ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] BLUE ROMANCE [KrisLay]

    ลำดับตอนที่ #11 : B L U E : : 11

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56



    11



     

    เสียงระเนระนาดของโต๊ะและเก้าอี้หลายตัวที่อี้ชิงพยายามยึดเกาะดังโครมครามขณะที่ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นดาน่าที่เพิ่งจะเดินออกมาดูเหตุการณ์กรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจปฏิกิริยาของลูกค้าไม่กี่คนภายในร้านดูจะตื่นตระหนกกันพอสมควรหลายคนกรูกันเข้ามาดูอาการของอี้ชิงพร้อมกับสีหน้าตกอกตกใจ

     

     

     

    ดวงตาคมของคริสเบิกโพลงเมื่อร่างกายของเขาเองก็แข็งราวกับถูกแช่ เขาตั้งตัวไม่ทันและไม่คิดว่าความโชคร้ายจะย่างกรายเข้ามาเร็วจนคาดไม่ถึง

     

     

     

    “อี้ชิง! อี้ชิง!” เมื่อคริสได้สติจึงรีบเข้าไปรวบตัวอี้ชิงไว้พร้อมกับเขย่าร่างเล็กเพื่อเรียกสติกลับคืนมาทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่แล้วก็ไร้วี่แววว่าร่างที่หมดสติจะลืมตาขึ้นมาต่อว่าเขาอีกครั้ง

     

     

     

    เปลือกตาของคนไร้สติปิดสนิทคราบน้ำตาอุ่นยังคงเปรอะอยู่ข้างแก้มย้ำเตือนการเสียน้ำตานั้นยังผ่านไปได้ไม่นานคริสกอดร่างเล็กไร้เรี่ยวแรงแนบอกอยากจะพูดอะไรให้มากกว่าคำขอโทษงี่เง่าเท่าที่หัวสมองจะประมวลผลออกมาได้ในตอนนี้ แต่ว่าทุกสิ่งอย่างกลับดูเหมือนพยายามจะปิดกั้นโอกาสเขาเหลือเกิน

     

     

     

    “คุณคริสพาอี้ชิงขึ้นรถเร็ว!” โชคดีที่ดาน่าตั้งสติได้ทันเธอตะโกนบอกคริสก่อนจะสตาร์ทรถรอ คริสค่อยๆ ประคองร่างของอี้ชิงขึ้นหลังโดยมีเฮนรี่คอยช่วยเหลืออย่างทุลักทุเลสเตฟานี่วิ่งออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ

     

     

     

    “เฮนรี่ มันเกิดอะไรขึ้น” เธอเขย่าแขนเฮนรี่ด้วยสีหน้าตกใจไม่น้อยกว่าทุกคนในเหตุการณ์

     

     

     

    “อย่าเพิ่งถามอะไรเลย ฉันคงตอบเธอไม่ได้หรอก” เฮนรี่ที่สีหน้าตกใจไม่แพ้กัน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนจะเป็นปมเหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นในทั้งที่อากาศไม่ร้อนแสดงความเป็นห่วงอี้ชิงอยู่มาก

     

     

     

    “ฉันจะตามดาน่าไป” ว่าแล้วสเตฟานี่ก็รีบผลุนผลันวิ่งออกจากร้านไป

     

     

     

    “เดี๋ยว!” เฮนรี่ร้องห้ามไว้แต่ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่หวังว่ามีดาน่าอยู่ตรงนั้นคงช่วยปรามไม่ให้เธอก่อเรื่องน่าปวดหัวขึ้นอีก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความโกลาหลหลังจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดนำพาต้นเหตุทั้งหมดนั่งกุมขมับอยู่หน้าห้องฉุกเฉินสีหน้าของคริสไม่สู้ดีนัก ตอนนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากนั่งนิ่งเงียบราวกับต้องการใช้ความคิดคนเดียวอย่างสงบ บรรยากาศในโรงพยาบาลตอนนี้ทุกอย่างรอบ ๆ ตัวดูจะซีดหมองและหดหู่ไปหมด รับรู้ถึงเงาดำทะมึนทุกขณะที่สูดอากาศกลิ่นสารเคมีฉุนเข้าปอด

     

     

     

    ดาน่าร้องไห้จนตาบวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นเธอเองไม่รู้มาก่อนว่าอี้ชิงป่วยแต่ถึงแม้รู้ว่าอี้ชิงโกหกเธอมาโดยตลอดก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองเขาเลยสักนิด คนเราก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองเสมอข้อนี้เธอเข้าใจดี สเตฟานี่ที่ตามมาที่โรงพยาบาลด้วยสีหน้าตกใจปนความงุนงงไม่น้อยเธอทำตัวต่อหน้าคริสไม่ถูก สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือนั่งปลอบใจเพื่อนอยู่ข้าง ๆ คุณหมอซ่งเชี่ยนเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้สักพักแล้วทุกคนได้แต่ภาวนาให้คุณหมอช่วยอี้ชิงได้ทันเวลา ดาน่าใช้เวลาชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจถามคำถามเพื่อคลายปริศนาที่ค้างคาใจกับคริส

     

     

     

    “นี่มันอะไรกันคะคุณคริส มันเกิดอะไรขึ้นกับอี้ชิง” หญิงสาวถามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของอี้ชิงด้วยความอยากรู้ สายตาต้องการจะเค้นเอาความจริงจากผู้ชายปากแข็งให้ได้ ชายที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ในความสงบเงยหน้าขึ้นมามองต้นเสียง “ฉันเข้าใจมาโดยตลอดว่าคุณกับอี้ชิงรักกันแต่วันนี้กลับกลายเป็นว่าฉันไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางของพวกคุณเลย”

     

     

     

    “ผม...ผมไม่ได้...ไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงแผ่วเบาลอดไรฟันของคริสถูกเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก ว่าแล้วก้มหน้าสู่พื้นหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง

     

     

     

