ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rise of The Wind คมดาบสายลมพิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : The Wind in Town

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 57



    Chapter 1 : The Wind in Town

               

    “เรากำลังไปไหนกันเหรอคะนายหญิง?”

    เสียงแหลมใสดังจากเด็กสาววัยรุ่นอายุราวสิบห้าปีที่นั่งตัวเกร็งอยู่เบาะข้างคนขับ หลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดตั้งแต่เริ่มออกรถมา ถึงจะเรียกว่ารถ แต่ยานพาหนะนี้กลับไม่มีล้อ เพราะสามารถขับเคลื่อนโดยลอยตัวเหนือพื้นดินได้ด้วยการลอยตัวทางควอนตัม เป็นเทคโนโลยีอันน่าทึ่งแห่งประเทศที่เปี่ยมไปด้วยวิทยาการล้ำสมัย

    ประเทศ เมโทรโปลิส

    “ฉันลืมบอกไปสินะ เรากำลังจะไปเมืองดีพวอเทอร์น่ะ”

    หญิงสาวอีกคนผู้เป็นคนขับตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและยิ้มให้เด็กสาวจนเธอก้มหน้างุดเห็นเพียงผมหน้าม้าที่ปรกหน้าผากเท่านั้น ผมสีดำขลับของเธอยาวตรงถึงกลางหลังดูน่ารักราวกับเป็นเจ้าหญิงน้อย แก้มแดงเป็นลูกมะเขือเทศ เนื่องจากเป็นครั้งแรกของเธอที่นายหญิงออกปากชวนให้มาซื้อวัตถุดิบเข้าร้านด้วยกันแบบสองต่อสองหลังจากเพิ่งเข้าทำงานที่ร้านมาได้สองอาทิตย์ ทำให้เด็กสาวรู้สึกประหม่าเป็นพิเศษ

    สายลมจากภายนอกพัดผ่านกระจกข้างที่เปิดไว้ทำให้เรือนผมสีทองสั่นไหวไปตามแรงลม เส้นผมสีทองของหญิงสาวถูกซอยสั้นเปิดให้เห็นใบหู ช่วยขับให้ต่างหูอัญมณีแวววับดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ดวงตาคมกริบที่อยู่ใต้แพขนตายาวงอนอ่อนช้อย นัยน์ตาสีฟ้าเปล่งประกายชวนหลงใหล ผิวขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัส อีกทั้งใบหน้าอันเรียวงามได้รูป ทำให้เธอดูมีเสน่ห์แม้แต่กับผู้หญิงด้วยกัน หญิงสาวผู้เป็นนายหญิงแห่งร้านอาหารชื่อดังในเขตสองนี้

    กลิ่นไอทะเลที่ลอยมาตามสายลมช่วยให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ในที่สุดรถคันสีเงินก็พาทั้งสองมาถึงเมือง ดีพวอเทอร์ เมืองแห่งเทคโนโลยีใต้ทะเลลึก เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมทางทะเล เช่น โรงกลั่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ได้มาจากแท่นขุดเจาะกลางทะเล อีกทั้งยังเป็นแหล่งซื้อขายและจับปลาใต้ทะเลลึกหายาก ซึ่งปลาใต้ทะเลลึกนี้เองที่เป็นสาเหตุให้หญิงสาวยอมเสียเวลาเดินทางมาที่เมืองนี้

    เมื่อเข้าตัวเมืองมาสักพักก็พบกับอาคารสูงมากมาย หากมองไปไกลๆ จะเห็นปล่องควันของโรงกลั่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตั้งเด่นอยู่เรียงราย หญิงสาวเลี้ยวซ้ายตามป้ายก็พบกับลานจอดที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่อัดแน่นไปด้วยยานพาหนะมากมายด้วยระบบจัดเก็บยานพาหนะในแนวตั้งคล้ายกับเรียงหนังสือเก็บเข้าชั้นวาง จึงแทบไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่จอดไม่เพียงพอเลย การนำไปจอดก็สามารถทำได้ง่าย เพียงจอดยานพาหนะไว้บนพื้นที่วงกลมตรงกลางของลานจอด และสแกนชิปที่ฝังอยู่หลังข้อมือเพื่อระบุตัวตนบนแท่นสแกน ยานพาหนะนั้นจะถูกเครื่องจักรนำไปจัดเก็บยังที่ว่างเองโดยอัตโนมัติ

    หลังจากนำรถไปจอดเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองดีพวอเทอร์ซึ่งมีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่านกลางเมือง เป็นแม่น้ำที่ยาวไปจนออกสู่ทะเลได้ การทำประมงที่นี่จึงมีทั้งประมงน้ำกร่อยและน้ำเค็ม แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ การจับสัตว์น้ำใต้ทะเลลึกที่หายากด้วยเทคโนโลยีแบบพิเศษซึ่งสามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีของเมืองนี้เท่านั้น ทำให้สามารถจับปลาใต้ทะเลลึกที่หายากได้ รสชาติของมันก็เลื่องลือในความอร่อยแปลกลิ้นจนผู้คนมากมายใฝ่ฝันจะลิ้มลองเป็นบุญลิ้นสักครั้ง แต่แน่นอนว่าราคาของมันก็แสนแพงจนบางคนทำได้เพียงฝันที่จะได้ลิ้มรสเนื้อปลาทะเลลึกหายากนี้

    หญิงสาวเดินนำไปโดยมีเด็กสาวผมยาวเดินตามต้อยๆ ชุดของเด็กสาวนั้นเป็นเสื้อยืดแขนยาวแบบวัยรุ่นและกระโปรงสั้นที่เข้าคู่กับถุงเท้ายาวเหนือเข่า ในขณะที่หญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อยืดและสวมทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีขาว สวมกางเกงขาสั้นอวดต้นขาเรียวงาม ทั้งสองเดินเลียบแม่น้ำไปจนเข้าสู่ตลาดค้าปลาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองดีพวอเทอร์

    เด็กสาวมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้น ตระการตากับแผงค้าปลาซึ่งมีปลาพันธุ์ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเต็มไปหมด มีตั้งแต่ปลาขนาดเล็กจิ๋วกว่าเข็มเย็บผ้าไปจนถึงปลาตัวใหญ่มโหฬารพอฟัดพอเหวี่ยงกับแรดตัวโตๆ บ้างก็วางอยู่บนกระบะน้ำแข็ง บ้างก็แขวนไว้ในตู้ทำความเย็น เมื่อนายหญิงเห็นเด็กสาวมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้

    “ยุยจังมาที่ดีพวอเทอร์เป็นครั้งแรกสินะ” หญิงสาวผู้เป็นนายหญิงเอ่ยถาม

    “ค่ะ นายหญิง”

    “ตลาดนี้ยังแค่เบาะๆ นะ เดี๋ยวฉันจะพาไปที่ที่สุดยอดกว่านี้”

    นายหญิงกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เด็กสาวที่ชื่อยุย ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มอันสดใสของเด็กวัยรุ่น

    “อ้าว คุณมิคัง”

    หญิงวัยกลางคนตะโกนทักทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินผ่านหน้าร้านของเธอ หญิงสาวจึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปที่ร้านของหญิงวัยกลางคนคนนั้นโดยมียุยเดินตามไปติดๆ

    “สวัสดีค่ะคุณบลูเมล”

    มิคังทักทายตอบอย่างสุภาพพร้อมกับโค้งคำนับให้เล็กน้อย ยุยจึงโค้งคำนับตามด้วยท่าทีเก้อเขินปนประหม่า

    “พาใครมาด้วยคะเนี่ยวันนี้” หญิงวัยกลางคนถาม

    “เด็กใหม่ที่ร้านค่ะ พามาเปิดหูเปิดตา”

    มิคังตอบขณะวางมือลงบนบ่าของยุยอย่างเอ็นดู ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อยพลางหน้าแดง

    หญิงสาวยืนสนทนาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวลาเพื่อไปยังจุดหมายต่อ แต่เดินมาอีกสักพักก็มีคนเอ่ยทักทายเธออีก และเป็นเช่นนี้ไปตลอดทางที่เดินอยู่ในตลาด ยุยจึงรู้สึกได้ทันทีว่านายหญิงของเธอช่างเป็นที่รู้จักของผู้คนมากมายจริงๆ

    ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาถึงอีกฝั่งของตลาดซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า ยุยถึงกับเบิกตากว้าง เผลออ้าปากค้างด้วยความตะลึงเมื่อได้เห็นขบวนรถไฟความเร็วสูงสีขาววาววับ แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอที่จะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงแบบนี้

    “เราจะไปที่อันเดอร์วอเทอร์กัน”

     

    ...........................................................................................

