คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ในที่สุดก็..รุกฆาต
ตอนที่ 4: ในที่สุด .. ก็รุกฆาต
นี่เป็นอีกวันหนึ่งที่ฉันต้องขึ้นห้องเชียร์ด้วยอาการเซ็งสุดขีด ถ้าไม่ติดว่าอยากเห็นคุณพี่โอมซักแว๊บล่ะ ฉันจะไม่สนใจทำตัวดีขนาดนี้เลย ...
“มิ้งค์ แกขอชื่อพี่ๆ เสร็จรึยังอ่ะ” หญิงกล่าวขณะเรากำลังรอจะขึ้นเชียร์ในเวลาเฉียดตายเต็มที คือ อีก 10 นาทีก็ถึงเวลากำหนด...4โมงครึ่ง
การขอชื่อพี่ๆ เป็นการบ้านที่คุณพี่ว้ากสั่งไว้ ว่าให้ไปทำความรู้จักและขอลายเซ็นจากบรรดารุ่นพี่ ซึ่งก็ดีตรงที่ว่า ฉันได้รู้จักรุ่นพี่มากขึ้น ซึ่งหมายถึง...มีลู่ทางในการสืบเรื่องคุณพี่โอมได้มากขึ้น แต่ก็นะ.. จากการที่เด็กดีอย่างฉันทำการบ้านอย่างสม่ำเสมอก็พบว่า ดูแต่ละคนจะปิดปากเงียบเหลือเกิo -_-
“เสร็จแล้ว” ฉันตอบเนือยๆ พลางแง้มสมุดเชียร์ที่หนาแน่นไปด้วยลายมือหลากหลาย
“ฉันยังไม่เสร็จเลยว่ะ ขอลอกหน่อยดิ” ฉันยื่นสมุดเชียร์ให้มัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาอ่ะนะ ที่จะมีลอกการบ้านกันบ้าง หึหึ ^^
“เสร็จยัง จะสี่โมงครึ่งแล้ว เดี๋ยวโดนทำโทษ” ฉันเร่งยัยหญิง เพราะคนอื่นพากันทยอยขึ้นไปหมดแล้ว
“อือๆ “ หญิงลอกชื่อสุดท้ายลงในสมุดตัวเองจนเสร็จ
พวกเราก็เลยพากันวิ่งขึ้นไปห้องเชียร์ เพื่อนั่งพับเพียบเรียบร้อยรอรับถ้อยคำเชือดเชือนโวยวายจากว้ากมาเฟีย
ปัง
“เงียบกันได้แล้วครับ” เสียงตาว้ากกอริล่าอันเคยชิน ฉันเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมจะหาเรื่อง ...ก็แล้วพวกแกจะเข้ามากันเบาๆ บ้างเป็นมั้ย...ทำไมต้องปิดประตูกระแทกๆ ให้ฉันตกใจทุกทีเลยนะ -_-‘
แต่เอ๋ ไมตาว้ากกอริล่าที่เคยประจันหน้ากับฉันเสมอ เปลี่ยนเป็นหล่อลากซะขนาดนี้ อ๊ะๆๆๆ อ๊ายยยยๆๆๆๆๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันอยากจะกระโดด จุ๊บ พระเจ้าซะเดี๋ยวนั้น อ๊ากๆๆๆ เลือดกำเดาจะกระฉูด.. ที่วันนี้ฉันอาการหนักเสียขนาดนี้ก็เพราะ
พี่โอมของฉันย้ายมายืนอยู่ข้างหน้าอ่ะสิ โย่ว lol
ดูเหมือนว่าว้ากหน้าห้องจะย้ายไปอยู่หลังห้องกันหมดจากท่านั่งกระจ๋องง๋องในตอนแรก ฉันก็เลยเปลี่ยนเป็นยืดตัวตรง ปั้นหน้าจิ้มลิ้มรอการสบตาปิ๊งปิ๊งปิ๊งจากพี่โอม
“ผ่านไปอาทิตย์นึงแล้ว คุณก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย” คุณพี่เสียงเป็ด ที่ธรรมดาก็อยู่แต่ด้านหลังกับพี่โอมเอ่ยขึ้นก่อน
“เข้ามาแล้วจะอยู่กันเงียบๆ บ้างได้มั้ยครับ” เสียงน้าหอยเดดร็อคตะโกนมาจากข้างหลัง
“ผมไม่เข้าใจพวกคุณจริงๆ ว่าจะคุยอะไรกันนักหนา” กรี๊ดด..พี่โอมฉันมีบทแล้ว ฉันรับฟังเสียงนุ่มของพี่โอมอย่างยินดี
