ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Radio ..คลื่นรักวันเหงา

    ลำดับตอนที่ #7 : เรื่องบังเอิญ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 51


    อ้าว.. สวัสดีครับคุณมดน้อย เสียงทักทายสดใสจากชายหนุ่มที่กำลังมุ่งหน้ามาทำให้มดน้อยต้องหันกลับไปมองอย่างเสียมิได้

    สวัสดีค่ะ  คุณนที มดน้อยจำต้องตอบรับตามประสาคนมีมารยาท แต่ในใจกลับนึก อีกละ ..เจออีกแล้ว  อะไรจะเจอบ่อยอย่างนี้นะ

    แหม.. บังเอิญจังนะครับ..  เจอกันบ่อยจริงๆ ชายหนุ่มว่าพลางเกาหัว วันนี้จะเล่นเครื่องเล่นอันไหนดีครับ  เดี๋ยวผมจะแนะนำวิธีใช้ให้ นทีเริ่มจ้อ ..ตามประสาเจ้าของฟิตเนส

    ... มดน้อยมองหน้านทีอย่างใช้ความคิด  ก่อนจะเอ่ยเพื่อไม่ให้เสียมารยาท อันนั้นก็ได้ค่ะ

    งั้น..เชิญทางนี้เลยครับ นทีเริ่มทำการแนะนำวิธีใช้ให้มดน้อยอย่างคล่องแคล่ว  แต่พอแนะนำเสร็จก็ยังไม่ยอมไปไหน  ไม่ยอมรับแขกอื่นด้วย เห็นบอกว่ามดน้อยเป็นแขกวีไอพี  ต้องต้อนรับเป็นพิเศษ... มดน้อยจึงโดนนทีติดหนึบยิ่งกว่าตังเม.. นั่นหมายความว่า มดน้อยต้องเจอหน้านทีตลอดเวลา  ยกเว้นตอนเข้าห้องน้ำ..... และตอนนี้ก็เช่นกัน

    คุณมดน้อยครับ ..จะกลับแล้วเหรอครับ ชายหนุ่มถามเหมือนเช่นเคย  มดน้อยที่เริ่มคุ้นเคยกับคำถามนั้นดี  จึงเริ่มหาวิธีบ่ายเบี่ยง เพราะรู้ดีว่าคำถามที่จะตามมาก็คือ ไปทานข้าวด้วยกันมั๊ยครับ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  ตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา  เธอไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ได้ทานข้าวเย็นกับนายนทีเลย.. ให้ตายสิ! ชีวิตคนโสดช่างมืดมนอะไรเช่นนี้เนี่ย.. แล้วมดน้อยก็คิดอะไรออกมาได้

    ขอโทษจริงๆนะคะคุณนที   พอดีวันนี้นัดยัยปิ่น  กับยัยฟางไว้น่ะค่ะ ว่าพลางยิ้มแห้งๆ ชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับจ๋อยไปทันตา  มดน้อยอดสงสารไม่ได้  แต่จะให้ทำยังไง  ในเมื่อถ้าไปไหนมาไหนกับนทีตลอด  เธอจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนกันล่ะ!!

    ไม่เป็นไรครับ  ไว้คราวหลังก็ได้

    งั้นไปก่อนนะคะ ว่าพลางเดินตัวปลิวจากไป  เลยไม่ทันเห็นชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมา  ก่อนจะกรอกเสียงลงไปว่า คุณปิ่นเหรอครับ  ผมนทีนะครับ.. เย็นนี้ขอทานข้าวด้วยคนนะครับ  ครับ..เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเอง  ..ไม่มีอะไรหรอกครับ  พอดีว่าเย็นนี้ผมว่างจัดน่ะครับ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก... นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ปิ่น  ฟาง  มดน้อย  และนที ได้ทานข้าวเย็นพร้อมกัน

    อ้าว.. คุณนที มดน้อยพูดอย่างงงๆ

    อ้าว.. คุณมดน้อย  บังเอิญจังนะครับ ชายหนุ่มว่าพลางทำหน้าตกใจสุดขีด  ปิ่นที่เริ่มงงกับการกระทำของนที  มองหน้าฟางอย่างไม่เข้าใจ  แล้วทั้งสามคนก็ทานข้าวด้วยกัน  ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป  มีแต่นทีที่นั่งปั้นยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาซะเลย

     

    แต่จะว่าไปแล้ว  เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อนนี่เอง  เมื่อมดน้อยและเพื่อนๆ ร่วมสถานี  พากันไปดื่มเลี้ยงส่งรุ่นพี่คนหนึ่งที่คาเฟ่ แล้วบังเอิญเจอกับนทีเข้า  ซึ่งในตอนนั้นดูหมดสภาพหนุ่มหล่อมาดเท่ห์ไปเลย

    คุณนที.. มดน้อยเริ่มเป็นฝ่ายเข้าไปหา  หลังจากสังเกตสถานการณ์อยู่นาน มาคนเดียวเหรอคะ

    แล้วจาให้ผมมากลับครายกันล๊า ชายหนุ่มที่บ่งบอกสภาพว่าแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายเกินพิกัดแล้วตอบมา เค้าทิ้งผมไปแล้วววววว ว่าพลางทำหน้าเศร้า

    มดน้อยที่เริ่มเดาได้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร  จึงนั่งลงคุยกับนที  พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับชายหนุ่มตรงหน้า  นทีที่เริ่มได้สติเพราะคำพูดของมดน้อย  เริ่มลดเสียงลง  และคุยกันอย่างออกรส  มดน้อยก็ไม่รู้เหมือนกันว่า  จากปัญหาหัวใจของนทีทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นเรื่องของเธอก็ไม่รู้  เธอเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้นายคนนี้ฟังได้  แม้กระทั่งเรื่องงานวันเลี้ยงรุ่น  ทั้งคู่คุยกันอยู่นาน  และเริ่มซึมซับความรู้สึกอันดีต่อกัน  มดน้อยได้เรียนรู้ว่าผู้ชายที่พูดจาทะลึ่ง  และดูท่าทางเพล์บอยอย่างนายนที  ก็มีดีกะเค้าเหมือนกัน.. แต่เธอไม่นึกว่าจะบังเอิญเจอกันบ่อยแบบนี้ ..หวังว่าคงบังเอิญจริงๆนะ... เพราะตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไปไหนมาไหนกับนายนทีบ่อยขึ้น  ดูหนัง  ทานข้าว  โทรคุยกัน  ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่เคยใช้ชีวิตกับผู้ชายคนไหนแบบนี้เลย  ...หรือนายนทีจะเป็นเนื้อคู่ของเรากันนะ

    มดน้อยคิดได้แค่นั้นก็ต้องส่ายหัว  ...ไม่ได้ๆ จะคิดเกินเลยไม่ได้  เมื่อคิดได้ดังนั้นมดน้อยจึงตัดสินใจทำตัวออกห่าง  เพื่อสำรวจหัวใจตัวเอง  แต่กลับกลายเป็นว่านายนทีนั่นแล่ะ  ที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาเสียเอง..  หรือว่านายนทีจะชอบเธอกันนะ  ...เอ..หรือว่าเราเป็นแค่เพื่อน !!!

    โอย.. ปวดหัว  นอนดีกว่า มดน้อยสมองเริ่มตื้อ  แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งที่ยังมึนๆ

     

    เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดเรื่องของนที  มดน้อยเลยลืมไปว่าวันนี้มีอัดเสียงพากย์การ์ตูนตอนเช้า  ทั้งรีบทั้งเร่ง  ก็จะไม่ให้รีบได้ยังไง  เมื่อตื่นมารีบโทรศัพท์จากตาโรคจิตที่กรอกเสียงซะดัง

    คุณมดน้อย!!  ให้ตายสิ  คุณอยู่ที่ไหนน่ะ  เค้าจะเริ่มพากย์การ์ตูนแล้วนะ  คุณเป็นตัวเอกไม่ใช่เหรอ โปรดิวเซอร์หนุ่มที่เคยพูดเสียงราบเรียบ  แต่วันนี้ชักมีน้ำโห

