คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
บทนำ
ภายในห้องโดยสารของเครื่องบินลำใหญ่จอแจไปด้วยผู้โดยสารหลากหลายเชื้อชาติ หญิงสาวรูปร่างสมส่วน ใบหน้าคมคาย ผมสีดำหยึกฟูเป็นลอนยาวแต่แลดูสุขภาพดียางไปจนถึงกลางหลัง ถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ นั่งอยู่บริเวณริมหน้าต่างจ้องมองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างตื่นเต้นและดีใจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เธอได้กลับมาที่นี่ สถานที่แห่งความทรงจำ สถานที่ที่มีแต่เรื่องราวน่าประทับใจ แม้ว่าเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่ผ่านๆมาจะได้พบกับเรื่องราวกระทบกระเทือนจิตใจก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆที่แห่งนี้ก็ยังมีกลิ่นอายของความสุข เรื่องราวของความอ่อนโยนและเมตตาของผู้ชายคนหนึ่ง ชายผู้ซึ่งเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เรียกได้ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอเป็นเธอได้เฉกเช่นวันนี้ หากไม่มีผู้ชายคนนั้น เด็กตัวเล็กๆคนนั้นในวันนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ และในวันนี้ชีวิตของเธอก็คงไม่ได้อยู่ได้อย่างมีความสุขแบบนี้ ได้ทำตามความฝันของตัวเอง เดินไปตามทางที่เธอต้องการ ดาริกา คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนด้วยรอยยิ้มที่แต่งแต้มเติมใบหน้า
เด็กผู้หญิงผมหยิกผิวสองสีเดินตามมารดาของตัวเองเข้ามาหางานในรีสอร์ทเปิดใหม่แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตหลังจากที่แม่ตัดสินใจออกมาจากบ้านซึ่งเธอและแม่อยู่อาศัยกับตาและยายมาตั้งแต่เธอจำความได้ เพราะแม่ทะเลาะกับตา เธอและแม่ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีแม้แต่อาหารจะตกถึงท้อง ยังจดจำได้เป็นอย่างดีถึงบทสนทนาที่แม่แท้ๆของเธอพูดกับผู้จัดการรีสอร์ทในวันนั้น
“ฉันชื่อไพลินนะคะ ขอร้องเถอะค่ะ งานอะไรก็ได้ฉันทำได้ทุกอย่าง เห็นแก่เด็กก็ได้นะคะ ลูกสาวฉันไม่ได้กินอะไรมาจะสองวันอยู่แล้ว”
และนั่นเป็นเรื่องจริงในตอนนั้นเด็กหญิงดาริกาผอมซูบซีดไม่มีอาหารตกถึงท้องมาเกือบสองวันแล้ว มีเพียงน้ำดื่มจากตู้กดน้ำสาธารณะเท่านั้นที่ได้ลงไปในท้องของเธอ แม่ออกจากบ้านมาโดยไม่มีสมบัติติดตัวมาเลย มีเพียงเงินไม่กี่ร้อยบาทซึ่งหมดไปกับค่ารถและค่าอาหารหลายวันแล้ว
“ไม่มีตำแหน่งว่างหรอก ไปหางานที่อื่นเถอะ” เธอจำได้ดีว่า วันนั้นเมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น น้ำตาของแม่ไหลลงอาบแก้มทันที เพราะทุกที่ที่ไปสมัครงานต่างพูดกับแม่ด้วยคำพูดแบบเดียวกันหมด
“ขอร้องเถอะคะ พนักงานทำความสะอาด คนสวนอะไรก็ได้ฉันทำได้หมดนะคะ” ไพลินนั่งลงคุกเข่าและกอดขาผู้จัดการหนุ่มใหญ่ตรงหน้าอย่างน่าเวทนา เธอยังไม่เคยลืมได้เลย ในขณะที่คนที่ถูกขอร้องทำแค่เพียงพยายามแกะมือของแม่ออกจากขาของตัวเอง แล้วอยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากที่เด็กหญิงดาริกายืนอยู่ สุ้มเสียงของชายหนุ่มซึ่งมีน้ำเสียงดังกังวาน แต่ฟังดูทรงอำนาจอย่างบอกไม่ถูก
“เกิดอะไรขึ้น” ดาริกาหันไปตามเสียงพูดนั้นทันที ชายคนที่มาใหม่มีรูปร่างสูงใหญ่ผิวของเขาขาวเนียนละเอียด ดวงตาใหญ่ยาวเหมือนคนที่เกิดมาเพื่อมีอำนาจโดยเฉพาะ จมูกโด่งได้รูป พร้อมกับริมฝีปากที่ใหญ่และหนาแต่กลับรับกันอย่างดีกับใบหน้าคมคายของเขา ผู้ชายคนนี้ท่าทางดุดันและน่ากลัวเหลือเกินในความคิดของดาริกาในวัยสิบเอ็ดขวบ ดูท่าทางอายุของเขาคงน้อยกว่าแม่ของเธอไม่กี่ปี เด็กน้อยก้มหน้างุดอยู่กับที่ไม่กล้าขยับไปไหน
