คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : X-Ray ตาโรคจิต!!
“จะทำยังไงดี” อีกเสียงหนึ่งถามขึ้นอีก แต่รู้สึกว่าจะเป็นเสียงจากคนๆ เดียวกัน
ใช่แล้วล่ะ.. ก็เสียงมดน้อยนั่นแหละ.. ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ มดน้อยเดินวนหน้าสถานีมาได้พักใหญ่แล้ว..
ไม่หรอก เธอไม่ได้ฝึกเดินจงกรมแต่อย่างใด.. เธอกำลังว้าวุ่นใจ
เพราะวันนี้เธอมีอัดเสียงตอนเช้า แต่ปัญหาก็คือ วันนี้มีแค่เธอกับตาโรคจิตเท่านั้น ที่จะร่วมงานกัน.. ให้ตายสิ เธอจะเดินผ่านโปรดิวเซอร์โดยไม่พูดอะไร แล้วมุ่งตรงไปในห้องอัดเลย ก็กระไรอยู่นะ
แต่จะให้ทำไงล่ะ เรื่องเมื่อคืน เธอก็เกือบตายแล้วล่ะ.. ถ้าวันนี้ตานั่นพูดอะไรแปลกๆ อีก เธอจะรอดเร้อ..
“ตาตุ๊ดดุ๊ดต๊ะตุ๋ดตา ตาตุ๊ดดุ๊ดต๊ะตุ๋ดตา” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้มดน้อยถึงกับสะดุ้งเฮือก..
ทำไงดีๆ ..ความคิดนี้ก็วนเวียนมาอีก เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์คือ !!ตาโรคจิต!!
มดน้อยเลี่ยงที่จะไม่รับโทรศัพท์ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี สงสัยตาโรคจิตจะรอนานเลยโทรมาตาม
‘เอาวะ.. มดเอ้ย สู้ๆ หน่อย ตานั่นจะพูดอะไรก็ช่างสิ เรามาทำงานๆๆๆๆๆ’
มดน้อยคิดได้แค่นั้นก็มุ่งหน้าเข้าสถานีอย่างกล้าหาญ ..ทำยังกะจะไปรบแน่ะ!!
ว่างเปล่า.. ใช่! มันว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีแม้เงาของตาโรคจิต
มดน้อยเดินตามหาตามห้องต่างๆ แต่ก็ไม่เจอ.. เอ๊ะ! ชักแปลกๆ แฮะ ตานั่นไปไหนนี่..
ว่าแล้วไม่รอช้า มดน้อยก็มุ่งตรงไปยังหน้าสถานีเพื่อสอบถามลุงยาม..
ได้ความว่าตาโรคจิตนั่น ยังไม่เข้ามาเลย.. แปลกจริงๆ ทำไมวันนี้มาสายนะ.. เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ..หรือว่าขับรถมาแล้วโดนจี้.. หรือว่าขับรถชนป้าขายไข่ปิ้ง ..