    ... มดน้อยรู้ตัวดีว่าอย่าต่อปากต่อคำเด็ดขาด ใกล้จะถึงแล้วค่ะ  พอดีรถเสียตอนเช้า  เลยไปซ่อม  เดี๋ยวเจอกันนะคะ  ว่าแล้วก็วางหูโทรศัพท์ทันทีแล้วหลังจากนั้นเธอก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากตาโรคจิตอีก  ก็จะให้รับได้ไงในเมื่อความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้อยู่ระหว่างทางไปสถานี  รถก็ไม่ได้เสีย  ...แต่เพิ่งตื่นตะหาก!?

     

    มดน้อยรีบทำภารกิจและมาถึงสถานีภายใน 20 นาที  เธอเองยังงงว่าเธอทำได้อย่างไร  และระหว่างที่กำลังวิ่งเข้าประตูสถานีนั่นเอง

    พลั่ก!!??? “โอ๊ย ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เปิดประตูออกมาพอดี

    ขอโทษครับ ..เป็นอะไรมากมั๊ยครับ เสียงคุ้นๆ แฮะ อ้าว.. มด

    เสียงที่คุ้นเคย  แต่การทักทายนั้นยิ่งกว่า  ทำให้มดน้อยต้องรีบเบิ่งตามองเจ้าของเสียง

    สริน มดน้อยยังงง  มาทำอะไรที่นี่น่ะ

    มาหานายธนาน่ะ ว่าแล้วยิ้มน้อยๆ พลางยื่นมือให้ แล้วจะไม่ลุกขึ้นรึไง  มาสิ  ผมช่วยนะ

    มดน้อยจำไม่ได้ว่าเธอยื่นมือให้เค้าตอนไหน  แต่ที่แน่ๆ แรงดึงมหาศาลจากชายหนุ่มคนนี้ก็ทำให้เธอเกือบเซไปหาเค้า  ถ้าไม่เหลือบเห็นสายตามาคุที่อยู่อีกด้านซะก่อนนะ!!

    คุณมดน้อย โปรดิวเซอร์หนุ่มพยายามข่มเสียงให้ตรงข้ามกับสายตา  แต่เสียงที่ทำให้ชายหนุ่มต้องชะงัก  ใช่ชะงักจริงๆ  ด้วย

    ธนา สรินทักรุ่นน้องร่วมสถาบันตรงหน้าอย่างดีใจ

    พี่สริน.. มาได้ไงครับเนี่ย เสียงสดใสขึ้นมาเลย  นี่ถ้ามดน้อยไม่รู้จักสรินมาก่อนคงคิดว่าทั้งคู่เป็นคู่รักกันเป็นแน่...

    พี่มาหานายน่ะ ตอบสั้นๆ

    ครับ สั้นกว่า

    นายมีงานอยู่รึเปล่า  ถ้ายังไม่ว่างเดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ สรินว่าพลางมองพนักงานสาวคนหนึ่งที่พยายามบุ้ยใบ้ให้มดน้อยหลบฉากมาซะที  แต่ยังไม่พ้นสายตาของโปรดิวเซอร์หนุ่มที่เริ่มเข้าโหมดโหดอีกแล้ว

    มีสิครับ ตอบพลางหันมองจำเลยข้างๆ สริน แต่ความจริงต้องเสร็จสิบโมง  แต่เพราะใครบางคนมาช้า  เลยต้องเลื่อนอัดรายการไปครึ่งชั่วโมงครับ มดน้อยเริ่มร้อนๆ หนาวๆ

    สริน.. ขอตัวก่อนนะ  พอดีต้องทำงานแล้วน่ะ แล้วก็วิ่งแจ้นไปเลย  ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนมองตามด้วยความรู้สึกต่างกัน  คนหนึ่งมองแล้วอดขำในใจไม่ได้  ส่วนอีกคนมองอย่างระอา!!

