ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P.A.S.S.

    ลำดับตอนที่ #2 : ผู้มาเยือนจากต่างดาว

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 49


    ซ่าๆๆๆๆ...................ครืน!!!!

    เสียงฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่ว ท่ามกลางสายฝนที่ซัดกระหน่ำเข้าสู่พื้นแผ่นดินอย่างไม่ขาดสาย ราวกับว่าต้องการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ให้สูญสิ้น ก็มีแสงสีฟ้าเรืองรองปรากฏขึ้นบนฟากฟ้าแสงนั้นค่อยๆสว่างขึ้นๆและค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาใกล้พื้นโลกทุกทีๆ

    แม่คะ แม่คะ นั่งแสงอะไรน่ะ? เสียงเล็กๆของเด็กสาวตัวน้อยภายในชุดนอนร้องถามขึ้นพลางชี้มือไปที่แสงสีฟ้านั้น

    แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้นอนได้แล้วนอนได้นะลูก พรุ่งนี้ค่อยไปดู ผู้เป็นแม่ตอบลูกสาวอย่างอ่อนโยน แล้วขยับผ้าห่มขึ้นคลุมตัวลูกสาว แต่ทันใดนั้นเอง

    เปรี้ยง!!!!

                    เสียงดั่งสนั่นคล้ายเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น พื้นแผ่นดินรกร้างแผ่นหนึ่งในย่านชุมชนของกรุงเทพฯปรากฏแสงสีฟ้าสาดส่องไปทุกทิศ ลำแสงนั้นสาดส่องไปทั่งทุกอาณาบริเวณเป็นระยะทางหลายกิโลด้วยกัน เวลาผ่านไปนานหลายนาทีลำแสงนั้นจึงค่อยๆจางลงแล้วหายไป เหลือแต่ความมืดและเสียงฝนที่ตกกระทบหลังคาบ้านเรือน

                    การลงจอดเรียบร้อยครับ!กัปตัน!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น

    ดี!เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปสำรวจดาวดวงนี้กัน เสียงผู้หญิงอีกคนตอบ คะเนอายุจากเสียงแล้วน่าจะไม่เกินสิบห้าปี

     

    วันรุ่งขึ้น ณ โรงเรียนมัธยมมีชื่อแห่งหนึ่ง

                ภายในห้องเรียนของนักเรียนชั้นม.5/1หรือห้องคิงส์ นักเรียนภายในห้องต่างพากันนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยเรื่องต่างๆนานา บ้างก็เล่นเอบีซี บ้างก็เล่นตบแผละ ดูแล้วไม่เหมือนกับว่านักเรียนในห้องนี้จะเป็นกลุ่มนักเรียนที่เก่งที่สุดภายในชั้นเลย ซึ่งนั้นก็ไม่ได้น่าแปลกอะไรเท่าไหร่ แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องลำแสงประหลาดนั้นเลย ทั้งที่จุดที่เกิดลำแสงนั้นก็ไม่ได้ห่างจากตัวโรงเรียนสักเท่าไหร่

                    เมื่อวานฝนตกหนักมากเลย เนอะ เลยู เด็กสาวในเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายพูดกับเพื่อนสาวอีกคนที่นั่งข้างๆกัน

                    ใช่ บ้านเราไฟตกไปตั้งหลายทีแน่ะ ทะเลเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นปรกบ่า คิ้วเรียวยาวดวงตาวใสสีน้ำตาลแก่ ริมฝีปากเรียวได้รูปรับกับจมูกโด่งนั้น ผิวสีขาวออกน้ำตาลเล็กน้อยเนื่องจากถูกแดดบอก

                    บ้านเราก็เหมือนกัน ยูเสริม พลางยกมือขึ้นรวดผมใหม่หล่อนเป็นเด็กสาวผิวขาว แก้มแดง ผมสีน้ำตาลแก่มัดรวดไว้เป็นทรงหางม้า ผมม้าบางๆนั้นถูกหวีแสกไปทางด้ายซ้าย คิ้วโก่งได้รูปรับกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลแก่ จมูกเล็กริมฝีปากเล็กสีชมพู

                    ว่าแต่เลทำการบ้านเลขมาหรือเปล่า? ยู ถามขึ้น

                    ทำจ้ะ...ทำไมเหรอ? ยูไม่ได้ทำมา? เธอถามงงๆ

                    ทำ แต่ไม่เสร็จน่ะ เหลืออีกสองข้อ นี่สอนหน่อยสิ เดี๋ยวเสร็จไม่ทันโดยจารย์วีระเล่นตายเลยยูขอร้องเพื่อนสาว

