คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue : Face The Wind
Prologue : Face The Wind
“พวกมันมาแล้ว!!!”
เสียงหนึ่งตะโกนดังลั่นก้องไปทั่วทั้งโกดัง ปลุกให้สมาชิกทุกคนตื่นตัวพร้อมรับมือกับศัตรู
บึ้ม!!!
ประตูโกดังที่ทำจากเหล็กถูกแรงระเบิดมหาศาลเป่าจนกระจุยกระจาย เกิดช่องว่างขนาดใหญ่พอที่คนจะวิ่งเข้ามาได้ แน่นอนว่าฝ่ายที่อยู่ในโกดังคงไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ระดมยิงสกัดไปที่ช่องว่างนั่นทันที
ฉับพลัน กระสุนที่ระดมยิงไปนั้นกลับปะทะเข้ากับสายลมอันแข็งแกร่ง จนกระสุนเหล่านั้นถูกดีดกลับกระเด็นปลิวหายไปหมดสิ้น พลันปรากฏร่างของบุรุษในชุดสีเทาพร้อมหน้ากากปิดปากผู้มีเรือนผมสีทองและดวงตาสีฟ้าท่ามกลางสายลมที่โหมกระหน่ำรุนแรงขึ้น
ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว ปืนที่อยู่ในมือก็ถูกฟันด้วยดาบยาวสีทองอร่าม ก่อนจะบังเกิดสายลมที่รุนแรงซัดตามไปจนเจ้าของปืนปลิวไปกระแทกกับตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลัง ปืนทุกกระบอกจึงหันมาระดมยิงใส่เจ้าของดาบเล่มงามทันที
บุรุษผมทองวิ่งหลบห่ากระสุนอย่างคล่องแคล่วราวกับกำลังวิ่งเล่นในสวน ก่อนจะสบโอกาสฟาดฟันดาบจากระยะไกลเข้าใส่อีกฝ่ายที่ระดมยิงมาไม่หยุด สายลมที่เกิดจากการตวัดดาบพุ่งเข้าเฉือนปืนทุกกระบอกในรัศมีการฟันจนตัวปืนแยกออกเป็นสองเสี่ยงราวกับถูกตัดด้วยของมีคม
เมื่อมีคนเปิดทางให้แล้ว บุรุษในชุดสีเทาที่สวมหมวกกันกระสุนอีกหลายคนก็วิ่งบุกเข้ามาทางช่องวางของประตูโกดัง ประจัญบานกับกลุ่มศัตรูที่อยู่ในโกดังอีกหลายสิบคน เสียงรัวปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นแสบแก้วหู ควันจากระเบิดลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ก่อนจะถูกพัดให้กระจายหายไปด้วยการตวัดดาบของบุรุษผมทอง
เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ฝ่ายที่อยู่ในโกดังก็ทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำ ถูกกระสุนปืนและคมดาบ ล้มลงนอนจมกองเลือดคนแล้วคนเล่า
“พอแค่นั้นแหละ!”
เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นดึงความสนใจของทุกคนให้ออกจากบรรยากาศแห่งการเข่นฆ่า บังเกิดเป็นความเงียบเข้าแทนที่
“ถ้าพวกแกทำอะไรไปมากกว่านี้ ข้าจะกดปุ่มเพื่อระเบิดห้องตัวประกันทันที!”
