ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rise of The Wind คมดาบสายลมพิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : The Departure of The Wind

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 57



    Chapter 4 : The Departure of The Wind

     

    “ให้คุณสุริยะเป็นนายใหญ่ ชั่วคราวเหรอคะ?”

    “ค่ะ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ขอให้ทุกคนเชื่อฟังคุณสุริยะนะคะ”

    หลังจากผ่านมาสองวัน ตกกลางคืน มิคังก็แจ้งให้พนักงานทุกคนของร้านคินคาเสะทราบว่า เธอมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำต่างเมือง และเป็นธุระที่กินเวลานานมาก อาจต้องหายหน้าไปเป็นเดือน จึงแต่งตั้งให้คุณสุริยะเป็นผู้ดูแลร้านคินคาเสะแทนตนเองในช่วงที่เธอไม่อยู่

    “แล้วนายหญิงจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ?” ยุ้ยเอ่ยถามขึ้น

    “ยังไม่ทราบเลยค่ะ รู้แต่ว่าคงนานพอดู”

    มิคังตอบด้วยความสัตย์จริง เธอเองก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าการเข้าร่วมหน่วยพิเศษนี้ต้องปฏิบัติหน้าที่อีกนานแค่ไหน เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภารกิจที่เธอจะได้รับมอบหมายนั้นเป็นงานลักษณะใด

    “ฝากดูแลยุยจังด้วยนะคะเอริจัง” มิคังหันไปพูดกับพนักงานสาวที่ชื่อเอลลี่พร้อมกับลูบหัวยุ้ยอย่างเอ็นดู

    “ไว้ใจได้เลยค่ะนายหญิง”

    “คุณเซเรนะ คอยช่วยเหลือคุณสุริยะดูแลทุกคนด้วยนะคะ” มิคังเอ่ยกับเซเรน่า พนักงานสาวอีกคนที่อายุมากกว่ามิคังสามปี มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ

    “ค่ะคุณมิคัง”

    “ว่าแต่คุณสุริยะหายไปไหนกันนะ นายหญิงจะไปแล้วแท้ๆ” เซเรน่าเอ่ยขึ้นหลังจากหันซ้ายหันขวาแล้วไม่พบชายที่เธอกล่าวถึง

    “ผมยังไม่เห็นเขาออกจากห้องพักเลยนะครับ” พนักงานหนุ่มที่ชื่อมิ่งบุญตอบ

     

    หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานเลื่อนห้องของชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าพ่อครัวแห่งร้านคินคาเสะ สูดหายใจเข้าเต็มปอด และเอ่ยด้วยเสียงใสกังวาน

    “คุณสุริยะ มิคังเองค่ะ”

    “เชิญครับ”

    เมื่อมิคังเลื่อนเปิดประตูก็พบกับสุริยะกำลังนั่งคุกเข่าหลับตาอยู่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง มิคังจึงเดินเข้าไปแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่ม

     “จำเป็นต้องไปจริงๆ หรือครับ” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นพร้อมกับเปิดปากถาม สายตาของเขาแลดูเว้าวอนเศร้าสร้อย

    “ฉันเกรงว่าหากปฏิเสธไป อาจนำภัยมาสู่ร้านเราได้ค่ะ” มิคังตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “อีกฝ่ายมีอิทธิพลมากขนาดนั้นเชียวหรือครับ”

    “ค่ะ ถ้าเอ่ยชื่อเวอร์กัสคุณคงรู้จักสินะคะ”

    เพียงได้ยินชื่อ ดวงตาของสุริยะก็กระตุกเล็กน้อย ใบหน้าคมเข้มปรากฏความกังวลขึ้นมาชัดเจน

    เวอร์กัส ชายผู้ถูกขนานนามว่ามันสมองแห่งเมโทรโปลิส อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงจอมพลอีกด้วย ว่ากันว่าอำนาจในมือของเขานั้นอาจมากกว่าผู้นำของประเทศนี้ด้วยซ้ำ

    “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ฝากร้านของเราด้วยนะคะคุณสุริยะ”

    “ครับ...จนกว่าคุณจะกลับมา” ชายหนุ่มตอบ

    “ฉันต้องกลับมาแน่นอนค่ะ”

    รอยยิ้มอันงดงามของหญิงสาว สะกดให้ชายหนุ่มจ้องมองจนแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ

    แล้วบทสนทนาของทั้งสองก็ขาดช่วงไป เกิดความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง หญิงสาวจึงโค้งให้ชายหนุ่มก่อนจะลุกขึ้น หันหลัง และเดินไปที่ประตู

    “มิคัง!

