คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9
หลังจากที่เด็กชายหลุดจากคาถาของเด็กสาวแล้วนั้นทำให้เด็กชายรีบกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองและปิดประตูอย่างดังทำให้นิโคที่พึ่งเขียนรายงานเสร็จถึงกับหันมามอง
“เป็นอะไรของนายเซน”
นิโคถามขึ้นโดนที่มองไปด้วยความสงสัยแต่เมื่อเห็นไปที่ลำแขนของอีกฝ่ายก็ตกใจเพราะมีรอยแดงที่ข้อมือเหมือนกับโดนเชือกรัดมา
“โดนยัยนั้นใช้คาถาอินคาเซอรัสมา”
เด็กชายตอบกลับอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับเดินไปเก็บกระเป๋าเครื่องดนตรีไว้ที่เดิมและนั่งที่ขอบเตียงนอนของตัวเอง
นิโคที่เห็นแบบนั่นก็ที่เห็นแบบนั่นก็มองไปที่ข้อมือของเด็กชายแล้วเตรียมหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อที่จะรักษาแต่เด็กชายห้ามไว้
“ไม่ต้องนิโค หึหึ ฉันมีแผนที่จะทำให้ยัยนั้นโดนจดหมายกัมปนาทอีกรอบแล้วละ
หึหึหึ”
เด็กชายหัวเราะออกมานั้นทำให้นิโคถึงกับถอยหายใจรู้จักมาแค่เดือนเดียวก็รู้ความร้ายกาจของอีกฝ่ายแล้วแค่นิสัยที่เปลี่ยนไปมาก็ปวดหัวแล้ว
ได้แต่คิดว่า
‘ยัยเบลลาขอให้ไปที่ชอบที่ชอบเถอะ’
“จริงสิเซน นี้ก็อีกไม่นานแล้วที่จะปิดเทมอ ช่วงปิดเทมอนายว่างไหม”
นิโคกล่าวออกมาโดยที่ในความเป็นจริงนี้พึ่งจะขึ้นเดือนตุลาคมเองเรื่องปิดเทมอนั้นเด็กชายไม่ได้คิดไว้เลย
“อีกตั้งสามสี่เดือนจะรีบคิดไปทำไม”
“ก็ว่าจะชวนไปงานเลี้ยงที่ตระกูลฉัน”
นิโคกล่าวออกมาพร้อมกับมองไปยังเด็กชายเพื่อที่ตัวของนิโคต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจและตั้งความหวังว่าจะแนะนำเพื่อนของตนเองที่อยู่คนละรงเรียนให้เด็กชายรู้จัก
“ไม่รู้สิ
คงไม่ให้คำตอบตอนนี้เหรอ นอนได้แล้วนิโค”
เด็กชายกล่าวออกมพร้อมกับล่มตัวลงไปนอนทันทีนั่นจึงทำให้นิโคที่เห็นแบบนั่นก็ได้แต่กลับไปที่เตียงแล้วล่มตัวนอนเช่นเดียวกัน
“คุณพ่อ!! คุณแม่!!!”
เสียงของเด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
ความเศร้าเสียใจ แววตาของเด็กชายเหมือนกับคนตายทั้งเป็นที่กำลังสิ้นหวังกับตัวเอง
“คุณหมอคุณพ่อกับคุณแม่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
เด็กชายกล่าวออกมาเมื่อเห็นคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินที่ซึ่งมีพ่อแม่ของเด็กชายอยู่ในห้องนั่นหลังจากที่เด็กชายได้ทราบข่าวว่าพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เกิดไฟไหม้ขึ้น
เด็กชายก็รีบวิ่งมาที่โรงพยาบาลทันที
หมอที่เป็นคนรักษาทั้งสองผู้เป็นพ่อแม่ของเด็กชายที่ได้เห็นเด็กชายแสดงถึงความหวังในแววตาที่ดูยังไงก็มีแต่ความสิ้นหวัง
ความเศร้าเสียใจ
“ขอโทษด้วยนะ
หมออยากบอกว่าหมอทำเต็มที..แล้ว...”
