ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rise of The Wind คมดาบสายลมพิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue : Face The Wind

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 57


     

    Prologue : Face The Wind

               

    “พวกมันมาแล้ว!!!

    เสียงหนึ่งตะโกนดังลั่นก้องไปทั่วทั้งโกดัง ปลุกให้สมาชิกทุกคนตื่นตัวพร้อมรับมือกับศัตรู

     

    บึ้ม!!!

     

    ประตูโกดังที่ทำจากเหล็กถูกแรงระเบิดมหาศาลเป่าจนกระจุยกระจาย เกิดช่องว่างขนาดใหญ่พอที่คนจะวิ่งเข้ามาได้ แน่นอนว่าฝ่ายที่อยู่ในโกดังคงไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ระดมยิงสกัดไปที่ช่องว่างนั่นทันที

    ฉับพลัน กระสุนที่ระดมยิงไปนั้นกลับปะทะเข้ากับสายลมอันแข็งแกร่ง จนกระสุนเหล่านั้นถูกดีดกลับกระเด็นปลิวหายไปหมดสิ้น พลันปรากฏร่างของบุรุษในชุดสีเทาพร้อมหน้ากากปิดปากผู้มีเรือนผมสีทองและดวงตาสีฟ้าท่ามกลางสายลมที่โหมกระหน่ำรุนแรงขึ้น

    ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว ปืนที่อยู่ในมือก็ถูกฟันด้วยดาบยาวสีทองอร่าม ก่อนจะบังเกิดสายลมที่รุนแรงซัดตามไปจนเจ้าของปืนปลิวไปกระแทกกับตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลัง ปืนทุกกระบอกจึงหันมาระดมยิงใส่เจ้าของดาบเล่มงามทันที

    บุรุษผมทองวิ่งหลบห่ากระสุนอย่างคล่องแคล่วราวกับกำลังวิ่งเล่นในสวน ก่อนจะสบโอกาสฟาดฟันดาบจากระยะไกลเข้าใส่อีกฝ่ายที่ระดมยิงมาไม่หยุด สายลมที่เกิดจากการตวัดดาบพุ่งเข้าเฉือนปืนทุกกระบอกในรัศมีการฟันจนตัวปืนแยกออกเป็นสองเสี่ยงราวกับถูกตัดด้วยของมีคม

    เมื่อมีคนเปิดทางให้แล้ว บุรุษในชุดสีเทาที่สวมหมวกกันกระสุนอีกหลายคนก็วิ่งบุกเข้ามาทางช่องวางของประตูโกดัง ประจัญบานกับกลุ่มศัตรูที่อยู่ในโกดังอีกหลายสิบคน เสียงรัวปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นแสบแก้วหู ควันจากระเบิดลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ก่อนจะถูกพัดให้กระจายหายไปด้วยการตวัดดาบของบุรุษผมทอง

    เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ฝ่ายที่อยู่ในโกดังก็ทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำ ถูกกระสุนปืนและคมดาบ ล้มลงนอนจมกองเลือดคนแล้วคนเล่า

     

    “พอแค่นั้นแหละ!

    เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นดึงความสนใจของทุกคนให้ออกจากบรรยากาศแห่งการเข่นฆ่า บังเกิดเป็นความเงียบเข้าแทนที่

    “ถ้าพวกแกทำอะไรไปมากกว่านี้ ข้าจะกดปุ่มเพื่อระเบิดห้องตัวประกันทันที!