                    เอาสิ กว่าจะเรียนก็คาบสามแน่ะ อีกสองข้อน่าจะทัน ยูบอกยิ้มๆ

    แต่ไม่ทันที่เธอจะทันได้หยิบสมุดขึ้นมาสอน ธนา อาจารย์ประจำชั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกันเด็กสาวคนหนึ่ง หล่อนเป็นคนตัวเล็ก ร่างผอมบางนั้นอยู่ภายในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ประโปรงนักเรียนหกจีบสีดำ ผมสีน้ำตาลทองนั้นถูกซอยสั้นปรกต้นคอ คิ้วเข้มเรียวยาว ดวงตาสีม่วงแก่คมกริบราวกับตาเหยี่ยว จมูกโด่งรับกับริมฝีปากเรียวได้รูปสีชมพู แก้มบนใบหน้าขาวนั้นเป็นสีชมพูระเรื่อ

    นักเรียน! เคารพ!” เด็กนักเรียนที่เป็นหัวหน้าห้องร้องสั่งขึ้น

    สวัสดีครับ/ค่ะ นักเรียนทั้งห้าสิบคนพูดขึ้นพร้อมกัน

    สวัสดีครับ เอาละนักเรียน วันนี้เราจะมีเพื่อนใหม่เข้ามานะครับ แนะนำตัวด้วยครับ ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ

    สวัสดีค่ะ ชื่อพีรีกะ อัลฟาเอลค่ะ เรียกว่าพีก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ สิ้นคำพูดของเธอ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วห้อง

    พีไม่ใช่คนไทยเหรอ? เสียงเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งร้องถามขึ้น

                    คงงั้นมั้ง เธอตอบแล้วหัวเราะเบาๆ น่าจะเป็นลูกครึ่งนะ

                    ลูกครึ่งอะไรเหรอ?ทำไมชื่อเธอเป็นญี่ปุ่นแต่นามสกุลเป็นอังกฤษละ? เด็กชายคนหนึ่งถามขึ้นอีก

                    คือ...หล่อนทำหน้านึก เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่มีพ่อแม่น่ะ ซิสเตอร์ที่โบสถ์ในอังกฤษเป็นคนเลี้ยงเรามา เธอบอกเราว่ามีคนเอามาทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์ เธอเลยเก็บเรามาเลี้ยงนามสกุลนี้ก็เป็นของซิสเตอร์ ส่วนชื่อเราน่ะ มันอยู่ในจดหมายที่แนบมากับตะกร้าที่ใส่เรามา

                    อ๊ะ!เหรอ.......เราขอโทษนะ...เสียมารยาทแย่เลย เด็กชายคนนั้นกล่าวขอโทษ

                    ไม่เป็นไรหรอก เราชินแล้วละเธอตอบพลางยิ้มให้เด็กชายคนนั้น

                    แล้วพีย้ายมาจากโรงเรียนอะไรเหรอ? ยูถามขึ้นบ้าง

                    บอกชื่อโรงเรียนไปพวกเธอก็คงไม่รู้จักละมั้ง.........เรามาจากอังกฤษน่ะเธอตอบ

                    เรื่องแนะนำตัวเอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ ได้เวลาเริ่มเรียนแล้ว ส่วนที่นั่งของพีรีกะเอาเป็น.....วีระศักดิ์ครับข้างๆว่างหรือเปล่า? เขาหันไปถามเด็กชายที่ชื่อวีระศักดิ์

                    ไม่ว่างครับ กมลรัตน์นั่งอยู่แต่ตอนนี้เขายังไม่มา.... วีระศักดิ์ตอบ

                    ไม่เป็นไรครับ....อืม....แล้วข้างๆนราณีละครับ ว้างหรือเปล่าเขาหันไปถามทะเล

                    ว่างค่ะ เธอตอบ

                    งั้นที่นั่งของพีรีกะเอาเป็นข้างๆนราณีแล้วกันนะครับ เขาหันมาพูดกับพีรีกะ เธอผงกศีรษะแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะว่างข้างๆทะเลซึ้งอยู่ด้านหลังของโต๊ะยูด้วย

                    หวัดดีจ้ะพี เราชื่อทะเลนะ เรียกว่าเลก็พอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทะเลแนะนำตัว

                อืม....ยินดีจ้ะเธอตอบ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาเพิ่มเริ่มเรียนวิชาแรกซึ้งก็คือวิชาภาษาอังกฤษ เธอไล่สายตาไปตามบรรทัดในหนังสือแล้วรู้สึกว่ามันเป็นบทเรียนที่ง่ายมาก เพราะเธอสามารถอ่านออกหมดทุกคำและรู้จักแกรมม่าพวกนั้นหมดแล้ว เธอเปิดหนังสือไปที่ละหน้าแล้วหันมาถามทะเล

                    นี่เล เรียนถึงบทไหนแล้วเหรอ?