     

    เพียงไม่กี่นาที รถไฟความเร็วสูงก็จอดเทียบที่สถานีเป้าหมาย เบื้องหน้าของเด็กสาวคือภายในอาคารที่เป็นโดมกระจกขนาดใหญ่ หากมองออกไปนอกกระจกจะเห็นทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยน้ำ ฟองอากาศ และหมู่ปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายไปมา เพราะตัวอาคารนี้ตั้งอยู่ ใต้ทะเล วิธีเดียวที่จะเดินทางมาได้คือ นั่งรถไฟความเร็วสูงมาจากบนแผ่นดินซึ่งทอดรางผ่านอุโมงค์กระจกที่มุดลงมาใต้ทะเลและเชื่อมต่อเข้ากับตัวอาคารใต้ทะเล อันเดอร์วอเทอร์แห่งนี้

    “ไปกันเถอะ”

    มิคังกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปหายุยเพื่อดึงเธอมาจูงไว้ รอยยิ้มอันอ่อนโยนของนายหญิงทำให้เด็กสาวรู้สึกอบอุ่น มือเรียวงามที่กุมมืออันบอบบางเธอไว้นั้น ช่วยเธอรู้สึกปลอดภัยและพร้อมเผชิญโลกกว้างโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด

    มิคังเดินจูงยุยไปที่ลิฟต์กระจกซึ่งจะพาพวกเธอลงไปยังชั้นที่ลึกลงไปใต้ทะเลยิ่งขึ้น ทิวทัศน์ภายนอกที่มองผ่านกระจกก็ยิ่งมืดลงตามระดับความลึก ลิฟต์ยังคงเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนบัดนี้ภายนอกกระจกราวกับเป็นบรรยากาศตอนกลางคืน

    ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลงที่ชั้นยี่สิบ ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกที่สุดของอันเดอร์วอเทอร์ แหล่งซื้อขาย ปลาทะเลลึกหายาก

    ขณะที่เดินไป ยุยหันมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเดินในตลาดเมืองดีพวอเทอร์ ภายในตู้กระจกขนาดใหญ่มีปลารูปร่างหน้าตาประหลาดเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้แหวกว่ายอยู่เต็มไปหมด บ้างก็เป็นปลาที่มีดวงไฟห้อยออกมาจากหัว บ้างเป็นปลาที่ไม่มีดวงตาแต่มีฟันยาวแหลมคมโผล่พ้นปากออกมา

    “หน้าตาดูไม่ค่อยน่ากินเลยเนอะ”

    เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ นายหญิงของเธอก็พูดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว

    “ค่ะนายหญิง ดูน่ากลัวมากกว่าจะน่ากินนะคะ”

    “แต่บางตัวมันก็อร่อยจริงๆ นะ”

    ฝีเท้าของมิคังหยุดชะงักจนยุยหยุดตามแทบไม่ทัน ก่อนหญิงสาวจะชี้ไปที่ตู้กระจกตรงหน้า

    “อย่างตัวนั้นไง”

    เบื้องหน้าของทั้งสองคือ ปลาขนาดใหญ่พอๆ กับขนาดของวัวทั้งตัว มีเกล็ดสีเงินแวววาวตัดกับสีทองบริเวณขอบเกล็ด ลำตัวด้านข้างแบนยาว นัยน์ตากลมโต จะงอยปากค่อนข้างยาวและแหลม แนวสันท้องมีสีขาว ครีบที่หลังและท้องมีลักษณะเป็นหนามแข็ง มีคอดหางแข็งแรงขนาดใหญ่สีแดงเพลิง โบกสะบัดไปมาราวกับเป็นเปลวเพลิงในผืนน้ำ

    “สวยจังเลยนะคะ ปลาตัวนี้” ยุยเอ่ยขึ้นหลังจากยืนชมความสวยงามของปลาตัวนี้อยู่ครู่หนึ่ง

    “นี่คือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ไงล่ะ” มิคังยิ้ม

    หลังจากที่ทำการซื้อปลาตัวนี้เป็นที่เรียบร้อย โดยทางร้านจะเป็นผู้บริการจัดส่งปลาไปให้ลูกค้าตามสถานที่ที่แจ้งไว้เพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องลำบากขนย้ายไปเอง มิคังก็พายุยเดินเที่ยวเล่นอยู่ภายในตลาดค้าปลาทะเลลึกหายากแห่งนี้ต่อ เพื่อให้เด็กสาวได้เดินดูสัตว์น้ำหายากราวกับกำลังเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

