คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยินดีที่ได้พบกัน 1/2
บทที่ 1
ยินดีที่ได้พบกัน
วันเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้เรื่องราวรอบตัวเราเปลี่ยนตามไปด้วย ดังเช่นสถานที่แห่งนี้ที่เธอเคยอยู่มาเป็นเวลาเกือบปีเต็มๆ ในวัยเด็ก สถานที่อันเป็นแหล่งรวมของความทรงจำที่แสนดีของเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เด็กยากจนที่ได้รับความเมตตาจากคนที่ไม่เคยรู้จัก แต่เขากลับมอบมันให้เธอกับแม่ได้อย่างมากมาย
หลังจากดาริกาเหยียบลงบนผืนแผ่นดินที่เรียกว่า ภูเก็ต หญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมง สะพายเป้ขึ้นบนหลังของตัวเอง แล้วก้าวเดินอย่างรวดเร็วตรงไปยัง รีสอร์ทตะวันฉายทันที ดวงตากลมโตคมคายจ้องมองสิ่งปลูกสร้างครึ่งตึกครึ่งไม้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ความรู้สึกในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอได้กลับมาที่บ้านของตัวเองอีกครั้งแม้ว่าจะได้อยู่ที่ฝรั่งเศสมานานหลายปี แต่เธอไม่เคยชอบเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรักที่นี่และคิดเสมอว่าวันหนึ่งเธอต้องกลับมา และไม่แน่ว่าอาจไม่กลับไปอีกเลยก็ได้
หญิงสาวกวาดตามองไปรอบกาย ไม่ใช่แค่เพียงสถานที่ที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ผู้คนรอบตัวก็เปลี่ยนไปด้วย พนักงานหลายคนเดินเข้าเดินออกแต่ไม่มีเลยสักคนที่เธอรู้จัก แต่ที่แน่ๆคนๆเดียวที่เธอรู้จักและมั่นใจว่าเขายังคงต้องอยู่ที่นี่ก็คือ พี่เสือของเธอนั่นเอง ผู้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง เธอไม่เคยติดต่อกับเขามากเกินไปกว่าการส่งโปสการ์ดมาให้ในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ไม่ใช่ไม่อยากติดต่อ ไม่ใช่ไม่คิดถึง แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าหากเธอโทรศัพท์มาหาเขา หรือพร่ำเพ้อพรรณนาเขียนจดหมายอะไรก็ตามมาหาเขา พี่เสือของเธอจะอยากรับสายหรืออ่านจดหมายยืดยาวแบบนั้นหรือเปล่า เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า คนอย่างพี่เสือเป็นคนที่ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการทำงาน เขาคงไม่อยากสนใจเรื่องราวไร้สาระของเด็กสาวคนหนึ่งสักเท่าไหร่ เพราะเธอเองไม่ว่าจะส่งโปสการ์ดให้เขามากแค่ไหนก็ตาม พี่เสือของเธอกลับไม่เคยส่งอะไรกลับให้เธอแม้แต่อย่างเดียว
บางครั้งเธอก็คิดน้อยใจ บางครั้งเธอก็คิดว่าพี่เสืออาจไม่ให้ความสำคัญกับเธอ แต่ความคิดเหล่านี้จะกัดกร่อนจิตใจของเธอให้มีแต่หม่นหมองลงไปทุกวัน เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไม่ว่าพี่เสือจะเป็นยังไง ก็หนีไม่พ้นความรู้สึกของตัวเองไปได้ ว่าเธอหลงรักพี่เสือเข้าให้แล้ว ในตอนเด็กเธอก็คิดว่าความรักที่ให้เป็นแบบที่น้องสาวมอบให้พี่ชาย แต่เมื่อโตเป็นสาวเธอกลับพบว่าเธอไม่สามารถออกเดทกับใครได้เกินหนึ่งครั้ง เพราะไม่ว่าเธอจะคบหากับผู้ชายคนไหนแต่ภาพรอยยิ้มของผู้ชายที่ชื่อสีหภพก็จะปรากฏอยู่ในสมองและความรู้สึกของเธอแทบทุกครั้ง
