คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พี่เลี้ยงวันที่ 1
พี่เลี้ยงวันที่ 1
“ผมไปส่งลูกแป๊บนึง
เดี๋ยวมาคุณนั่งรอตรงนี้ก่อน”
เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง เขาเองก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ พยักหน้าตอบแม้สมองจะยังคิดอะไรไม่ออกตอนนี้ได้แต่มองท้ายรถแล่นออกจากซอยไปทิ้งเขายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้ารั้ว!
ย้ำว่าหน้ารั้ว!
สงครามขนาดย่อมสงบลงแล้วหลังจากพาเด็กจอมโวยวายไปส่งโรงเรียนได้สำเร็จ
ซึ่งกว่าจะพาไปได้ก็เล่นเอาคนเป็นพ่อ และว่าที่พี่เลี้ยงชั่วคราวปวดหัวไปตาม ๆ กัน
คราวแรกเด็กนั่นเริ่มเบะปากงอแงจะไม่ยอมไปโรงเรียนท่าเดียว
แต่พอโดนดุเข้าหน่อยก็เริ่มน้ำตาซึมท่าทางจ๋อยสนิทจนบุรินทร์รู้สึกสงสารอยู่เล็ก ๆ
แม้ใจจะอยากลูบหัวทุยปลอบแต่ก็อดใจและคอยสังเกตพฤติกรรมของเด็กชาย อดิศร สินจวัตร ชื่อเล่นคือ ‘เฮีย’ ว่ามีนิสัยอย่างไรเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเลี้ยงดู
สิ่งที่บุรินทร์ค้นพบนอกจากความแสบก็คือ
เด็กคนนี้ค่อนข้างจะติดพ่อของเขาเป็นพิเศษ
เพราะที่ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะกลัวว่าพ่อจะไปเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้าน
เขาเองก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจไม่กล้าถามออกไป กว่าชนวิทจะไปส่งน้องเฮียก็เรียกได้ว่าเกือบสายแม้ว่าโรงเรียนอนุบาลจะอยู่ใกล้
แต่ด้วยสภาพการจราจรที่แออัดในช่วงก่อนแปดโมงเช้าทำให้บุรินทร์รู้สึกเซ็งอย่างสุดชีวิตเพราะตอนนี้เขาหนาว!
ร่างโปร่งยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเดิม
และกางเกงยีนส์สีซีดอมน้ำนั่งจ๋องอยู่หน้ารั้วหน้าบ้านของชนวิท
โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่ายังไม่ไว้ใจที่จะให้คนไม่รู้จักอยู่ในบ้าน!
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
ไหนกานต์กวีบอกว่าสองพ่อลูกนี่เป็นคนดี น่าสงสาร น่าหมั่นไส้สิไม่ว่า!
ปรี๊น!
นักศึกษาจบใหม่นั่งกอดเข่าฟุบหน้าลงกับกระเป๋าเอกสารที่นำติดมาและเป้นโชคดีที่กระเป๋าใบนี้ไม่ได้เปียกน้ำไปด้วย
ประมาณชั่วโมงกว่า เสียงแตรรถฮอนด้าแอคคอร์ดสีดำคันงามแล่นมาจอดหน้ารั้วบ้าน
บุรินทร์เงยหน้าขึ้นมองดูทะเบียนจำได้ว่าเป็นของเจ้าของบ้าน
แต่ไม่เห็นว่าอีกคนจะลงจากรถมาเปิดรั้วแต่อย่างใดกลับบีบแตรซ้ำอีกที
และลดกระจกรถลงครึ่งหนึ่ง
ปรี๊นน!
คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจ
“เปิดรั้วสิ” สิ้นคำสั่งบุรินทร์ก็ถึงบางอ้อ
อ๋อ ที่แท้ก็จะให้เขาเปิดรั้วให้
ไอ้... โว้ยยยยยยยยยย!!!
“ผมเสือ”
ร่างสูงนั่งไขว่ห้างแนะนำตัวสั้น ๆ
แขนทั้งสองข้างกอดอกมองมายังพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่อย่างพิจารณา ทำให้บุรินทร์นึกในใจอยู่ว่าพ่อลูกคู่นี้มีพฤติกรรมเหมือนกันคือชอบกอดอกเวลาพูด
“สวัสดีครับคุณเสือ
ผมชื่อบีน...ครับ” บุรินทร์แนะนำตัวอีกครั้ง
และนั่งเกร็งอยู่บนโซฟาตัวเดิมเมื่อถูกมองอย่างสำรวจอีกทั้งเครื่องปรับอากาศในบ้านหนาวจนเขากัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้มันกระทบกัน
“คุณจะมาทำงานแทนพี่เกตุ?”
