คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : B L U E : : 06
06
บนท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆสีขาวเหมือนปุยนุ่นลอยละล่อง ดูใกล้มากราวกับผมจะเอื้อมมือไปจับมันได้ ผมขยับมือข้างขวาของตัวเองขึ้นเพื่อจะเอื้อมไปหาหมู่เมฆเหล่านั้นแต่ก็เหมือนมีอะไรมาตรึงไว้ มันกำลังจะลอยหายไปแล้วนะ...ผมพยายามขยับแขนขวาของตัวเองแต่มันก็ยิ่งขยับยากเหลือเกิน ดวงตาของผมจับจ้องไปที่มวลสีขาวอย่างมีความหวัง ผมต้องคว้ามันให้ได้สิ มันเริ่มลอยห่างผมออกไปทุกที เมฆสีขาว...ผมก็สะบัดมือออกมาได้ก่อนจะเหยียดมันไปเต็มที่
อ๊ะ
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในที่สุด และเห็นว่าตัวเองยกแขนขึ้นเหยียดสูง ผมกะพริบตาถี่เพราะภาพตรงหน้าพร่ามัวไปเล็กน้อย ผมนอนอยู่ในห้องของตัวเองนี่นา ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีหมู่เมฆอะไรทั้งนั้น มีแค่คริสที่นอนหายใจรดต้นคอผมอยู่อย่างนี้ ที่ในฝันผมขยับแขนขวาไม่ได้ก็คงเป็นเพราะคริสนอนทับอยู่แน่ๆ ไม่ทันขาดจากห้วงความคิด แขนหนักๆ ของเขาก็พาดเข้าที่กลางลำตัวของผม ดึงร่างปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปกอดให้สมใจจิตใต้สำนึกที่คงดำดิ่งอยู่ในนิทรา
ผิวหนังเปลือยเปล่าของเราสัมผัสกันแนบแน่นอยู่ใต้ผ้าห่มบนฟูกเล็กๆ ที่ไม่ได้เหมาะจะให้คนสองคนมานอนเบียดกันได้เลย แต่มันก็ทำให้คนสองคนใกล้กัน ชนิดที่เรียกว่าแนบสนิท ผมอยากจะพลิกตัวไปทางซ้ายเพราะถ้าหันไปในทางเดียวกันก็จะนอนสบายมากกว่านี้ แต่อะไรบางอย่างบังคับให้ร่างกายผมพลิกไปทางขวา อะไรที่ว่านั้นก็คงเป็นคริส...
.
.
.
.
.
.
.
.
คริสยิ้ม ดวงตาของเขามองผมด้วยความรู้สึกที่ผมเองก็ยากจะบอกได้ แต่รอยยิ้มที่ฉาบบนหน้านั้นทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเหลือเกิน เขาบรรจูงลงบนหน้าผากของผมอย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่น ผมซุกตัวเข้ากับแผ่นอกกว้าง หลับตาลง ปล่อยกายและใจให้เข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนจะเอ่ยคำอรุณสวัสดิ์ที่คงจะทำให้เขายิ้มแบบนั้นอีกครั้ง
"ผมรักคุณครับ...คริส"
ลมหายใจเข้าออกของคนข้างกายรินรดเรือนผมแผ่วเบาปลุกให้ตื่นจากห้วงนิทรา ผมค่อย ๆ หรี่ลืมตาตื่น แสงแดดแก่จัดจากด้านนอกห้องส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างบานเล็ก ผมกระพริบตาถี่ ๆ ปรับสายให้เข้ากับแสงจ้า อากาศตอนบ่ายแก่ ๆ นี่ต่างกันลิบลับกับช่วงดึกดื่นแต่ที่เหมือนกันก็คงจะเป็นความน่ากลัวของมันนี่แหละ ผมค่อย ๆ เบือนหน้าจากแผ่นอกของคนข้าง ๆ ค่อย ๆ ผละตัวออกจากคริสเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน หน้าตาแสนอิดโรยจากการผ่านศึกรักมาตลอดทั้งคืนวันยังคงหลับลึกไม่รู้สึกตัว เวลาคริสหลับปุ๋ยแบบนี้แล้วคราบความเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มหายไปไหนหมดนะ ตอนนี้ผมเห็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งนอนหลับไมรู้สึกตัวแค่นั้นเอง ผมแอบขำกับความคิดของตัวเองเอามือปิดปากไม่ให้เสียงหัวเราะลอดไรฟันออกมาก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าห้องน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น
ซ่า!! สายน้ำจากฝักบัวไหลสู่เส้นผมจนถึงฝ่าเท้า ผมหลับตานึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งจะผ่านแล้วมีความสุขจัง ผมอยากซึมซับทุกความรู้สึกจากคริสและอยู่กับมันนาน ๆ ...