“คือ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณเสือ สองแม่ลูกนี่มาหางานทำ แต่ผมบอกไปแล้วว่าตำแหน่งไม่ว่าง ไม่ยอมฟังเลยล่ะครับ” ชายหนุ่มหันมามองสองแม่ลูกตรงหน้าทันที หญิงสาวแต่งตัวโทรมๆกับเด็กในวัยสิบกว่าขวบที่หน้าตาน่ารักกับผมหยิกฟูๆของเธอ ท่าทางคงจะกำลังลำบาก
“ฉันขอร้องเถอะค่ะ น้องดาไม่ได้กินอะไรมาจะสองวันอยู่แล้ว งานอะไรฉันก็ยินดีทำ ถือว่าทำบุญนะคะคุณ” ชายหนุ่มยังคงจ้องมองมาที่เด็กน้อยอย่างครุ่นคิด พร้อมกับระบายลมหายใจเบาๆ
“คุณวิทย์ บ้านพักของผมน่ะ ยังไม่มีแม่บ้านไม่ใช่เหรอ จัดการรับคุณคนนี้มาทำงานนี้ซะ แล้วหากมีเวลาก็ให้มาช่วยงานที่รีสอร์ทก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อน” พูดจบ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก็ทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้ม ดาริกาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเขายังคงส่งยิ้มมาให้เธออย่างเอ็นดู เธอยังจำรอยยิ้มนั้นได้ดีจนถึงวันนี้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้มีรอยยิ้มที่สว่างไสว ลักยิ้มของเขาทำให้รอยยิ้มนั้นดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งแววตาที่ยิ้มได้ของเขาก็ทำให้ผู้ชายคนนั้นดูอบอุ่นจริงใจอย่างที่สุดด้วย รอยยิ้มนั้นและความเมตตาของผู้ชายคนนั้นที่อายุมากกว่าเธอถึงสิบห้าปี กับการที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยหยิบยื่นโอกาสให้กับเธอและแม่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเลือนหายไปจากใจ ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อสีหภพ หรือพี่เสือคนนั้น พี่เสือของน้องดา
กว่าสิบปีที่แยกจากกันไป ไม่รู้ว่าในวันนี้พี่เสือจะเปลี่ยนไปเป็นยังไงบ้าง เขาจะยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างสว่างไสวหรือจะคมเข้มดุดันขึ้นก็ไม่รู้ ผู้ชายคนนี้ในยามทำงานจะดูดุดันและเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่เมื่อยามที่เขาอยู่ที่บ้านพักในเวลาว่างสบายๆเขากลับเป็นคนที่ดูสบายๆ น่ารักและเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
ริมฝีปากบางของดาริกายกยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดถึงในช่วงเวลาที่เด็กหญิงในวัยสิบเอ็ดขวบใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักในบริเวณรีสอร์ทของสีหภพ พร้อมกับยกมือที่สวมสร้อยมุกสีชมพูเส้นหนึ่งอยู่ขึ้นดู ย้อนคิดไปถึงวันนั้นวันที่เธอจะต้องติดตามมารดาซึ่งแต่งงานใหม่กับสามีชาวต่างชาติไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เด็กสาวตัวน้อยไม่อาจเข้าใจเหตุผลในเรื่องหัวใจของผู้ใหญ่ได้ เธอยังจดจำได้เป็นอย่างดีในวันนั้นเธอเก็บเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเป้ใบเล็ก ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ไปกับแม่อย่างเด็ดขาด เธออยากอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนี้ รีสอร์ทตะวันฉายของพี่เสืออันเป็นที่รักและเคารพของเธอ แต่แม่ก็จะพาเธอไปให้ได้ เด็กน้อยตัดสินใจหนีออกไปทันที เธอไม่อยากไปฝรั้งเศส ตั้งใจว่าจะหนีไปจากแม่รอเวลาผ่านไปสักพักก็จะกลับมาหาพี่เสือ มาทำงานกับพี่ชายตัวโตที่ใจดีเหลือเกินในสายตาของเด็กน้อยในวันนั้น
ระหว่างที่กำลังเดินออกมาตามทางเดินในสวนที่อยู่ในบริเวณบ้านของสีหภพ เธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ มีมือใหญ่มือหนึ่งมาจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้
“น้องดาจะออกไปไหน ดึกป่านนี้แล้ว” เด็กน้อยหันไปมองพี่ชายที่เธอเคารพทันที ดวงตากลมๆมีน้ำตาเอ่อคลอเต็มสองตา ขนตางอนยาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