    “ไม่ได้ตั้งใจ เหอะ! คุณพูดอย่างงี้ได้ยังไงกัน” ดาน่าแค่นเสียงกับประโยคเหน็บแนมอีกฝ่าย

     

     

     

    “ดาน่า ดาน่า”เสียงสเตฟานี่ดังขัดบทสนทนาขณะที่สองมือของเธอบีบไหล่ของดาน่าไว้ราวกับจะให้กำลังใจ

     

     

     

    “เธอก็อีกคน นี่ทำอะไรกันอยู่รู้ตัวบ้างรึเปล่า มีสติกันบ้างรึเปล่า” ดาน่าหันมาตำหนิเพื่อนของเธอเอง สายตาต้องการจะด่าให้ได้สติเสียที ทั้งยังผิดหวังกับการกระทำของสองพี่น้องอย่างคนไร้ความคิด

     

     

     

    “ฉะ...ฉัน...ฉันเสียใจ” สเตฟานี่ว่าพลางก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพื่อนสาว

     

     

     

    “พวกคุณมันไม่มีหัวใจ” ดาน่าต่อว่าสองพี่น้องก่อนจะปลีกตัวไปอีกที่หนึ่งถึงแม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้องเกี่ยวกันทางสายเลือดแต่เธอรู้สึกอยากเป็นพี่สาวของอี้ชิงเพราะอี้ชิงทำตัวน่ารักรวมทั้งยังอยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน นับวันความรักความเอ็นดูต่ออี้ชิงก็ยิ่งมีมากขึ้นเพราะอะไรเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นคงสมเหตุสมผลพอ

     

     

     

    หลังจากที่เธอเดินออกมาสองพี่น้องไม่มองแม้แต่หน้ากัน ดาน่าได้แต่เดินวนไปวนมาแสดงถึงความเป็นห่วงและกังวลใจอยู่มากในขณะที่คริสก็ได้แต่นั่งนิ่งก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม ในที่สุดสเตฟานี่เองเป็นฝ่ายตัดสินใจพูดบางอย่างกับคริสเพื่อทำลายความอึดอัดใจของเธอเอง

     

     

     

    “พี่คริส ฉันขอโทษ” สเตฟานี่กล่าวขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงเจือความรู้สึกผิด

     

     

     

    “เธอควรจะขอโทษอี้ชิงมากกว่า” คริสเอ่ยเสียงเรียบ

     

     

     

    “...” สิ้นเสียงของคนไร้เยื่อใยสเตฟานี่ถึงกับชะงักเมื่อถูกปฏิเสธในสถานการณ์แบบนี้ แม้กระทั่งคำขอโทษที่ออกมาจากใจจริงคนที่เธอเรียกพี่ชายยังไม่รับมันประสาอะไรกับความรักที่เธอมีให้เขา แต่กลับไม่เคยได้เข้าใกล้หัวใจของเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อพยายามเข้าใกล้เท่าไหร่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะรังเกียจและตีตนออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

    ความจริงแล้วความรักอย่างที่ว่ามันไม่เหมาะสมนักหรอกแต่ผิดด้วยหรือหากหัวใจของเราจะรักใครสักคนความผิดถูกเหมาะสมอย่างที่เขาว่าใครกันเป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์เหล่านั้น ความรักมันเลือกกันไม่ได้เพราะมันคือชะตา ชะตาที่คิดว่าแสนงดงามแต่กลับโหดร้ายเสียมากกว่า

     

     

     

    เธอเป็นลูกติดของสามีใหม่แม่คริส สเตฟานี่คิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอดว่าเพียงเพราะเส้นบางๆ ที่เรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องกั้นเอาไว้คริสถึงไม่เคยมองเธอเลย จึงยังคงดื้อรั้นวิ่งตามสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ถึงได้เดินทางกลับจีนเพียงเพื่อหวังว่าความใกล้ชิดกันจะช่วยให้คริสมีใจให้เธอบ้าง แต่เมื่อเธอยิ่งวิ่งตามเขาเท่าไหร่ก็ยิ่งประจักษ์ถึงความเป็นจริงว่าเขาไม่เคยชายตาแลเธอเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

    สเตฟานี่โกรธมากทำให้เธอท้าทายคริสเรื่องแม่ เรื่องเดียวที่เป็นจุดอ่อนไหวที่สุดในชีวิตของเขา เธอรู้ดีว่าคริสเกลียดแม่ของตัวเองที่หนีพ่อมาและทิ้งเขาไว้โดยไม่ใยดีตั้งแต่เด็ก ความเกลียดชังฝังลึกในจิตใจมานานพาลทำให้คริสเกลียดเธอไปด้วยเพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวคนใหม่ของคนที่เขาเกลียด เธอช้ำใจมากอยากจะแกล้งพี่ชายคนนี้ให้สาแก่ใจจนวันนึงตัดสินใจท้าพนันกับคริสเพียงเพื่อหวังจะเห็นอีกคนล่มจมก็เท่านั้น ความโกรธแค้นพี่ชายนำพาเรื่องทั้งหมดมาถึงจุดหนึ่งซึ่งถลำลึกมามากข้อนี้ไม่มีใครล่วงรู้หรือวางแผนใดมาก่อนแต่หากปล่อยไว้ก็คงไม่เกิดผลดีกับใครซ้ำยังทำร้ายอี้ชิงซึ่งไม่รู้เรื่องของพวกเขา

     

     

     

    “ฉันขอโทษจริง ๆ” สเตฟานี่ตัดสินใจขอโทษคริสอีกครั้งก่อนจะเดินออกห่างจากรัศมีของพี่ชายครั้งนี้แค่อยากให้คริสได้ยินอีกครั้งแต่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะรับหรือไม่รับมัน

     

     

     

    “ฉันก็ต้องขอโทษเธอด้วย” เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว ได้แค่เศษเสี้ยวของน้ำเสียงที่ฟังว่าคริสไม่เมินเฉยต่อเธอแค่นี้ก็เกินพอแล้ว  ทันทีที่ได้ยินมุมปากเคลือบลิปติกสีสวยยกยิ้มขึ้นบางๆ ด้วยความดีใจ สเตฟานี่หยุดการย่างเท้าเดินแล้วหันมามองหน้าพี่ชายอีกครั้ง

