ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สองคมผ่ายุทธจักร

    ลำดับตอนที่ #3 : กระบวนท่า “แสงแรกอรุณ”

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 56


     

    ตอนที่ 3 กระบวนท่า “แสงแรกอรุณ”

     

                    สายลมหอบหนึ่งพัดพาเอาหมอกและกลุ่มควันพิษจากพลังกลุ่มก้อนจากกระบองเหล็กของราชูปา

    หายจางไป  ถังจ้ำยืนโงนเงนต้องใช้ฝักกระบี่ปักพื้นเพื่อยันกายเอาไว้  เขากลับทนทานรับกระบวนท่าพิฆาต

    ของราชูปาไปได้  นี่คงเป็นปาฏิหารย์บทหนึ่งให้กล่าวขาน  หากว่าถังจ้ำรอดกลับไปได้


                    ในใจอดคิดไม่ได้ว่า  ตนเองประมาทศัตรูเกินไป  ฝีมือยอดยุทธจากแดนหลวงหาใช่ธรรมดาไม่  ถัง

    จ่ำแค่นเสียงหัวเราะดังกลับมาพลางพูดว่า “เจ็บแค่มดคัน”


                    ราชูปากัดฟันกรอด  หมายจะจู่โจมใส่อีกทีนึง  แต่มันกลับหยุดชะงัก  คำสั่งของกระบี่เก้าราชา

    หมายจับเป็นแม้เพียงหนึ่งปีกของพันธมิตรแห่งเงาได้  ความดีความชอบคงตกถึงมือมัน  แต่ในใจก็นึก

    เสียดาย  หากไม่ลงมืออย่างเด็ดขาด  คนที่ใกล้ตายผู้นี้อาจจะกลับมาแว้งกัดได้  เหมือนงูใกล้ตายแต่ยังมีพิษ

    ร้าย


                    แสงอาทิตย์แรกยามเช้าสาดส่องลงมาบนพื้น  น้ำที่ขังในหลุมลึกสะท้อนแสงอาทิตย์ต้องตาราชูปา

    จนต้องยกมือบัง  หรือนี่เป็นแสงอาทิตย์สุดท้ายที่ถังจ้ำจะได้เห็น  ราชูปาเอ่ยขึ้น  “แสงอาทิตย์ยามเช้าเช่นนี้ 

    สมใจข้ายิ่งนัก  ถังจ้ำแห่งพันธมิตรแห่งเงา  ข้าเมตตาท่านให้ชื่นชมแสงอาทิตย์สุดท้ายก่อนจะลาลับโลกนี้

    ไป”


                    ท่าสุดท้าย “พบพานยมทูต”  เงากระบองนับร้อยพุ่งคุกคามจากทางด้านหน้าทุกทิศทุกทาง  หาก

    ถังจ้ำในยามปกติ  คงควงกระบี่ปัดป้องพลางถอย  เตรียมรับมือในท่าต่อไป  แต่บัดนี้แรงยืนอยู่ยังยืนมิได้ 

    กระบี่ในมือถือด้วยแรงอันน้อยนิดแต่เขากลับแย้มยิ้มขึ้นมา


                    “พี่น้องเรา  โปรดหลับตาซะ”  หรือนี่เป็นคำสั่งเพื่อไม่ให้ใครจดจำได้ว่าเขาตายอย่างไร


                    แต่แท้จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น  ถังจ้ำชักกระบี่ชูขึ้นเหนือศรีษะ  จังหวะเดียวกับแสงแรกของ

    พระอาทิตย์ส่องทะลุม่านเมฆลงมา  แสงสะท้อนจากตัวกระบี่ส่องตรงไปยังนัยน์ตาสองข้างของราชูปา  และ

    เหล่ามือธนูที่อยู่บนกำแพงประตูเมือง  หากไม่หลับตาหรือเบือนหน้าต่างมองเห็นแสงกระทบนี้ด้วยกันถ้วน

    ทุกคู่นัยน์ตา 


                    “นี่เป็นกระบวนท่าที่คิดขึ้นใหม่ในครานี้  ขอตั้งชื่อว่า กระบี่มายา  กระบวนท่า “แสงแรกอรุณ”


                    ราชูปาคิดว่านี่คงผิดท่า  นัยน์ตาสองข้างกลับเหมือนมีใครเอามือบังตามันไว้จนมืดมิด  หรือนี่เป็น

    กลอันใดของถังจ้ำกัน  จากความมืดมิดกลับกลายเป็นแสงสว่าง  แสงละอองนวลๆส่องกระทบนัยน์ตา 

    ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าหากใช่สมรภูมิสงครามหน้าประตูเมืองไม่  ราชูปาบัดนี้สวมชุดเจ้าอาวาสสำนักสังฆ

    ปาละ  พร้อมสาวกนิกายนับแสนนับล้าน  มันยืนมองบัลลังก์ที่ครองแผ่นดิน  ในใจกลับตื้นตันเป็นสุขยิ่ง 

    กลับลืมไปว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น


                    เฉกเช่นเดียวกันกับนายทหารที่เฝ้าประตูเมือง  ต่างมีสภาพดุจเดียวกับราชูปา  เห็นภาพในมโนจิต

    เป็นภาพที่ตนมีสุขที่สุดในชีวิต  หัวใจพองโตยิ่ง  แต่กระนั้นกลับทำให้หัวใจทำงานและเต้นเร็วแรงมากเกินไป 

    เป็นสภาพขับเคลื่อนไปหายมโลกทีละนิด  หากแต่ตายอย่างเปี่ยมสุขยิ่ง  นี่กลับเป็นกระบี่อัจฉริยะที่คิดค้น

    กระบวนท่าในคราเคราะห์


                    ถังจ้ำ  ค่อยๆเดินด้วยร่างกายที่เสื้อผ้าขาดวิ่น  มีร่องรอยแผลฉกรรจ์หลายแห่ง  เดินอยู่เคียงข้างรา

    ชูปาที่บัดนี้มันลืมเลือนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปแล้ว


                    ถังจ้ำกระซิบคำที่ข้างหูของมัน “ข้าพเจ้าให้ท่านมองเห็นสุขยิ่งในชีวิตแล้ว”


                    สิ้นคำราชูปาล้มลงสิ้นใจกับพื้นดิน


                    ในเวลาชั่วลมหายใจต่อมา  นายทหารนับร้อยที่อยู่บนกำแพงเมืองบ้างร่วงหล่นลงมาตาย  บ้าง

    หงายหลังลงไปอีกฝั่ง  ดีหน่อยที่บางคนตายอยู่บนกำแพงนั้น  ถังจ้ำเอ่ยขึ้น  “ทหารกล้าทั้งหลาย  ช่างยอด

    เยี่ยม  ท่านตายในหน้าที่อย่างสมเกียรติแล้ว”


                    ฝ่ายนักรบชุดดำของพันธมิตรแห่งเงา  บ้างก็ได้รับผลกระทบสิ้นชีวิตไปสี่ห้าคน  นอกนั้นที่ได้ยินคำ

    สั่งของถังจ้ำ  มารดามันเถอะกลับทอดถอนใจให้โล่งอกออกมา  หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา 

    คงตกตายตามนักบวชราชูปาเป็นแน่  มันทั้งหมดต่างโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจ


                    ถังจ้ำ  รวบรวมแรงตะโกนสั่งครานึง  “สังหารคนต่อต้าน  มิฆ่าคนบริสุทธิ์ที่ยินยอม  จับเป็นเหล่า

    นักปกครอง”


                    ทั้งหมดรับคำสั่ง  กรูเข้าไปในเมืองที่เต็มไปด้วยซากศพของทหารกล้า

                   

                    เหล่ามือดีนักรบชุดดำ  จับเป็นกวนเป๋งมาได้  ถังจ้ำทั้งตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผล  ในห้องที่เคยเป็น

    ห้องปกครองของกวนเป๋ง  แต่บัดนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพร


                    กวนเป๋งถูกจับมัดมือไขว้หลังไว้ 


                    ถังจ้ำสั่งลูกน้องให้ปลดปล่อยกวนเป๋งจากพันธนาการนั้นซะ  กล่าวกับกวนเป๋ง  “ข้ามีนามว่าถังจ้ำ 

    ได้ยินชื่อเสียงของท่านกวนเป๋งยอดนักปกครองมานาน  ข้าลำบากใจที่ต้องทำเยี่ยงนี้”


                    กวนเป๋งในท่าทีที่ยินยอมต่ออีกฝ่าย  หากดื้อดึงต่อต้านไป  คงเอาชีวิตมาทิ้ง  จึงกล่าวกับถังจ้ำ 

    “บัดนี้แคว้นนี้ตกเป็นของท่าน  พันธมิตรแห่งเงายอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ  แม้เพียงกลุ่มก้อนเดียวกลับตีเมืองได้

    แตกพ่าย”


                    “ท่านกวนเป๋ง  ก้าวแรกของลี้จิวคือห้าแคว้นติดชายทะเล  บัดนี้นี่เป็นแคว้นสุดท้ายที่เข้มแข็งที่สุด 