ผมในชุดคลุมอาบน้ำเปิดประตูออกมาสายตาแอบเหล่ไปทางเตียงนอนหวังว่าคริสยังจะยังคงหลับอยู่แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า
“หายไปไหนนะ” สองเท้าก้าวถอยหลังหันกลับไปยังระเบียงกลับชนเข้ากับร่างสูงอย่างจัง “อ๊ะ” แขนของคริสกอดผมแน่นจนหายใจไม่ออก “คริสอ่า”
“หืม ว่าไงครับ”
“อย่าเล่นเป็นเด็ก ๆ เลยน่า ไปอาบน้ำเถอะ แล้วนี่ตื่นนานรึยัง”
“อาบยังไง คุณอาบให้ผมหน่อยสิ นะ ๆ” เพียะ!! ผมตีเข้าที่ต้นแขนแรง ๆ หนึ่งที นึกหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้จัง
“นี่แน่ะ ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ ผมไม่หลงกลคุณหรอก ไปอาบน้ำเลยนะ” ไม่พูดเปล่าผมยังดุนหลังอีกฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำ “ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนี่นา ไม่อาบหรอก”
“เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้”
“ไม่เอา” อย่างกับเด็กดื้อแน่ะ พูดอะไรก็ไม่ยอม
“แล้วจะเอายังไงฮึคุณเด็กดื้อ” ผมบิดจมูกคริสเล่นอย่างหมั่นไส้สุด ๆ
“ก็ใส่เสื้อผ้าของคุณไง”
“หา จะใส่ได้ไงผมตัวเล็กกว่าคุณตั้งเยอะนะ”
“งั้นไม่อาบแล้ว” คริสทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำจนในที่สุดผมก็ต้องยอมไอ้เด็กดื้อคนนี้จนได้
“อะ ๆ ใส่ก็ใส่ เดี๋ยวผมหาให้ก็ได้” คริสยิ้มร่าก่อนจะยกมือทั้งสองข้างมาบิดแก้มผมไปมา
“อี้ชิงน่ารักจังเลย” ผมจนปัญญากับคนตรงหน้าเหลือเกิน ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายยอมเขาอีกแล้ว ให้มันเป็นอย่างงี้ตลอดไปสิจางอี้ชิง อยากจะเขกหัวตัวเองสักทีสองที บางทีผมก็ควรใจแข็งกับเขามากกว่านี้
คริสในชุดลำลองตัวโคร่งใส่สบายของผมซึ่งสำหรับเขาแล้วมันออกจะฟิตอยู่นิดหน่อย ดูไปแล้วก็ตลกดี ปกติใส่แต่สูทเนี้ยบนั่งที่โต๊ะทำงาน พออยู่ในมุมมองนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ
“คุณจะกลับเลยไหม”
“คุณจะกลับกับผมไหมล่ะครับ” พูดแค่นั้นไม่พอยังยักคิ้วทำหน้ากรุ้มกริ่มอีก
“พอเลยนะ กลับอะไรล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานนะ”
“กลัวไม่ได้กลับมานอนอพาร์ทเมนต์ละสิ” อีกแล้วกรุ้มกริ่ม ยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด นี่แหละครับนิยามความเป็นตัวตนของผู้ชายคนนี้
“อะไรเล่า กลับไปเลยนะ ไป ๆ ”
“เขินทำไม ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะอี้ชิง ฮึ ๆ”
“เขินอะไรเล่า กลับได้แล้ว”
“ก็นี่ไงเขินจนแก้มแดงไปหมดแล้ว ตอนนี้แดงไปทั้งหน้าเลยคุณรู้ไหม แล้วอยากรู้ไหมว่าแดงแค่ไหน แดงมากเลย นี่ไง นี่ไง”
ฟอดดดดดด
“อ๊ะ คนฉวยโอกาส อีกแล้วนะ คุณนี่มัน...จริง ๆ เลย” คริสวิ่งไปเปิดประตูรถก่อนจะถูกผมฟาดให้อีกครั้งแล้วขับออกไปอย่างช้า ๆ ผมนึกเขินแอบยิ้มอยู่คนเดียวอีกแล้ว
เฮ้อ...ความรักมันมีอิทธิพลขนาดนี้เชียวหรือ เหมือนมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายมาตลอด ผมมีความสุข ผมรักคุณจังเลยคริส
โครก!!