และนั่นแหละเธอถึงได้เชื่อมั่นว่า เธอคงรักพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ไม่คิดและไม่คาดหวังหรอกว่าจะต้องได้ความรักจากเขากลับคืนมา เธอรู้ดีสำหรับพี่เสือเธอก็เป็นได้แค่น้องสาวเป็นเพียงลูกสาวของแม่บ้านในบ้านของเขาก็เท่านั้น มันเป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และเธอก็พร้อมยอมรับมันอยู่ทุกวินาทีอยู่แล้ว
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอ ดาริกาหันกัลบไปทันทีพร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้างจริงใจไปให้ทันที
“ฉันอยากได้ห้องพักสักสองสามคืนนะคะ ยังพอมีห้องว่างไหมคะ” หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีครีม ซึ่งน่าจะเป็นชุดฟอร์มของพนักงานที่นี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที
“มีค่ะ เชิญคุณทางนี้เลยนะคะ ช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นค่ะ เลยยังพอมีห้องว่างอยู่บ้าง แต่หากเป็นช่วงไฮนะคะคุณ รีสอร์ทนี้เต็มตลอดเลยล่ะค่ะ ” หญิงสาวพนักงานต้อนรับเอ่ยบอกดาริกาด้วยน้ำเสียงที่ดาริการู้สึกได้เลยว่า เธอช่างภาคภูมิใจในรีสอร์ทแห่งนี้เสียเหลือเกิน
“ที่นี่สวยดีนะคะ เปิดมานานแล้วเหรอคะ” ดาริกาตะล่อมถามหญิงสาวพนักงานต่อทันที
“นานแล้วล่ะค่ะ ปรับปรุงใหญ่ไปครั้งนึงเมื่อสามปีก่อนค่ะ เจ้าของที่นี่เป็นคนเก่งมากเลยนะคะ ท่านบริหารธุรกิจหลายอย่าง หลังๆเนี่ยนานๆถึงจะมาที่นี่สักที” ดาริกายิ้มเล็กน้อยกับตัวเอง เมื่อยามได้ยินคนกล่าวถึงพี่เสือที่เธอเคารพรักด้วยถ้อยคำที่มีแต่ความชื่นชม
“เจ้าของที่นี่ ชื่อ คุณสีหภพ ใช่ไหมคะ” หญิงสาวยังคงเอ่ยถามข้อมูลต่างๆจากพนักงานสาวอยู่ตลอดเวลาที่หญิงสาวกำลังทำเรื่องจองห้องพักให้กับเธอที่บริเวณล็อบบี้ของรีสอร์ท พนักงานคนเดิมที่เธอเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเธอชื่อ มะปราง ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ค่ะ ท่านชื่อคุณสีหภพ ราชสีห์ ค่ะ คุณคงคุ้นชื่อของท่านมาบ้างสินะคะ เพราะคุณสีหภพเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมากคนในแวดวงธุรกิจคงไม่มีใครไม่รู้จักมังคะ” มะปรางยังคงพูดไปยิ้มไปอย่างคนที่มีหัวใจรักการบริการอย่างแท้จริง
“แล้วตอนนี้คุณสีหภพพักอยู่ที่รีสอร์ทนี้หรือเปล่าค่ะ” ดาริกาไม่รอช้ารีบเอ่ยถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้ไปทันที เธอรู้สึกว่ามะปรางหยุดชะงักเล็กน้อยยามได้ยินคำถามแปลกๆของเธอ แต่ดาริกาก็ทำเพียงส่งรอยยิ้มที่จริงใจกลับไปให้มะปรางเท่านั้น
“ตอนนี้ไม่อยู่หรอกค่ะ” หญิงสาวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าคนที่เธออยากเจอไม่อยู่ แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย
“เอ่อ ก็น่าแปลกดีนะคะ เป็นเจ้าของรีสอร์ทที่ใหญ่โตขนาดนี้ ท่านของคุณมะปรางน่าจะอยู่ที่นี่ดูแลรีสอร์ทที่เนี่ยอากาศดีกว่าในเมืองตั้งเยอะ” หญิงสาวพูดต่อทันทีด่วยท่าทางและน้ำเสียงเหมือนกำลังพูดไปเรื่อยๆไม่ได้ใส่ใจอะไรมากซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง
“ท่านมีบ้านในกรุงเทพค่ะคุณ มาที่นี่อย่างมากก็เดือนละสิบวันเท่านั้นแหละค่ะ ยิ่งตอนนี้บ้านของท่านมีงานใหญ่คงไม่ได้มาอีกนานพอสมควรเลยค่ะ” นั่นสินะ หลายสิ่งหลายอย่างคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ รวมถึงพี่เสือของเธอด้วย เมื่อก่อนเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอด กลับไปกรุงเทพเพียงอาทิตย์ละสองวันเท่านั้น แต่ในตอนนี้คุณสีหภพ ราชสีห์ ชายหนุ่มนักธุรกิจผู้กุมบังเหียนธุรกิจมูลค่าหลายพันล้าน ผู้ซึ่งต้องรับสืบทอดดูแลกิจการทุกอย่างแทนบิดาที่ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน เขาก็ควรอยู่ที่กรุงเทพมากกว่ารีสอร์ทเล็กๆแห่งนี้แน่นอนอยู่แล้ว
“ตระกูลราชสีห์ มีงานใหญ่อะไรเหรอคะ ฉันนี่มันตกข่าวจริงๆ”
“งานแต่งงานค่ะ เรียบร้อยแล้วนะคะคุณดาริกา ห้องพักของคุณได้วิวทะเลอยู่ที่ชั้นสาม เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ” สมองของเธอสับสนไปหมด เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน พี่เสือของเธอแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง แต่มันจะแปลกอะไรล่ะดาริกา ผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบสีหภพไม่แต่งสิถึงเรียกว่าแปลก
ดาริกาเดินมาถึงห้องพร้อมกับหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้พนักงานที่หอบข้าวของมาส่งเธอถึงห้องพักด้วยหัวใจที่สับสน หญิงสาวทรุดตัวนั่งลงที่เตียงสีขาวใหญ่ๆกลางห้องทันที เธอรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ พี่เสือแต่งงาน เป็นคำที่วนเวียนอยู่ในสมองของเธอตลอดเวลา น้ำตาเอ่อรื้นขึ้นเต็มสองตา ดาริกายกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลลงอาบแก้ม บอกกับตัวเอง จะเสียใจอะไรล่ะดาริกา ในเมื่อพี่ชายที่เธอเคารพรักได้แต่งงานมีชีวิตคู่ที่ดี เธอก็ควรจะต้องดีใจกับเขาสิถึงจะถูกจะมานั่งคร่ำครวญอะไรในเวลาแบบนี้กัน
หญิงสาวสอดตัวเองลงภายในผ้าห่มหนานุ่มแล้วใช้ผ้าห่มคลุมร่างของตัวเองจนถึงศีรษะทันที บอกตัวเองว่าควรทำใจแต่ก็กลับทำไม่ได้อย่างที่คิด ความเสียใจ ความเจ็บปวด มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงเหลือเกิน หญิงสาวพยายามปลอบใจตัวเองว่าเธอจะต้องไม่เสียใจ เธอจะต้องดีใจกับพี่เสือ เพียงแต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ค้างคาอยู่ในใจ ผู้หญิงแบบไหนกันที่เป็นหญิงสาวผู้โชคดีผู้ซึ่งเป็นผู้ครอบครองหัวใจอันแข็งแกร่งและอบอุ่นของผู้ชายที่ชื่อสีหภพ ราชสีห์ ขอสักครั้งได้ไหมเธออยากที่จะเห็นผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน
หญิงสาวร่างบอบบางปราดเปรียวสวมชุดเดรสเกาะอกสีครีมทอง เกล้าผมขึ้นด้วยการถักเปียไว้รวบๆศรีษะอย่างอ่อนหวาน ก้าวเดินเข้าไปยังโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานใหญ่ของตระกูลราชสีห์ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว หลังจากที่เธอได้รู้เกี่ยวกับข่าวงานแต่งงานในครั้งนี้ เธอเองไม่รอช้ารีบเดินทางเข้ากรุงเทพทันทีในเช้าวันรุ่งขึ้น สถานที่นั้นน่าอยู่ก็จริง แต่หากไม่มีพี่เสือเธอก็ไม่รู้จะอยู่ต่อเพื่ออะไร ตอนนี้เสียงเดียวในหัวใจบอกกับเธอแค่เพียงว่าเธออยากไปแสดงความยินดีกับพี่เสือ และอยากเห็นผู้หญิงที่จะไปเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น