“พี่เสือ แม่จะไปอยู่ที่อื่น แม่จะแต่งงานกับผู้ชายหัวทองคนนั้น หนูไม่อยากไป” ดาริกาพูดไปพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย สีหภพยิ้มเล็กน้อยอย่างเอ็นดูในความไร้เดียวสาของดาริกา เขาคุกเข่าของตัวเองลงข้างหนึ่ง เพื่อให้ตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับเด็กหญิงตัวน้อย และวางมือใหญ่ของเขาลงบนศีรษะเล็กๆของเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้อย่างเสียใจ
“น้องดาไม่อยากไปแล้วก็เลยจะสะพายเป้หนีไปง่ายๆเลยเหรอ ไม่สงสารแม่ลินเหรอไง ฮืม” เสียงทุ้มนุ่มยังคงพูดกับเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “จำเอาไว้นะดาริกา คนเราทุกคนไม่มีอะไรที่เราจะได้ดั่งใจเราทุกเรื่อง เรื่องบางอย่างผ่านเข้ามาอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา แต่เราต้องพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อวิ่งตามสิ่งรอบกายให้ทัน แม้บางครั้งบางสิ่งบางอย่างอาจขัดใจเราไปบ้าง แต่ถ้ามันสร้างความสุขให้คนที่เรารักได้ และมันก็ไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนอะไร เราก็ควรต้องยอมรับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จำคำพูดพี่เสือไว้นะ”
“แต่ถ้าน้องดาไปกับแม่ ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหาพี่เสืออีกหรือเปล่านี่คะ” ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มร่างใหญ่ตรงหน้า จนสีหภพต้องหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“อะไรกันน้องดา เหตุผลแค่นี้นะเหรอ พี่เสือก็อยู่ตรงนี้ อยู่ที่นี่แทบจะตลอด เราจะมาหาพี่เมื่อไหร่ก็ได้นี่นา แต่ตอนนี้น้องดาต้องไปทำหน้าที่ของลูกที่ดี ดาต้องไปกับแม่ลิน ตั้งใจเรียนหนังสือ พี่เสือหวังเหลือเกินนะว่าน้องสาวคนนี้ของพี่เสือจะเติบโตไปอย่างสวยงาม ได้เรียนหนังสือ และทำงานอย่างที่หวังไว้จนสำเร็จ แล้วในวันที่น้องดากลับมาที่นี่ พี่เสือหวังนะว่าจะได้เห็นน้องสาวตัวน้อยคนนี้ประสบความสำเร็จและเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อม ได้ไหม”
ดาริกาเงยหน้ามองสีหภพ “แล้วพี่เสือจะลืมดาไหมค่ะ”
“ไม่มีทางหรอก พี่ไม่ลืมน้องดาหรอกนะ เอาอย่างนี้” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย พร้อมกับชูของสิ่งหนึ่งขึ้นมาตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มจับข้อมือเล็กๆของหญิงสาวขึ้นมาแล้วสวมสร้อยมุกในมือลงไปที่ข้อมือเล็กๆอย่างอ่อนโยน “สร้อยเส้นนี้พี่เห็นมันน่ารักดี ก็เลยซื้อมาให้น้องดาเป็นของที่ระลึก หากเราใส่สร้อยเส้นนี้ไว้พี่ก็จะจำได้ ไม่ว่าน้องดาโตขึ้นแล้วจะหน้าตาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ขอแค่พี่เห็นสร้อยเส้นนี้พี่ก็จะจำได้ทันทีเลย ดีไหมล่ะ”
ดาริกายกสร้อยข้อมือไข่มุกสีชมพูเส้นเล็กๆขึ้นดูอีกครั้ง สร้อมมุกที่มีจี้รูปตัวอักษรเล็กๆพร้อมกับรูปดวงดาวห้อยอยู่ ตัวอักษรที่ตอนเด็กๆเธอเองไม่ได้ใส่ใจมากนักว่ามันคืออะไร จนกระทั่งถึงวันนี้เธอเองเพิ่งรู้ว่าตัวเอส หมายถึงสีหภพ ส่วนรูปดาวก็หมายถึงชื่อดาริกาที่แปลว่า ดวงดาวของเธอนั่นเอง
เครื่องบินกำลังจะลงจอดที่สนามบิน เธอเองเข้าใกล้จุดหมายปลายทางเต็มที่แล้ว เธอไม่เคยลืมคำพูดของพี่เสือ เธอตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเต็มที่ พากเพียรบากบั่นจนกระทั่งมีวันนี้ได้ ตั้งใจเหลือเกินที่จะให้พี่เสือภาคภูมิใจในตัวเธอให้ได้ แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่รอคอยมานานกว่าสิบปี เธอกำลังจะได้พบพี่เสือแล้ว
“พี่เสือคะ ดากำลังจะไปหาพี่เสือ หวังว่าคงยังไม่ลืมกันหรอกนะคะ”
ความคิดเห็น