“มีพวกคุณกำลังยิ้มครับ” พี่เป็ดว่า ...และฉันคิดว่า นั่นคงเป็นฉัน ...ขอโทษนะเพื่อนๆ ที่ฉันทำให้ถูกทำโทษ T^T
“ผมเบื่อที่จะทำโทษพวกคุณแล้วนะ” พี่เป็ดลุยต่อ
“cheer ka econ te .3..4” เสียงเพลง cheer ka econ te ถึงได้ดังกระหึ่มขึ้นมา เนี่ยแหละ วิธีการลงโทษของพวกว้ากมาเฟีย ลงโทษทีคอฉันแทบแตก ฉันตะโกนแว้กๆ ไปตามเพลงบูม
“พวกผมสั่งงานคุณไป ยังจำกันได้ใช่มั้ยครับ” ลุงหนวดแหกปากบอกหลังจากพวกรุ่นน้องน้อยๆ อย่างพวกฉันร้องเพลงกันจบ... หาเรื่องจะลงโทษพวกฉันอีกแล้วล่ะสิ
“หวังว่ายังไม่ลืมกันนะครับ” พี่กอริล่าตะโกนมาจากด้านหลัง เฮ้ย อยู่ข้างหลังก็เงียบปากไป อย่ามาแย่งซีนพี่โอมของฉันได้มั้ย =_=
“ฉะนั้น ผมขอทดสอบพวกคุณนะครับ” ตากอริล่าพล่ามต่อ
“ผมอยากจะรู้ว่าไอ้ที่พวกผมให้พวกคุณทำไปเนี่ย จะเป็นประโยชน์กับพวกคุณบ้างมั้ย” พี่โอมเก๊กเสียงขรึม
เอ๊ะ ว่าแต่ตะกี้ตากอริล่าบอกว่าจะทดสอบอะไรนะ ...ขาดคำพี่โอม พวกว้ากมาเฟียก็พากันเดินดุ่มเข้ามากลางวงพวกเรา ช่วยด้วยยยยย เขาจะฆ่าพวกหนู TOT
และพี่โอมก็เดินมาหาฉัน!!!! โอ๊ย!!! เลือดกำเดาจะไหล ได้ยืนใกล้กันอีกแล้วววว ...ฉันอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าความจริงพี่โอมก็ชอบไอ้หนูตัวเล็กอย่างฉัน ไม่งั้นจะเดินตรงแหน่วมาทางนี้รึ หึหึหึ...
“ขอสมุดเชียร์ครับ”
“ขอสมุดเชียร์ด้วยครับ” พี่โอมย้ำเป็นรอบที่สอง เพราะตะกี้ฉันมัวแต่มองหน้าพี่โอมเพลินไปหน่อย...ซึ่งถ้าเป็นปกติ ฉันคงทำหน้าแหยๆ ยิ้มแห้งๆ ให้ แต่ในห้องเชียร์นี่ จำกัดกิริยาจนฉันทำได้แค่ยื่นสมุดเชียร์ให้พี่โอมดีๆ
นิ้วเรียวๆยาวๆของพี่โอมเปิดไปหน้าที่ฉันขอชื่อบรรดารุ่นพี่ไว้ ..อืม..มือสวย นิ้วเรียวดีจัง -.,-
“พี่ไผ่ ปี2 เป็นยังไงครับ”
“เอ่อ สูงๆ แล้วก็หัวตั้งๆ ตัวบึกๆค่ะ ” อ่อ หน้าดูโรคจิตด้วย ฉันต่อในใจ
“แล้ว พี่กฤษณ์ ปี 4 ล่ะ”
“ใส่แว่น ตัวคล้ำๆ สูงไม่มาก พูดเก่ง” ตาคนนี้ฉันจำแม่น เพราะให้ข้อมูลเกี่ยวกับพี่โอมเยอะพอดู (เยอะพอดูที่ว่า นี่คือแค่บอกว่าอยู่ปี2 นิสัยดี แต่ติดกวนๆหน่อย)
พี่โอมของฉันดูพอใจในคำตอบ เขาเตรียมปิดสมุดเชียร์ลง แต่...ชะงัก
....เฮือก.... o_o ฉิบหายแล้วไงฉัน
ฉันนึกได้ว่าเขียนชื่อพี่โอมตัวเบ้อเริ่ม พร้อมรูปหัวใจที่ระบายด้วยสีแดงสดไว้ตรงปกหลัง เด่นมาก มองไม่เห็นตาบอดสีแหง ซวยแล้ว....ฉันแทบอยากจะโขกกระโหลกตัวเอง เพราะกลัวพี่โอมจะว่า
แต่แล้วพี่โอมก็อมยิ้ม --กลัวจะหลุดขำรึไงไม่รู้ แล้วก็ยื่นสมุดเชียร์กลับมาให้ หน้าเขาโน้มลงมาใกล้กับหน้าฉัน... ฉันห่อตัวลงเพราะกลัวจะโดนด่า
“ต๊องนะเรา” พี่โอมกระซิบเบาๆ
----กึ่ก----