“ครับ น้าเกตุแจ้งคุณหรือยังครับ”
“อืม”
เกตุ หรือกานต์กวี คำเสียง หญิงอายุวัยสี่สิบต้น ๆ เธอตั้งท้องลูกหลงคนที่สามได้สี่เดือนจึงมาขอลาออกเพราะปรึกษากับสามีแล้วว่าจะกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับไปดูลูกเพราะยายเลี้ยงไม่ไหว
และจะเปิดร้านขายของที่นั่น เธอเป็นน้าของบุรินทร์ วังคีรี ซึ่งเขานับถือเธอเป็นแม่เลยก็ว่าได้
เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นหน้าแม่เลยสักครั้ง
ตอนเด็กเขาอยู่กับยายที่ต่างจังหวัดโดยมีลูกสาวคนเล็กซึ่งก็คือกานต์กวีคอยส่งเสียค่าเลี้ยงดูและค่าเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี
ตอนนี้บุรินทร์ยังไม่มีงานทำซึ่งประจวบเหมาะที่ชนวิทเองก็ยังหาพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ไม่ได้เพราะฉุกละหุกเกินไป
กานต์กวีจึงขอให้เขามาช่วยก่อนจนกว่าชนวิทจะหาพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ได้เพราะอย่างไรบุรินทร์ก็เคยเลี้ยงลูก
ๆ ของเธอมาก่อนก็น่าจะรับมือกับความดื้อของเด็กชายอดิศรได้
เรื่องนี้ชนวิทก็รู้อยู่แล้ว
ถึงจะไม่อยากได้พี่เลี้ยงเด็กที่เป็นผู้ชาย แถมยังเป็นบัณฑิตจบใหม่ ท่าทางใจร้อนอาจจะรับมือกับเด็กอายุห้าขวบไม่ได้
แต่ในเมื่อกานต์กวียืนยันว่าหลานชายของตนเองทำได้ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อนจนกว่าจะหาพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ได้ในเร็ว
ๆ นี้นั่นแหละ
บุรินทร์นำเอาเอกสารที่ติดตัวมาให้ชนวิทพิจารณา
แต่ก็ไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควรเพราะชนวิทไม่ได้จับมันขึ้นมาดูแถมยังเลื่อนกลับมาให้เขาเหมือนเดิม
“คุณอายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบสองครับ”
“เพิ่งเรียนจบ?”
“ครับ”
“พูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหม?”
“ได้ครับ”
“ก็ดี” ชนวิทพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว
ก่อนจะเงียบอย่างใช้ความคิด
ทำเอาบุรินทร์วางตัวไม่ถูก
เพราะชนวิทเป็นคนพูดน้อยถึงน้อยมาก อย่างแนะนำตัวก็แนะนำแค่ชื่อเล่นสั้น ๆ
การถามคำถามจึงเป็นการถามคำตอบคำ บุรินทร์ไม่กล้าตอบยาวและหลีกเลี่ยงไม่ตอบในส่วนที่ไม่ได้ถาม
แม้จะถามอายุของเจ้าของบ้านกลับบ้างก็ยังไม่กล้าจึงปล่อยให้ความเงียบปกคลุมจนรู้สึกอึดอัด
หากชนวิทไม่พูดอะไรบุรินทร์จะขออนุญาตกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดแล้วนะ
“...วันพรุ่งนี้ผมจะไม่อยู่บ้าน
เมื่อก่อนพี่เกตุจะมาอยู่กับน้องเฮีย” ชนวิทเอ่ยขึ้น
“ผมต้องมาอยู่กับน้องไหม?” บุรินทร์ใช้เวลาไม่นานในการหาคำตอบในประโยคของเจ้าของบ้านแล้วเอ่ยถาม
“ผมยังไม่ไว้ใจคุณ” ชนวิทบอกตามตรง มันก็จริงที่จะให้ใครไม่รู้มาอยู่ที่บ้านกันล่ะ
ขนาดเมื่อเช้ายังให้เขาออกไปนั่งรอหน้ารั้วเลย
“แล้วผมต้องทำยังไง?”