“ตาตุ๊ดดุ๊ดต๊ะตุ๋ดตา ตาตุ๊ดดุ๊ดต๊ะตุ๋ดตา” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซะก่อน ตาโรคจิตคนเดิมน่ะแหละ คราวนี้คงต้องรับแล้วสินะ
“คะ” กรอกเสียงลงไปอย่างประหม่าเล็กน้อย
“คุณมดน้อย.. ผมคงไปไม่ได้แล้วครับวันนี้” พูดให้คนงงตามแบบฉบับเล้ย ให้ตายสิ
“ทำไมคะ” ถามนิดนึงก็ได้อะ
“วันนี้ผมไม่สบายครับ คงไปสถานีไม่ได้” เงียบไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวผมให้รถไปรับนะครับ”
มดน้อยงงไปพักหนึ่ง แล้วจึงถามต่อ “ทำไมล่ะคะ ..ทำไมต้องให้รถมารับ”
“ก็รถคุณมดน้อยเสียนี่ครับ” ตอบกลับทันควัน
‘เออ.. จริงด้วยสิ’ มดน้อยเงียบไปพักใหญ่ “เอ๊ะ.. ที่ว่าจะให้รถมารับ จะมารับไปไหนคะเนี่ย ถ้ากลับคอนโด ชั้นกลับเองได้ค่ะ”
“เปล่าครับ.. มาที่บ้านผมน่ะ” เสียงไอแค่กๆ ดังลอยมา “คืองานนี้ต้องทำต่อน่ะครับ แต่ผมไม่สามารถไปได้ คงต้องรบกวนคุณมดน้อยมาอัดเสียงที่บ้านผมน่ะครับ” เมื่อเห็นมดน้อยยังเงียบ “ผมคิดว่า ไม่ว่ายังไง งานนี้ต้องเสร็จภายในวันนี้ครับ เราไม่ควรจะเสียงานเพียงเพราะผมป่วยนะครับ” แน้ ดูสิ ขนาดป่วยยังจิกกัดกันได้นะเนี่ย... เรื่องเมื่อวานหรือว่าฝันไปวะเนี่ย มดน้อย
“ค่ะ ไม่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้ามาก็ได้ค่ะ รีบๆ ส่งมาเลยนะคะ จะรอแถวนี้นะคะ แค่นี้นะคะ”
“เดี๋ยวครับๆ คุณมดน้อย” เสียงปลายสายรีบพูดมาซะดัง
“อะไรคะ” มดน้อยถามงงๆ นี่ตกลงเรื่องยังไม่จบเหรอเนี่ย
“คือ.. แฮ่มๆๆ.. ถ้าไม่รบกวนเกินไป ช่วยซื้อซาลาเปาป้าจุ๋มหน้าสถานีให้หน่อยนะครับ เอาโหลนึงเลยนะครับ” เสียงสั่งซาลาเปาแบบประหม่าๆ ทำเอามดน้อยอดขำไม่ได้
“ค่ะ ได้ค่ะ แค่นี้นะคะ” แล้วเธอก็วางหูพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง.. ว่าแต่ตาโรคจิตนั่นชอบกินซาลาเปาขนาดนี้เลยเหรอ
แต่เอ.. ตั้งโหลนึงเลยนะ รึว่าจะเอาไปเซ่นไหว้เจ้าที่ละเนี่ย 555 ขำอ่ะขำจริงๆเลย
มดน้อยนั่งรอสักพัก.. รถเบนซ์สีเบจคันหรูก็มาจอดตรงหน้า พร้อมชายสูงวัยที่เดินลงจากรถมา หน้าตาราศีคนขับรถให้คุณหญิงคุณนายทำนองนั้น
..ทันใดประตูฝั่งข้างคนขับก็เปิดออกมา เป็นเด็กหญิงตัวเล็กอายุประมาณ 5 ขวบ ผิวขาวอมชมพู ผมหยิกยาว ใส่ชุดสีชมพูอ่อน..
