ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่ายรักพญามังกร (มังกรคาบทอง เพื่อเธอ..ที่ฉันรอ)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 56


    บทนำ

                    ฝันแบบนี้อีกแล้ว ความฝันที่ทำให้ต้องตื่นขึ้นจากห้วงนิทรารมย์อันแสนสุข ความฝันที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหลือเกินตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา จนบางครั้งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าคนที่ปรากฏในความฝันยังคงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเธอเท่าไหร่นัก หญิงสาวรูปร่างบอบบางลุกขึ้นนั่งบนเตียงขนาดห้าฟุตด้วยความรู้สึกที่แสนจะเหนื่อยล้า เหมือนกับว่าเธอได้กลับเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นนั้นจริงอีกครั้ง เธอย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในความฝันซึ่งหากจะเรียกให้ถูก มันไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นความจริงที่ยังคงติดแน่นอยู่ในความทรงจำและความรู้สึกจนถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านมานานถึงสามปี แต่ภาพเหล่านั้นก็ยังคงติดแน่นตราตรึงหยั่งรากลึกอยู่ในใจ ทำให้ภาพฝันเหล่านั้นยังคงเหมือนจริงอยู่ทุกครั้งไป

                    ลี่หลีชิง ย้อนนึกถึงเรื่องราวน่าเศร้าที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อสามปีก่อนอีกครั้ง....

    แสงไฟสลัวสีส้มสาดส่องลงบนถนนซึ่งค่อนข้างร้างผู้คนในเวลาเกือบเที่ยงคืน เธอตอนนั้นอยู่ในวัยสิบแปดปีถักผมเปียสองข้างใบหน้ายังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแย้มแสนสดชื่นมีความร่าเริงตามแบบฉบับของเด็กสาวแรกรุ่นที่ไร้ซึ่งความห่วงกังวลใดๆ  เธอก้าวเดินไปตามทางบนถนนพลางนับเงินในมือที่ได้จากการทำงานพิเศษซึ่งตนเองรับทำอยู่ รายได้จากการช่วยงานในร้านขายซาลาเปามีที่ชื่อเสียงร้านหนึ่งแม้ไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็สามารถเพิ่มรายได้ให้กับเธอไม่น้อย ทำให้เธอไม่ต้องรบกวนญาติผู้พี่ซึ่งเธอมาอาศัยอยู่ด้วยในเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวมากจนเกินไปนัก  

    ระหว่างทางที่กำลังเดินกลับอพาร์ทเมนต์ที่เธอมาอาศัยอยู่กับญาติได้เพียงไม่กี่เดือน เธอก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล เสียงที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และจนบัดนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงๆนั้น และเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกับคนๆนั้น

                    “ชิงชิง” เจ้าของชื่อรีบหันกลับไปตามเสียงที่ดังมา แล้วหญิงสาวก็ระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้าเมื่อเห็นหน้าของคนที่เรียกชื่อเธอ

    “อ้าว พี่ไท้ ทำไมมายืนตรงนี้หละ” สาวน้อยร่างบางพูดพลางก้าวเท้าเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตนซึ่งยืนอยู่ที่มุมตึกหนึ่งถัดออกไปจากตึกอพาร์ทเม้นต์ของตนมาไกลนัก  แต่แล้วเมื่อหญิงสาวมองเห็นร่างกายกำยำนั้นเต็มๆตา เลือดในกายของเธอก็พลันเย็นยะเยือก ดวงตาพร่าพรายไปหมด ชายหนุ่มใจดีซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้มีเลือดสีแดงฉานไหลออกเปื้อนอยู่เต็มหน้าอก และเมื่อเธอก้าวมาถึงเขาก็หมดแรงทรุดลงนั่งกับพื้นทันที หญิงสาวเอื้อมมือเข้าไปหมายจะรับพี่ชายของตนไว้ แต่ด้วยแรงอันมีอยู่เพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับร่างกายสูงใหญ่กำยำ ทำให้เซถลาลงไปกองกับพื้นทั้งคู่

