ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P.A.S.S.

    ลำดับตอนที่ #3 : ลงมือปฏิบัติการ

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 49


    แต่โอกาสที่จะเป็นแบบนั้นมันก็น้อยนะ แต่ก็นั้นละใช่ว่าจะไม่มี ถ้าโอกาสยังไม่ถึงศูนย์ละก็ ไงๆก็ไม่ควรประมาท รีบลงมือก่อนดีกว่า เธอคิดแล้วเอ่ยปากขึ้น

                    เดี๋ยวพวกเธอว่างมั้ย?

                    ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วทะเลจึงตอบ

                    ว่างจ้ะ ทำไมเหรอ?

                    ไปเที่ยวบ้านเรามั้ย? ไหนๆก็ว่างนี้นา เธอชวนยิ้มๆ

                    ได้เหรอ? ยูถามอย่างตื่นเต้น

                    ได้สิ จะมามั้ยละ? เธอตอบพลางยิ้มให้

                    ไปสิๆๆ เราไปกันนะเล ยูร้องด้วยความดีใจ ก่อนหันไปชวนทะเล เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบรับ

                    ก็ได้ ถึงเราจะบอกว่าไม่ไปยูก็คงไม่ยอมอยู่ดี

                    งั้นก็เชิญเลย เธอว่าแล้วออกเดินนำหน้าเพื่อนทั้งสองไปยังบ้านของตน ไม่นานนักตัวบ้านก็เริ่มปรากฏให้เห็น มันเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ สูงสามชั้น รอบๆบ้านมีสนามหญ้าเล็กๆปลูกต้นไม้อยู่สามถึงสี่ต้น ตัวบ้านทาสีขาวหลังคามุงกระเบื้องสีน้ำตาลแก่ ทางเข้าประตูบ้านเป็นขั้นบันไดสี่ถึงห้าขั้น พีรีกะเดินขึ้นบันไดไปแล้วเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูบ้าน เพื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ก่อนจะถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้เก็บรองเท้าที่อยู่ทางฝั่งขาวมือของเธอแล้วหยิบรองเท้าแตะสำหรับใส่ในบ้านออกมาสวมแล้วส่งให้เพื่อนทั้งสองคนละคู่ พวกเธอรับไปสวมก่อนจะเดินตามพีรีกะเข้าไปในตัวบ้า เธอปิดประตูห้องหนึ่งออกแล้วกล่าวเชิญเพื่อนทั้งสองเข้าไปในห้อง

                    มันเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสค่อนข้างกว่าง มีโซฟสีน้ำตาลแก่วางอยู่สองตัวหันหน้าเข้าหากัน และมีเก้าอี้นวมอีกหนึ่งตัว ตรงกลางระหว่างโซฟาทั้งสองมีโต๊ะกระจกใสตั้งอยู่ ที่ผนังห้องด้างหนึ่งมีชั้นหนังสือตั้งอยู่เรียงราย บนชั้นนั้นมีหนังสือวางอยู่เต็มไปหมด อีกด้านหนึ่งของผนังห้องเป็นโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหากำแพงบนโต๊ะมีหนังสือวางอยู่สามถึงสี่เล่ม และมีเตียงนอนถูกคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมเตียงสีฟ้าอ่อนถูกวางเอาไว้อีกมุมหนึ่งของห้อง

                    ห้องเราเอง พีรีกะบอกแล้วกล่าวเชิญเพื่อนๆนั่งลงบนโซฟา

                    บ้านพีใหญ่มากเลยนะ ยูบอกพลางมองไปรอบๆห้อง

                    นั่นสิ ใหญ่มากเลย ทะเลเสริมอีกคน

                    เราก็ว่างั้นละ เราเพิ่งมาย้ายมาอยู่กับคุณพ่อได้ไม่นาน ยังเดินหลงๆอยู่เลย เธอพูดพลางหัวเราะเบาๆ เอ่อ...เราขอตัวเดี๋ยวนะ

                    อืม ทะเลบอก

                    ว่าแล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป พีรีกะรีบเดินตรงไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่สุดปลายทางเดิน แล้วเธอก็เอามือแตะลงบนกำแพงข้างๆลูกบิดประตู ทันใดนั้นประตูห้องก็เลื่อนออกเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดปีที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วรับลุกขึ้นยืนตรงเพื่อทำความเคารพเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอผงกศีรษะรับนิดหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นประตูก็ปิดลง

                    กลับมาแล้วเหรอครับ กัปตัน เขาถาม

                    ฮื่อ! ข้าพาเด็กสองคนนั้นมาด้วยนะ ระหว่างทางข้าทดสอบพวกนั้นมาแล้ว ผลออกมาแล้วด้วย เธอบอกเสียงเรียบ

                จริงหรือครับ? เขาถามอย่างตื่นเต้น แล้วผลว่ายังไงครับ?

