชุม
นามของเขาคือ...
“ฉันชื่อเวอร์กัส เป็นคนออกคำสั่งให้เชิญพวกคุณมาที่นี่ เพื่อเป็นกำลังรับมือกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น”
สงครามที่เวอร์กัสหมายถึง คือสงครามระหว่างประเทศเมโทรโปลิสและประเทศแฟนตาเซียที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานแสนนาน จนกระทั่งเมื่อห้าร้อยปีก่อน ได้มีการทำสนธิสัญญาสงบศึกขึ้นระหว่างสองประเทศ เบื้องหน้าอ้างถึงความสงบสุขของราษฎร แต่แท้จริงคือต่างฝ่ายต่างต้องการเวลาที่จะพัฒนาวิทยาการของตนเองให้เหนือกว่าอีกฝ่ายให้ได้ ขณะที่ชาวเมโทรโปลิสพัฒนาเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย ชาวแฟนตาเซียกลับยึดมั่นในพลังของธรรมชาติและศึกษาศาสตร์แห่งเวทมนตร์ สองประเทศดำเนินไปบนวิถีทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และเส้นทางของทั้งสองประเทศ กำลังจะถึงคราวต้องมาเผชิญหน้ากัน สนธิสัญญาสงบศึกได้ถูกทำลายลง...
เพียงเพราะวาจาอันหยิ่งยโส ของชายหนุ่มผมสีทองคนนี้
“แล้วทำไมไม่ใช้กำลังทหารที่มีอยู่ล่ะคะ?”
เสียงใสๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้นโดยไม่สนใจเวอร์กัสที่กำลังจะพูดต่อ ใบหน้าอ่อนเยาว์คาดว่าอายุไม่เกินสิบเจ็ด ทำเอามิคังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงมีเด็กวัยรุ่นมาอยู่ในหน่วยพิเศษนี้ด้วย อันที่จริงพอหญิงสาวกวาดสายตามองดีๆ ก็พบว่าแทบทุกคนในห้องนี้ยังดูอายุน้อยกันอยู่เลย ยกเว้นชายในชุดกาวน์แพทย์คนหนึ่งที่น่าจะอายุเกินสามสิบแล้ว และ...มีแพะตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ประชุมด้วย
“เพราะพวกคุณทุกคนพิเศษกว่าคนอื่นๆ ในประเทศนี้ ฉันถึงต้องเรียกหน่วยนี้ว่า 'หน่วยพิเศษ' ” เวอร์กัสตอบ
“พิเศษกว่ายังไงคะ หนูเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดานะคะ”
คำถามเจื้อยแจ้วของเด็กสาวทำเอาเวอร์กัสคิ้วกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“งั้นก็ออกไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนธรรมดา”
เด็กสาวถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำตอบอันรุนแรงกลับมา เธอคงไม่คิดว่าเวอร์กัสจะตอบอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ เด็กสาวทำท่าเลิ่กลั่กหันมามองมิคังด้วยสายตาเว้าวอนคล้ายจะขอความช่วยเหลือ
“ถึงอย่างนั้น วิธีการเชิญเรามาที่นี่ของคุณ ก็ค่อนข้างจะเสียมารยาทไปหน่อยนะคะ”
มิคังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่แพ้กันเพื่อตำหนิเวอร์กัส จากเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มผิวซีดมาอาละวาดจนแทบจะพังร้านของเธอแต่โชคดีที่ปริภูมิมาห้ามไว้ทัน ซึ่งเด็กหนุ่มคนนั้นก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยพิเศษและนั่งประชุมอยู่ในห้องนี้ด้วย เด็กสาวเห็นมิคังช่วยเอาคืนให้ก็แอบนั่งอมยิ้มชอบใจ
“ขอโทษแทนคนของเราด้วยแล้วกัน พอดีผมระบุไปว่า ‘ด่วนที่สุด’ ‘ไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม’ และ ‘อนุญาตให้ใช้กำลัง’ ” เวอร์กัสตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งมิคังรังเกียจรอยยิ้มเสแสร้งเช่นนี้เป็นที่สุด
“เชิญกันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ดีนะที่ฉันเสนอตัวเองก่อน”
ชายในชุดกาวน์แพทย์พูดพลางกลั้นหัวเราะพร้อมกับเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ เขามีใบหน้าที่ซูบผอม หนวดเคราขึ้นประปราย และผมเผ้าสีดำยุ่งเหยิง
“ละ...แล้วหน่วยนี้ต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ?”