                    “เป็นอะไรไป ใครทำอะไรพี่เนี่ยฉันจะพาพี่ไปหาหมอนะ ไปลุกไหวไหม” หญิงสาวตั้งท่าจะประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้น แต่หย่งไท้กลับไม่ให้ความร่วมมือแรงที่มีเท่ามดของเธอจึงไม่อาจขยับเขยื้อนร่างของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

                    “ชิงชิง อาอี้อยู่ที่ไหน” หย่งไท้ถามถึงหย่งอี้น้องสาวแท้ๆของตน ที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี

                    “น่าจะอยู่บนห้องแล้วหละ อย่าเพิ่งพูดมากเลยนะไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ” ลี่หลีชิงพูดพลางยกมือปาดน้ำตาบนหน้า

                    หย่งไท้จับมือของลี่หลีชิงขึ้นมาแล้วยัดของสิ่งหนึ่งลงในมือของเธอ พลางบีบมือของผู้เป็นน้องสาวแน่น “พี่ไปไม่ไหวแล้วหละ ชิงชิงของที่อยู่ในมือเธอตอนนี้มีความสำคัญกับพี่มาก” หย่งไท้พูดอย่างอ่อนแรง

    “เธอจะต้องเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครเห็น พาอาอี้ไปแล้วหาที่ซ่อนตัวกันสักพัก จากนั้น ” หย่งไท้กระอักเลือดออกมาจากปากเต็มไปหมดจนหญิงสาวยิ่งร้องไห้เพิ่มมากขึ้น “ตามหาคุณเฉินแล้วมอบของสิ่งนี้ให้เขา” หย่งไท้พูดจาขาดๆเป็นห้วงๆ  น้ำเสียงลอยๆเหมือนคนที่กำลังเพ้อมากกว่า

                    “คุณเฉินอะไรที่ไหน ฉันงงไปหมดแล้วนะ” สาวน้อยตัวสั่นร้องห่มร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ จนหย่งไท้ต้องบีบมือลูกพี่ลูกน้องสาวแน่น

    “ตามหาคุณเฉินนะแล้วช่วยบอกท่านว่าพี่ไม่ได้ทำ ส่งของชี้นนี้คืนคุณเฉินให้พี่ด้วย ที่สำคัญอย่าไปหาตำรวจเด็ดขาดนะ ชิงชิง” หย่งไท้ยังคงพูดจาด้วยเสียงเหมือนละเมอจากพิษบาดแผล หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็สติดับวูบขาดใจไปตรงหน้า หญิงสาวตกตะลึง

    “พี่ไท้ หย่งไท้!!” เสียงคร่ำครวญดังอย่างต่อเนื่อง เธอค่อยๆยกมืออันสั่นเทาของตนขึ้นแตะที่ปลายจมูกของพี่ชาย ไม่มีแล้วลมหายใจ พี่ชายของเธอตายไปแล้ว

                    น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง สติซึ่งตอนนี้หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดคิดไปถึงเรื่องที่พี่ชายพูดถึงก่อนจากไป เธอจะต้องเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครเห็น พาอาอี้ไปแล้วหาที่ซ่อนตัวกันสักพัก ใช่หย่งอี้ หย่งอี้ยังอยู่ที่ห้อง   

    คิดได้ดังนั้นร่างบางของเด็กสาวที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดก็รีบลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังอพาร์ทเมนต์ของตนที่อยู่ไม่ไกลทันที แต่แล้วภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้สองขาเรียวเล็กของสาวน้อยแทบทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง ภาพชายหนุ่มรูปร่างบึกบึนสี่คนสวมชุดสูทสีดำก้าวเดินลงจากอพาร์ทเมนต์ของเธอ แต่ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ สองในสี่คนนั้น กำลังประคองเด็กสาวคนหนึ่งออกมาจากอพาร์ทเมนต์ด้วย  หย่งอี้  อาอี้ถูกจับตัวไปแล้ว