     

    มด เสียงสรินทักขึ้นเมื่อเห็นมดน้อยและเพื่อนๆ ทยอยออกมาจากห้องอัด

    อ้าว  สริน  ยังไม่ไปไหนเหรอ

    อือ  รอธนาน่ะ แต่เมื่อโปรดิวเซอร์หนุ่มเดินมาใกล้สรินก็หันมากระซิบมดน้อย เดี๋ยวเราไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันนะมด  ไม่ได้เจอตั้งนาน มดน้อยยังคงอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าสรินจะชวนเธอ

    นะๆ  ไปให้ได้นะมด แล้วชายหนุ่มก็เดินไปหาชายอีกคน  โดยไม่รอฟังคำตอบ

    แน่นอนว่ามดน้อยต้องนั่งรอสรินอยู่ตรงนั้น  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ให้เธอรอนาน  เพราะเห็นคุยกับตาโรคจิตแค่แป๊บเดียวก็หันมาทางเธอพลางตะโกนเสียงดัง  ทั้งๆ ที่ก็อยู่ไม่ไกล

    มด..  ไปทานข้าวกันเถอะ และสรินไม่ได้รีรอ  รีบเดินมาหามดน้อย  โดยมีตาโรคจิตเดินทอดน่องตามมา  ไปกันเถอะ  เดี๋ยววันนี้ธนาจะไปด้วย เราไปกันสามคนนะ สรินพูดเองเออเองหมด  นั่นเป็นเหตุให้ทั้งสามคนต้องมานั่งทานข้าวเที่ยงด้วยกันที่ภัตตาคารหน้าสถานี  ขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว  เสียงโทรศัพท์มดน้อยก็ดังขึ้น

    สวัสดีค่ะ คุณนที   ...อะไรนะคะดูหนังเหรอ  ..อืม   วันนี้คงไม่ได้  ฉันไม่ว่างค่ะ ..คะ.. ทานข้าวเหรอ... เอ.. จะดีเหรอคะ  คุณเลี้ยงฉันบ่อยแล้วนะ ...เอางี้ละกัน  เย็นนี้ฉันเลี้ยงเองละกัน.. คะ.. ที่ไหนดีคะ.. ค่ะได้ค่ะ  ...แล้วเจอกันนะคะ มดน้อยวางโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี  เพราะวันนี้เธอมีเรื่องอยากจะปรึกษานทีนิดหน่อยเช่นกัน  แต่เวลาที่อยู่กับนที  มดน้อยรู้สึกดีจริงๆ  เหมือนชายหนุ่มจะเข้าใจเธอทุกอย่าง 

    เดี๋ยวนี้มีชายหนุ่มมาชวนทานข้าวด้วยเหรอเนี่ย สรินที่ฟังมาตั้งแต่ต้นได้ทีแซวมดน้อย  ไม่เพียงแต่สรินเท่านั้น  ชายหนุ่มร่วมโต๊ะอีกคนที่ทำเหมือนตั้งหน้าตั้งตากิน  แต่กลับคอยเงี่ยหูฟังตลอด

    ก็.. คนรู้จักน่ะ  เป็นเพื่อนของพี่ชาย แฟนยัยปิ่นเค้า มดน้อยเลยต้องแก้เก้อให้ตัวเอง

    เหรอ.. แล้วเป็นไง สรินที่เริ่มหยุดกินและหันมาถามอย่างจริงจัง

    อือ.. ก็โอเคนะ  ออกจะบ้าๆ ทะลึ่งนิดหน่อย  มาดเพล์บอยด้วยนะ  แต่ก็เป็นคนดีคนนึงเหมือนกัน  ที่สำคัญ... หล่อด้วยนะ มดน้อยพูดยิ้มๆ และกินต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาถึงบรรยากาศในโต๊ะ

    ธนา.. ที่แววตาเหมือนนึกอะไรออก  มันเปล่งประกาย  แต่แวบเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มก็รีบเก็บอาการ  ส่วนสริน.. จ๋อยลงไปถนัดตา  แต่แล้วชายหนุ่มก็เหมือนตัดสินใจอะไรได้ซักอย่าง  หันมามองมดน้อยก่อนจะเอ่ยถาม

    มด มดน้อยที่ทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย  ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ อะไรเหรอสริน