    และพันธมิตรแห่งเงาจะสร้างรัฐถะอันยิ่งใหญ่มั่นคงต่อต้านกับราชอาณาจักรยูซา  แต่บัดนี้ก้าวแรกสำเร็จ

    ลุล่วงแล้ว”  ถังจ้ำไอออกมาเป็นเลือดคำหนึ่ง  นับว่าเขาเองบาดเจ็บภายในหนักยิ่ง


                    “ข้าเองยอมสวามิภักดิ์ต่อท่าน  ขอจงเว้นชีวิตภรรยาและบุตรของเรา  ขอท่านถังจ้ำจงเมตตา” กวน

    เป๋งร้องขอชีวิต


                    “แคว้นนี้  ลี้จิวให้อิสระต่อเรา  ข้าจะแต่งตั้งท่านขึ้นเป็นอาจารย์สอนหนังสือ  ต่อแต่นี้จะมีชนชั้น

    ปกครองเช่นท่านนับสิบนับร้อยเกิดขึ้น”


                    กวนเป๋งดีใจยิ่ง  คุกเข่าขำนับแนบพื้นหลายครา  ถังจ้ำสั่งให้คนจัดตำหนักที่พักให้กวนเป๋ง  และ

    สั่งให้มันออกไปจากที่พัก

                   

    สามปีผ่านไป  ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง


                    ห้าแคว้นติดชายทะเล  ตกอยู่ในเงื้อมมือของลี้จิว  กลายเป็นห้ารัฐรวมเป็นหนึ่ง  แต่บัดนี้ลี้จิวยังไม่

    ปรากฏออกมาจากการถ่ายทอดวิทยายุทธให้กับศิษย์เอกทั้งสอง  รัฐทั้งห้าตั้งแคว้นหยินซีเป็นแคว้นหลัก  มี

    การจัดตั้งโรงเรียนสอนการเมืองการปกครองแก่ชนชั้นอันพอมีฐานะ  มีเหล่าบัณฑิตเข้าศึกษามาหลายรุ่น  มี

    การจัดการเงินแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญกษาปณ์  มีการเปิดการค้าเสรี  งดเว้นการเก็บภาษี  จัดตั้งศาล

    ปกครองเพื่อวินัจฉัยชำระคดี  ปีกทั้งห้าคนคล้ายเป็นรัฐมนตรีออกคำสั่งแก่ชนชั้นปกครองที่มีความสามารถ

    ปกครองแต่ละแคว้นได้อย่างปกติสุข


                    จากบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยควันสงคราม  บัดนี้แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ประชาชนหาได้

    มีความทุกขยากเหมือนเมื่อก่อน  กองกำลังพันธมิตรแห่งเงาถูกจัดตั้งขึ้น  มีเหล่าชายฉกรรจ์ห้าวหาญเข้ามา

    สมัครเป็นจำนวนมาก  หาต้องอาศัยเกราะอันหนาหนักไม่   เป็นกองกำลังกองโจรอันยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนดิน 

    ขีดความสามารถจากรุ่นเก่าที่เลื่อนชั้นเป็นบรรดาครูฝึก  รับมือได้จากหนึ่งต่อห้า  เป็นหนึ่งต่อสิบ  หากนับ

    กองกำลังตอนนี้  มีเหยียบหมื่นคน  หากยกทัพจับศึกหักหาญแล้ว  หาได้พ่ายแพ้เป็นอันง่ายไม่  หากแต่อีก

    สองปีจากนี้  ก็รอการกลับมาของบุคคลผู้หนึ่ง

     

    หอเลิศรส  ที่เมื่อสามปีก่อน  เป็นเหลาสุราที่เก่าคร่ำครึ  บัดนี้ถูกรื้อปรับปรุงเป็นเรือนห้าชั้น  มีน้ำ

    ล้อมรอบทุกด้าน  มีสะพานทอดข้ามจากสี่ฝั่ง  การเดินข้ามหนองน้ำกว้างใหญ่มาถึงหอเลิศรส  นับว่ากลาง

    วันอาจจะร้อนไปบ้างแต่นับเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง

     

    ชั้นหนึ่งและสองเป็นร้านอาหารเลิศหรู  ชั้นสาม  เป็นบ่อนพนันอันยิ่งใหญ่  ส่วนชั้นสี่เป็นเรือนประลอง

    หมากรุก  หมากล้อม  ส่วนชั้นที่ห้าจัดเป็นห้องพิเศษให้สำหรับคนพิเศษในพิเศษ  บัดนี้  ชั้นห้ามองเห็นทุก