     

     

     

    “รักเขาให้มากล่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    ลู่หานยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่ง ชั่งใจครู่ใหญ่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงบ่ายทีร้านยังไม่เปิด การที่ต้องเปิดเผยเรื่องของอี้ชิงให้อี้ฝานรู้ทำเอาหดหู่ใจไม่น้อย แถมยังรู้สึกผิดขึ้นมา ในเมื่ออี้ฝานไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยก็แปลว่าอี้ชิงตั้งใจจะปิดมันไว้อย่างนั้น ทั้งเขายังไม่ได้บอกหมอซ่งเชี่ยนด้วยซ้ำ

     

     

     

    จิตแพทย์หนุ่มปลีกตัวออกมาจากโรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ว่าหมดเวรในช่วงบ่ายแล้ว เขาตรงดิ่งมาที่นี่โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด...ผับของจงอิน ลู่หานรู้จักที่นี่เมื่อครั้งไปหาจงอินที่บ้านจากนามบัตรที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ ก็พอจะเดาได้อยู่ว่าจงอินไม่น่าจะเป็นคนที่หลักลอยไปทั่ว เพราะจากที่รู้มา(จากซ่งเชี่ยนส่วนหนึ่ง)จงอินเป็นลูกเมียเก็บจะไปตีตนเสมอลูกเมียหลวงไม่ได้ ร้านรวงที่เปิดนี้ก็คงจะมาจากน้ำพักน้ำแรง นักการเมืองชื่อดังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อคงไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูอะไรออกหน้าออกตามากมาย ทั้งยังมีแม่เป็นคนเกาหลีจึงไม่ได้มีสิทธิประโยชน์อะไรพิเศษ

     

     

     

                จงอินนั่งอยู่ที่เก้าอี้สูงตรงบาร์ ใบหน้าสีเข้มกำลังจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างในสมุดบัญชีเล่มหนา ลู่หานก้าวเท้าเข้าไปหาช้าๆ ไม่อยากให้เกิดเสียงแต่ไม่รอดเมื่อร่างสูงหันขวับมามองตามสัญชาตญาณ จงอินขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน พ่นลมแล้วยื่นงานให้ลูกน้องก่อนจะหันกลับมาหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

     

     

     

                “ร้านยังไม่เปิดหรอกนะ” น้ำเสียงไม่ใคร่จะเป็นมิตรเท่าใดนัก จงอินไม่ชอบหน้าลู่หานตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ผู้ชายหน้าหวานนี่เหมือนจะรู้อะไรๆ ดีไปหมด ยิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นเพื่อนกับไอ้ผู้ชายที่ชื่อคริสคนนั้นเขาก็ยิ่งไม่ชอบ ต่อให้ลู่หานจะหวังดีกับอี้ชิงก็เถอะ

     

     

     

                “รู้น่า แค่อยากแวะมาคุยด้วย” ลู่หานยิ้มหวาน ถือวิสาสะเข้าไปนั่งข้างๆ เจ้าของผับ “ฉันว่านายเองก็คงอยากจะรู้เรื่องที่ฉันคุยกับอี้ฝานด้วยเหมือนกัน”

     

     

     

                “...” จงอินไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ชายตามองลู่หานด้วยอารมณ์ติดจะรำคาญนิดๆ แต่ก็จริงอย่างว่า เขาเองก็อยากรู้ว่าตอนนี้อี้ชิงเป็นยังไงบ้าง ลู่หานนั่งเท้าคางจ้องกลับพร้อมกับแย้มยิ้ม

     

     

     

                สำหรับลู่หาน จงอินเป็นคนที่มองออกง่าย ง่ายกว่าอี้ชิงเสียด้วยซ้ำ จงอินมีความรู้สึกต่ออี้ชิงมากกว่าคู่ขาที่มักใช้เวลาร่วมกันบนเตียงหากแต่ค่อนข้างแสดงออกมาได้ แย่มากอยู่สักหน่อย ขณะที่อี้ชิงเองก็คงรู้สึกว่าจงอินเป็นเหมือนคนที่ให้ที่ซุกหัวนอนหากแต่ตัวเองต้องเอาอะไรบางอย่างเข้าแลกเท่านั้น...น่าสงสารพอกันทั้งคู่

     

     

     

                “วันนี้อี้ฝานมาหาฉัน คาดคั้นเอาเรื่องอี้ชิง...ตลกดีนะที่ผู้ชายอย่าง อู๋ อี้ฝาน ดูโง่มากขนาดนี้ได้ด้วย” ลู่หานว่า ถอนหายใจเมื่อพยายามจินตนาการว่าเพื่อนที่พ่วงตำแหน่งนายจ้างของเขาจะทำอะไรต่อไป คงไม่บ้าจี้บุกไปหาอี้ชิงซะเดี๋ยวนั้นหรอกใช่มั้ย “นายได้ไปหาอี้ชิงบ้างรึเปล่า”

     

     

     

                จงอินเหลือบมองลู่หานแล้วหัวเราะหึในลำคอ ตั้งแต่รู้ว่าอี้ชิงกับไอ้ผู้ชายคนนั้นทำอะไรกันในห้องที่เขาหาให้อี้ชิงพัก จงอินก็ไม่อยากเดินเข้าไปเหยียบอีกเลย มันเป็นความรู้สึกที่บอกให้จงอินเข้าใจชัดเจนว่าอี้ชิงได้วิ่งหนีจากเกราะป้องกันที่เขาสร้างขึ้นให้แล้ว เพราะงั้นจะจำเป็นอะไรให้ไปที่นั่นอีก

     

     

     