หัวใจฉันตกใจ...แทบหลุดออกมาจากอก
----กึ่ก----
ยังเขินไม่หาย ทำไมต้องก้มลงมาใกล้ๆ อย่างนี้ด้วยเนี่ย และ------เลือดกำเดาก็ไหลออกมาจริงๆ (-.,-)
อี้ๆๆ น่าอายอีกแล้ว ทำไมพออยู่ใกล้ๆ พี่โอมที่ไร ฉันจะต้องหลุดอาการทุเรศแบบนี้ทุกทีเลยนะ
ฉันคิดได้แค่นั้นก็เป็นลมไป...โดยไม่ลืมที่จะล้มใส่พี่โอม เหอ เหอ
ยี้ ทำไมกลิ่นตัวพี่โอมถึงได้เปลี่ยนมาเหม็นซะขนาดนี้นะ ฉันพยายามส่ายหน้าหนีกลิ่นเหม็นๆ ที่โชยอยู่ตรงหน้า กลิ่นนั่น ก็ไม่ยอมหายไปเสียที ฉันจึงต้องปรือตาขึ้นมองอย่างลำบากลำบน
“อ้าว น้องมิ้งค์ฟื้นแล้ว”
กลิ่นแอมโมเนียนี่เอง ฉุนชะมัด ฉันกะพริบตาทีสองทีเพื่อปรับโฟกัสให้รับภาพตรงหน้า ฉันถึงรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในห้องเรียนอีกห้องหนึ่งข้างๆ ห้องเชียร์ ซึ่งถูกจัดไว้สำหรับพยาบาลน้องๆ ที่เป็นลม หรือว่าเกิดชักแด่กๆ ขึ้นมา อืม...ฉันตั้งสติอันงุนงงของตัวเอง...ตะกี้ ฉันเป็นลมนี่นะ (ก็ที่เลือดกำเดากระฉูดแล้วล้มใส่พี่โอมที่แสนน่ารักของฉันน่ะแหละ) นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ฉันต้องนั่งอยู่ในห้องพยาบาล...โดยเฉพาะ ...เพราะว่าเลือดกำเดาไหล
โอ้วววว อัปรีย์สุดๆ
“ดีขึ้นรึยังคะ” พี่คนเดิมกล่าวขึ้นมาอีก
“ก็โอเคแล้วค่ะ” ฉันผ่อนลมหายใจหนักๆ รู้สึกโล่งๆ จมูกแปลกๆ แฮะ
“พี่ชื่อกวางนะจ๊ะ อยู่ปี 3 จ๊ะ น้องมิ้งค์ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ค่ะ” เอ๋? เดี๋ยวนะ กวาง...ชื่อคุ้นๆ แฮะ ...ถ้าฉันจำไม่ผิด...พี่กวางนี่ต้องเป็นเพื่อนพี่โอมแหงเลย (ซึ่งฉันก็ต้องจำไม่ผิดอยู่แล้วแหละ เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่โอมของฉันนี่ หึหึ)
“นี่ น้องมิ้งค์หายแล้ว จะเข้าไปต่อข้างในเลยมั้ยจ๊ะ” พี่กวางตั้งคำถาม
“ได้ค่ะ” ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้น โดยมีพี่กวางคอยประคองอยู่ข้างๆ
“เอ่อ พี่กวางรู้จักพี่โอมมั้ยคะ” ฉันยิงคำถามออกไปทันทีโดยไม่ให้พี่กวางได้ทันตั้งตัว
“จ๊ะ” พี่กวางตอบยิ้มๆ
“ใช่พี่ว้ากตัวสูงๆ ป่าวคะ” ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ค่ะ ก็คนที่หิ้วน้องออกมาแหละ” พี่กวางตอบขำๆ ... ถ้าเปลี่ยนคำว่า หิ้ว เป็นคำว่า อุ้ม จะดูดีขึ้นมากเลยนะเนี่ย แต่ฉันก็ยังขอบคุณพี่กวางอยู่ในใจ ที่ไม่ใช้คำว่า ลาก
“เออ พี่กวางคะ พี่โอมเค้ามีแฟนป่าวคะ” ฉันถามออกไปโต้งๆ พลางนึกด่าในความปากไวของตัวเอง
”น้องอยากรู้ก็ไว้ถามพี่โอมเองสิ” พี่กวางบอกยิ้มๆ พลางพยายามดันตัวฉันไปในห้อง...ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจตอบเลยแฮะ...