    อย่างได้กระจ่างชัดตา

     

    ถังจ้ำยืนมองลอดลูกกรงไปเบื้องนอก  นับจากนั้นสามปี  มันเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าตอแยหรือประ

    มือด้วย  ข่าวลือในข่าวลือเรื่องกระบวนท่ากระบี่เดียวปราบทั้งแคว้นของมัน  เป็นที่เลื่องลือระบือไกล  หาก

    แต่ความจริงแล้วเกือบจะต้องแลกมาด้วยชีวิต  ถังจ้ำนึกถึงทีไรให้ต้องหวาดเสียวทุกครา  แต่บัดนี้อาการบาด

    เจ็บภายในทุเลาลง  แต่มิได้หายขาด  
    บัดนี้มันกังวลยิ่ง  จึงนัดอีกบุคคลหนึ่งเข้าหารือ  เป็นคนที่เขารออยู่

    ตอนนี้

                    เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งค่อยๆเดินด้วยจังหวะก้าวอย่างมั่นคงและเท่ากัน  เป็นบุคคลที่ฟังจาก

    เสียงฝีเท้านับว่ามีอุดมการณ์และจิตใจมั่นคงยิ่ง


                    ผมสีดำที่ถูกมัดรวบๆด้วยผ้าสีขาวเส้นหนึ่ง  บุรุษในชุดขาวสวมกางเกงผ้าไหมสีน้ำเงินทออย่างดี 

    มีมูลค่าขับเด่นให้เขาดูดุจเจ้าชายที่หลุดมาจากปราสาทราชวังใด  แต่สีหน้าซีดเซียวราวกับป่วยอยู่ตลอด

    เวลา  คิ้วหนาเป็นสันนูนเด่น  แต่ผิดกับบุคลิกที่ราวกับเป็นคนป่วย  ท่าทางซึมเซา  นามกระบี่ป่วย “หลี่ฟาง”


                    ถังจ้ำนัดปีกที่เจ็ดแห่งพันธมิตรแห่งเงา  นัดพบกับปีกที่หกหลี่ฟาง  นับว่ามันมีลำดับฝีมือถัดกัน

    เพียงหนึ่งลำดับ  แต่จากกระบวนท่านั้นถังจ้ำอาจจะโดดเด่นที่สุดในปีกแห่งพันธมิตรแห่งเงาทั้งหมด


                    ถังจ้ำหันตัวกลับมา  ประสานมือทำความเคารพ  ผู้ที่เรียกว่า  ปีกที่หก  เขาสองคนกลับไม่นิยมชม

    ชอบเรียกชื่อกัน  กลับเรียกลำดับตำแหน่งที่ได้รับมาจากลี้จิว


                    “ปีกที่หก  ข้ารอท่านอย่างใจจดใจจ่อยิ่ง” ถังจ้ำกล่าวกับหลีฟาง  พลางชักชวนอีกฝ่ายนั่งเพื่อ

    สนทนา


                    ถังจ้ำรินน้ำชารสเลิศให้กับแก้วชาสีขาวมุก  ปีกที่หก  กระบี่ป่วย หลี่ฟาง  หยิบมาดื่มรวดเดียวหมด

    แก้ว  จากนั้นไอเบาๆสองครา


                    “ปีกที่เจ็ดอันยอดเยี่ยม  กระบวนท่า  “แสงแรกอรุณ” ของท่าน  โดดเด่น  ยอดเยี่ยมหาใครเทียบได้ 

    กระบี่เดียวล่มทั้งแคว้น” หลี่ฟางยิ้มพลางกล่าว


                    ถังจ้ำราวกับมีสิ่งใดจุกอยู่ที่อก  เรื่องที่มันกล่าวออกไป  มีเพียงหลี่ฟางคนเดียวที่อาจจะคลาย

    ความกังวลนี้ได้


                    “ข้ามีเรื่องความจริงอย่างหนึ่ง  มิเคยบอกกับผู้ใดออกไป”  ถังจ้ำกล่าวหยุดพัก  อาการบาดเจ็บ

    ราวกับกำเริบขึ้นมาดุจตะกอนในอ่างที่ถูกใครก่อกวนขึ้นมา


                    “ท่านสนิทสนมกับปีกที่หนึ่ง  เตี่ยวซิว  และปีกที่สิบ  ไซฮะ  สองท่านนั้นใยท่านมิเอ่ยออกไป” หลี่