“เซ็นสัญญา”
เขียนที่ XXXX
วันที่ xx เดือน xx พ.ศ.xxxx
สัญญานี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 25X0 ระหว่าง นายชนวิท สินจวัตร ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า ‘ผู้ว่าจ้าง’ ฝ่ายหนึ่ง กับ นายบุรินทร์ วังคีรี ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า ‘ผู้รับจ้าง’ อีกฝ่ายหนึ่ง
โดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาไว้ต่อกัน มีข้อความดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างตกลงรับจ้างทำงาน
เป็นพี่เลี้ยงเด็ก และทำความสะอาดบ้าน
โดยผู้รับจ้างต้องมาอยู่ที่บ้านของผู้รับจ้าง และทำงานโดยไม่มีวันหยุด
ซึ่งผู้รับจ้างจะได้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 25,000 บาท
(สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด ๆ ภายในบ้าน
ข้อ 2. การเลี้ยงดูบุตร
คือ เด็กชายอดิศร สินจวัตร ผู้ว่าจ้างนั้น
ผู้รับจ้างต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ และห้ามตี
หรือทำโทษบุตรของผู้ว่าจ้างโดยไม่มีเหตุสมควรโดยเด็ดขาด ยกเว้นว่าผู้ว่าจ้างนั้นจะอนุญาตให้ทำโทษได้ในกรณีที่เห็นสมควร
หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ผู้รับจ้างจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
และสัญญานี้จะสิ้นสุดลงโดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า
ข้อ 3. ผู้รับจ้างจะต้องไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย
ทำให้ผู้ว่าจ้างเกิดความเสียหายใด ๆ หากเกิดมีสินทรัพย์ภายในบ้านหายไป
ผู้รับจ้างจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และปรับ 1,000
เท่าของราคาสินทรัพย์นั้น และสัญญานี้จะสิ้นสุดลงทันทีโดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า
ข้อ 4. หากผู้ว่าจ้างได้รับพี่เลี้ยงคนใหม่มาแทนแล้วจะต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบล่วงหน้า
และสัญญานี้จะสิ้นสุดลงทันที
ลงชื่อ ชนวิท
สินจวัตร ผู้ว่าจ้าง
ลงชื่อ บุรินทร์
วังคีรี ผู้รับจ้าง
บุรินทร์ตวัดลายมือชื่อตัวเองลงไปในกระดาษสีขาวเพิ่งปริ้นท์มาใหม่เมื่ออ่านสัญญาจบ
จริง ๆ เขากวาดสายตาไปเพียงบางส่วนเท่านั้น
จับใจความได้ว่าเขาต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อดูแลเด็กชายอดิศรโดยไม่มีวันหยุด
เงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาทถ้วน และสัญญาจะสิ้นสุดเมื่อหาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้
โอเค เก็ท
มือกร้านอย่างคนผ่านทำงานหนักมาแล้วรับสัญญาหนึ่งในสองฉบับมาถือไว้
ส่วนอีกฉบับอยู่กับคู่สัญญา ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม
“ผมขอถามได้ไหมว่าทำไมต้องย้ายมาอยู่ด้วย
น้าเกตุยังไม่ต้องย้ายมาเลย”
“คุณถามทั้งที่เซ็นชื่อลงไปแล้ว?”
“ผมตกลงทำงาน แต่ผมแค่สงสัย”
“ผมก็อยากให้พี่เกตุมาอยู่
แต่เกรงใจสามีพี่เกตุ จะมีบ้างที่ให้ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนน้องเฮียเวลาที่ผมไม่กลับบ้าน
ส่วนคุณถ้ามีแฟนก็บอกให้แฟนเข้าใจด้วย”
บุรินทร์พยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ไม่มีแฟนกับเขาหรอก
แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องไปแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ที่น่าห่วงตอนนี้ก็คือสุขภาพของเขามากกว่า
“คุณเสือ” เจ้าของชื่อไม่ตอบ
แต่ใช้สายตารีเล็กนั้นมองเพื่อให้พูดต่อ “ผมหนาว...