                    บทที่ยี่สิบสี่ หน้าแปดสิบเก้าน่ะเธอตอบพลางพลิกหนังสือของเธอไปยังหน้าที่เรียนถึง

                    พีรีกะกล่าวขอบคุณแล้วเปิดหนังสือไปยังหน้านั้น เธออ่านข้อความในนั้นในใจแล้วพึมพำออกมาเบาๆ

                    ทำไมมันง่ายแบบนี้เนี่ย….”

                    “Please stand up.” เด็กนักเรียนที่เป็นหัวหน้าห้องพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง เมื่อเห็นอาจารย์ภาษาอังกฤษเดินเขามา เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคล้ายชาวอเมริกัน ใส่เสื้อเชิตสีขาวเก็บชายเรียบร้อยผูกเนคไทสีน้ำเงินและกางเกงสแลคสีดำ

                    “Good morning teacher.”นักเรียนทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน

                    “Good morning students.” เขาตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงแบบอเมริกันก่อนจะพูดภาษาไทยถามนักเรียนในห้อง วันนี้มาเรียนกันครบหรือเปล่าครับ?

                    เออ....ขาดหนึ่งคนเกินหนึ่งคนครับ หัวหน้าตอบพลางแสดงสีหน้าเหมือนกับไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

                    หมายความว่ายังไงครับ? ขาดหนึ่งเกินหนึ่ง? เขาถามอย่างงงๆ

                    คือ.....กมลรัตน์ไม่มาครับ แล้วก็มีเด็กใหม่เข้ามา ชื่อว่าพีรีกะครับเขาตอบ

                    ครับ ใครคือพีรีกะครับ? แนนำตัวหน่อยได้มั้ย? เขาหันมาถามนักเรียนในห้องหลังจากที่จดรายชื่อนักเรียนที่ขาดลงในสมุดแล้ว

                    พีรีกะลุกขึ้น เธอรู้ว่าอาจารย์คนนี่ชื่อว่าธีรวัฒน์ แบล็ค เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกาเพราะเธอเพิ่งหันไปถามทะเลมาไม่นานก่อนที่เขาจะเรียกชื่อเธอ เธอต้องการจะทดสอบเขาจึงพูดตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษอย่างชัดเจน ถ้าไม่ได้เห็นตัวคนพูดแล้วละก็ คนที่ได้ยินเสียงนี้จะต้องเชื่อว่าคนที่พูดนั้นเป็นคนอังกฤษอย่างแน่นอน

                    “I am! Pirika is myself ”

                เขาชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดตอบเธอเป็นภาษาอังกฤษเช่นกันนี่คือคำแปลบทสนทนาของทั้งสองคน

                    งั้นหรือครับ ชื่ออะไรครับ? แล้วย้ายมาจากที่ไหน

                    พีรีกะ อัลฟาเอลค่ะ ย้ายมาจากประเทศอังกฤษ

                    จริงเหรอครับ? อยู่เมืองอะไรครับ ครูก็เคยอยู่ที่นั้นเหมือนกันนะเผื่อจะอยู่ที่เดียวกัน

                    หรือคะ? หนูอยู่ลิเวอร์พูลค่ะ แล้วครูอยู่ที่ไหน?

                    ครูอยู่ลอนดอนครับ คนละเมืองกันนะ แต่ครูก็ไปที่ลิเวอร์พูลบ่อยนะครับ เพื่อนครูอยู่ที่นั้น

                    ค่ะ อ้อ! ครูคะหนูมีเรื่องจะถาม คือหนูสงสัยว่าทำไมครูถึงไม่พูดอังกฤษกับเด็กละคะ นี่มันวิชาภาษาอังกฤษนี่นา

                    อ๋อ.....ถ้าเรื่องนั้นละก็ เพราะว่า...... เขายังพูดไม่มันจะประโยคดี เสียงเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น

                    ครูครับ! พูดช้าลงหน่อยได้มั้ยครับ? แบบนี้มันก็รู้เรื่องกันอยู่สองคนสิ พวกผมแปลกันไม่ทัน

                    ธีรวิฒน์หัวเราะแล้วหันมาพูดกันพีรีกะเป็นภาษาอังกฤษอีกประโยคหนึ่งก่อนจะพูดภาษาไทยกับเด็กนักเรียนในห้อง