“ไม่จริงใช่ไหมครับ
ไม่จริงใช่ไหมหมอ คุณเป็นหมอนะ!!!! คุณต้องรักษาคุณพ่อคุณแม่ได้สิ!!!”
เด็กชายตะโกนออกมาแววที่เคยมีความหวังอันน้อยนิดกับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเศร้าที่มาจากการที่ต้องเสียครอบครัวตนสำคัญอย่างพ่อแม่ของเด็กชายไป
เด็กชายผู้มีอายุแค่หกปีต้องสูญเสียครอบครัวไปนั้นยิ่งทำให้เด็กชายอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าก็เป็นได้
หมอได้แต่ต้องบอกความจริงไม่สามารถโกหกได้เพื่อให้เด็กชายเดินหน้าได้
“คุณพ่อและคุณแม่ของหนูถูกไฟคลอก
หมอ..พยายามแล้ว..ขอโทษหนูจริงๆที่หมอช่วยอะไรไม่ได้”
หมอได้แต่กล่าวคำขอโทษกับเด็กชายซ้ำๆเพราะมันก็เป็นความผิดของตัวเองเช่นกันที่ไม่สามารถรักษาคนไข้ได้
“ทำไม!!ทำไม!! คุณพ่อกับคุณแม่ยังบอกเลยว่าเดียวเจอกันตอนเย็น!!แล้วมาฉลองวันเกิดด้วยกัน ทำไม!!ทำไม”
เด็กชายตะโกนออกมาเสียงดังนั้นยิ่งทำให้ผู้เป็นหมอรู้สึกผิดและรู้สึกสงสารเด็กชายตรงหน้าต้องสูญเสียพ่อแม่ในวันเกิดที่ตัวเองเฝ้ารอ
เฝ้าร้อง นั้นจึงทำให้หมอที่เห็นถึงสภาพจิตใจของเด็กชายที่น่าจะเป็นโรคซึมเศร้าสูงแล้วนั่นได้สั่งให้พยาบาลนำยาสลบมา
หมอได้ชี้ไปที่ต้นคอของเด็กชายเพื่อที่จะไม่ให้เด็กชายเศร้าเสียใจ
“ไอลูกไม่มีพ่อแม่”
“ไอขยะสังคม”
“น่าสมเพชหึ
ไม่มีพ่อแม่แล้วก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น”
“ไอกำพร่ำพ่อแม่”
เสียงมากมายของเหล่าเด็กรุ่นเดียวกันกล่าวออกมาไม่หยุดพร้อมกับจับผมของเด็กชายไปชนกับโต๊ะเรียนด้วยความสนุกทั้งกระทืบ
ต่อย ตี ข่วนด้วยเล็บที่ทำให้ร่างกายของเด็กชายมีแผล
แต่เสียงมากมายที่รุมด่าเด็กชายก็มีมากมาย
เด็กชายสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับร่ายกายที่เตรียมไปด้วยเหงื่อที่เกิดมาจากความฝันเด็กชายเอามืดกุมอกด้านซ้ายไว้ด้วยใบหน้าตื่นกลัวหน่อยๆเหมือนเจอผี
“บ้า...จริง...ฝันเรื่อง..สมัยก่อน...”