เด็กน้อยยิ้มแล้วเดินตรงมาทางเธอ พร้อมพูดขึ้นว่า
“คุณอามดน้อยรึเปล่าคะ” เด็กน้อยพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ค่ะ” มดน้อยตอบงงๆ
“หนูชื่อ พริมค่ะ” เด็กน้อยเว้นจังหวะ พร้อมพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยด้วยความภูมิใจ
“หนูเป็นหลานอาธนาค่ะ คุณอาให้หนูมารับคุณอามดน้อยค่ะ พร้อมรึยังคะ” เด็กน้อยยิ้มสดใส ทำเอามดน้อยอดขำไม่ได้ จะไม่ให้ขำได้ไงล่ะ
ตาโรคจิตส่งหลานสาวมารับเธอ แล้วดูหลานสิ ยิ้มเก่งชะมัด แล้วคนเป็นอาสิ วันๆ เอาแต่หน้าบูด “ค่ะ พร้อมแล้วคร้าบบบ”
มดน้อยพูดพร้อมยกมือทำความเคารพเหมือนพลทหารชอบทำกัน เด็กน้อยยิ่งหัวเราะชอบใจใหญ่
ระหว่างทางไปบ้านตาโรคจิต.. เด็กน้อยพริมซึ่งนั่งข้างคนขับที่ถูกเรียกว่า ตาสมนั้น ก็พูดเจื้อยแจ้ว พร้อมทั้งยัดซาลาเปาใส่ปาก
มีการหยิบยื่นให้ตาสมด้วย บางครั้งก็ยื่นให้เธอบ้าง ถึงว่าสิ ตาโรคจิตถึงสั่งซื้อตั้ง 12 ลูกแน่ะ
บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ..สักพักก็ถึงทางเข้าบ้านตาโรคจิต.. เปล่าหรอก มดน้อยไม่เคยมา
แต่เห็นรั้วสูงๆ แล้วรถเหมือนจะเลี้ยวเข้าไป คงไม่ผิดบ้านหรอก เมื่อประตูไม้ที่ดูไปดูมาคล้ายๆ ประตูศาลไคฟงเปิดออก.. มดน้อยก็อึ้งกิมกี่.. ก็ดูบ้านตาโรคจิตนี่สิ... บ้านหรือว่ารีสอร์ทแอนด์สปากันแน่
ทำเอามดน้อยต้องรีบมองไปยังรั้วบ้าน ว่าเธอมารีสอร์ทรึเปล่าเนี่ย...
ทันทีที่ลงจากรถ.. มดน้อยก็แหงนมองบ้านที่ความสูงก็ไม่น่าจะเกินสองชั้น
แต่ด้วยความที่รถจอดหน้าบ้านพอดี ..ทำให้ดูเหมือนบ้านหลังนี้สูงเอามากๆ เลย
บ้านตาโรคจิต เป็นบ้านไม้กึ่งซีเมนต์ ลักษณะกลิ่นอายครันทรี่ แต่ก็ผสมผสานความหรูหราเหมือนกัน
ไม่มีน้ำพุหน้าบ้านเหมือนบ้านคนรวยคนอื่นๆ (เห็นแค่นี้ก็คงรวยแล้วมั้ง ถ้ายังไม่นับรถเบนซ์ที่เห็นมาแล้วสองคันอ่ะนะ)
แต่กลับเป็นสวนดอกไม้ มีชิงช้าเด็ก ม้านั่ง และโต๊ะนั่งพักผ่อน ต้นไม้ก็ร่มรื่นดี..
จากหน้าบ้านตรงนี้ มองออกไปไม่เห็นถนนเลย เหมือนกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเลยนะเนี่ย..
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกดีก็ไม่รู้ (ความจริงต้องกลัวใช่รึเปล่าเนี่ย??)
“บ้านผมสวยมั๊ยครับ.. เห็นมองใหญ่เลย” เสียงทักคุ้นๆ ทำให้มดน้อยต้องเหลียวกลับไปมอง
แต่เอ.. ทำไมคนๆ นี้ไม่เหมือนตาโรคจิตที่เธอรู้จักนะ
ตาโรคจิตที่มักจะยืนตัวตรง ใส่เสื้อผ้าเกินอายุ บางวันถึงกับควักสูทขึ้นมาใส่เลย.. แต่ดูวันนี้สิ.. ใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนสบายตา กางเกงขาสามส่วน กับรองเท้าแตะ..
จะว่าไป.. นายนี่ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยนะเนี่ย.. เฮ้ย!! มด.. ทำหวั่นไหวๆ นั่นน่ะ มันตาโรคจิตนะ ก่อนที่จะคิดไปไกลก็มีเสียงดังขึ้น
“คุณอาธนาคะ.. น้องพริมพาคุณอามดน้อยมาส่งแล้วค่ะ.. คุณอามดน้อยซื้อซาลาเปาให้น้องพริมด้วย..