                    นี่แหละเหตุผลที่ว่าทำไมครูถึงไม่พูดอังกฤษ เอาละนั่งลงได้ครับ นักเรียนเปิดบทที่ยี่สิบสี่ครับเราจะเริ่มเรียนกันแล้ว

                    ว่าแล้วเขาก็เริ่มสอนเด็กๆ พีรีกะนั่งเรียนจนหมดคาบแล้วก็คิดในใจว่า ภาษายังไม่ผ่าน ดาวนี้ถ้าจะไม่ไหว...แต่ก็ไม่แน่ วิทย์กับคณิตอาจจะผ่านก็ได้ มันต้องดูกันต่อไป ความคิดแบบนี้เธอหมายถึงอะไรกันแน่?

                                   

     

    นี่ๆพี เธอเก่งภาษาอังกฤษมากเลยนะ ยูหันมาคุยด้วย

                    หืม...นิดหน่อยน่ะ ก็เราอยู่อังกฤษมาตอลดนี่นา ว่าแต่เธอ…” เธอตอบพลางทำหน้างงๆว่าคนที่พูดด้วยคือใคร

                    อ๋อ!ลืมแนะนำตัวไปเลย เราพัชรา ชื่อเล่นว่ายู เธอนะนำตัวเอง พียังไม่มีหนังสือภาษาไทยใช่มั้ย?

                หนังสือภาษาไทย? เธอทวนคำแล้วหันไปเปิดกระเป๋าเป้ที่เธอนั่งพิงอยู่เพื่อลองหาดูก่อนจะหันมาตอบ อืม ยังไม่มี

                    เอาของเราไปดูก่อนมั้ยละ? คาบนี้เรากะไม่เรียน เพราะต้องรีบทำการบ้านเลขให้เสร็จเธอบอกพลางส่งหนังสือให้ พีรีกะรับไปดูก่อนถามขึ้นอีก

                    การบ้านเลขเหรอ? ขอดูหน่อยสิ เผื่อเราจะทำเป็น เธออาสา

                    ก็ได้ นี่จ้ะ ยูบอกแล้วหันไปหยิบสมุดวิชาคณิตศาสตร์มาส่งให้เพื่อนใหม่ เธอรับไปดูแล้วก้มลงไปหยิบดินสอในลิ้นชักออกมาเพื่อเตรียมตัวเขียนวิธีทำพลางคิดในใจ เลขก็ไม่เท่าไหร่.....ไม่ผ่าน ถ้าทางเราคงไม่มีธุระอะไรกับดาวนี้แล้ว พรุ่งนี้เตรียมตัวออกจากดาวได้

                    พีทำเป็นเหรอ? เก่งจัง ยูชมอย่างทึ่งๆ

                    อืม ก็ไม่ได้อยากอะไรนี่นา นี่ไงทำแบบนี้ ตรงนี้ก็ใช้สูตรนี้หาจะได้เท่านี้เธออธิบายให้ยูฟัง พลางคิดในใจอีกครั้ง จะบอกได้ไงละ ว่าพวกเราเรียนเรื่องพวกนี้จบไปตั้งนานมาแล้วน่ะ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะอยู่ๆก็ลืมสูตรที่จะใช้แก้โจทย์ข้อนี้ไปซะได้ เอ่อ...สูตรตรงนี้มันว่าไงนะ แย่จริง! ลืมไปซะได้ คงเพราะไม่ได้ทำนานเธอตำหนิตัวเองอย่างโกรธๆ

                    ************ยูพูดขึ้น ทำเอาพีรีกะหันมามองอย่างงุนงง

                    เมื่อกี้เธอว่าไงนะ ยู? เธอถามอย่างไม่เชื่อ

                    ************ไง ใช่สูตรนี้หรือเปล่า? เธอถาม พลางทำหน้างง เธอคงไม่เข้าใจว่าทำไมพีรีกะถึงได้งงกับคำพูดของเธอ

                    ชะ ใช่ว่าแต่....ทำไมละ เธอก็จำสูตรได้นี่นา ทำไมถึงทำไม่ได้

                    ฮ่าๆๆ เธอสงสัยเรื่องนี้เองเหรอพี? ทะเลที่นั่งข้างๆหัวเราะออกมาก่อนจะอธิบายให้เธอฟัง ยัยยูน่ะ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของแย่ยิ่งกว่าเด็กประถมซะอีก แต่เรื่องความจำน่ะ เป็นเลิศยิ่งกว่าใครในโลกเลยละมั้ง ยัยนี่น่ะ จำชื่อประเทศ เมืองหลวงหรือว่าชื่อเมืองของแต่ละประเทศในโลกได้ทั้งหมดเลย ถ้าจะแข่งจำกันละก็ เรามั่นใจเลยละ ว่าไม่มีใครชนะยัยนี่ได้หรอก