เธอจึงไม่รอช้ารีบติดต่อไปหาเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เธอได้บังเอิญรู้จักกันเมื่อตอนที่เพื่อนคนนี้ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส และแน่นอนเธอมั่นใจว่าเพื่อนสาวคนนี้ต้องตอบคำถามอะไรของเธอได้ สิ่งที่อยากรู้ก็เพียงวันเวลาและสถานที่จัดงานก็เท่านั้น และก็เป็นไปอย่างที่คาดเพื่อนที่ทำงานอยู่ในแวดวงนิตยสารคนนี้สามารถบอกข้อมูลในการจัดงานของตระกูลราชสีห์ได้อย่างแม่นยำมากเลยทีเดียว หญิงสาวยังจำบทสนทนานั้นได้เป็นอย่างดี
“ไฮ้ ลินดา มาได้ไงเนี่ย” เสียงของพิมลรัตน์เพื่อนสมัยเรียนปริญญาตรีที่ฝรั่งเศสเอ่ยเรียกชื่อ ลินดา อันเป็นชื่อที่พ่อเลี้ยงของเธอตั้งให้ใหม่ตั้งแต่ไปอยู่ที่ฝรั่งเศส
“แวะมาเที่ยวน่ะจ้ะ เธอสบายดีไหม พิม”
“ดีจ้ะ แต่งานยุ่งมากนี่เดี๋ยวต้องเข้าประชุมแล้วด้วย”
“คือ พิม ฉันมีเรื่องรบกวน คือพอดีว่าแม่ฉันฝากมางานแต่งงานลูกชายของเพื่อน แต่ว่าฉันดันซุ่มซ่ามทำการ์ดงานแต่งงานหาย เธอพอมีวิธีหาข้อมูลให้ได้ไหม” หญิงสาวที่ไม่ได้อยู่เมืองไทยมานานเอ่ยวานเพื่อนให้ช่วยอย่างเกรงใจ “งานของตระกูลราชสีห์ เธอพอหาข้อมูลให้ได้ไหม”
“แกโทรมาถูกคนแล้วล่ะ ฉันรู้เรื่องนี้ดีทีเดียว เพื่อนของเจ้านายฉันเป็นสนิทกับทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลยแหละ ได้ข่าวว่าเขาจัดงานกันเงียบๆไม่ได้เอิกเกริกมาก คนที่ได้รับเชิญก็เฉพาะคนสนิทๆเท่านั้น แกก็เลยอาจหาข่าวคราวอะไรของงานนี้จากอินเตอร์เนทหรือนิตยสารไม่ได้ ครอบครัวนี้เก็บตัวพอสมควรเลยล่ะ เห็นว่างานจะมีขึ้นที่สวนลอยฟ้าบนโรงแรม....”
และนี่แหละเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ไม่มีบัตรเชิญ ไม่รู้จักใคร และคงไม่มีใครรู้จักเธอ แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะเข้าไป
ดาริกาเดินเข้าลิฟท์พร้อมกับกดลงไปที่ตัวเลขที่อยู่บนสุด ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็มาอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกอันเป็นสถานที่จัดงานในวันนี้ หากไม่บอกก็คงไม่รู้ว่านี่คืองานแต่งงาน เพราะไม่ได้มีการตกแต่งอะไรที่เลิศหรูหรือบ่งบอกไปมากกว่าดอกไม้สีขาวมากมายที่ตกแต่งอยู่ ไม่มีเจ้าบ่าวเจ้าสาวมายืนรอต้อนรับแขกเหรื่อเหมือนงานแต่งงานทั่วไป ดาริกายิ้มในใจ ทั้งคู่คงอยากจัดงานง่ายๆที่ดูน่ารักอบอุ่นมากกว่า หญิงสาวตัดสินใจเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ก่อนถึงประตูทางออกไปยังสวนอันมีผู้คนในชุดหรูหราทันสมัยยืนอยู่หลายคนก่อน เพื่อเรียกเอากำลังใจและเรียบเรียงคำพูดบางอย่างหากเธอมีโอกาสที่จะได้พูดกับพี่เสือ
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำก็พบว่ามีห้องน้ำห้องหนึ่งถูกปิดเอาไว้ แสดงว่าคงมีคนอยู่ ดาริกายืนอยู่หน้ากระจกจัดแจงหยิบลิปสติกสีชมพูอ่อนขึ้นระบายลงบนปากเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้ตัวเอง ทันใดนั้นประตูห้องน้ำที่ถูกปิดไว้ก็เปิดออก ภาพหญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ก้าวเดินออกมาทำเอาดาริกาอึ้งไปเลย เพราะในคืนวันแต่งงานคงไม่มีแขกเหรื่อที่ไหนสวมชุดสีขาวที่มีลักษณะเหมือนชุดเจ้าสาวไปได้ นอกจากคนที่เป็นเจ้าสาวในงาน
ความคิดเห็น