โอ๊ยยยยยย เสียงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วเนี่ย ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องเลย ผมนึกได้ว่าลืมกระเป๋าเงินไว้บนห้อง เลยต้องเสียเวลาขึ้นไปสักหน่อยดีกว่าไม่ได้กินอะไรเลย ทันทีที่เดินไปถึงหน้าห้องหมายเลข 107 ประตูห้องก็เปิดอยู่ ผมนึกแปลกใจเล็กน้อยปกติผมไม่ใช่คนขี้ลืมจนถึงขนาดลืมล็อคห้องนี่นา แต่ก็ช่างเถอะขนาดกระเป๋าตังค์ก็ยังลืมไว้ แล้วตอนนี้ก็หิวมากด้วย ผมไม่รีรอเดินดิ่งเข้าไปในห้อง ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ กลิ่นแอลกอฮอล์และบุหรี่ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง คาดว่าต้องเมาแอ๋มาแน่ ๆ
“ไปไหนมา”
“ฉัน...นะ นายมาที่นี่ทำไม”
“ก็มาหา อยากกอดอยากหอม” ว่าแล้วจงอินก็พุ่งพรวดเข้ามากอดแล้วซุกไซร้ใบหน้าไปทั่วซอกคอผม ผมขืนตัวเองออกมาจากร่างของจินอิน
“จงอิน! อย่า! นายเมามาใช่ไหมอย่าทำแบบนี้”
“ก็ฉันเบื่อนังผู้หญิงพวกนั้นจะตายห่า ไม่ได้เรื่องเลยสักนิดเทียบกับนายไม่ได้เลยจริง ๆ ” ผมส่ายหน้าเอือมกับพฤติกรรมจงอินมาก ใช่แต่ก่อนผมก็เป็นแบบนั้น ผมพอจะรู้ว่าคนอื่นเขาจะมองยังไง
“อะไรกัน นายรังเกียจฉันขนาดนี้เลยหรอ ลืมไปแล้วใช่ไหมว่ารสชาติของฉันมันเป็นยังไง”
“ทำตัวน่ารังเกียจไม่พอ ยังพูดจาหยาบคาย ออกไปเลยนะ นายเมามากเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก” ผมผลักจงอินออก ร่างของอีกคนโคลงเคลงแทบจะล้มเพราะพิษแอลกอฮอล์นั่นทำให้เขาขาดสติ
“อ๋อ นี่ลืมแล้วจริง ๆ ด้วย ได้...เดี๋ยวจะช่วยรำลึกความหลังให้ นายจะได้จำมันไม่ลืมไงล่ะ” จงอินกระชากผมเต็มแรงกดตัวผมลงกับพื้นห้องและทิ้งน้ำหนักตัวลงทับ ผมไม่สามารถต้านทานแรงของเขาได้จริง ๆ มือหนากระชากฉีกเสื้อเชิ้ตตัวบางขาดลิ่วเผยให้เห็นเห็นอกขาว ผมกุมเสื้อที่ขาดไว้อีกมือผมพยายามปัดป้องมือของเขาไม่ให้ละลาบละล้วงร่างกายของผมมากไปกว่านี้
“ฮึก อย่านะ จงอิน อย่า!!”
แคว้กกกกก!
เสื้อตัวบางขาดจนผมไม่สามารถปิดท่อนบนของผมได้จากสายตาเขาแล้ว จงอินชะงักงันครู่หนึ่งเมื่อเขาพินิจพิจารณาเห็นรอยกุหลาบจ้ำช้ำทั่วแผ่นอกลามไปจนถึงต้นคอ
“ได้กับมันมาแล้วใช่ไหม? โธ่เว้ย!” จงอินตะโกนลั่นห้องแล้วดันตัวลุกขึ้นโยนเศษเสื้อขาดลิ่วที่ติดมือไปฟาดเข้ากับหน้าผมอย่างจัง สายตาเกรี้ยวกราดจ้องเขม็งมายังผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นน่ากลัวนัก “นายมันง่ายกับทุกคนเลยใช่ไหม”
ตาทั้งสองข้างผมแสบร้อนจากคำดูถูกด่าทอที่จงอินสาดใส่หน้าผม น้ำตาหยดใสร่วงไหลออกมาปราศจากเสียงสะอื้น ผมไม่รู้ว่าทำไมผมจึงเจ็บปวดกับถ้อยคำเหล่านั้นนัก “นายด่าว่าฉันน่ารังเกียจอย่างงั้นอย่างงี้ หึ แล้วดูตัวเองสิ น่าสมเพชจริง ๆ รักง่ายหลงง่าย ชีวิตนายน่ะเน่าเฟะน่าขยะแขยงยังมีหน้าถ่อไปให้เขาอีก”
“เพราะฉัน ระ รักเขา”
“อี้ชิง!!” จงอินตะเบ็งเสียงลั่น อารมณ์โกรธของเขาตอนนี้เหมือนพายุพัดกระหน่ำ
“ฉันรักเขาได้ยินไหม ทั้งตัวและหัวใจมันเป็นของเขา ฉันไม่เคยรักคนอย่างนาย”
เพียะ!