                    เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด กำของที่อยู่ในมือแน่น พลางเดินตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปอย่างเงียบๆ เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายฉกรรจ์สี่คนกำลังจับอาอี้ยัดเข้าไปในรถคันใหญ่คันหนึ่งท่าทางเหมือนยัดกล่องอะไรซักอย่างเข้าไปในรถอย่างง่ายดาย  ลี่หลีชิงยกมือขึ้นปิดปากของตนเอง แล้วหลบเข้ามุมตึกใกล้ๆทันที จะทำยังไงดีหล่ะ หากก้าวออกไปช่วยอาอี้ แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้ผู้ชายน่ากลัวสี่คนนั้นได้ สายตาของเธอเริ่มสอดส่องมองหาสิ่งที่เธอพอจะใช้เป็นอาวุธได้บ้าง แต่กลับไม่พบอะไรเลยนอกจากถังขยะใบใหญ่เพียงใบหนึ่งเท่านั้น เธอยกมือข้างที่ถือของที่พี่ไท้มอบให้ขึ้นมาดู จี้หยกรูปมังกรที่ปากคาบลูกบอลสีทองไว้ ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเธอ ถึงแม้ภายในใจจะแสนสับสนและหวาดกลัวแต่ยังไงตอนนี้สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดก็คือต้องช่วยหย่งอี้ก่อน

    ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วก้าวเท้าออกไป แต่มันก็สายไปเสียแล้วเมื่อรถยนต์คันดังกล่าวได้พุ่งทะยานออกไปบนถนนแล้ว เธอวิ่งตามไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทัน สาวน้อยหกล้มลงไปกองบนพื้นถนนพร้อมกับร้องไห้ให้กับตัวเองเธอไม่สามารถช่วยอะไรใครได้เลย

                    หลังจากนั้นลี่หลีชิงจึงรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าเล็กน้อย เธอกลับหลังหันวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้เพื่อกลับไปยังที่ซึ่งหย่งไท้นอนหมดสิ้นลมหายใจอยู่ บนถนนที่วิ่งผ่านยังคงเงียบสงัดร้างผู้คน แต่แล้วเมื่อกลับไปถึง ลี่หลีชิงแทบจะขาดสติอยู่ตรงนั้น ที่ตรงนั้น ที่ๆเคยมีร่างไร้วิญญานของหย่งไท้นอนทอดยาวจมกองเลือดอยู่ บัดนี้หลงเหลือแต่เลือดกองนั้น มีเหลือแต่คราบเลือดกองนั้นเท่านั้น แต่ร่างหย่งไท้หายไปแล้ว หายไปได้ยังไงกัน  แค่เพียงคืนเดียวเธอได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปถึงสองคน

     

                    ดวงตากลมโตกระพริบตาถี่หลายๆครั้งเพื่อไล่น้ำตาที่รื้นขึ้นอยู่เต็มเบ้าตาให้จางหายไป เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า  เหตุการณ์ในคืนวันนั้นวันที่หย่งไท้เสียชีวิต และหย่งอี้หายสาบสูญไป ยังคงตามหลอกหลอนเธอมาตลอดสามปีที่ผ่านมา สาวน้อยวัยสิบแปดปีในวันนั้นบัดนี้เติบโตเป็นหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ด โดยที่สามปีที่ผ่านมาเธอไม่อาจทำอะไรได้เลย หนึ่งคนตายไป อีกคนหนึ่งหายตัวอย่างไร้ร่องรอย แต่ไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีใครรู้เรื่อง จะแจ้งความก็ไม่ได้เพราะหย่งไท้กำชับสั่งเอาไว้ เธอมั่นใจว่าพี่ชายเธอต้องมีเหตุผลที่สั่งให้ทำแบบนี้ 