                    จริงๆเลยนะแซค เจ้าน่าจะรู้นี่นา ที่ข้าพามาด้วยน่ะมันหมายความว่ายังไง พีรีกะพูดแล้วยิ้มนิดๆ

                    มีประโยชน์หรือครับ? ชายหนุ่มนามว่าแซคถาม

                    ฮื่อ! มากเลยละ และที่สำคัญ ถ้าพวกเขาคิดเป็นศัตรูกับเราละก็..... เธอเว้นวรรคนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อเพื่อเป็นการเน้นประโยคนั้น

                    มีปัญหามากแน่

                    เพราะงั้นกัปตันเลยพามาด้วยเหรอครับ แล้วจะให้ข้าทำอะไรละครับ? เขาถามอีก

                    เข้าใจอะไรเร็วดีนี่ เธอชมพลางยิ้มนิดๆ ก็ดีจะได้ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เจ้าจะต้องรับบทเป็นพี่ชายบุญธรรมของข้า

                อะไรนะครับ? เขาร้องเสียงดังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

                    ข้าบอกว่า... เธอหยุดนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อที่ละคำอย่างชัดเจน เจ้า-จะ-ต้อง-แสดง-เป็น-พี่ชายบุญธรรม-ของ-ข้า เข้าใจมั้ย?

                    เข้าใจครับ เขารับคำแล้วยืนตัวตรงราวกับทหารก่อนจะถามขึ้นมาอีก แล้วทำไมข้าต้องไปแสดงด้วยละครับ? ข้าไม่ต้องโผล่ออกไปให้เห็นเลยจนกว่าความจะปิดไม่ได้แล้วก็ได้นี่ครับ

                    ความผิดของข้าเอง เธอพูดอย่างโกรธตัวเอง ข้าดันเผลอไปบอกพวกนั้นว่าข้ามีพี่ชาย ทั้งที่ข้าบอกไปตอนแนะนำตัวในห้องว่าข้าไม่พ่อแม่น่ะสิ หาข้อแก้ตัวแทบตายเลย

                    งั้นหรือครับ? เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

                    งั้นก็ดี เจ้าไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เธอสั่งอีก

                    เปลี่ยนชุด?...ทำไมข้าต้องเปลี่ยนชุดด้วยละครับ แซคขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงง

                    ก็ดูชุดเจ้าสิ เหมือนชาวดาวนี้เขาซะที่ไหนกันละ เธอว่าแล้วชี้นิ้วไปที่ชุดของแซค มันเป็นชุดคล้ายเครื่องแบบทหารบกแต่เป็นสีน้ำเงิน ที่ไหล่มีอินทรธนูสีเหลืองทองประดับอยู่ ชายเสื้อถูกเก็บไว้ในกางเกงเรียบร้อย กางเกงของเราก็เป็นสีน้ำเงินเหมือกับตัวเสื้อ สวมรองเท้าคอมแบตสีดำวาวเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ขากางเกงถูกเก็บไว้ในคอมแบตเรียบร้อย เขาก้มลงมองดูตัวเขาแล้วเห็นด้วยกับความคิดของพีรีกะ

                    ก็จริงนะครับ มิน่าละวันนี้ข้าออกไปเดินสำรวจดาวเลยมีคนมองกันใหญ่

                    หา! นี่เจ้าออกไปทั้งชุดยังงี้เนี่ยนะ!” พีรีกะร้องลั่นด้วยความตกใจ

                    ครับ แต่ข้าว่าคงไม่เป็นไรมั้งครับ ก็มันคล้ายกับเครื่องแบบตำรวจของดาวนี้นี่ครับ ชาวดาวนี้คงคิดว่าข้าเป็นตำรวจหน่วยหนึ่งนั่นแหละ

                    ถ้ามันเป็นงั้นได้ก็ดีน่ะสิ เอาเถอะเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้เจ้ารีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว! แต่งตัวให้มันดูธรรมดาหน่อยละ เสื้อเชิ้ตกับสแลคก็ได้

                    ครับ แล้วจะให้ข้าไปหากัปตันที่ไหน?