    เสียงของสุริยะฟังดูเข้มแข็งและจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา มือเรียวงามของหญิงสาวหยุดชะงักอยู่ตรงที่เปิดประตู แต่เธอไม่กล้าหันกลับไปหาชายหนุ่ม...

    เพราะบัดนี้ดวงตาสีฟ้าของหญิงสาวคลอเบ้าไปด้วยน้ำใสๆ เสียแล้ว

    “ผมจะรอคุณนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็จะรอ”

    มิคังยังคงยืนนิ่ง พยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้

    “พอถึงวันนั้น...วันที่คุณกลับมา...แต่งงานกับผมนะมิคัง”

     

    แต่งงานกับผมนะมิคัง

    คำพูดของสุริยะดังก้องอยู่ในหัวของหญิงสาว พลันน้ำตาที่กลั้นมาตลอดก็เอ่อล้นไหลอาบแก้มขาวเนียนของเธอไม่หยุดราวกับทำนบที่กั้นไว้พังทลายลง

    ไร้เสียงตอบรับจากหญิงสาว มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นไห้ได้ยินไปถึงชายหนุ่ม มืออีกข้างค่อยๆ เอื้อมไปเปิดประตูออกทั้งที่ยังสั่นเทา...

    มิคังผงกหัวเล็กน้อยแทนคำตอบ และรีบออกจากห้องไปทันที

     

     

    ...........................................................................................

     

    เบื้องหน้าของมิคังคืออาคารขนาดใหญ่บุผนังด้วยเบริลเลียม มีสนามหญ้าเขียวชอุ่มอยู่ด้านหน้า เป็นฐานทัพของ หน่วยพิเศษที่มิคังต้องมาปฏิบัติงานตามคำเชิญของเวอร์กัส ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้คนของหน่วยพิเศษมาอาศัยอยู่โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ในเขตหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพ เป็นเขตที่มีอาณาเขตติดกับชายแดนของประเทศแฟนตาเซียอันเป็นศัตรูคู่แค้นของชาวเมโทรโปรลิสมาช้านาน

    ซึ่งสมาชิกของหน่วยพิเศษนี้...มีอยู่ทั้งหมดหกคน

     

    ย้อนกลับไปเมื่อวาน วันที่มิคังมาประชุมที่ฐานทัพครั้งแรก

    ณ ห้องประชุมภายในฐานทัพของหน่วยพิเศษ สมาชิกของหน่วยทั้งหกคนอยู่กันพร้อมหน้านั่งเรียงกันเป็นวงกลมที่โต๊ะประชุม รวมไปถึงแม่ทัพปริภูมิ และ...

    สวัสดี ผู้ถูกเลือกทั้งหลาย ขอบคุณที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้

    เขาคือชายหนุ่มผู้ซึ่งกุมอำนาจทั้งหมดแห่งกองทัพเมโทรโปลิสไว้ เป็นจอมพลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ มีอำนาจถึงขนาดสั่งการผู้นำของประเทศแห่งนี้ได้ เจ้าของเรือนผมสีทองยาวประบ่า รูปร่างสูงสง่าในชุดเครื่องแบบแขนยาวสีน้ำเงิน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแลดูเจ้าสำอาง นัยน์ตาสีเขียวมรกตฉายแววเฉลียวฉลาด ดวงตาเจ้าเล่ห์กวาดมองสมาชิกทุกคนในห้องประชุม

    นามของเขาคือ...

    ฉันชื่อเวอร์กัส เป็นคนออกคำสั่งให้เชิญพวกคุณมาที่นี่ เพื่อเป็นกำลังรับมือกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น

    สงครามที่เวอร์กัสหมายถึง คือสงครามระหว่างประเทศเมโทรโปลิสและประเทศแฟนตาเซียที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานแสนนาน จนกระทั่งเมื่อห้าร้อยปีก่อน ได้มีการทำสนธิสัญญาสงบศึกขึ้นระหว่างสองประเทศ เบื้องหน้าอ้างถึงความสงบสุขของราษฎร แต่แท้จริงคือต่างฝ่ายต่างต้องการเวลาที่จะพัฒนาวิทยาการของตนเองให้เหนือกว่าอีกฝ่ายให้ได้ ขณะที่ชาวเมโทรโปลิสพัฒนาเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย ชาวแฟนตาเซียกลับยึดมั่นในพลังของธรรมชาติและศึกษาศาสตร์แห่งเวทมนตร์ สองประเทศดำเนินไปบนวิถีทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    และเส้นทางของทั้งสองประเทศ กำลังจะถึงคราวต้องมาเผชิญหน้ากัน สนธิสัญญาสงบศึกได้ถูกทำลายลง...

    เพียงเพราะวาจาอันหยิ่งยโส ของชายหนุ่มผมสีทองคนนี้

    แล้วทำไมไม่ใช้กำลังทหารที่มีอยู่ล่ะคะ?

    เสียงใสๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้นโดยไม่สนใจเวอร์กัสที่กำลังจะพูดต่อ ใบหน้าอ่อนเยาว์คาดว่าอายุไม่เกินสิบเจ็ด ทำเอามิคังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงมีเด็กวัยรุ่นมาอยู่ในหน่วยพิเศษนี้ด้วย อันที่จริงพอหญิงสาวกวาดสายตามองดีๆ ก็พบว่าแทบทุกคนในห้องนี้ยังดูอายุน้อยกันอยู่เลย ยกเว้นชายในชุดกาวน์แพทย์คนหนึ่งที่น่าจะอายุเกินสามสิบแล้ว และ...มีแพะตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ประชุมด้วย

    เพราะพวกคุณทุกคนพิเศษกว่าคนอื่นๆ ในประเทศนี้ ฉันถึงต้องเรียกหน่วยนี้ว่า 'หน่วยพิเศษ'  เวอร์กัสตอบ

    พิเศษกว่ายังไงคะ หนูเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดานะคะ

    คำถามเจื้อยแจ้วของเด็กสาวทำเอาเวอร์กัสคิ้วกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

    งั้นก็ออกไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนธรรมดา

    เด็กสาวถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำตอบอันรุนแรงกลับมา เธอคงไม่คิดว่าเวอร์กัสจะตอบอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ เด็กสาวทำท่าเลิ่กลั่กหันมามองมิคังด้วยสายตาเว้าวอนคล้ายจะขอความช่วยเหลือ

    ถึงอย่างนั้น วิธีการเชิญเรามาที่นี่ของคุณ ก็ค่อนข้างจะเสียมารยาทไปหน่อยนะคะ

    มิคังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่แพ้กันเพื่อตำหนิเวอร์กัส จากเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มผิวซีดมาอาละวาดจนแทบจะพังร้านของเธอแต่โชคดีที่ปริภูมิมาห้ามไว้ทัน ซึ่งเด็กหนุ่มคนนั้นก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยพิเศษและนั่งประชุมอยู่ในห้องนี้ด้วย เด็กสาวเห็นมิคังช่วยเอาคืนให้ก็แอบนั่งอมยิ้มชอบใจ

    ขอโทษแทนคนของเราด้วยแล้วกัน พอดีผมระบุไปว่า ด่วนที่สุดไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม และ อนุญาตให้ใช้กำลังเวอร์กัสตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งมิคังรังเกียจรอยยิ้มเสแสร้งเช่นนี้เป็นที่สุด

    เชิญกันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ดีนะที่ฉันเสนอตัวเองก่อน

    ชายในชุดกาวน์แพทย์พูดพลางกลั้นหัวเราะพร้อมกับเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ เขามีใบหน้าที่ซูบผอม หนวดเคราขึ้นประปราย และผมเผ้าสีดำยุ่งเหยิง

    ละ...แล้วหน่วยนี้ต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ?

    เด็กสาวอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งมีเส้นผมสีน้ำเงินแปลกตาเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ และที่แปลกกว่าคือนัยน์ตาสีแดงของเธอ ดูจากใบหน้าไร้เดียงสาและรูปร่างเล็กบอบบางแล้วคาดว่าน่าจะอายุน้อยกว่าเด็กสาวคนแรกด้วยซ้ำ

    แค่ทำตามสิ่งที่ฉันบอก

    เวอร์กัสตอบสั้นๆ ราวกับตั้งใจทิ้งให้เป็นปริศนา ก่อนจะปาดนิ้วลงบนกระจกที่โต๊ะ พลันภาพสามมิติก็ปรากฏขึ้นตรงกลางโต๊ะประชุม เป็นภาพร่างกายเต็มตัวของสมาชิกทุกคนยืนหันหลังให้กันเป็นวงกลม ทำให้มิคังทราบชื่อของสมาชิกทุกคน

    เด็กหนุ่มผิวซีดชื่อ เอเลี่ยน

    เด็กสาวผมสีดำยาวชื่อ คาร์เดีย

    ชายในชุดกาวน์แพทย์ชื่อ เรเว่น

    เด็กสาวผมสีน้ำเงินชื่อ รีน่า

    นอกจากนี้ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในห้องประชุมขณะนี้ ชื่อของเขาคือ... แพะ

    มิคังถึงกับต้องเหลือบไปมองแพะที่กำลังนั่งแลบลิ้นอยู่บนเก้าอี้...ทำไมถึงกลายเป็นแพะจริงๆ แทนที่จะเป็นเด็กหนุ่มไปได้

    พวกคุณคือผู้ที่ทางกองทัพได้เลือกสรรมาอย่างดี ชื่อของพวกคุณจะไม่ถูกบันทึกหรือจดจำใดๆ ทั้งสิ้น จงจำเอาไว้ว่าพวกคุณไม่ได้ต่อสู้เพื่อเมโทรโปลิสหรือเพื่อตำแหน่งหน้าที่ของใคร..."