                “ไม่ล่ะ” ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงไม่กระตือรือร้น นิ้วเรียวสีน้ำผึ้งหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ไม่สนใจใบหน้าเหยเกของลู่หาน ควันสีขาวพ่นพวยออกมาจากริมฝีปาก “ว่าแต่นายรู้จักที่นี่ได้ไง? อย่าบอกนะว่านอกจากรักษาพวกโรคจิตยังเป็นโรคจิตซะเองด้วย...หรือนายสนใจฉัน”

     

     

     

                “คิดว่าคงเป็นอย่างหลังนั่นล่ะ” ลู่หานตอบไปอย่างที่ใจคิด จริงที่เขาเองสนใจจงอินไม่น้อย แต่คนทียิงขำถามมาถึงกับสำลักควันไอตัวโยน นึกไม่ถึงกับคำตอบที่ได้รับ คุณหมอยิ้มบางๆ แล้วเอื้อมมือไปตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ “ฉันว่านายน่าจะเลิกสูบบุหรี่นะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

     

     

     

                “ยุ่งน่า” จงอินส่งสายตาค้อนขวับให้แล้วดูดควันพิษเข้าปอดต่ออย่างไม่ใยดีในคำเตือน ลู่หานส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่เครื่องมือสื่อสารจะสั่นเตือน ร่างบางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นสายจากโรงพยาบาลที่ต่อตรงมาถึงเขา

     

               

     

    “ลู่หานพูดครับ...” จิตแพทย์หนุ่มตอบรับปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนที่ใบหน้าหวานจะขมวดมุ่น ดวงตาใสตวัดมองจงอินที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดกับในสายเสียงพร่า “อี้ฝานอยู่ที่นั่นด้วยรึเปล่าครับพี่ซ่งเชี่ยน?...ฮะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

     

     

     

                จงอินเหล่มองลู่หานที่สีหน้าเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่มากทีเดียว คนตัวเล็กกว่าสูดหายใจลึกก่อนจะหันมาสบตากับเขาที่กำลังพ่นควันสีขาวออกจากปาก ลู่หานเหมือนจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็กลืนคำพูดลงคอจนเป็นฝ่ายของจงอินเสียอีกที่เอ่ยถามเอง

     

     

     

                “มีอะไร?”

     

     

     

                “อี้ชิงเป็นลมหมดสติไป หมอซ่งเชี่ยนบอกว่าอี้ชิงอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนเพราะมีลิ่มเลือดบางส่วนตันอยู่ในเส้นเลือดต้องเข้าผ่าตัดด่วน” ลู่หานกลืนน้ำลายหนืดลงคอ...นึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าอี้ฝานต้องบุกไปหาอี้ชิง คุณหมอผุดลุกขึ้นเตรียมจะกลับไปที่โรงพยาบาลแต่จงอินคว้ามือไว้ก่อน ใบหน้าคมตวัดมองด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าเจือไปด้วยความเจ็บปวด

     

     

     

                “เพราะมันใช่ไหม?...คริสใช่ไหม” จงอินถามเสียงต่ำ ลู่หานไม่เอ่ยตอบอะไรหรือแม้แต่จะบอกว่าแรงที่บีบข้อมือนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บ เพราะลู่หานรู้ว่าตอนนี้ในใจจงอินคงจะเจ็บมากกว่า ร่างสูงสูดหายใจลึก บี้บุหรี่ที่สูบได้แค่ครึ่งมวนลงกับถาดแก้วแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ฉันไปด้วย”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงเสียดทานของบานประตูสไลด์ดังครืดเรียกความสนใจคนข้างนอก ทันทีที่คุณหมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกทุกคนข้างนอกก็รุมกันเข้ามาถามอาการคนป่วย

     

     

     

    “คุณหมอครับอี้ชิงเป็นยังไงบ้าง” คริสเขย่าแขนซ่งเชี่ยนด้วยความร้อนใจ

     

     

     

    “อี้ชิงปลอดภัยหรือยังคะ” เสียงหวานของดาน่าถามบ้าง

     

     

     

    “อี้ชิงต้องได้รับการผ่าตัดด่วนค่ะ เพราะมีลิ่มเลือดไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ตอนนี้สมองอี้ชิงมีความเสี่ยงที่จะขาดออกซิเจนสูงมากถ้าปล่อยให้สมองขาดออกซิเจนนานๆ อี้ชิงจะเป็นเจ้าชายนิทราได้” ซ่งเชี่ยนอธิบายด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแม้ในใจจะร้อนรน แต่เธอไม่ควรจะให้ญาติของผู้ป่วยตื่นตระหนกมากเกินไป การควบคุมระดับเสียงจึงเป็นเรื่องสำคัญ

     

     

     

    “ผ่าตัด!” คริสตกใจเมื่อยินดังนั้น “อี้ชิง!อี้ชิงเป็นฮีโมฟีเลีย มันอันตรายมากนะครับ”

     

     

     

    “ยอมรับว่าเสี่ยงมากแต่เราปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ ไม่ทราบว่าในที่นี้ใครเป็นญาติคนไข้...เอ่อ ผู้อุปถัมภ์คะ?” คุณหมอถามถึงญาติของอี้ชิงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอี้ชิงไม่มีญาติ ส่วนจงอินที่ก่อนหน้านี้เคยรับหน้าที่ก็ดูเหมือนจะขาดการติดต่อกับอี้ชิงไปนานแล้วหญิงสาวหันไปมองคริส แปลกใจอยู่เล็กๆ ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลมาอยู่ที่นี่ด้วย ซ่งเชี่ยนเข้าใจว่าคริสคงจะเป็นผู้อุปถัมภ์ของอี้ชิงหากแต่ดาน่ากลับชิงยกมือขึ้นเสนอตัวเสียก่อน

     

     

     

    “ฉันเองค่ะ” ดาน่าปาดน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุดและก้าวออกจากอ้อมกอดของเพื่อนอย่างสเตฟานี่ “ฉันเป็นเจ้านายของอี้ชิง”

     

     

     