    ฟางสงสัย  ว่าเรื่องที่จะได้รับฟังมันไม่สมควรที่จะได้ยิน


                    ถังจ้ำยกมือห้ามอีกฝ่าย  กล่าวต่อไปว่า  “ข้าเกรงว่าทุกอย่างจะปรวนแปรเรรวนจนเสียกระบวน

    ทัพ”

                    หลี่ฟางมิกล่าวอะไรรออีกฝ่ายเปิดเผยออกมา


                    “อาการบาดเจ็บของข้าพเจ้า  คล้ายว่าจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน” ถังจ้ำกล่าวด้วยความกังวลยิ่ง


                    “ท่านได้รับบาดเจ็บ  เมื่อใดกัน”  หลีฟางครุ่นคิดสงสัย


                    “กระบวนท่าสุดท้ายที่ออกไป  หลังจากรับกระบวนท่าพิฆาตของกระบองเหล็กอันร้ายกาจของราชู

    ปามัน  กระบวนท่าแรกมันสะกดเรามิอาจเคลื่อนไหว  การเคลื่อนไหวครั้งที่สองกลับเกือบพาเราไปพบ

    บรรพบุรุษ  มารดามันเถอะ  เรากลับคิดกระบวนท่านั้นได้  เมื่อเห็นแสงแรกอรุณนั้น  กระบี่มายาของเรากลับ

    เปล่งอานุภาพได้ถึงขีดสุด” ถังจ้ำเล่าอย่างรวบรัด


                    “แต่อาการบาดเจ็บทำเอาข้าพเจ้าไม่อาจชักกระบี่ต่อสู้หักหาญได้อีก”  ถังจ้ำบอกกับหลีฟาง


                    “ปีกที่เจ็ด  ข้าขอตรวจสอบอาการบาดเจ็บท่านได้หรือไม่” หลี่ฟางหมายใช้ปราณตรวจสอบอาการ

    ของอีกฝ่าย


                    ถังจ้ำพยักหน้า  ยื่นแขนขวาออกไป


                    หลี่ฟาง  ใช้นิ้วชี้และนิ้วนางแตะที่ชีพจรตรงข้อมือของถังจ้ำ  มันสีหน้าแปรเปลี่ยน  บ่งบอกถึง

    ความเลวร้ายแล้ว


                    “ท่านบาดเจ็บหนักจริงๆ”  หลี่ฟาง  กล่าวก่อนจะกล่าวตัดบทเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกังวล “ข้าจะหาหมอ

    วิเศษมารักษาท่านให้หายจากอาการบาดเจ็บนี้จนได้”


                    ถังจ้ำยิ้มรับน้ำใจอีกฝ่าย  กล่าวขึ้น “ข้าเห็นทีจะรอลี้จิวไม่ไหว  สองปีที่เหลือนี้  ข้าขอฝากกระบี่

    มายาไว้กับท่าน  ข้าคงตัดสินใจลาลับไปจากโลกนี้ด้วยดี”


                    หลี่ฟางปฏิเสธ “ไม่  ข้าไม่ขอรับไมตรีนั้น  ท่านอย่าเพิ่งสิ้นหวังไป  อาจจะมีหนทางหนึ่งให้ท่านรอด

    ตายไปได้  ข้าไม่อาจรับตำแหน่งเป็นปีกที่หกและปีกที่เจ็ดพร้อมกัน”


                    “เอาอย่างนี้  กระบี่มายาเล่มนี้  ฝากไว้เป็นเครื่องเตือนใจให้กับลี้จิว  เขาจักเอาไปทำอย่างไรขึ้นอยู่

    กับท่านพี่ลี้  ส่วนข้าจะขอจากไปนับแต่บัดนี้  ทุกอย่างฝากไว้ที่ท่านแล้วหลี่ฟาง” เป็นครั้งแรกที่ถังจ้ำเรียกชื่อ

    ของอีกฝ่ายออกมา


                    ถังจ้ำลุกเดินจากไป  ทิ้งหลี่ฟางและกระบี่มายาไว้บนโต๊ะ  ชาในแก้วยังอุ่นอยู่  แต่ใจกลับเหน็บ

    หนาวยิ่ง  เป็นวันสุดท้ายที่มีคนพบเห็นถังจ้ำ  จากวันนี้เขาเร้นกายหายลับไปจากยุทธภพ  เป็นตายร้ายดีไม่

    ทราบ  ทิ้งไว้เพียงประโยคบอกลาและกระบี่มายาคู่ใจ  ตำนานกระบี่เดียวล่มแคว้นยังคงเป็นตำนานที่เล่า

    ขานสืบไป

                   

    จบตอน

                   

                   

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×