คุณอามดน้อยใจดีมากค่ะ.. ใช่มั๊ยคะตาสม” เด็กน้อยเล่าเรื่องราวทุกอย่างไม่ขาดตอน
จะขาดก็ตอนที่เธอกินซาลาเปาของเด็กน้อยพริมด้วยนี่แหละ ถ้าตาโรคจิตรู้เข้า มีหวังคิดว่าเธอแย่งเด็กกินแน่ๆ เลย
ภายในบ้านตาโรคจิตกว้างมาก.. มีทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สระว่ายน้ำในบ้านที่ทะลุออกไปนอกบ้านได้
ห้องดนตรี ห้องทานข้าวสไตล์ยุโรป ห้องรับแขกที่บรรจุคนได้ทั้งสถานี ห้องอ่านหนังสือ และอีกสารพัด มดน้อยต้องคอยหยิกตัวเองบ่อยๆ เพราะคิดว่าฝันไป!!
มดน้อยอัดเสียงเสร็จก่อนเที่ยงเล็กน้อย.. ป้าพวงก็เข้ามาบอกว่าเตรียมอาหารพร้อมแล้ว
มดน้อยเพิ่งมารู้เอาตอนนี้นี่แหละ ว่าทั้งบ้าน มีคนอยู่แค่ 6 คน ก็คือ ตาโรคจิต น้องพริม(ที่เป็นฝั่งเจ้านาย)
ตาสม(คนขับรถ.. ซึ่งจะได้ขับเป็นบางครั้ง) ยายแจ่ม(แม่ครัวชาววัง) ลุงเพชร(คนสวน) และป้าพวง(แม่บ้าน) ..แล้วบ้านกว้างขนาดนี้นี่นะ... ทำไมไม่แบ่งเช่าซะเนี่ย
แต่ก็นะ.. คงมีอันจะกินเอามากๆ แหละ ถึงอยู่แบบนี้ได้ คิดแล้วเธอก็ค้อนตาโรคจิตบนโต๊ะอาหารนั่นแหละ.........
หลังเสร็จงาน มดน้อยก็ยังไม่ได้ไปไหน เพราะน้องพริมบอกว่าจะเล่นเปียโนให้ฟัง
มดน้อยก็ไม่มีงานอะไรต่ออยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันหยุด จะอยู่กับน้องพริมอีกหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร.. เพราะติดใจน้องพริมหรอกนะ..
แต่อีกใจหนึ่ง มดน้อยก็อยากรู้จักตาโรคจิตให้มากขึ้น เพราะวันนี้ตาโรคจิตต่างจากทุกที.. ยิ้มเก่ง หัวเราะเก่ง คุยเก่ง มิหนำซ้ำยังอ่อนโยนกว่าทุกทีด้วย
ยิ่งเวลาอยู่กับน้องพริม จะเข้าโหมดคุณพ่อดีเด่นทันที.. จะไม่แปลกใจเลย ถ้ามีคนมาบอกว่า นี่น่ะแฝดของตาโรคจิตตะหาก!!!
แต่มดน้อยก็เริ่มรู้จักคนๆ นี้มากขึ้น อาจจะเป็นข้อดีของเค้าก็ได้นะ.. เสียงตะโกนที่ทำเอามดน้อยต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
“คุณอามดน้อยคะ น้องพริมจะเล่นเปียโนแล้วนะ” น้องพริมหันไปอ้อนคุณพ่อดีเด่น
“คุณอาธนาเล่นด้วยกันนะคะ เอาเพลงโปรดคุณอาเลยนะคะ” มดน้อยเหลือบมองเห็นตาคุณพ่อดีเด่น กระแอมเบาๆ แล้วส่ายหน้า
น้องพริมก็เซ้าซี้จนตาโรคจิตถึงกับหน้าแดง พร้อมหันมาถาม “คุณมดน้อยจะฟังรึเปล่าครับเพลงนี้”
แน้.. ยังไม่รู้เลยว่าเพลงไหน แล้วดูทำเข้าสิ หน้าแดงทำไม เพลงอีโรติกรึไงยะ... แต่คำพูดกลับไม่เหมือนความคิด “ค่ะ.. ฟังค่ะฟัง”
สองคนอาหลานนั่งประจำที่... เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น ก็ทำเอามดน้อยถึงกับหน้าแดง.. ไม่น่าเลย พลาดซะแล้วมดเอ้ย..