    “การผ่าตัดจำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้อุปถัมภ์ก่อนนะคะ รบกวนตามดิฉันมาด้วยค่ะ” ซ่งเชียนกล่าวแล้วเดินนำดาน่าเข้าไปยังห้องหนึ่งไม่ไกลจากตรงนี้ มีพยาบาลอีกคนเดินตามไปด้วยเงียบๆ สเตฟานี่ยืนแกร่วอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนาดูซีดเผือดกว่าเดิมเมื่อทราบถึงอาการของคนที่หมดสติในห้องฉุกเฉินนั้น

     

     

     

    คริสยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มือหนากำแน่นอยู่ข้างลำตัว...ผ่าตัดเหรอ? กับคนที่เป็นฮีโมฟีเลียน่ะนะ? ถึงตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าคำว่าโลกหมุนคว้างมันเป็นยังไง ร่างสูงถอยหลังพิงแนบกับกำแพงเย็นเฉียบ ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ดูเหมือนคนโง่ มือสองข้างกำแน่นจนซีด รู้สึกเหมือนมีก้อนหินฟาดเข้าที่หัว เขาเพิ่งรู้ความจริงของอี้ชิงแล้วตอนนี้ความจริงบ้าบอพวกนี้กำลังแสดงให้เขาเห็นถึงการมีตัวตนของมัน

     

     

     

    ณ วินาทีนั้นเขารู้สึกเกลียดทุกคำพูดที่เคยเอ่ยออกไปกับอี้ชิง เกลียดคำขอโทษเพราะความลังเลใจบ้าบอของตัวเอง คำบอกรักของร่างบางในความทรงจำกำลังทิ่มเสียดแทงตัวเขา นึกถึงภาพใบหน้าที่มักจะยิ้มให้เขาด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วมันก็จุกที่อก อี้ชิงยอมให้เขาหลอกมาตลอด ยอมให้เขากอดแม้จะรู้ว่าความจริงแล้วคริสคนนี้เลวแค่ไหน...

     

     

     

    จิตใจนายทำด้วยอะไรกันนะ จาง อี้ชิง

     

     

     

    ก่อนที่ห้วงความคิดจะดึงคริสให้เข้าสู่ความรู้สึกสะท้อนใจไปมากกว่านี้เสียงตึงตังของดาน่าก็เรียกความสนใจเขาไปเสียก่อน หญิงสาวผู้เป็นเจ้านายของอี้ชิงร้องไห้หนักกว่าเดิมมาก เธอผลุนผลันออกจากห้องที่เข้าไปกับซ่งเชียนเมื่อครู่ ใบหน้าสวยหวานนั้นบูดบึ้ง

     

     

     

    “คนเป็นหมออย่างคุณยังยืนยันไม่ได้เลยว่าอี้ชิงจะปลอดภัยรึเปล่าแล้วจะให้ฉันใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีตัดสินชีวิตอี้ชิงได้ยังไง!” ดาน่าตวาดลั่นน่ากลัวจนแม้แต่สเตฟานี่ที่เป็นเพื่อนยังตกใจ “ฉันทำใจเซ็นยินยอมไม่ได้หรอกค่ะ”

     

     

     

    “ฉันเข้าใจนะคะว่ามันยากที่จะตัดสินใจ แต่ถ้าเราปล่อยเวลาไปนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นผลเสียเท่านั้นนะคะ” ซ่งเชี่ยนกดอารมณ์ของตัวเองลง เธอเดินเข้าไปหาดาน่าที่พร้อมจะถอยห่าง กุมมือดาน่าเบาๆ “ใจเย็นๆ นะคะ กลับเข้าไปคุยกันในห้องก่อน”

     

     

     

    คริสยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ตั้งใจจะเดินไปหาซ่งเชี่ยน พลันร่างสูงรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัวก่อนที่แรงอัดจะปะทะมุมปาก เสียงกรี๊ดของสเตฟานี่ตกใจกับสิ่งเห็นร่างสูงร่วงลงกับพื้นทันทีที่ถูกสอยมือซ้ายก็ยกขึ้นป้องมุมปากเพราะความรู้สึกเจ็บแต่แล้วมุมปากอีกด้านก็ต้องโดนแรงกระแทกอีกครั้งด้วยต้นเหตุเดียวกัน  ตาคมเงยขึ้นมาจ้องมองจงอินที่กำลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่นเดาได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน โชคยังดีที่ลู่หานวิ่งเข้ามาคว้ามือจงอินแล้วกันคริสไว้ทันก่อนที่จงอินจะสอยร่างสูงให้หน้ายับไปกว่าเดิม จงอินจ้องหน้าคริสตาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

     

     

     

    “ไอ้เลวเอ๊ย!” ผู้ที่อยู่เหนือกว่าสบถเสียงดังลั่นท่าทีของคริสตอนนี้ไม่ยักจะสู้เขาสักนิด หลายเรื่องกำลังถกเถียงกันอยู่ในหัวสมองอันเหนื่อยล้าและสับสนทำให้ไม่มีแรงสู้กับใครทั้งนั้น สองมือพยายามดันร่างของตัวเองขึ้นจากพื้นอยากจะเดินเลี่ยงจากตรงนี้เสียทีแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะจงอินอีกครั้งต่างกันที่ครั้งนี้เขาไม่ใช้กำลังหากแต่ใช้ถ้อยคำด่าทอคริสกับเรื่องที่เกิดขึ้น “ถ้าอี้ชิงตายไปมึงคงพอใจมากสินะ”

     

     

     

    “ผมไม่มีเวลามาเถียงกับพวกคุณหรอก” ว่าแล้วสองขายาวกำลังจะก้าวเดินต่อ

     

     

     

    “ทำบ้าอะไรของนาย” เป็นเสียงของลู่หานเองที่พูดขึ้นมา แรกทีเดียวคริสคิดว่าเพื่อนของเขาคงพูดถึงจงอิน แต่สายตาที่ส่งมามันบ่งบอกว่าไม่ใช่ ลู่หานจ้องมาที่เขาเขม็ง เวลานี้แม้กระทั่งเพื่อนที่เคยคิดว่าสนิทกันก็ไม่อยู่ข้างเขา ไม่มีใครเห็นใจคริสเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนคอยซ้ำเติมแม้จะอยู่เฉยๆ คริสและลู่หานมองหน้ากันด้วยความรู้สึกผิดหวังแต่เป็นความผิดหวังในมุมมองที่ต่างกัน “ที่ฉันพยายามบอกนาย มันช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอ”