    เธอชอบนายนทีใช่มั๊ย คำถามที่ทำเอามดน้อยเกือบสำลัก  ทำให้ต้องรีบควานหาแก้วน้ำเสียยกใหญ่  หลังจากดื่มน้ำไปแล้วก็หันมาแว้ดเพื่อนหนุ่มทันที  จะบ้าเหรอ ...ไม่ได้รู้จักกันมากขนาดนั้นซะหน่อย

    สรินเริ่มใจชื้น  ส่วนธนาตอนนี้ก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี  เพราะเค้าก็รู้จักผู้ชายที่ชื่อสรินคนนี้ดีพอ  ดีพอที่จะเดาได้ว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร  แต่    ตอนนี้  ธนาชักรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรมาเลย  เพราะเหมือนถูกแบ่งแยกออกจากทั้งสองคน  แต่ก่อนที่โปรดิวเซอร์หนุ่มจะทันพูดอะไร  สรินก็พูดออกมาเบาๆ แต่หนักแน่น

    ผมไม่ว่าอะไรหรอก  ถ้ามดจะชอบนายนที  แต่ขอโอกาสให้ผมบ้าง

    มดน้อยที่กลับมาทานต่อไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของสรินเท่าไหร่จึงงงกับคำพูดนั้น โอกาสอะไรเหรอ

    ก็โอกาสให้ผมแสดงความรักกับมดบ้างไง..  ตั้งแต่วันนั้นผมก็รู้สึกผิดมาตลอด  จนกระทั่งผมเจอมดในวันเลี้ยงรุ่น  ผมก็ตัดสินใจแล้ว.. ว่าจะชดเชยให้คุณ  แต่เหนือสิ่งอื่นใด  ...ผมรู้ตัวว่าผมหลงรักคุณเข้าแล้วล่ะ มดน้อยอ้าปากค้างทั้งๆ ที่ยังมีข้าวอยู่เต็มปาก  แต่นั่นไม่สำคัญหรอก  เพราะไม่มีใครเห็น  สรินที่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็เริ่มก้มหน้า.. หน้าชายหนุ่มแดงจัด  ชายร่วมโต๊ะอีกคนก็ไม่แพ้กัน  แต่เค้าไม่ได้หน้าแดง  แต่หน้าซีด.. ใช่.. ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ตอนนี้โปรดิวเซอร์หนุ่มหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม.....

     

    เย็นนี้มดน้อยก็ยังมาทานข้าวกับนที  ...แต่เป็นมื้อที่แสนจืดชืด  เพราะเธอมัวแต่คิดถึงคำพูดของ สรินเมื่อตอนกลางวัน  ...

    คุณมด ..ทานน้อยจังครับ นทีที่สังเกตท่าทางหญิงสาวมาก่อนหน้านี้เริ่มถามขึ้น เป็นอะไรรึเปล่าครับ และแน่นอนที่มดน้อยก็เล่าให้ชายหนุ่มฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  เมื่อเริ่มเล่า มดน้อยก็รู้สึกโล่ง อก  แต่สำหรับนที  มันกลับทำให้เค้าเครียดหนักขึ้น  มื้ออาหารมื้อนั้นจึงทำให้ชายหนุ่มอาหารไม่ย่อยเท่าไหร่

    คุณมด เสียงนทีที่เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ผมมีเรื่องจะบอกคุณครับ

    อะไรคะ มดน้อยถามพลางตักข้าวใส่ปาก

    ผมชอบคุณครับ

    พรวด!!!  สั้นๆ แต่ได้ใจความ  นั่นเลยทำให้อาหารที่เพิ่งตักใส่ปากพุ่งกระฉูดออกมา  มดน้อยสำลักในคำพูดของชายหนุ่ม  เธอรู้ว่ามันเสียมารยาท  แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพราะเธอไม่คิดว่าเค้าจะพูดแบบนี้

    หลังจากสำลัก... มดน้อยจึงได้สังเกตว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้หน้าแดง  แต่กลับทำหน้าจริงจังอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน.... เหมือนเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จัก  ใช่.. เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ

    ผมขอโทษ.. ที่ทำให้คุณลำบากใจ  แต่ผมไม่มีทางเลือก  ผมอยากได้โอกาสจากคุณบ้าง ชายหนุ่มเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด

    ไม่เป็นไรค่ะ  ..ไว้ฉันจะรับไว้พิจารณานะคะ  ไปนะคะ  อิ่มแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าเธอพูดออกไปได้ยังไง  แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มดน้อยกำลังวิ่งออกจากที่นั่น  เพราะรู้ตัวว่าหน้าเธอกำลังแดงยิ่งกว่าลูกตำลึง

     

    คืนนั้นสามสาว  มดน้อย  ฟาง และปิ่นก็เริ่มถกเถียงกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    นายสรินนี่นะ ปิ่นพูดขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องราว เธอบอกว่านายสรินชอบเธอเหรอ

    อือ มดน้อยตอบอย่างหมดอาลัยตายอยาก

    คุณนทีด้วยใช่มะ ฟางถามขึ้นบ้าง

    อือ มดน้อยตอบ

    ฝันไปเหรอนั่นยัยมด ฟางพูดขึ้นโดยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    ... มดน้อยที่มึนอยู่แล้ว  ไม่รู้จะพูดยังไงจึงได้แต่นั่งเบลอ  เมื่อฟางเห็นเพื่อนไร้วิญญาณก็เริ่มถามด้วยเสียงจริงจัง แล้วแกรักคนไหนล่ะ

    ใช่.. แล้วแกจะเลือกใคร เสียงปิ่นถามอย่างคาดคั้น

    นั่นสิ.. แล้วฉันจะเลือกใคร คำถามเรียบๆ ที่ทำให้เพื่อนทั้งสองส่ายหัวอย่างระอา  มดน้อยรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน  จึงเดินเข้าห้องนอนไป... ปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางแก้  ..คิดได้แค่นั้นก็ผล็อยหลับไป....

     

    โอ้โห... ดีเจมดน้อยที่รักของผม เสียงหนึ่งพูดขึ้นหลังจากที่เห็นช่อดอกลิลลี่ช่อใหญ่ที่แนบบัตรลวดลายสวยหรูบนโต๊ะของมดน้อย  มดน้อยเองก็เริ่มชินกับการกระทำของเพื่อนๆ เพราะเป็นเวลาเกือบอาทิตย์มาแล้วที่นทีส่งช่อดอกไม้มาให้ทุกวัน  พร้อมข้อความแสนโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็น

    กุหลาบขาว... สำหรับผู้หญิงผู้เลิศเลอ(ดีเจมดน้อย)

    นางฟ้าของผม.. ผมดีใจที่ได้พบคุณ

    ดอกไม้แด่คุณ.. เพราะคุณคือคนพิเศษ

    และอื่นๆ อีกมากมาย  เพราะตั้งแต่วันนั้นมดน้อยก็ไปไหนมาไหนกับนทีน้อยลง  ส่วนสรินก็เช่นกัน  ขยันส่ง sms หรือไม่ก็ e-mail มาให้เธอไม่หยุดหย่อน  พร้อมข้อความหวานซึ้งไม่น้อยหน้า  แต่ทว่า เพื่อนที่ทำงานไม่มีทางเห็น  เลยไม่มีเสียงแซวเซ็งแซ่เช่นนี้!!

    สำหรับมดน้อย  มันเป็นช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน  เธอเองก็รู้สึกดี  แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา  ก็ทำให้เธอตัดสินใจไม่ถูก  เพราะไม่รู้จะเลือกใครดี  และเธอเองไม่รู้จริงๆ ..ว่าเธอรักใคร!?