หน้าผมหันไปตามแรงตบจากมือของจงอิน ตอนนี้หัวใจผมถูกทิ่มแทงด้วยคำพูดดูหมิ่นมากมายซ้ำใบหน้ายังชาเพราะแรงของจงอิน
“ฉันเกลียดนาย...จางอี้ชิง”
จงอินผลุนผลันออกจากห้องผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ทิ้งทุกประโยคนี้ไว้ในห้องดังวนเวียนเข้ามาในหัวแทบจะระเบิด ความเจ็บปวดมันเต้นตุบ ๆ กับทุกจังหวะชีพจร ผมพยายามควบคุมสติของตัวเองให้ดีที่สุดประคับประคองตัวเองไปยังโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกดเบอร์หมอลู่หาน ลู่หานคือคนเดียวที่สามารถช่วยผมได้ ลมหายใจหอบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ภายในหูอื้ออึงได้ยินแต่เสียงหายใจถี่ของตัวเอง ในจิตสำนึกก็ได้ยินแต่คำด่าทอของจงอินที่ทิ่มแทงผมได้เจ็บปวดกว่าโดนค้อนทุบเสียอีก
ผมพยุงร่างของตัวเองให้นั่งกับพื้นไม่ได้แล้วผมค่อย ๆ ทิ้งมันราบลงกับพื้นน้ำตาไหลมาไม่ขาดสายความรู้สึกมันรุมเร้าจนผมอยากจะระเบิดตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด พยายามครองสติให้ดีที่สุด ผมยังตายไม่ได้
สิ่งเดียวที่จดจ่ออยู่ตอนนี้คือปลายสายของผม...ลู่หาน
TBC…
Talk to you
Windy Boy :: เครียดมาก รู้อะไรไหมคะว่าตอนนี้ถูกเขียนไว้นานแล้วพอจะเอามาใช้จริง ๆ กลับใช้ไม่ได้เลยได้เขียนกันใหม่แอบรู้สึกว่าตัวเองเขียนได้ไม่ดีเท่าอันก่อนด้วยแหละ แต่พยายามสุด ๆ แล้วนะคะ ทุกคนให้มันผ่านรึเปล่าคะ ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจ ทุก ๆ คอมเม้นต์ที่ยังคงติดตามกันมาติชมกันมา ดีใจที่บางคนชอบตัวละครที่ไม่ใช่ตัวหลักนะ แอบเห็นมีหลายคนช่วยโปรโมตในทวิตเตอร์ด้วย เรารับรู้นะคะ น่ารักจังเลย >< บางคนสงสัยว่าทำไมอัพแต่ละตอนช้าจัง อืม...มันแต่งกันสองคนค่ะ หาความลงตัวยากนิดนึงเพราะเราสวยกว่าแม่นางคนข้างล่างมาก ฮ่า ๆ สำหรับตอนนี้เนื้อหามันค่อนข้างรุนแรงส่อไปในเรื่องเพศเกรงว่าจะโดนแบน ใครอยากอ่านทิ้ง email ไว้ที่คอมเม้นต์ได้เลย แต่มีข้อแม้คือเราจะพิจารณาจากคอมเม้นต์ตอนก่อน ๆ จริง ๆ เราก็ไม่ได้เขียนดีนักหรอกต่างฝ่ายต่างเห็นใจกันเนอะ เรารักทุกคนที่รักฟิคเรื่องนี้ ปาหัวใจใส่รีดเดอร์ กรี๊ดดดดดดดดดด
Pickajae :: “เพราะเราสวยกว่าแม่นางคนข้างล่างมาก” << คืออัลไล? มุสาวาทานะคะคุณวินดี้บอย ... รีดเดอร์อาจจะไม่รู้ว่าเราสองคนเป็นไรท์เตอร์โรคจิต ตามส่องฟีดแบ็คจากทวิตเตอร์(แม้จะไม่ค่อยมีก็เถอะ) ตามกติกาที่บอกไว้ด้านบน เอ็นซีขอไม่ยาก ได้ไม่ยากนะคะ หุหุหุหุหุหุ จะพูดอะไรกับตอนนี้ดี พูดเยอะจะขี้เกียจอ่านกันมั้ย *เหลือบมองข้างบน* เอ็นซีนี้เคาะสนิมกันนิโหน่ย แซ่บไม่แซ่บยังไงอ่านแล้วกลับมาเม้นให้เค้าด้วยนะ ; _ ; เพราะเค้ารักทุกคนเบย ปล. เค้าไม่หวงเอ็นซีนะฮะ แปะเมลทิ้งไว้โลดดดดดดดดด
ความคิดเห็น