    เวอร์กัสเว้นช่วง มองไปยังภาพสามมิติเบื้องหน้า

    จงสู้เพื่อตัวเอง ชัยชนะเท่านั้น...ที่จะมอบสิ่งที่พวกคุณต้องการ

    ช่างเป็นคำพูดที่เหมือนจะฟังดูดี แต่กลับจับใจความไม่ได้เลยสักนิด มิคังคิด

     

    ...........................................................................................

     

    เมื่อจบการประชุม ปริภูมิได้แจกสายรัดข้อมือให้กับทุกคนในหน่วยพิเศษนี้ ทำจากโลหะพิเศษที่สามารถยืดหยุ่นได้ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกับสมาชิกคนอื่นรวมถึงปริภูมิและเวอร์กัสด้วย รู้พิกัดตำแหน่งของสมาชิกคนอื่นแบบเรียลไทม์ มีปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมทั้งยังสามารถแจ้งสถานะเป็นหรือตายของสมาชิกได้ด้วย

    เมื่อสวมสายรัดข้อมือนี้แล้ว มันจะอ่านข้อมูลของ ชิป ซึ่งถูกฝังอยู่ที่ข้อมือซ้ายของประชากรเมโทรโปลิสทุกคนตั้งแต่แรกเกิด โดยชิปนี้ใช้ทั้งสแกนเพื่อระบุตัวตนเหมือนบัตรประชาชน และใช้สแกนเพื่อชำระเงินในการทำธุรกรรมต่างๆ และเมื่ออุปกรณ์นี้อ่านข้อมูลจากชิปเรียบร้อยแล้ว ระบบจะจดจำเจ้าของตามชิปโดยถาวร หากมีคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของนำไปสวมใส่ อุปกรณ์จะทำลายตนเองทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกหรือศัตรูนำไปใช้ประโยชน์ได้

    หลังจากที่ทุกคนสวมสายรัดข้อมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมาชิกทุกคนสามารถกลับไปยังที่พักอาศัยของตนเพื่อจัดการธุระที่คั่งค้างไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นต้องเก็บข้าวของและย้ายมาอาศัยอยู่ที่อาคารฐานทัพแห่งนี้ โดยจะมียานบินไปรับในวันพรุ่งนี้ตอนกลางคืน

    ขณะที่มิคังกำลังจะเดินออกจากห้องประชุม สายตาเธอก็เหลือบไปเห็น แพะ นั่งเคี้ยวเศษพรมที่มันกัดขึ้นมาอย่างสนุกปาก ซึ่งเมื่อครู่มันก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ประชุมด้วย จนหญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ว่า แพะตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยพิเศษด้วยหรือ แล้วเด็กหนุ่มที่ชื่อแพะหายไปไหน ยิ่งเห็นสายรัดข้อมือของสมาชิกห้อยอยู่บนเขาของมันแล้วมิคังก็ยิ่งรู้สึกข้องใจหนักเข้าไปอีก

    “พี่สาววว~

    เสียงใสดังมาจากด้านหลังของมิคัง พอเธอหันไปก็พบกับเด็กสาวคนที่ถูกเวอร์กัสพูดจาทำร้ายจิตใจ เธอมีผมสีดำสนิทยาวถึงเอว ทำไฮไลท์บริเวณปลายผมให้ดูสวยงาม ใบหน้าสะสวย ผิวขาวผ่องนวลเนียน ดวงตาสีทองเปล่งประกายแลดูแปลกตา บนศีรษะคาดแว่นตากันลม

    “หนูชื่อ คาร์เดียค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะพี่สาว” เด็กสาวพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสให้มิคัง

    เมื่อเห็นว่าคาร์เดียเข้ามาผูกสัมพันธ์ด้วย มิคังจึงยิ้มให้และเอ่ยแนะนำตัวพร้อมโค้งศีรษะให้เล็กน้อย

    “มิคังค่ะ ขอฝากตัวเช่นเดียวกันค่ะ”

     

     

    อ่านฉากการประชุมในมุมมองของเอเลี่ยนได้ที่ [Me who came from the star]
    อ่านฉากการประชุมในมุมมองของเรเว่นได้ที่ [Dr.Charlatan and Mister Loong]
    อ่านฉากการประชุมในมุมมองของรีน่าได้ที่ [Robot's breath]
    อ่านเรื่องราวของคาร์เดียได้ที่
    [Heartless Angel's Theses]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×