ถ้ายังไงผมมาใหม่อีกครั้งได้ไหม”
บุรินทร์ยกมือขึ้นลูบแขนผ่านเนื้อผ้าประกอบ
ชนวิทเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบุรินทร์เปียกตอนอาบน้ำให้น้องเฮีย ซึ่งตอนนั้นคัวเองมัวทำมื้อเช้าอย่างง่ายให้ลูกกินอยู่
จนลืมไปเรื่องนี้ไปเลยด้วยซ้ำ เจ้าของบ้านขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“ไม่ต้องหรอกผมจะให้คุณเริ่มงานตอนนี้เลย
ส่วนเรื่องเสื้อผ้าคุณน่าจะใส่ของผมได้” ร่างสูงลุกขึ้นเต็มความสูง
แล้วเดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ข้างห้องเมื่อเช้าที่น่าจะเป็นของลูกชาย
สักพักก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ
“อย่าเลยผมเกรงใจ ผมว่า...”
“ตัวนี้น่าจะใส่ได้” ไม่รอให้ลูกจ้างหมาด ๆ ได้ปฏิเสธ นายจ้างยัดเสื้อผ้าของตัวเองใส่มือบุรินทร์เสร็จสรรพ
และเดินไปเก็บของใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองหน้าตาเฉย
“แต่...” เขาลองเอ่ยปฏิเสธอีกรอบ
แต่กูถูกตัดบทอีกครั้ง
“ผมยังไม่ได้หากุญแจบ้านอีกดอกไว้ให้คุณ
เพราะฉะนั้นอยู่ไปก่อน ผมต้องออกไปทำธุระ... อ้อ ห้องน้ำอยู่ตรงห้องครัว” ชนวิทไม่รอให้คนอายุน้อยกว่าปฏิเสธซึ่งว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดสำหรับวันนี้เลยก็ว่าได้
สรุปไม่ให้เขากลับสินะ
บุรินทร์รู้สึกว่าร้างกายกำลังจะแหลกอีกในไม่ช้า
มือเรียวทว่ากร้านจากการทำงานพิเศษในสมัยเรียนยกขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไม่ให้ไหลเข้าตา
ร่างโปร่งสวมกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งกว่าตัวเล็กน้อยเพราะเสื้อของชนวิทใหญ่กว่าเขาหนึ่งไซส์
เขากำลังต่อสู้กับการทำความสะอาดบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย
ส่วนเจ้าของบ้านที่รักความสะอาดนั้นไปทำงานเรียบร้อยแล้ว
ออกมาจากห้องน้ำเจอแค่โพสต์อิทสีเหลืองแปะไว้ที่ตู้เย็น ลายมือขยุกขยิกไม่เป็นระเบียบเขียนสั้น
ๆ ว่า ‘เริ่มทำความสะอาดตั้งแต่วันนี้’
เพราะอย่างนี้สินะถึงไม่ให้เขากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน!
สู้รบกับมันจนจนเกือบบ่ายสามในที่สุดก็เสร็จเสียที
นับว่าแปลกตาไปจากเดิมจากหน้ามือเป็นหลังมือคนทำจึงรู้สึกพึงพอใจกับผลงานมาก แต่ตอนนี้บุรินทร์รู้สึกคันเนื้อคันตัวอยากจะอาบน้ำอีกรอบเพราะขลุกอยู่กับฝุ่นเป็นเวลานานและอยากกลับไปเก็บของที่ห้องด้วย
แต่ก็ต้องรอเจ้าของบ้านกลับมาก่อนถึงจะกลับได้
รอจนเกือบสี่โมงเย็นก็ยังไม่เห็นวี่แวว ไม่รู้ว่าชนวิทไปรับลูกชายแล้วหรือยัง
ชะเง้ออยู่นานในที่สุดฮอนด้าแอคคอร์ดสีดำก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้าน
ปรี๊นน!
และการเปิดประตูรั้วกลายเป็นหน้าที่ของเขาไปโดยปริยาย
รถคันสวยวิ่งมาจอดในตัวบ้าน
ทันทีที่รถจอดสนิทประตูรถด้านหลังก็เปิดออกพร้อมกับเด็กจอมโวยวายวิ่งมาดักหน้าเขา
“ทำไมลุงยังไม่กลับไปอีก!”