ราวกับคำพูดนั้นเป็นมนต์สะกด บุรุษในชุดสีเทาทุกคนหยุดนิ่งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในมือของชายผู้ตะโกนถือสวิตช์ที่มีปุ่มสีแดงพร้อมกับวางนิ้วโป้งประทับไว้พร้อมออกแรงกดได้ทุกเมื่อ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของชายผู้นั้น
ทันใดนั้นเอง เสียงประตูเลื่อนเปิดปิดก็ดังมาจากห้องด้านในทำลายความเงียบที่เพิ่งเกิดขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าและการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบคล้ายทหารสีเทาเข้ม ที่ต้นแขนขวามีตราสัญลักษณ์แสดงถึงหน่วยงานที่เขาสังกัด
ทางที่เด็กหนุ่มเดินออกมานั้นคือทางที่ไปสู่ห้องของตัวประกัน สร้างความประหลาดใจและงุนงงให้แก่ชายผู้ถือสวิตช์ระเบิดอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ทำไมถึงมีเด็กหนุ่มคนนี้เดินออกมาได้
“พาตัวประกันหนีไปเรียบร้อยแล้วครับ ระเบิดก็กู้เสร็จแล้วด้วย จัดการที่เหลือได้เลยครับ”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ว่าไงนะ!?”
และนั่นคือคำพูดสุดท้ายของชายผู้กำสวิตช์ระเบิดไว้ในมือ ก่อนจะถูกฟันด้วยดาบเล่มสีทองจนเลือดสาดกระเซ็นเปื้อนผนัง
ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
...........................................................................................
“เป็นไงบ้างครับ งานแรกของผม”
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบเอ่ยถามบุรุษผมทองที่นั่งอยู่เบาะฝั่งตรงข้าม เส้นผมสีดำของเด็กหนุ่มชี้ขึ้นสองข้างราวเป็นเสาอากาศ ดวงตาเรียวเล็กสีน้ำตาลมองคู่สนทนาอย่างจดจ่อเพื่อรอคำตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ทั้งสองกำลังอยู่บนยานลำเลียงที่จะพาพวกเขาบินกลับฐานทัพ
บุรุษผมทองเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะถอดหน้ากากปิดปากออกเผยให้เห็นใบหน้าชัดๆ เส้นผมสีทองซอยสั้นเปิดใบหู ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายภายใต้แพขนตางามงอน รูปหน้าเรียวงาม ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ
บุรุษผมทองคนนี้...เป็นผู้หญิง
“ก็ดีนะ ปฏิบัติการได้รวดเร็วดี ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าทีมของเธอจัดการที่ห้องตัวประกันช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวตอบ ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับยิ้มร่า รู้สึกภูมิใจในตนเองมากขึ้นเป็นกอง
“แต่ฝีมือของเจ๊นี่สุดยอดเลยนะครับ เจ๊ทำยังไงอ่ะครับ ที่ฟันดาบออกมาเป็นสายลมแบบนั้น หรือว่าจะเป็นสกิลของดาบที่หยงสร้าง?” เด็กหนุ่มถามต่ออย่างสงสัยใคร่รู้
“เปล่าหรอก นั่นวิชาดาบของฉันเอง”
“โห~ เจ๋งอ่ะเจ๊ อยากทำได้บ้างจัง”
หญิงสาวลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างหน่ายใจ ภาวนาในใจว่าขอให้เด็กหนุ่มคนนี้เลิกเรียกเธอว่า ‘เจ๊’ เสียที แต่เธอกลับไม่ยอมบอกเด็กหนุ่มไปตรงๆ ว่าให้เลิกเรียกเธอแบบนี้
“ผมอยากร่วมงานกับเจ๊อีกจังเลยครับ เจ๊เท่มากเลย”
เด็กหนุ่มกล่าวอย่างสนุกสนาน ในขณะที่หญิงสาวกลับแสดงท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูด
“ที่จริง...ฉันเริ่มเบื่องานแบบนี้แล้วล่ะ คงใกล้เวลาจะวางมือสักที”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“อ้าว...โธ่~ เสียดายจังครับ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นั่งราวกับหมดเรี่ยวแรง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้งจนหญิงสาวสะดุ้งนิดๆ
“งั้นถ้าเจ๊เลิกทำงานแบบนี้ แล้วจะไปทำอะไรต่อเหรอครับ?”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่เจือสีแดงนิดๆ
“ฉันอยากเปิดร้านอาหาร”
ความคิดเห็น