                    จำได้ว่าในตอนนั้นหลังจากที่เธอพบว่าหย่งไท้หายไป ความสับสนในใจก็ก่อตัวขึ้นมากมาย ผ่านมาสามปีก็ยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้อย่างไม่เคยลืม หวาดกลัว สับสน เหมือนคนหลงทางไปต่อไปถูก เธอลนลานทำอะไรไม่ถูก นั่งอยู่ตรงนั้นท่ามกลางกองเลือดอยู่เป็นนานสองนาน เนื้อตัวมอมแมมเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด จากนั้นเมื่อรวบรวมสติได้จึงเดินโซซัดโซเซกลับไปที่ห้องตั้งใจว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยคิดหาทางออกต่อไป แต่เมื่อไปถึงห้องก็พบว่าห้องพักในอพาร์ทเมนต์ซึ่งเป็นบ้านของพวกเธอ ถูกรื้อค้นจนไม่เหลือชิ้นดี เบาะที่นอนถูกกรีด ลิ้นชักถูกค้นกระจุยกระจาย ไม่เหลือสถาพของคำว่าบ้านอีกต่อไป ลี่หลีชิงรู้ดีว่าคนพวกนั้นตามหาอะไร จะต้องเป็นของที่หย่งไท้ส่งให้เธอเป็นแน่ มันคงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะบ้านของพวกเธอไม่มีของมีค่าอะไรมากมายนัก ถึงแม้ว่าระยะหลังพี่ไท้จะมีเงินมาใช้ไม่ขาดมือ เพราะว่าได้เจอเพื่อนเก่าซึ่งได้ชักชวนไปทำงานด้วยก็ตาม เธอเองไม่รู้รายละเอียดงานนั้นสักอะไรเท่าไหร่ รู้แต่เป็นเหมือนบอดี้การ์ดหรือผู้ติดตามของพวกคนรวยเท่านั้น

                    ลี่หลีชิงหยิบสร้อยคอที่ใส่ติดตัวมาตลอดสามปีขึ้นมาดู เธอก้มลงมองมังกรที่ทำจากหยกเนื้อดีสีเขียวใสที่ปากคาบลูกบอลซึ่งน่าจะทำมาจากทองคำ ซึ่งเดิมทีเป็นเพียงจี้เปลือยๆ แต่บัดนี้มังกรตัวนั้นถูกขังอยู่ในกรงที่เธอสร้างขึ้นมาโดยเธอได้ถักเส้นเงินบางๆครอบมังกรตัวนั้นไว้จนมิดพร้อมห้อยไว้กับสร้อยเงินยาว และห้อยติดตัวไว้ทั้งยามหลับและตื่น

    “คุณเฉินเหรอพี่ไท้ เฉินไหนหละคะ พี่จะให้ฉันตามหาใครกันแน่ ” หญิงสาวเฝ้าคร่ำครวญอยู่ในใจมาตลอดสามปี คำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว ไม่รู้ว่าจะได้คำตอบให้ตัวเองเมื่อไหร่ คุณเฉินคนนี้จะเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไงเธอไม่อาจคาดเดาได้ ทุกวันนี้หากได้ยินชื่อใครก็ตามที่ชื่อคุณเฉินเธอก็แทบจะรีบเข้าไปถาม คำถามที่ดูโง่ๆที่พอจะทำให้รู้ได้ เธอก็คิดออกแค่ว่า คุณรู้จักหย่งไท้หรือเปล่า หรือคุ้นๆอะไรที่เกี่ยวกับมังกรบ้างไหม แต่ทุกครั้งก็คว้าน้ำเหลว เพราะคำตอบที่ได้ ไม่กลายเป็นว่าคนๆนั้นมองเธอเหมือนเป็นคนบ้า ก็มักจะเป็นคำตอบที่ไม่เฉียดเข้าใกล้ความจริงเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าการตามหาเจ้าของของสิ่งที่อยู่บนคอของเธอตอนนี้จะจบสิ้นลงเมื่อไหร่ และจะจบลงยังไง แต่เธอเฝ้าบอกกับตัวเองทุกวันว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จให้จงได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×