     

     

     

    ร่างสูงตั้งสติเขาหันไปหาซ่งเชี่ยนแต่ตอนนี้เดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมดาน่าแล้ว คริสหันกลับมาหาลู่หานและจงอินที่ยังมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่ นัยน์ตาของลู่หานเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง จงอินทำท่าจะพุ่งเข้าใส่คริสอีกหนแต่จิตแพทย์หนุ่มเอาตัวมาขวางไว้พร้อมส่งสายตาปรามชายหนุ่มเจ้าของผิวสีแทนที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

     

     

     

    “อี้ชิงควรจะผ่าตัดใช่มั้ย” คริสเอ่ยถาม น้ำเสียงฟังดูน่าสงสารจนลู่หานที่แอบมีน้ำโหนิดๆ ต้องยอมอ่อนลง แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่คริสแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นแต่ก็ใช่ว่าความอ่อนแอนี้จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพร้อมกับคำถามบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในใจ เป็นคำถามที่ลู่หานมีคำตอบอยู่ในใจแล้วหากแต่ต้องการคำยืนยันเท่านั้นเอง...

     

     

     

    “ใช่ อี้ชิงต้องผ่าตัด ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” ลู่หานตอบเสียงสงบคริสพยักหน้าพร้อมยิ้มขื่นๆ ให้

     

     

     

    “เดี๋ยวฉันมา...” คริสพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปยังห้องที่มีซ่งเชี่ยนกับดาน่าอยู่ข้างใน

     

     

     

    “นายปล่อยมันไปทำไม!?” จงอินโวยวายชี้นิ้วไปทิศที่คริสเดินหายไป “น่าจะให้ฉันต่อยมันอีกหมัดสองหมัด...บ้าชะมัด นั่นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!

     

     

     

    “ฉันก็โกรธอย่างที่นายโกรธนั่นแหละ แต่เดี๋ยวอี้ฝานก็กลับมาให้นายซัดเหมือนเดิมไม่ต้องกลัวหรอก” ลู่หานว่าแล้วกระทุ้งศอกใส่จงอิน คนตัวสูงกว่าหายใจฮึดฮัดก่อนจะเดินหนีออกไปข้างนอกหาที่สูบบุหรี่ ลู่หานมองดูประตูห้องที่คริสเดินหายเข้าไปแล้วถอนหายใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ถ้าจะรออีกหน่อย...ไม่ได้เหรอคะ?” ดาน่าเอ่ย น้ำเสียงสะอึกสะอื้น รู้สึกลำบากใจที่ต้องเป็นคนตัดสินชะตากรรมของผู้ชายคนหนึ่งที่ตนรักและเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ ดาน่าไม่มีความรู้ทางด้านการแพทย์มากมาย ไม่รู้ว่าศัพท์อาการต่างๆ นานา ที่พรั่งพรูออกจากปากของคุณหมอสาวนั้นรุนแรงมากแค่ไหน เพราะยังไงเสียการผ่าตัดที่คนส่วนใหญ่มองเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กที่อาจมีกระบวนการไม่มากมาย สำหรับอี้ชิงมันช่างดูใหญ่หลวงเหลือเกิน

     

     

     

                “แต่อาการของอี้ชิงจะทรุดลงเรื่อยๆ นะคะ” ซ่งเชี่ยนขมวดคิ้ว ร่องรอยความเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยหวานแต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ก็สั่นเตือนซะก่อน คุณหมอสาวกดรับเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์จากห้องฉุกเฉิน “ซ่งเชี่ยนพูดค่ะ...ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”

     

     

     

                ดาน่ามองดูแพทย์เจ้าของไข้ของอี้ชิง จับได้ทางสีหน้าว่าเรื่องจากปลายสายคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ระหว่างนั้นเองประตูห้องก็เปิดออก คริสเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะซ่งเชี่ยนกดวางสายและมองไปยังคริส เธอถอนหายใจแล้วผายมือไปยังที่นั่งข้างดาน่าที่ยังว่างอยู่

     

     

     

                “เชิญคุณอี้ฝานนั่งก่อนนะคะ” แม้จะไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของคริสกับอี้ชิงนัก แต่ก็พอเดาได้ลางๆ ว่าคงจะเป็นคนที่อี้ชิงคบหาด้วย ร่างสูงโปร่งหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ สายตาคมจับจ้องไปยังกระดาษแผ่นบางที่วางอยู่บนโต๊ะ รอให้ใครสักคนเซ็นอนุมัติการผ่าตัดของอี้ชิงซ่งเชี่ยนสูดหายใจลึกก่อนจะเริ่มอธิบายอาการของผู้ป่วยให้ทั้งสองคนได้ฟัง

     

     

     

                “เมื่อครู่นี้ฉันได้รับสายจากคุณหมออีกท่านที่ประจำอยู่ในแผนกฉุกเฉิน เราได้ทำการอัลตร้าซาวแล้วพบว่ามีของเหลวคั่งอยู่ในเยื่อหุ้มหัวใจของผู้ป่วย จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนที่สุดเพราะหากเราปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปของเหลวจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น หัวใจของผู้ป่วยจะขยายตัวได้น้อยลง”

     

     

     

                “แล้วมันจะอันตรายมากแค่ไหนคะ?” ดาน่าถามต่อด้วยความสั่นกลัว เธอยกมือขึ้นทาบอกรอคำตอบจากซ่งเชี่ยนด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น

     

     

     

                “อันตรายมากค่ะ เพราะของเหลวจะทำให้สูบฉีดเลือดไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการช็อคและถ้าเรารักษาไม่ทันการก็ถึงแก่ชีวิตได้”