                เหรอ.... พีรีกะขานรับงงๆ ดาวดวงนี้...มีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิดแฮะ เธอคิด แววตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ราวกับเด็กที่ได้เข้าไปยังร้านที่เต็มไปด้วยกองภูเขาของเล่น

                    ไม่นาน เธอก็ทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ของยูเสร็จ พอธอส่งสมุดคืนให้ยูก็พอดีกับที่อาจารย์สอนภาษาไทยเดินเข้ามา เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วมใหญ่ คะเนอายุน่าจะประมาณ30ปลายๆ เมื่อพีรีกะแนะนำตัวอาจารย์เสร็จเธอก็ลงมือสอนไปจนหมดคาบ จากนั้นพวกนักเรียนต่างก็พากันทยอยออกจากห้องเพื่อไปพักเบรก

                    ไม่ไปเหรอพี? ทะเลถาม

                    ไปไหน? เบรคน่ะเหรอ?เธอถามกลับงงๆ

                    อืม ไปมั้ย? จะได้ไปด้วยกัน ยูเป็นคนตอบแทน

                    อืม....... เธอคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ ไป...ก็ได้

                    ทั้งสามจึงพากันเดินออกจากห้องเรียนไปยังโรงอาหาร ระหว่างทางพีรีกะเป็นจุดสนใจของทุกๆคนมาก เพราะเธอเป็นเด็กใหม่และด้วยรูปร่างที่เล็กเกินกว่าจะเป็นเด็กม.5กับผมสีน้ำตาลทองเหมือนย้อมของเธอทำให้เธอดูเด่นกว่าคนอื่นๆมาก

                    เล! เล! ทะเล!” เสียหนึ่งดังขึ้นทำให้ทะเลหันกลับไปมอง ก็เห็นคนที่เรียกชื่อเธอยืนหอบด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งไล่ตามหลังเธอมา เขาเป็นเด็กผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งสูงกว่าทะเลเล็กน้อย ผมสีดำตัดสั้นถูกระเบียบ เขาสวมเครื่องแบบนักเรียนม.ปลาย ที่คอเสื้อปัดดาวสามดวงแสดงให้เป็นว่าเป็นเด็กนักเรียนชั้นม.6

                    พี่วิทย์? เธอเรียกชื่อเขาด้วยความงง มีอะไรเหรอ?

                    ว่างหรือเปล่า? แก้โจทย์นี่ให้หน่อยสิ เขาพูดพลางส่งหนังสือที่หอบมาด้วยให้ มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับวิชาฟิสิกส์ระดับม.6เล่มหนา เธอรับไปแล้วแบมือขอปากกาจากวิทย์

                    พี่อยู่ม.6แล้วนะ เมื่อไหร่จะเลิกขอให้น้องม.5ทำการบ้านให้ซักทีเนี่ย? เธอบ่นพลางขีดเขียนข้อความลงในหนังสือเล่มนั้น

                    แหม.....ก็เลออกจะเก่ง ถ้าพี่ไม่ให้เลช่วยแล้วจะให้ใครช่วยละ ใช่มั้ย?เขาหันมาขอความเห็นจากยู แต่แล้วเขาก็ชะงักไปแล้วจ้องหน้าพีรีกะอย่างตะลึง

                    เป็นอะไรไปน่ะ พี่วิทย์? ยูถามงงๆเมื่อเห็นเขายืนค้างอยู่แบบนั้น

                    อะ เปล่าๆ ว่าแต่นี่ใครน่ะ น่ารักจัง เขาถามพลางมองไปที่พีรีกะไม่ว่างตา

                    เด็กใหม่ ชื่อพีรีกะ อัลฟาเอล ยูบอกแล้วหันไปนะนำวิทย์กับพีรีกะ พี นี่พี่วิทย์ วิทยา ประชาคม  อยู่ม.6

                    หวัดดีค่ะ เรียกว่าพีนะ เธอบอกแล้วยิ้มให้ ทำให้ใบหน้าที่ดูน่ารักอยู่แล้วยิ่งดูดีขึ้นไปอีก