เด็กสาวอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งมีเส้นผมสีน้ำเงินแปลกตาเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ และที่แปลกกว่าคือนัยน์ตาสีแดงของเธอ ดูจากใบหน้าไร้เดียงสาและรูปร่างเล็กบอบบางแล้วคาดว่าน่าจะอายุน้อยกว่าเด็กสาวคนแรกด้วยซ้ำ
“แค่ทำตามสิ่งที่ฉันบอก”
เวอร์กัสตอบสั้นๆ ราวกับตั้งใจทิ้งให้เป็นปริศนา ก่อนจะปาดนิ้วลงบนกระจกที่โต๊ะ พลันภาพสามมิติก็ปรากฏขึ้นตรงกลางโต๊ะประชุม เป็นภาพร่างกายเต็มตัวของสมาชิกทุกคนยืนหันหลังให้กันเป็นวงกลม
เด็กหนุ่มผิวซีดชื่อ ‘เอเลี่ยน’
เด็กสาวผมสีดำยาวชื่อ ‘คาร์เดีย’
ชายในชุดกาวน์แพทย์ชื่อ ‘เรเว่น’
เด็กสาวผมสีน้ำเงินชื่อ ‘รีน่า’
นอกจากนี้ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในห้องประชุมขณะนี้ ชื่อของเขาคือ... ‘แพะ’
มิคังถึงกับต้องเหลือบไปมองแพะที่กำลังนั่งแลบลิ้นอยู่บนเก้าอี้...ทำไมถึงกลายเป็นแพะจริงๆ แทนที่จะเป็นเด็กหนุ่มไปได้
“พวกคุณคือผู้ที่ทางกองทัพได้เลือกสรรมาอย่างดี ชื่อของพวกคุณจะไม่ถูกบันทึกหรือจดจำใดๆ ทั้งสิ้น จงจำเอาไว้ว่าพวกคุณไม่ได้ต่อสู้เพื่อเมโทรโปลิสหรือเพื่อตำแหน่งหน้าที่ของใคร..."
เวอร์กัสเว้นช่วง มองไปยังภาพสามมิติเบื้องหน้า
“จงสู้เพื่อตัวเอง ชัยชนะเท่านั้น...ที่จะมอบสิ่งที่พวกคุณต้องการ”
‘ช่างเป็นคำพูดที่เหมือนจะฟังดูดี แต่กลับจับใจความไม่ได้เลยสักนิด’ มิคังคิด
...........................................................................................
เมื่อจบการประชุม ปริภูมิได้แจกสายรัดข้อมือให้กับทุกคนในหน่วยพิเศษนี้ ทำจากโลหะพิเศษที่สามารถยืดหยุ่นได้ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกับสมาชิกคนอื่นรวมถึงปริภูมิและเวอร์กัสด้วย รู้พิกัดตำแหน่งของสมาชิกคนอื่นแบบเรียลไทม์ มีปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมทั้งยังสามารถแจ้งสถานะเป็นหรือตายของสมาชิกได้ด้วย
เมื่อสวมสายรัดข้อมือนี้แล้ว มันจะอ่านข้อมูลของ ‘ชิป’ ซึ่งถูกฝังอยู่ที่ข้อมือซ้ายของประชากรเมโทรโปลิสทุกคนตั้งแต่แรกเกิด โดยชิปนี้ใช้ทั้งสแกนเพื่อระบุตัวตนเหมือนบัตรประชาชน และใช้สแกนเพื่อชำระเงินในการทำธุรกรรมต่างๆ และเมื่ออุปกรณ์นี้อ่านข้อมูลจากชิปเรียบร้อยแล้ว ระบบจะจดจำเจ้าของตามชิปโดยถาวร หากมีคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของนำไปสวมใส่ อุปกรณ์จะทำลายตนเองทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกหรือศัตรูนำไปใช้ประโยชน์ได้
หลังจากที่ทุกคนสวมสายรัดข้อมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมาชิกทุกคนสามารถกลับไปยังที่พักอาศัยของตนเพื่อจัดการธุระที่คั่งค้างไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นต้องเก็บข้าวของและย้ายมาอาศัยอยู่ที่อาคารฐานทัพแห่งนี้ โดยจะมียานบินไปรับในวันพรุ่งนี้ตอนกลางคืน
ขณะที่มิคังกำลังจะเดินออกจากห้องประชุม สายตาเธอก็เหลือบไปเห็น ‘แพะ’ นั่งเคี้ยวเศษพรมที่มันกัดขึ้นมาอย่างสนุกปาก ซึ่งเมื่อครู่มันก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ประชุมด้วย จนหญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ว่า แพะตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยพิเศษด้วยหรือ แล้วเด็กหนุ่มที่ชื่อแพะหายไปไหน ยิ่งเห็นสายรัดข้อมือของสมาชิกห้อยอยู่บนเขาของมันแล้วมิคังก็ยิ่งรู้สึกข้องใจหนักเข้าไปอีก
“พี่สาววว~♥”
เสียงใสดังมาจากด้านหลังของมิคัง พอเธอหันไปก็พบกับเด็กสาวคนที่ถูกเวอร์กัสพูดจาทำร้ายจิตใจ เธอมีผมสีดำสนิทยาวถึงเอว ทำไฮไลท์บริเวณปลายผมให้ดูสวยงาม ใบหน้าสะสวย ผิวขาวผ่องนวลเนียน ดวงตาสีทองเปล่งประกายแลดูแปลกตา บนศีรษะคาดแว่นตากันลม
“หนูชื่อ ‘คาร์เดีย’ ค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะพี่สาว” เด็กสาวพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสให้มิคัง
เมื่อเห็นว่าคาร์เดียเข้ามาผูกสัมพันธ์ด้วย มิคังจึงยิ้มให้และเอ่ยแนะนำตัวพร้อมโค้งศีรษะให้เล็กน้อย
“มิคังค่ะ ขอฝากตัวเช่นเดียวกันค่ะ”
อ่านฉากการประชุมในมุมมองของเอเลี่ยนได้ที่ [Me who came from the star]
อ่านฉากการประชุมในมุมมองของเรเว่นได้ที่ [Dr.Charlatan and Mister Loong]
อ่านฉากการประชุมในมุมมองของรีน่าได้ที่ [Robot's breath]
อ่านเรื่องราวของคาร์เดียได้ที่ [Heartless Angel's Theses]
ความคิดเห็น