     

    โอ๊ย... มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย  ดึกๆ ดื่นๆ คนจะกลับบ้านเนี่ย มดน้อยยืนบ่นอยู่หน้ารถ  เมื่อเห็นว่ายางรถล้อหน้าซ้ายแบนแนบติดพื้นสนิทยังกะถูกสร้างมาคู่กัน

    แล้วจะกลับยังไงเนี่ย มดน้อยพูดพลางมองซ้ายมองขวา

    ทันใดนั้น  มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า  รถเบนซ์คันหรูที่เธอเคยนั่งมาก่อน ...ใช่แล้ว  รถของตาโรคจิตนั่นเอง

    ให้ผมไปส่งมั๊ยครับ โปรดิวเซอร์หนุ่มลงมาจากรถตอนไหนก็ไม่รู้ ยางรถคุณแบนนะเนี่ย ว่าพลางทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

    อือ.. ก็เห็นๆ กันอยู่นะ  มดน้อยอดค้อนในใจไม่ได้  แต่ก็ดีเหมือนกัน  เพราะหลังอัดรายการอย่างนี้คงไม่มีร้านไหนเปิด  ถ้าเดินไปก็อันตราย  ยัยปิ่นก็ไม่อยู่ซะด้วย...แต่เมื่อกี้เธอเห็นตาโรคจิตรีบวิ่งออกมาหลังอัดรายการนี่นา  นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก  ..สงสัยไปรีบไปเข้าห้องน้ำ!!?

    ก็ได้ค่ะ มดน้อยตอบพลางยิ้ม  ก็จะไม่ให้ยิ้มได้ไง  ในเมื่อโอกาสนั่งรถหรูอย่างนี้.. แทบไม่มีเลย!?

     

    บรรยากาศในรถค่อนข้างแปลกเล็กน้อย  เมื่อตาโรคจิตไม่คุยอะไรเลย  ไม่ยอมคุยยังไม่เท่าไหร่  แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมานี่สิ  ...เดี๋ยวก็หน้าแดง  ทำยังกะร้อน  แอร์ในรถก็เย็นฉ่ำ  เดี๋ยวก็หน้าซีด  หนาวรึไงนะ.. แต่อีกเดี๋ยวก็อมยิ้ม.. มีอะไรให้ขำนะ  แล้วก็ทำหน้าเครียด..  ชีวิตนี้ไม่มีอะไรดีเลยรึไงนะ... โรคจิตสมชื่อจริงๆ ...ว่าแต่เธอคิดถูกรึเปล่านะมดน้อย  ที่ให้ตานี่มาส่งน่ะ.. บรื๋อ!!

    เมื่อรถแล่นใกล้ถึงทางเข้าคอนโดของมดน้อย  ตาโรคจิตที่นั่งเงียบมาตลอดทางก็เริ่มปริปากพูด

    ได้ข่าวว่าช่วงนี้คุณมดน้อยเนื้อหอมนะครับ ถ้าเป็นคำพูดคนอื่นมดน้อยคงคิดว่าแซวเล่น  แต่นี่มาจากตาโรคจิต..  ประชดชัดๆ !!?

    ทำไมคะ มดน้อยถามอย่างเอาเรื่อง คุณคิดว่าคนอย่างฉันจะมีคนมารักมันผิดด้วยเหรอ มองหน้าชายหนุ่มอย่างคาดคั้น  โปรดิวเซอร์หนุ่มยังคงตั้งตาขับรถต่อไป

    ทันทีที่รถจอดหน้าคอนโด  มดน้อยที่จะรีบลงจากรถ.. จะได้ไปพ้นๆ จากบรรยากาศแปลกๆ นี่ซะที

    แต่แล้ว...

    คุณมดน้อยครับ ชายหนุ่มพูดขึ้นทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวลงต้องชะงัก  แต่เธอก็ไม่หวั่น  เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจะมีปากเสียงกับผู้ชายคนนี้  ...เธอไม่กลัวหรอก  ว่าแล้วก็หันหน้ามาเผชิญ

    อะไรอีกล่ะคะ น้ำเสียงชักรำคาญ  ตาโรคจิตยังคงมองไปข้างหน้าราวกับพูดกับกระจกด้านหน้ารถ  แล้วสูดลมหายใจช้าๆ .. ช้าจริงๆ นะ  แล้วก็พูดอย่างราบเรียบเช่นเคย

    ผมคิดว่า.. ผมพร้อมจะแข่งแล้วครับ หลังจากพูดออกไป  ตาโรคจิตก็นิ่งเงียบ  และหน้าค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ

    คุณจะไปแข่งอะไรเหรอคะ มดน้อยงงกับสิ่งที่ได้ยิน  ความโกรธจางหาย  กลายเป็นความไม่เข้าใจ  ผู้ชายคนนี้มักมีอะไรให้เธอไม่เข้าใจเสมอ

    ผมพร้อมจะแข่งกับพี่สรินและนายนทีแล้วครับ ว่าแล้วก็มองมดน้อยเขม็ง  ..ยังกะจะจับกิน

    และทันใดนั้นเอง  มดน้อยก็เริ่มเข้าใจในสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน  มดน้อยเอ๋อไปพักใหญ่  ก่อนจะได้สติ

    ขอตัวก่อนนะคะ มดน้อยกำลังจะก้าวลงจากรถ  ตาโรคจิตเอื้อมมาจับแขนเธอโดยเร็ว พร้อมทั้งกำชับ นะครับ  ...ขอโอกาสให้ผมซักครั้ง  ผมจะพิสูจน์ให้คุณมดน้อยเห็น... ว่าผมเองก็รักคุณ มดน้อยที่ตกใจอยู่แล้วรีบสะบัดแขนให้หลุดพ้น  แต่ตาโรคจิตยังไม่หยุด ก่อนจะบีบแตรเสียงดัง  ทำให้มดน้อยลืมตัวหันไปมอง  ตาโรคจิตชูมือขึ้น  ในมือนั้นมี... กระเป๋าของเธอเอง!!

    คุณลืมกระเป๋าครับ ตาโรคจิตบอกขณะที่มดน้อยชะโงกดูทางกระจกข้าง ด้านที่เธอนั่งมา  เธอจึงรับเอากระเป๋ามา  ตาโรคจิตยิ้มน้อยๆ เป็นรอยยิ้มที่น้อยคนจะได้เห็น  แต่มดน้อยบอกกับตัวเองได้ว่า  ..รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ

    ตาโรคจิตคืนกระเป๋าให้เธอ.. แล้วรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็วราวกับจรวด  ทิ้งให้มดน้อยยืนอึ้งอยู่ที่บันไดขึ้นคอนโด  พลางนึกในใจว่า.. เมื่อกี้ฝันไปรึเปล่า  และแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  มดน้อยมองหน้าจอ  แล้วก็งงอยู่ดี  เพราะคนที่โทรมาคือ ..ตาโรคจิต

    คะ มดน้อยกรอกเสียงลงไป

    ผม... ผมอาจไม่ดีพอที่จะแข่งกับพี่สรินหรือนายนทีนั่นได้  แต่ผมก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองดีครับ  ..อาจทำให้คุณมดน้อยสับสนไปบ้าง  แต่ผมแค่ต้องการโอกาสเพียงน้อยนิดเท่านั้นครับ

    ... มดน้อยยืนแข็งทื่อ  ไม่อาจตอบโต้ใดๆ ได้ทั้งสิ้น

    หลับฝันดี.. ราตรีสวัสดิ์ครับ แล้วก็วางหูไป

    มดน้อยทรุดลงตรงนั้นเอง  รปภ. ที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด  แต่เพราะอยู่ไกลเลยไม่ได้ยิน  รีบวิ่งมาหาหญิงสาวแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

    คุณครับ.. เป็นอะไรรึเปล่าครับ

    เปล่าค่ะ  ...ฉันสบายดี.. แค่ฉันกำลังจะหัวใจวายเท่านั้นเอง  ตอนนี้ฉันไม่มีแรงเลยค่ะ รปภ. ได้ยินเพียงเท่านั้นก็รีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์  และอีกไม่นานเจ้าหน้าที่ก็หายามาให้เธอยกใหญ่  ...แต่เธอไม่ได้โกหก  เพราะทันทีที่เธอรู้ว่าตาโรคจิตชอบเธอ... หัวใจเธอก็เริ่มเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมานอกอก  ..และการกระทำของเขายิ่งทำให้เธอต้องจับหัวใจไว้เพื่อไม่ให้มันหลุดออกมา...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×