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของมดน้อย ตาโรคจิตยังเคยว่า ไม่เข้ากับเธอเลย ตอนนั้นเธอยังบ่นไม่ได้ว่า ..ถ้ามีใครร้องเพลงนี้ให้ล่ะก็.. รักตายเลย..
แต่ใครจะรู้ว่าจะได้ฟังจากตาโรคจิต.. แล้วเธอจะรักมั๊ยนั่น!!... แต่เธอคงจะตายซะก่อน.. ก็ดูสิ ใจเต้นดังตุ๊บ ตุ๊บ เลย!!
‘If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
As high as souls can fly
The clouds roll by
For you and I‘
เมื่อเสียงเพลงจบลง.. มดน้อยได้แต่ปรบมือ ทั้งห้องเงียบกริบ.. มีแต่น้องพริมที่ยิ้มโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่..
ตาโรคจิตกับมดน้อยได้แต่มองหน้ากันอย่างเคอะเขิน ต่างฝ่ายต่างหน้าแดง
แต่ตาโรคจิตจะไม่หน้าแดงมากกว่านี้ ถ้าน้องพริมไม่พูดประโยคต่อมา
“คุณอามดน้อยรู้มั๊ยคะ” พูดพร้อมเดินมาหา
“คุณอาธนาเล่าเรื่องคุณอามดน้อยให้ฟังบ่อยๆ จนน้องพริมอยากเจอมากเลยล่ะค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วต่อ “แล้วเพลงเมื่อกี้นะคะ คุณอาธนาพยายามเล่น เพราะรู้ว่าคุณอามดน้อยชอบน่ะค่ะ”
“น้องพริม!!” เสียงตะโกนดังที่ทำเอาเด็กน้อยสะดุ้ง ตาโรคจิตหน้าซีดเอามากๆ น้องพริมก็คงตกใจพอๆ กัน ทั้งห้องเงียบกริบอีกครั้ง
“นี่คุณ.. จะตวาดเด็กทำไม น้องพริมตกใจนะคะ” มดน้อยได้สติรีบพูดออกไปทั้งที่หน้าก็แดงเป็นแอปเปิ้ลวอชิงตันแล้ว....
ตาโรคจิตรีบเดินมาหาหลานสาวพร้อมพูดขอโทษและลูบหลังเบาๆ น้องพริมเลยยื่นคำขาดให้เล่นเปียโนต่อไปเรื่อยๆ
มดน้อยได้แต่ยิ้มค้างๆ หน้าก็ยังไม่หายแดง แต่เธอก็อดขำไม่ได้ ก็ตาโรคจิตน่ะสิ เมื่อกี้ยังหน้าซีดอยู่เลย.. ตอนนี้แม้แต่หูก็แดงไปหมด จะว่าไปนายนี่หน้าแดงกว่าเธออีก..
สงสัยจะเขินเอามากๆ ทำตัวเป็นผู้ชายขี้อายไปได้ ..ฮุฮุ
หลังจากมื้อเย็นแล้ว (วันนี้มดน้อยอยู่บ้านตาโรคจิตจนเย็นเลยล่ะ) ...น้องพริมและตาโรคจิตมาส่งมดน้อยที่รถ...