“น้องเฮีย” คนเป็นพ่อปราม
“พ่อ ลุงไม่กลับ” เด็กตัวน้อยวิ่งกลับไปหาพ่อ แล้วชี้มาทางเขาเป็นเชิงฟ้องว่าเขายังไม่กลับไปเสียที
“พ่อให้เขาอยู่ด้วย
พี่เขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนเราแทนป้าเกตุ”
“ไม่เอาอ่ะ! ป้าเกตุไปไหน
จะเอาป้าเกตุ!”
“ป้าเกตุกลับบ้าน ส่วนพี่บีนจะมาอยู่แทนป้าเกตุนะ
แค่แป๊บเดียว”
“ทำไมต้องให้ลุงเขามาอยู่ด้วย
พ่ออยู่กับเฮียก็ได้นี่ครับ” คนเป็นลูกพูดเสียงอ่อนอย่างออดอ้อน
ภาพของคนเป็นพ่อย่อตัวลงนั่งเพื่อให้เสมอกับตัวลูกปะเหลาะกันทำให้คนนอกอย่างบุรินทร์ทำตัวไม่ถูก
ร่างโปร่งยกมือเกาท้ายทอยอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี จะเอ่ยปากขอกลับบ้านก็กลัวจะไปขัดบรรยากาศพ่อลูก
แต่ขืนยังเงียบอยู่แบบนี้ก็คงไม่มีใครสนใจเขา หรือเขาควรจะออกไปอย่างเงียบ ๆ ?
เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ
เขาจึงก้าวเท้าให้เบาที่สุด แต่คนตาดีก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“คุณจะไปไหน”
“กลับห้องสิคุณ ผมคันไปหมดแล้ว”
ว่าแล้วยื่นแขนให้ดูว่ามันเป็นผื่นแดง
“อี๋”
บุรินทร์แอบแยกเขี้ยวให้เด็กแสบที่ทำหน้ารังเกียจ
“กลับยังไง
เดี๋ยวผมไปส่งยังไงคุณก็ต้องมาอยู่นี่อยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ” บุรินทร์ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด ถึงเขาจะไม่มีรถขับแต่ก็ไม่อยากรบกวนคนอื่น
“กลับไปเลย ชิ่ว ๆ ” มือเล็กสะบัดไล่เขา
ไอ้เด็กเฮีย...
“น้องเฮีย” ชนวิทปรามลูกอีกครั้ง
ไอ้ตัวแสบคว่ำปากก้มหน้างุด “ว่าไง”
บุรินทร์คิดว่าตัวเองกำลังถูกกดดันกราย ๆ
“ไม่เป็นไรครับ
เดี๋ยวผมกลับมาแล้วกันครับ”
“อืม”
เมื่ออาบน้ำขัดเหงื่อไคลออกจากตัวเสร็จค่อยสบายตัวหน่อย
บุรินทร์เก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้
เลือกไปเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นเพราะเวลากลับจะขนกลับมาลำบาก
อย่างไรเสียชนวิทก็น่าจะหาพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ได้ในเร็ว ๆ นี้
บุรินทร์เอาเสื้อผ้าของชนวิทใส่ถุงกระดาษเอาไว้พลางนึกถึงขนาดตัวของคนใส่
ทั้งที่ตัวเขาเองก็สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร
และชนวิทเองก็สูงกว่าเขาประมาณห้าถึงหกเซ็นต์
จะต่างกันก็ตรงที่ร่างของชนวิทจะดูหนาและสมส่วนกว่าเขามากแม้ว่าเขาจะออกกำลังกายและทำทุกทางให้มีกล้าเนื้อสวยอย่างที่ในคลิปทำแล้วก็ตามที
ต้องยอมรับว่าเขาอิจฉาหุ่นของชนวิทจริง ๆ อยากสูง
และเฟิร์มแบบนั้นบ้าง
เก็บเสร็จก็นอนเล่นพักร่างจากความเมื่อยขบ
ตากลมสองชั้นมองฝ้าเพดานห้องแล้วแอบอาลัยอยู่หน่อยหนึ่งที่จะไม่ได้มาอยู่สักระยะ ถึงห้องนี้จะเล็กกว่าห้องของเด็กชายอดิศรซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการบ้านจัดสรรก็เถอะแต่ถึงยังไงเขาก็ซุกหัวนอนมาตั้งแต่เรียนปีสอง
(ปีหนึ่งอยู่หอใน) พอคิดว่าต้องไปนอนที่อื่นนาน ๆ ชักจะไม่อยากไปเสียแล้ว...