     

     

     

                “...” ดาน่าอ้าปากค้าง น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย เธอร้องไห้เหมือนจะขาดใจแม้แต่ซ่งเชี่ยนที่เคยเจอญาติผู้ป่วยมาหลากหลายรูปแบบก็ยังต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่พักหนึ่งถึงจะเอ่ยปลอบได้

     

     

     

                “แต่ถ้าอี้ชิงได้รับการรักษาทันเวลา เปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยก็จะสูงขึ้นนะคะ”

     

     

     

                “แต่...แต่คุณคริสก็พูดนี่คะ ว่า...ฮึก...ว่าอี้ชิงเป็นฮีโมฟีเลีย จะแน่ใจได้ยังไงว่าอี้ชิงจะผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย ใช่ไหมคะ?” ดาน่าหันไปหาคริสมั่นใจว่าชายหนุ่มเองก็คงไม่ยอมเช่นเดียวกัน เธอทำใจยอมรับแล้วเซ็นอนุมัติไม่ได้ อี้ชิงไม่ได้ร่างกายแข็งแรงเหมือนคนทั่วไปนี่ ความเสี่ยงย่อมมีมากไม่ใช่เหรอ แล้วยิ่งบอกว่าถึงตายได้ ดาน่าก็ยิ่งไม่อยากเซ็น

     

     

     

                ถ้าอี้ชิงรอดก็เป็นเรื่องดีมาก แต่ถ้าอี้ชิงไม่รอด ดาน่าจะไม่รู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเหรอ?

     

     

     

                “คุณดาน่าคะ...” ซ่งเชี่ยนเร่ง เธอไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

     

     

     

                “ยะ ยังไงฉันก็เซ็นไม่ได้หรอกค่ะ” เธอเลื่อนแบบเอกสารคืนให้ซ่งเชี่ยน คุณหมอสาวขบริมฝีปาก เริ่มหงุดหงิดขึ้นด้วยเวลาที่ไม่เคยคอยใคร แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกมาอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ฉวยหยิบกระดาษกับปากกาแล้วบรรจงเซ็นชื่อเต็มของตัวเองลงไป คริสยื่นกระดาษคืนให้ซ่งเชี่ยนไม่สนใจดาน่าที่ร้องไห้หนักกว่าเดิม

     

     

     

                “ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ยังไงฝากคุณหมอด้วยนะครับ”

     

     

     

                ซ่งเชี่ยนพยักหน้า เธอรับกระดาษมาแล้วหันไปพูดอะไรเล็กน้อยกับดาน่าเพื่อปลอบใจก่อนจะผละออกไปอย่างเร่งรีบ สุดท้ายในห้องจะเหลือเพียงคนสองคนที่ต่างเงียบอยู่อย่างนั้นไม่เอ่ยวาจาใดๆ ต่อกัน ดาน่าสะอึกสะอื้นเพราะพยายามหยุดร้องไห้ เธอปาดน้ำตารุนแรงจนดวงตาแดงช้ำ ในใจหญิงสาวรู้สึกไม่พอใจคริสอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่เป็นห่วงอี้ชิงเลยเหรอ ไม่กลัวว่าอี้ชิงจะตายรึไงถึงได้เซ็นอนุมัติไปเหมือนไม่คิดแบบนั้น

     

     

     

                คริสลุกขึ้นออกจากห้อง สเตฟานี่ยังยืนอยู่ที่เดิมข้างนอกนั้น เธอหันมาสบตากับคริสแวบหนึ่งก่อนจะหลบสายตาไปร่างสูงถอนหายใจ ไม่มีอารมณ์จะกล่าวโทษใครทั้งนั้น รู้ตัวเองดีว่าต้นตอมันก็มาจากตัวเขาเองนั่นแหละ เสียงล้อลากดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ คริสเคลื่อนตัวไปหาเตียงผู้ป่วยในแทบจะทันที อี้ชิงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นไร้สติ ใบหน้าขาวซีดจนน่ากลัว แต่ไม่ทันที่คริสหรือแม้แต่ดาน่าที่เพิ่งออกมาจากห้องจะได้เอ่ยอะไรกับอี้ชิง บุรุษพยาบาลก็เร่งรุดเข็นเตียงไปยังห้องผ่าตัดเสียก่อน

     

     

     

                “ดูแลเพื่อนเธอด้วย” คริสหันไปบอกสเตฟานี่ หญิงสาวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งตามดาน่าที่กำลังตรงไปที่ห้องผ่าตัดร่างสูงยืนอยู่ที่เดิม มองดูเตียงที่ถูกเข็นไกลออกไปขณะที่เสียงของอี้ชิงดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

     

     

     

                ทุกที่ที่มีคุณก็จะมีแต่ความเจ็บปวด

     

     

     

                แล้วเขาควรจะทำยังไง อู๋ อี้ฝาน คนนี้ควรจะทำยังไงต่อไป เขาไม่อยากให้อี้ชิงเจ็บปวดแต่ก็ปล่อยมือผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน ร่างสูงหมุนตัวไปมาอยู่ที่เดิม แหงนหน้าขึ้นมองเพดานสีขาวราวกับมันมีคำตอบอยู่บนนั้น แต่เปล่าเลย เขาเพียงแค่อยากให้น้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกย้อนกลับไปอยู่ที่เดิม คนอย่างเขาไม่ควรจะร้องไห้ ไม่สิ ไม่มีสิทธิ์จะร้องไห้เลยต่างหาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาอี้ชิงเจ็บปวดแค่ไหนเขาไม่เคยรู้ มัวแต่มีความสุขอยู่กับการหลอกลวงใครบางคน กว่าจะรู้ตัวอีกทีผลลัพธ์มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองเสียแล้ว

     

     

     

                “พี่ซ่งเชี่ยนน่ะ ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็เป็นหมอฝีมืออันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลนะ” เสียงของลู่หานดึงให้คริสกลับมาอยู่โลกของความเป็นจริง ร่างสูงก้มลงมาพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อน

     

     

     

                “อยากจะต่อยฉันอีกคนรึเปล่า” คริสเอ่ยถามสีหน้าจริงจังแต่ลู่หานกลับหัวเราะพร้อมกับยกกำปั้นเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมา

     

     

     

                “เจ็บตัวเองเปล่าๆ”

     

     

     

                “...”