มดน้อยกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม น้องพริมขอหอมแก้มมดน้อยเป็นการส่งท้าย มดน้อยยื่นให้ด้วยความเต็มใจ
แล้วน้องพริมก็หันไปทางตาโรคจิตพร้อมพูดขึ้นมา
“คุณอาธนาล่ะคะ.. ไม่หอมแก้มคุณอามดน้อยเหรอคะ”
แค่นั้นแหละ.. ทำเอามดน้อยแทบจะเป็นลม ตาโรคจิตก็เช่นกัน เหวอไปสักครู่
แล้วจึงรีบส่งมดน้อย พร้อมอุ้มหลานสาววิ่งเข้าบ้านไป ต้องขอย้ำว่าวิ่งเข้าไปจริงๆ ....
ระหว่างทางกลับบ้าน.... มดน้อยคิดถึงเรื่องสองอาหลานตลอดทาง
น้องพริมเป็นลูกของญาติผู้พี่ของตาโรคจิต... ทั้งพ่อและแม่ของน้องพริมเสียชีวิตทางเครื่องบินเมื่อ 3 ปีก่อน
ตอนนั้นแม่ของตาโรคจิตจะเอาไปเลี้ยงที่แคนาดา... แต่ตาโรคจิตจะรับเลี้ยงไว้เอง เลยต้องทำหน้าที่เป็นคุณพ่อจำเป็น...
น้องพริมสดใสร่าเริง และเรียนดี แต่น้องพริมป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่เด็ก..
จึงต้องหยุดเรียนบ่อย.. ไม่ค่อยมีเพื่อน.. ตาโรคจิตเลยเป็นทั้งพ่อ อา และก็เพื่อนให้น้องพริม...
จะว่าไปตาโรคจิตนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ... นี่แหละน้าเค้าว่าอย่ามองคนด้านเดียวจริงๆ...
ครั้งต่อไปต้องเอาของไปฝากป้าพวงที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้วล่ะ..
แต่เอ๊ะ!! เธอยังคิดจะไปอีกเหรอเนี่ย.. เห็นเค้าดีด้วยหน่อย.. เลยเถิดเลยนะ.......
มดน้อยกลับถึงคอนโดก็มุ่งหน้าอาบน้ำเตรียมเข้านอน..
ปิ่นที่อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนไปไหนมาก็อดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้
“มด.. วันนี้แกหายไปไหนมา ทุกทีจะนอนเล่นอยู่นี่ตลอด..” แววตาเริ่มจับผิด
“อ้าว.. ก็ชั้นมีงานนี่ยัยปิ่น” มดน้อยรีบพูดเสียงสูง
“รู้ว่ามีงานตอนเช้า.. แต่กลับมาเย็นเลยนะเนี่ย บอกมานะ” ปิ่นยังคงซักไซ้ไม่ยอมหยุด มดน้อยก็ยังเฉย จนเพื่อนสาวเริ่มปลง ว่าถามให้ตายก็คงไม่ได้คำตอบ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปิ่นรับโทรศัพท์ มดน้อยเองก็แอบโล่งใจ
..ก็จะให้บอกได้ยังไงว่าวันนี้ไปบ้านตาโรคจิตมาน่ะ
“มด.. โปรดิวเซอร์ธนาโทรมา” ปิ่นสะกิดเพื่อน แค่ได้ยินชื่อมดน้อยก็ใจเต็นรัวแล้ว...
แต่เพราะตื่นเต้น เลยไม่ทันสังเกตสายตาของปิ่นที่เริ่มตั้งคำถามแล้ว
“ค่ะ...ค่ะ...ได้ค่ะ...ตามใจสิคะ...ได้ค่ะ...ค่ะ...สวัสดีค่ะ” มดน้อยพูดโทรศัพท์อย่างเกรงๆ
หลังจากวางหู ปิ่นเดินเข้ามาใกล้ พร้อมคำพูดประโยคเดียว “มด.. ฉันเป็นเพื่อนแกมั๊ย??”
พร้อมสายตามาคุเต็มที.. แค่นี้มดน้อยก็เสียงอ่อย พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนฟัง ทั้งคืนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศของเพื่อน..........................
ความคิดเห็น