                    ห้องรักษาความปลอดภัย ว่าแล้วเธอก็กลับหลังหันจะออกจากห้องแต่ก็ชะงักเพราะนึกอะไรขึ้นได้ อ้อ! จำไว้ให้ดีละ เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กพวกนั้น เจ้าจะไม่ใช้แซคลูกน้องข้า แต่เจ้าคือแซคพี่ชายข้า ห้ามหลุดเด็ดขาดนะ

                    ครับ!” เขารับคำน้ำเสียงแข็งขัน ยืนตัวตรงแหนวรอจนพีรีกะเดินออกจากห้องไปเขาจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุดตามคำสั่ง

                   

                    พีรีกะเดินกลับมาที่ห้อง เธอพบว่าเพื่อนทั้งสองคนของเธอกำลังนั่งอ่านหนังสือที่อยู่บนชั้นหนังสือของเธออย่างตั้งใจอยู่ เธอมองอย่างงุนงงเพราะไม่คิดว่าพวกเธอจะสามารถอ่านเข้าใจด้วย

                    อ่านรู้เรื่องกันด้วยเหรอ? เธอถามขึ้น

                    อ่าวพี มาแล้วเหรอ? ยูร้องเสียงใสดังขึ้น

                    จ้ะ ว่าแต่พวกเธออ่านรู้เรื่องด้วยเหรอเนี่ย? เธอถามขึ้นอีกครั้ง

                    ก็นะ พอรู้เรื่องน่ะ ทะเลเป็นคนตอบ

                    แล้วพีอ่านเข้าใจด้วยเหรอ? เก่งจัง ยูกล่าวชม

                    ก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่หรอก มันเป็นของพี่เราน่ะ เขาฝากไว้ห้องเรา พีรีกะบอก ความจริงหนังสือพวกนี้เป็นขององกรของเธอ และก็อ่านเข้าใจทั้งหมด แต่จะบอกไปได้ยังไงละ

                    อ๋อ ถ้างั้นพี่เธอก็ต้องเก่งมากเลยน่ะสิ เรื่องพวกนี้ยากจะตาย ทะเลบอกแล้วชูหนังสือขึ้น เป็นหนังสือว่าด้วยเรื่องของนาโนเทคโนโลยี

                    ก็นะ ก็เก่งน่ะแหละ พีรีกะบอก

                    ไม่ทันขาดคำประตูห้องก็ถูกเปิดออก ร่างของชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีปรากฏขึ้น เป็นเป็นคนผิวขาวเหลืองผมสีดำชี้ฟูไม่เป็นทรง คิ้วเข้มเรียวยาวรับกับดวงตาคู่สวยสีดำสนิท จมูกโด่ง ริมฝีปากเรียวได้รูป ร่างสูงโย่งของเขาอยู่ภายในเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคสีดำ เขามองมาทางเด็กสาวทั้งสามคนแล้วยิ้มให้

                    ไง พาเพื่อนมาบ้านเหรอ? เขาถาม

                    ค่ะ พี่แซค พีรีกะตอบแล้วหันมาทางเพื่อนทั้งสามคน พวกเรา นี่ไงพี่ชายเรา ชื่อว่าแซค

                    สวัสดีค่ะ เด็กทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมกัน

                    แซคไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ เขาเดินเข้ามาในห้องตรงไปยังโซฟาตัวที่ว่าง เมื่อเขาเดินผ่านพีรีกะไปเขาก็ก้มหัวลงนิดหนึ่งคงเพราะติดนิสัย แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากพีรีกะ

                    พี่แซค นี่เพื่อนพีเธอว่าแล้วผายมือไปยังเพื่อนทั้งสองคน นี่ยู แล้วก็นี่ทะเล

                    ยูกับทะเลเหรอ เขาทวนชื่อ

                    เรียกเลเฉยๆก็ได้ค่ะ ทะเลรีบบอก

                    อืม เขาตอบแล้วมองไปที่หนังสือในมือทะเล พวกเธออ่านกันรู้เรื่องด้วยเหรอ?