เด็กชายลุกออกจากเตียงและเดินไปตรงโต๊ะเขียนหนังสืออย่างอยากลำบากมากเพราไม่อยากให้นิโคตื่นขึ้นมาเจอตัวเองสภาพนี้
เด็กชายดึงลิ้นชักออกมาพร้อมกับหยิบยาที่ซ่อนไว้มากินแล้วตามด้วยน้ำจากนั่นก็กลับมาที่เตียงเพื่อที่จะกลับไปนอนต่อ
เป็นเด็กชายก็หลับไม่ลงจนนอนอ่านหนังสือเพื่อหาข่าวของโวลเดอมอร์เพื่อให้หัวโล่งแทน
เช้าวันต่อมาเด็กชายก็ยังไม่ได้นอนหลังจากตอนนั้นที่เด็กชายฝันร้ายทำให้เด็กชายนั้นมีสีหน้าซีดแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นอะไร
ได้ลุกไปอาบน้ำและมาปลุกนิโคเหมือนเดิม
“เซนนายไหวไม่
หน้านายซีดนะ”
“ไม่เป็นไร
ไม่กันเถอะ”
จากนั้นก็ออกจากห้องนอนพร้อมกับนิโคไปโรงอาหารโดยระหว่างทางทุกคนที่เหตุรอยแผลที่ข้อมือที่ดูยังไงก็เป็นรอยเชือกนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นนั้นลงความเหตุกันว่าเบลลาผู้ที่ชอบทะเลาะและแกล้งเด็กชายเป็นคนทำจนเด็กชายเดินมาถึงห้องอาหารและนั่งประจำที่ก็มีนกฮูกเอาจดหมายมาให้
ถึงเซนที่รัก
ใกล้ปิดเทมอยังอะ
เขาคิดถึงนะเซนคุง ทางนี้สบายมากเลยละแต่ไม่คิดว่าเซนที่รักจะไปเรียนโรงเรียนพ่อมดจริงๆแต่ชังมันเถอะ
มีเรื่องอยากให้เซนคุงช่วยหน่อยนะระหว่างสร้อยคอกับแหวนควรเลือกอันไหนให้เมย์จังดีละ
ช่วยตอบกลับมาด้วยนะอีกอย่างฉันจับคนที่สามารถตอบเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อนได้ละ
เดียวจะไปรับนะ
ปล.1.อยากคิดหนีละเซนคุง
รอบนี้นายต้องกลับไปอิตาลีกับผมหรือจะโดนเอลซ่า ดี เดม่อนตามจับไปอีกละ
ปล.2.
ทำไมผมรู้นะเหรอก็ผมกับนายเป็นคนที่ต้องการผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่นะ
เรื่องของเซนคุงผมต้องรู้อยู่แล้ว
ปล.3. ถ้าตอบจดหมายผมเร็ว
ผมอาจจะซื้อเปียโนไว้ที่คฤหาสน์ให้นะ
จากเพื่อนผู้ไม่ใช่เพื่อน
เด็กชายได้อ่านจดหมายฉบับนั้นเสร็จก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยแววตาทีไม่สนสิ่งใดแปปนึงก่อนที่เด็กชายจะเผาจดหมายทิ้งไป
“จากใครเหรอ
เซน”
นิโคกล่าวออกมาตั้งตาเปิดเทมอยังไม่มีใครส่งจดหมายมาให้อีกฝ่ายเลยนั้นทำให้นิโคเกิดความสงสัยและเกิดความอยากรู้ในตอนแรกจะแอบมองตัวหนังสือในจดหมายแล้วแต่ดูเหมือนเด็กชายจะอ่านเร็วและทำการเผามันทำให้นิโคไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับจดหมาย
“นิโค
นายถามผมว่าปิดเทมอว่างไหมใช่ไหม เมื่อคืนอะ”
“อืม”
“คงไม่ว่างแล้วละ
วันนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับกำลังดื่มชาอยู่บนโต๊ะและผู้คนในห้องอาหารก็เริ่มที่จะน้อยลงแล้วแน่นอนว่าในห้องอาหารยังมีเบลลาและกลุ่มของเธออยู่และดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้ามาหาเด็กชาย
“อา
ทำไมเหรอ”
“ป่าวเหรอ
ว่าจะไปห้องสมุดไปไหม”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับลุกขึ้นโดยที่นิโคยังไม่ทันตอบอะไรกับเด็กชายเลยนั้นจึงทำให้นิโครีบกินขนมปังที่เหลืออยู่นิดหน่อยแล้วตามเด็กชายไป
โดยที่มีเด็กสาวอย่างเบลลามองดูเด็กชายที่เดินออกไปจากห้องอาหาร
“เบลลามองอะไรของเธอ”
“นั้นสิ”
“เงียบซะ
เวล ไคล์”
เด็กสาวกล่าวออกมาอย่างอารมณ์เสียแล้วกินขนมปังต่อโดยที่สั่งให้เพื่อนของเธอเงียบไม่ต้องพูดอะไร
‘ทำไมวันนี้
หน้าซีดละหรือว่าเป็นเพราะเรานะ’
ความคิดเห็น