                    อะ...เอ่อ...คะ ครับ วิทย์ตอบตะกุกตะกัก เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะพาลให้รู้สึกเหนื่อยเอาซะดื้อๆ เขาจึงรีบขอตัวกับทะเลทันที เล...เอ่อ....พี่กลับห้องก่อนนะ ทำเสร็จแล้วเอามาให้ที่ห้องด้วยละ ขอก่อนคาบหกนะ

                    ว่าแล้วเขาก็ก็รับวิ่งกลับห้องไปทันที เพราะถ้าเขายังยืนอยู่ที่นี่ต่อละก็ รุ่นน้องทั้งสามคนจะต้องเห็นใบหน้าขาวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงแน่ๆ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ที่สุด

                    ทะเลยกมือข้างที่ถือปากกาขึ้นท้าวสะเอว มืออีกข้างถือหนังสือเรียนวิชาฟิสิกส์ คิ้วเรียวสวยนั้นขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจกับการกระทำของวิทย์ สายตานั้นจ้องมองไปทางที่เขาวิ่งหายไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดหนังสือแล้วกลับหลังหันเดินไปอีกทางหนึ่ง

                    ไปกันเถอะพวกเรา อย่าไปสนรุ่นพี่พันธุ์นั้นเลย งานของตัวเองแท้ๆอุตส่าห์ทำให้แล้วยังต้องไปส่งให้ถึงที่อีก ทะเลบ่นอย่างเหลืออด

                เลทำเป็นด้วยเหรอ? นั่นมันของม.6นี่ พีรีกะถามงงๆ

                    หือ เป็นสิ อ๋อ...พีเพิ่งเข้ามาเลยไม่รู้สินะ

                    เลน่ะเป็นคนที่เก่งเรื่องพวกนี้มากเลยรู้มั้ย? ยูพูดแทรกขึ้น พวกเลขหรือวิทย์น่ะของชอบเขาเลยละ ทุกคนในโรงเรียนจะรู้จักเลในฐานะของเด็กอัจฉริยะทางด้านคิดวิเคราะห์ เพราะตอนเลอยู่ม.1น่ะเขาก็ทำโจทย์เลขกับวิทย์ของระดับม.6ได้สบายๆเลย พอขึ้นม.2ก็แก้โจทย์พวกคณิตศาสตร์บริสุทธิ์หรือฟิสิกส์ขั้นสูงได้ง่ายๆ เคยมี ด็อกเตอร์จากต่างประเทศมาเสนอให้ไปทำงานด้วยเลยนะ แต่ว่าเลไม่ไป

                จริงเหรอ? แล้วทำไมเธอถึงไม่ไปละ พีรีกะถาม แววตาส่องประกาตายแห่งความตื่นเต้นอีกครั้ง

                    ก็ถ้าเราไป เราก็ต้องไปอยู่ต่างประเทศจริงมั้ย? ก็ด็อกเตอร์คนนั้นเขาไม่ใช่คนไทยนี่ แล้วเราก็อยากอยู่กับยูด้วย เธอตอบ

                    แปลว่าพวกเธอรู้จักกันมานานแล้วสิ? พีรีกะลองเดาดู

                    อืม พวกเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กน่ะ คนตอบคือทะเล ว่าแต่เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ได้ทันพักเอา

                    ทั้งหมดจึงรับเดินตรงไปยังโรงอาหารเพื่อหาซื้อเครื่องดื่มเป็นการรองท้องก่อนจะได้พักเที่ยง ไม่นานทั้งสามก็กลับมานั่งอยู่ที่ห้องตามเดิม เพื่อนๆในห้องต่างให้ความสนใจกับพีรีกะมาก โดยเฉพาะพวกเด็กนักเรียนชาย ต่างพากันมารุมล้อมพีรีกะไม่ขาด แต่เธอก็ไม่แสดงให้เห็นว่าสนใจอะไรมากมาย ถามมาก็ตอบไป แล้วก็ยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทมากนัก หนำซ้ำยังแอบทำหน้าเบื่อๆตอนที่ไม่มีใครเห็นอีกต่างหาก

                    เมื่อเสียงเปิดประตูเลื่อนหน้าห้องดังขึ้น นักเรียนทั้งหมดก็พากันกลับไปนั่งประจำที่ เพื่อเตรียมตัวเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิชาที่ยูสุดแสนจะเกลียด เธอสามารถจำสูตรทั้งหมดได้ก็จริง แต่เธอกลับไม่สามารถนำมันมาประยุคใช้ได้ ทำให้เธอไม่สามารถทำโจทย์ข้อที่ต้องใช้การพลิกแพลงเพื่อหาคำตอบได้เลย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อทำแบบนี้แล้วถึงได้แบบนั้น แต่ที่เธอสามารถสอบเข้ามาเรียนในห้องคิงส์ได้นั้นก็เพราะความจำที่เป็นเลิศของเธอ เธอสามารถจำได้ข้อสอบได้ทุกข้อ และเธอจำได้ว่าถ้าถามมาแบบนี้จะต้องตอบแบบไหน คะแนนในการสอบเข้ามาของเธอจึงอยู่ในเกณฑ์สูงพอสมควรทีเดียว