Rrrr… Rrrr…
โทรศัพท์จากน้าที่เขานับถือเหมือนแม่ดังขึ้น
เขาจึงกดรับสาย
“ครับน้า”
“[บีนทำอะไรอยู่จ้ะ
ว่างคุยหรือเปล่า]”
“ว่างครับ ตอนนี้ผมไม่ได้ทำอะไร”
“[ไปหาคุณเสือมาเป็นอย่างไรบ้างจ้ะ]”
เมื่อกานต์กวีเปิดช่อง
เขาก็ไม่รอช้าที่จะฟ้องในสิ่งที่เขาเจอมากับตัว!
“คุณเสือของน้าเกตุไม่เห็นจะรักสะอาดเลย
บ้านงี้อย่างเละอ่ะ แถมน้องเฮียก็โวยวาย แถมดูจะไม่ชอบหน้าผมด้วย น้าเกตุครับผมชักกลัวแล้วเนี่ย”
“[ทนหน่อยนะบีน
น้องเฮียเธอเป็นเด็กน่าสงสาร แรก ๆ
ก็อาจจะดื้อบ้างตามประสาเด็กไม่ถึงวันเดี๋ยวเธอก็คุ้นกับบีนจ้ะ แล้วคุณเสือเองก็คงจะลำบากที่ต้องดูลูกคนเดียวตั้งหลายวันบ้านจะรกไปบ้างก็ไม่แปลกหรอกจ้ะ]”
“ไม่ได้รกธรรมดานะ
และสกปรกเลยต่างหาก! วันนี้ผมไปทำความสะอาดมาผื่นขึ้นเต็มตัวเลย” ว่าแล้วเกาแขนไปด้วยอย่างกับปลายสายจะเห็น
“[ฮ่ะ ๆ ๆ คุณเสือเธอรักความสะอาด
แต่เธอไม่ค่อยเก็บของเป็นระเบียบหรอกจ้ะ บีนก็อย่าลืมทายาด้วยนะจ้ะ]”
“ง่า... ทาแล้วครับ แล้วน้ากับเด็ก
ๆ สบายดีไหมครับ”
“[ดีจ้ะ
น้องแก้มน้องกายฝากบอกว่าคิดถึงพี่บีนด้วยนะ]”
“ผมก็คิดถึงเด็ก ๆ ครับ คิดถึงยาย
คิดถึงน้าเกตุด้วย”
“[ปากหวานจริงเชียวเด็กคนนี้]”
“น้าเกตุทานข้าวหรือยังครับ”
บุรินทร์ถามเอามือลูบท้อง วันนี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก๋สองตัวเมื่อเช้านี้
“[ยังเลยจ้ะ บีนล่ะจ้ะ]”
“ยังเลยครับ
ว่าจะไปเอาของไปไว้ที่บ้านคุณเสือก่อน...” หลังจากนั้นเขาก็เล่าเหตุการณ์และสัญญาจ้าง
รายละเอียดการทำงานให้กานต์กวีน้าสาวฟังคร่าว ๆ แอบฟ้องว่าชนวิทแกล้งให้เขาอยู่ทำความสะอาดบ้านตั้งแต่วันนี้อีกด้วย
“[งั้นบีนไปบ้านคุณเสือเลยจ้ะ
อย่าให้ผู้ใหญ่รอนานเลยมันไม่ดี]” บุรินทร์มุ่ยหน้าเมื่อได้ยิน
“ครับ ผมรักน้าเกตุ กับยายนะครับ”
“[จ้ะ ดูแลตัวเองด้วยนะจ้ะบีน]”
“ครับ”
หลังจากวางสายบุรินทร์ก็สำรวจห้องอีกครั้งว่าเรียบร้อยดีไหม
ลืมอะไรหรือเปล่าไม่อยากเสียเที่ยวมาเอาอีก เมื่อตรวจตราดีแล้วน้ำไฟไม่ลืมอะไรแล้วจึงแบกสัมภาระของตัวเองออกจากห้อง
ไหว ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละงานนี้!
TBC.
::: พูดคุยกับคนเขียน :::
ตอนที่ 1 มาเสิร์ฟแล้วค่ะ
พยายามทบทวนเรื่องที่เขียนลงเล้า เปลี่ยนเนื้อนิดหน่อยแต่ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องค่ะ ><
ขอบคุณมากค่ะ ♥
ความคิดเห็น