    ยุยเดินไปหยุดดูที่ตู้นั้นที ตู้นี้ที ด้วยความสนุกสนาน โดยมีนายหญิงของเธอเดินตามดูอยู่ห่างๆ ราวกับเป็นคุณแม่ที่คอยดูแลลูกสาว จนกระทั่งเด็กสาวเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้ของสัตว์ประหลาดที่หน้าตาคล้ายกับตัวซาลามานเดอร์ตัวใหญ่ยักษ์ขนาดพอๆ กับรถยนต์ แต่มีเพียงขาหน้าสองข้าง ไม่มีขาหลัง ลำตัวสีน้ำตาลลายจุด ผิวหนังของมันเป็นเมือกๆ เงาๆ มีหางยาวเป็นครีบขนาดใหญ่ มันนอนนิ่งเงียบไม่ไหวติง ดวงตาปิดสนิทราวกับกำลังนอนหลับอยู่ เมื่อมองไปสักพักเด็กสาวก็เริ่มรู้สึกขนลุกสู่ นึกกลัวไปว่าถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วเคลื่อนไหวได้จะน่ากลัวขนาดไหน

    โดยไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ก็ลืมตาโพลงขึ้นจนเด็กสาวตกใจสะดุ้งสุดตัวแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้น

     

    เพล้ง!

     

    ตู้กระจกถูกพุ่งชนแตกกระจายจนน้ำที่อยู่ภายในทะลักออกมา ตามมาด้วยสัตว์ประหลาดยักษ์ที่พุ่งกระโจนเข้าใส่เด็กสาวอย่างรวดเร็ว

    พริบตานั้นเอง ก่อนที่ปากของมันจะงับถูกร่างของเด็กสาว สายลมแห่งความหนาวเย็นก็ซัดใส่ร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์จากด้านข้างจนกระเด็นไป ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ ถูกน้ำแข็งเกาะและห่อหุ้มจนกลายเป็นน้ำแข็งทั่วทั้งตัว การเคลื่อนไหวของมันจึงหยุดชะงักลง

    ...ด้วยฤทธิ์แห่งดาบสั้นสีทองในมือของมิคัง

    หัวใจของเด็กสาวหล่นวูบราวกับตกไปอยู่ที่พื้นด้วยความตกใจสุดขีด ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเยื้อน จนกระทั่งนายหญิงเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ

    “เป็นอะไรรึเปล่ายุยจัง! บาดเจ็บมั้ย!?

    เสียงของมิคังกระตุ้นให้เด็กสาวหายจากอาการตื่นตระหนก ก่อนจะพุ่งเข้ากอดนายหญิงของเธอสุดตัว

    “หนะ...หนูไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจ...”

    ยุยพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ร่างเล็กของเด็กสาวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว มิคังจึงวางดาบสั้นสีทองในมือแล้วโอบกอดร่างของเด็กสาวไว้เป็นการปลอบโยน

    หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาเคลียร์พื้นที่ พร้อมกับพนักงานของอาคารที่เข้ามาเก็บกวาดเศษกระจกและเช็ดน้ำที่ท่วมพื้น

    “ผมขอโทษจริงๆ ครับที่ประมาทเลินเล่อ ไม่ทันระวังว่ากระจกหนาเพียงเท่านี้คงไม่อาจกั้นเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้ได้ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ขอโทษจริงๆ ...”

    ชายหนุ่มเจ้าของร้านก้มหัวขอโทษมิคังและยุยจนตัวโก่ง แทบจะลงไปกราบเท้า

    “ทางร้านเราจะรับผิดชอบค่าทำขวัญเองครับ”

    “ค่ะ เรื่องค่าทำขวัญสำหรับเด็กคนนี้คงต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่ทว่า...ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้สินค้าของคุณเสียหาย ดังนั้นดิฉันจะขอรับผิดชอบซื้อมันไปเองค่ะ”

    ชายหนุ่มเจ้าของร้านถึงกับเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาวด้วยสีหน้างุนงง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเพิ่งได้ยิน ยุยเองก็ตกใจในการตัดสินใจของนายหญิงของเธอ

    “เอ๋?...แต่ว่า...” ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง

    “จัดส่งไปที่ร้าน คินคาเสะของเราได้เลยค่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×