                    ส่วนทางด้านของทะเล ความที่เธอเป็นอัจฉริยะทำให้ข้อสอบเข้าห้องคิงส์วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์นั้นดูเหมือนง่ายไปเลย เธอทำข้อสอบเสร็จก่อนเวลานานมาก และถูกเกือบทุกข้อ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าเธอคิดว่าการทำให้ถูกหมดทุกข้อมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติเกินไป แต่วิชาที่เธอทำคะแนนได้ไม่ดีนั้นก็มี มันคือวิชาเกี่ยวกับภาษา เธอไม่ถนัดภาษาเป็นที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาษาไทย พวกภาษาอังกฤษยังพอทน เพราะในการเรียนพวกวิชาทางวิทย์นั้นก็มีการใช้คำทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษหรือละตินอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับภาษาไทยนั้นเธอแทบจะไม่รู้เรื่องเลยเมื่อเรียนถึงเรื่องหลักภาษา เธอจึงไม่เข้าใจว่าทำไมยูถึงได้ชอบนักชอบหนากับวิชางงๆแบบนี้

                    การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในคาบนี้ทำให้ความสดในร่าเริงของยูหายไปหมดสิ้น เธอพยายามจะทำความเข้าใจกับการเรียนที่วีระ อาจารย์สอนคณิตศาสตร์กำลังสอนอยู่ แต่ก็ไม่รู้เรื่องสักที ทั้งที่เธอจำคำพูดของเขาได้ทุกคำพูด แต่พอลองทำโจทย์ที่เขาให้มา เธอก็มาสามารถทำมันออกมาได้ ทำให้เธอเครียตมาก จนหมดคาบยูถึงได้มีสภาพคล้ายกับคนใกล้ตาย

                    และแล้วการเรียนในวันนี้ก็จบลง สิ้นเสียงกล่าวคำขอบคุณของนักเรียน เสียงเอะอะก็ดังขึ้น เป็นการบอกให้รู้ว่า การเรียนการสอนภายในวันนี้จบลงแล้ว ระหว่างทางที่พีรีกะกำลังเดินลงจากอาคารเรียนเพื่อกลับบ้าน ทะเลและยูก็ร้องทักขึ้น

                    พี กำลังจะกลับเหรอ? ทะเลถาม

                    อืม แล้วพวกเธอยังไม่กลับเหรอ? เธอตอบแล้วถามกลับ

                    เดี๋ยวเอาของไปส่งครูก่อนก็จะกลับแล้วละ ว่าแต่บ้านพีไปทางไหนเหรอ? ยูถามบ้าง

                    เธอทำหน้านึกแล้วตอบว่า เราก็เรียกไม่ถูกแฮะ......ออกจากโรงเรียนแล้วเลี้ยวขวาน่ะ เธอพยามอธิบาย

                    อ๋อ ก็ไปทางเดียวกันน่ะสิ งั้นรอเดี๋ยวได้มั้ย? จะได้กลับด้วยกัน ทะเลเสนอ

                    พีรีกะนิ่งคิดก่อนจะตักสินใจตอบ ก็ได้ เดี๋ยวเรารออยู่หน้าโรงเรียนนะ

     

                    จากนั้นไม่นานพีรีกะสาวน้อยลึกลับก็มาปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้า-ออกของโรงเรียน เธอกำลังกดโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรออกไปหาใครบางคน

                    ครับกัปตัน!” เสียงผู้ชายดังมาจากปลายสาย

                    ทางนั้นเป็นไงบ้าง? ได้อะไรมาหรือเปล่า? เธอกรอกข้อความถามลงไป

                    ไม่ได้เลยครับ ท่าทางวิทยาการของดาวดวงนี้จะไม่เป็นประโยชน์กับเราเลย ทางที่ดีข้าว่าคืนพรุ่งนี้เรารีบออกจากดาวดวงนี้ก่อนดีกว่า ก่อนที่พวกมันจะตามมาถึง