     

     

     

                “ฉันไม่รู้ว่าเรื่องของพวกนายมันเริ่มต้นยังไง...” ลู่หานมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด “...แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะจบลงแบบไหน ที่ฉันขอให้นายเลิกกับอี้ชิงเพราะฉันรู้ว่านายไม่เคยคบใครจริงจัง พอเบื่อนายก็ทิ้งหรือพูดให้ชัด ฉันไม่เคยเห็นว่านายจะรักใครเป็นสักคน...แต่ถ้าสิ่งที่ฉันคิดมันเป็นแค่อดีต นายก็ควรจะแสดงออกมาให้เห็น ลูกผู้ชายก็ควรจะพูดกันตรงๆ ห่วงก็บอกว่าห่วง รักก็บอกว่ารัก ใช่ไหม?”

     

     

     

                “อย่ามาใช้จิตวิทยากับฉันเลย”

     

     

     

                “ก่อนที่อี้ชิงจะเจอนายเค้าแย่แค่ไหนรู้ไหม? ก่อนหน้านี้นายอาจจะไม่ได้คิดจริงจังอะไรแต่ว่า...ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นคือผู้ชายชื่อ อู๋ อี้ฝาน ที่เป็นห่วง จาง อี้ชิง มาก แต่แสดงออกได้แย่ฉิบหาย” ลู่หานหันกลับมาหาผู้ชายตัวสูงที่ตอนนี้เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ไร้เรี่ยวแรงคนหนึ่ง

     

     

     

                “ถ้าฉันไม่โผล่เข้าไปในชีวิตอี้ชิงมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้” คริสเอ่ย เขารู้สึกว่าสิ่งเคยทำมันเป็นการฆ่าอี้ชิงให้ตายทั้งเป็น แล้วตอนนี้ผลของมันก็กำลังวกกลับมาฆ่าเขาเองเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านเขามักจะปฏิเสธตัวเองเสมอทั้งที่รู้สึกทุรนทุรายแทบตายช่วงที่อี้ชิงหายไปโดยไม่บอก บอกตัวเองซ้ำๆ ว่าพออี้ชิงโผล่ไปหาที่ออฟฟิศแล้วเขาดีใจแทบบ้านั่นก็แค่การแสดง...ทั้งที่ความจริงมันก็แสนจะชัดเจนอยู่แล้ว

     

     

     

                “แต่การที่นายมีตัวตนในความทรงจำของอี้ชิงมันเหมือนกับพระเจ้าให้ของขวัญเลยรู้รึเปล่า ที่อี้ชิงอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะนาย อย่าดูถูกตัวเองเพราะนั่นเท่ากับดูถูกอี้ชิงด้วย ที่นายควรจะทำตอนนี้ก็คืออยู่ข้างๆ อี้ชิงเข้าใจไหม”

     

     

     

                “พูดดูดี ทั้งที่นายเป็นคนบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับอี้ชิงแท้ๆ” คริสกระตุกยิ้มที่มุมปาก ยิ้มเพื่อปิดซ่อนความอ่อนแอที่กำลังก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงหนาขึ้นทุกที    เขาไม่กลัวถ้าอี้ชิงจะฟื้นขึ้นมาแล้วร้องไล่ตะเพิดเขาไปให้ไกล เพราะนั่นย่อมสมควรแล้วกับการที่ผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องทนรับรู้ความจริงที่คนอย่างเขาทำลงไป

     

     

                “ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่ว่านายรักอี้ชิง” ลู่หานตอบแล้วถอนหายใจ “อย่าหลอกตัวเอง เพราะมันไม่เป็นผลดีกับใครเลย”

     

     

     

                “แล้วฉันจะบอกอี้ชิง” คริสเม้มริมฝีปาก ร่างสูงเข้าใจว่าถึงเวลาที่ควรจะยอมรับหัวใจตัวเองได้สักที หากแต่ความกลัวมันกลับเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ คริสไม่กลัวหากถึงตอนนั้นอี้ชิงเลือกปฏิเสธความรักที่เขามีให้แต่ที่เขากลัวคือ...ถ้าอี้ชิงหลับไปตลอดกาลล่ะ...

     

     

               

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

    Talk

     

    Windy Boy :: เบื้องหลังของตอนนี้คอมเกือบเจ๊งแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไร ดีใจเว่อ อยากบอก(ปกจ)ว่าตอนตรวจคำผิดน้ำตาเกือบซึมแน่ะ(ถ้าไม่แชทเฟซขัดก่อน๕๕๕๕๕) ขอบคุณทุกคนที่รอคอย เหตุผลว่าทำไมถึงอัพช้าคงยาวกว่าฟิคแน่ (เว่ออีกละ) เอาเป็นว่าขอบคุณที่ทุกคนยังอยู่ด้วยกันเด้อ

     

    Pyckajae :: เกือบเดือนสินะ T^T ทั้งสิบเอ็ดตอนที่ผ่านมาคิดว่าตอนนี้แหละค่ะที่ยากที่สุด ฮอลลลล งมหาข้อมูลทางการแพทย์จนอยากจะอ้วกแต่ก็ยกมานิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ถ้าใครเรียนหมอมาอ่านแล้วมันตะขิดงิดๆ(?) ก็...นะ ฮ่าๆ ขอแก้ตัวได้มั้ยว่าที่ดองนานเพราะติดสงกรานต์ด้วย เอิ้กๆ ขอให้มีความสุข(เหรอ)กับตอนนี้นะฮับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ปิ้วๆๆๆ  ปล. วดบ เธอน้ำตาซึมเพราะอะไรยะ = =


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×