                    ก็นิดหน่อยค่ะ พี่แซคอ่านเข้าใจเหรอคะ ทะเลตอบแล้วถามกลับ

                    อืม เข้าใจสิ อยากถามตรงไหนมั้ยละ? เขาถามแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                    มีค่ะ ทะเลรีบตอบ แล้วถามคำถามทันที

                    แซคอธิบายให้พีรีกะฟังถึงการทำงานของนาโนเทคโนโลยีซึ่งเธอก็ฟังอย่างสนใจและรับรับรู้ได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มมืด นาฬิกาข้อมือของยูชี้บอกเวลา 7.30น. พวกเธอจึงขอตัวกลับก่อนเพราะมืดมากแล้ว พอเพื่อนทั้งสองออกไปพ้นบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านก็เปลี่ยนสภาพจากพื้นที่มองเห็นว่าเป็นไม้ก็กลายเป็นเหล็ก ประตูห้องไม้กลายเป็นประตูเหล็กที่ไม่มีลูกบิด ที่สามารถเปิดได้ด้วยการสแกรลายนิ้วมือ

                    ข้าแสดงละครเป็นยังไงบ้านครับ? แซคถาม

                    เกือบจะดีมาก ถ้าเจ้าไม่เผลอก้มหัวให้ข้าตอนเดินผ่านข้าละก็นะ พีรีกะบอก แล้วเจ้าว่าไงบ้างละ?

                    เรื่องอะไรครับ? เขาอย่างไม่เข้าใจ

                    เด็กสองคนนั้นไง

                    อ๋อ ดีครับ ความสามารถในการเรียนรู้นั้นเร็วมากเลย โดยเฉพาะเด็กที่ชื่อทะเล หัวไวมากจริงๆ อีกคนก็จำแม่นมาก เขาจำได้ทุกเรื่องที่ข้าพูดไปเลย เขาพูดอย่างตื่นเต้น ข้าเข้าใจเลยว่าทำไมกัปตันถึงได้สนใจเด็กพวกนั้นมากนัก

                    พีรีกะไม่ตอบว่าอะไร แค่ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เยียบเย็น ที่เขาไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ออกจากยานแม่มา

                เธอเดินตรงไปที่ห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมาพร้อมกับทะเลและยู เมื่อถึงหน้าห้องเธอก็ยกฝ่ามือขึ้นแตะที่แท่นสแกนลายนิ้วมือซึ้งเป็นแท่นนูนออกมาจากกำแพง

    ปิ้ดๆๆๆๆ

                    แล้วประตูก็เปิดออก เธอเดินเข้าไปในห้อง ตอนนี้สภาพห้องไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว จากห้องที่เหมือนห้องนอนของเด็กสาวธรรมดาตอนนี้กลายสภาพเป็นห้องรักษาความปลอดภัย ตำแหน่งที่เคยเป็นโต๊ะเขียนหนังสือนั้นกลายเป็นเหมือที่บังคับยานซึ้งยื่นออกมาจากผนังห้องแต่มีขนาดยาวกว่าโต๊ะเขียนหนังสือมาก บนแท่นนั้นมีหน้าจอLCDสีเขียวๆฝั่งอยู่รอบๆมีปุ่มต่างๆมากมาย และมีอะไรบางอย่างลักษณะคล้ายปุ่มกลมๆหมุนได้ถูกติดตั้งไว้เรียงกันอยู่

                    ตำแหน่งที่เป็นเตียงนั้นก็ยังคงเป็นเตียงอยู่ มันถูกติดตั้งไว้เพื่อให้คนที่เป็นเวรในวันนั้นสามารถนอนพักในระหว่างที่อีกคนเฝ้ายามอยู่ได้ ส่วนที่เป็นโซฟาก็ยังคงเป็นโซฟาอยู่ และส่วนที่เป็นชั้นหนังสือนั้นถูกฝั่งเข้ากับผนังห้อง บนเพดานมีหลอดไฟส่องสว่าง ตัวหลอดไฟถูกออกแบบมาให้ซ่อนอยู่ในเพดานทำให้มองไม่เห็นตัวหลอด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×