                    แต่ข้าว่าอย่าเพิ่งดีกว่า เธอพูดยิ้มๆ

                    ทำไมละครับ ดาวที่ยังไม่ได้รับการบุกเบิกแบบนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นองกรของพวกเราจะลำบากนะครับ ปลายสายพูดน้ำเสียงกังวล

                    นั่นก็จริง แต่ดาวเล็กๆแบบนี้ก็มีอะไรน่าสนใจเกินคาดละนะ ถึงวิทยาการจะใช้ไม่ได้ก็ตามแววตาของพีรีกะส่องประกาย รอยยิ้มเยียบเย็บปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก

                    ทางกัปตันเจออะไรหรือครับ เขาถามน้ำเสียงตื่นเต้น

                    เจอสิ เด็กสองคนชาวดาวดวงนี้แหละพีรีกะบอก คนหนึ่งความสามารถในการคิดวิเคราะห์แทบจะติดลบแต่ความจำเป็นเลิศ อีกคนความสามารถด้านภาษาเกือบศูนย์แต่เรื่องคิดวิเคราะห์นั้นเป็นเลิศเท่าที่ดู ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ก็พอๆกับพวกชั้นปลายแถวของเราน่ะนะ หรืออาจจะดีกว่านิดหน่อย

                    งั้นหรือครับ เท่าที่ข้าดู เด็กที่มีความสามารถด้านการจำจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่านะครับ

                    มันก็ไม่แน่หรอก อาจจะมีประโยชน์เท่าๆกัน หรือไม่มีประโยชน์เลยก็ได้ ข้ายังไม่ได้ทดสอบดูให้แน่ใจ เอาเถอะ อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวก็รู้ผลแล้ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้านั้น

                    แล้วกัปตันจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ? เขาถามอีก

                    อีกเดี๋ยวน่ะแหละ อาจจะพาสองคนนั้นไปด้วย ยังไม่แน่หรอก แต่เปิดโฮโลแกรมเผื่อเอาไว้ก็ดี กันไว้ดีกว่าแก้ เธอสั่ง

                    ครับ! ข้าจะทำตามนั้น เขารับคำอย่างแข็งขัน

                    ดี งั้นแค่นี้ก่อนนะ พวกนั้นมาแล้ว เธอว่าแล้วกดปุ่มวางสายเมื่อเห็นร่างของทะเลและยูเดินเข้าใกล้

                    คุยกับใครอยู่เหรอ? ยูถาม

                    อ๋อ พี่ชายน่ะ เธอตอบสีหน้าเรียบเฉย

                    เอ๋! พีมีพี่ชายด้วยเหรอ? ยูถามอย่างงงๆ ทำเอาพีรีกะแทบสะดุ้ง เพราะเธอลืมไปว่าเธอบอกพวกเพื่อนๆในห้องว่าไม่รู้จักหน้าพ่อแม่แล้วจะไปมีพี่ชายได้ยังไง

                    อะ เออ เป็นพี่ชายบุญธรรมน่ะ เขาเป็นลูกของพ่อบุญธรรมที่รับเรามาเลี้ยง เธอตอบ แล้วแอบถอนหายใจ คิดว่าความลับจะแตกซะแล้วแต่ยังดีที่คิดข้อแก้ตัวได้ทัน

                    เหรอ?เธอบอกอย่างไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

                    จะไปกันหรือยังละ? ทะเลถามขึ้นเป็นเชิงเร่ง ทำให้ทุกคนออกเดินทางเพื่อกลับไปยังบ้านของตน

                    ระหว่างทางทั้งสามคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ เด็กสาวทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดและคำถามต่างๆที่หลุดออกมาจากปากของพีรีกะนั้นเป็นการทดสอบความสามารถของพวกเธอ ตอนนี้ในหัวของพีรีกะนั้นมีข้อมูลของทั้งสองคนอยู่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทั่วไป การคิดวิเคราะห์ การเอาตัวรอดหรือไหวพริบปฏิภาณ หรือแม้กระทั่งเชาว์ปัญญา เธอมั่นใจว่าเด็กสาวทั้งสองคนนี้จะเป็นประโยชน์กับเธอและพวกของเธออย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน หากพวกเธอเกิดต้องเป็นศัตรูกับเธอละก็ พวกเธอก็จะเป็นศัตรูที่ร้ายกาจและจัดการยากที่สุดเช่นกัน

                แต่โอกาสที่จะเป็นแบบนั้นมันก็น้อยนะ แต่ก็นั้นละใช่ว่าจะไม่มี ถ้าโอกาสยังไม่ถึงศูนย์ละก็ ไงๆก็ไม่ควรประมาท รีบลงมือก่อนดีกว่า เธอคิด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×