    ราวกับคำพูดนั้นเป็นมนต์สะกด บุรุษในชุดสีเทาทุกคนหยุดนิ่งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในมือของชายผู้ตะโกนถือสวิตช์ที่มีปุ่มสีแดงพร้อมกับวางนิ้วโป้งประทับไว้พร้อมออกแรงกดได้ทุกเมื่อ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของชายผู้นั้น

    ทันใดนั้นเอง เสียงประตูเลื่อนเปิดปิดก็ดังมาจากห้องด้านในทำลายความเงียบที่เพิ่งเกิดขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าและการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบคล้ายทหารสีเทาเข้ม ที่ต้นแขนขวามีตราสัญลักษณ์แสดงถึงหน่วยงานที่เขาสังกัด

    ทางที่เด็กหนุ่มเดินออกมานั้นคือทางที่ไปสู่ห้องของตัวประกัน สร้างความประหลาดใจและงุนงงให้แก่ชายผู้ถือสวิตช์ระเบิดอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ทำไมถึงมีเด็กหนุ่มคนนี้เดินออกมาได้

    “พาตัวประกันหนีไปเรียบร้อยแล้วครับ ระเบิดก็กู้เสร็จแล้วด้วย จัดการที่เหลือได้เลยครับ”

    เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “ว่าไงนะ!?

    และนั่นคือคำพูดสุดท้ายของชายผู้กำสวิตช์ระเบิดไว้ในมือ ก่อนจะถูกฟันด้วยดาบเล่มสีทองจนเลือดสาดกระเซ็นเปื้อนผนัง

    ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว

     

    ...........................................................................................

     

    “เป็นไงบ้างครับ งานแรกของผม”

    เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบเอ่ยถามบุรุษผมทองที่นั่งอยู่เบาะฝั่งตรงข้าม เส้นผมสีดำของเด็กหนุ่มชี้ขึ้นสองข้างราวเป็นเสาอากาศ ดวงตาเรียวเล็กสีน้ำตาลมองคู่สนทนาอย่างจดจ่อเพื่อรอคำตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ทั้งสองกำลังอยู่บนยานลำเลียงที่จะพาพวกเขาบินกลับฐานทัพ

    บุรุษผมทองเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะถอดหน้ากากปิดปากออกเผยให้เห็นใบหน้าชัดๆ เส้นผมสีทองซอยสั้นเปิดใบหู ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายภายใต้แพขนตางามงอน รูปหน้าเรียวงาม ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ

    บุรุษผมทองคนนี้...เป็นผู้หญิง

    “ก็ดีนะ ปฏิบัติการได้รวดเร็วดี ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าทีมของเธอจัดการที่ห้องตัวประกันช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวตอบ ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับยิ้มร่า รู้สึกภูมิใจในตนเองมากขึ้นเป็นกอง

    “แต่ฝีมือของเจ๊นี่สุดยอดเลยนะครับ เจ๊ทำยังไงอ่ะครับ ที่ฟันดาบออกมาเป็นสายลมแบบนั้น หรือว่าจะเป็นสกิลของดาบที่หยงสร้าง?” เด็กหนุ่มถามต่ออย่างสงสัยใคร่รู้

    “เปล่าหรอก นั่นวิชาดาบของฉันเอง”

    “โห~ เจ๋งอ่ะเจ๊ อยากทำได้บ้างจัง”

    หญิงสาวลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างหน่ายใจ ภาวนาในใจว่าขอให้เด็กหนุ่มคนนี้เลิกเรียกเธอว่าเจ๊ เสียที แต่เธอกลับไม่ยอมบอกเด็กหนุ่มไปตรงๆ ว่าให้เลิกเรียกเธอแบบนี้

    “ผมอยากร่วมงานกับเจ๊อีกจังเลยครับ เจ๊เท่มากเลย”

    เด็กหนุ่มกล่าวอย่างสนุกสนาน ในขณะที่หญิงสาวกลับแสดงท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูด

    “ที่จริง...ฉันเริ่มเบื่องานแบบนี้แล้วล่ะ คงใกล้เวลาจะวางมือสักที”

    เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย

    “อ้าว...โธ่~ เสียดายจังครับ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นั่งราวกับหมดเรี่ยวแรง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้งจนหญิงสาวสะดุ้งนิดๆ

    “งั้นถ้าเจ๊เลิกทำงานแบบนี้ แล้วจะไปทำอะไรต่อเหรอครับ?”

    หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่เจือสีแดงนิดๆ

    “ฉันอยากเปิดร้านอาหาร”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×