แต่อย่านึกน้า ว่าหนูมิ้งค์ไม่กล้า เดี๋ยวแม่จะตะโกนถามกลางห้องเชียร์ซะเลยนี่.. ฉันคิดอย่างมาดหมายก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในห้องเชียร์ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนอีกครั้ง
"วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมครับ ยังมีพวกคุณทำผิดกันอยู่ ทั้งแอบยิ้ม แอบคุย แอบด่าพวกผมในใจ...อะฮึ่ม..." พี่กอริล่าสะดุดนิดนึง เหมือนรับรู้ได้ถึงกระแสการพยักหน้าบางๆ ของเหล่าน้องๆ
"อย่านึกว่าพวกผมไม่รู้กันนะครับ" พี่ว้ากอีกคนก็พูดขึ้นมาบ้าง
"ผมคิดว่า พวกผมคงต้องลงโทษพวกคุณกันบ้างแล้ว" ตาว้ากอีกคนบ่น พร้อมส่ายหน้าฟึดฟัด
“มีใครรู้ตัวว่าทำผิดอะไรก็รีบๆ ลุกขึ้นนะครับ” น้าหอยตะโกนบอกเสียงโหดขัดกับหน้าตาและทรงผม ขณะที่ฉันนั่งจ้องหน้าพี่โอมอยู่เพลินๆ ...โอยยย ช่างขัดบรรยากาศอันงดงามของฉันเสียจริง ไม่ได้ดั่งใจเลย ><
“ผมไม่อยากจะชี้ตัวนะครับ ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด” พี่โอมของฉันกล่าวเสริม บรรดาน้องๆ ที่กำลังนั่งพับเพียบเรียบร้อยกันอยู่จึงเริ่มส่งเสียงหึมๆ อย่างกับผึ้ง
“ไม่อนุญาตให้คุยกันครับ” ตาคุณพี่กอริล่าตะโกนขัดขึ้นมาทันที
“BAKA พร้อม 3 ...4“ ลุงหนวดสั่งลงโทษพวกฉัน...ให้แหกปากร้องเพลงอย่างจำใจ
โอยยย คอแตกอีกแล้วฉัน -_-
“อีกครั้งนะครับ ใครที่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดลุกครับ” น้าหอยเอ่ยขึ้นมาอีก....แล้วทำอะไรผิดล่ะ ก็บอกมาหน่อยสิ ฉันนึกเคืองๆ
พี่โอมก็หันมาสบตากับฉัน...พยักหน้ามาหงึกหงัก ฉันก็เลยพยักหน้าตอบไปหงึกหงักเหมือนกัน อย่าหาว่าโง่เลยนะ...เขาหมายถึงอะไรเหรอ ใครบอกฉันได้บ้าง
เมื่อดูท่าว่าฉันจะไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ คุณพี่โอมก็เลยเดินมาทางฉัน
“ทำผิดก็ลุกครับ” พี่โอมพูด....กับฉันเหรอ? ฉันคิดงงๆ แต่ก็ยังลุกขึ้น ....ฉันทำผิดอะไรเนี่ย
“แล้วเย็นนี้อยู่ดึกด้วยครับ” ฉันกลอกตาไปมา แล้วก็นั่งกลับลงไปด้วยอาการที่เรียกได้ว่าเอ๋อหนัก
ไอ้ที่ว่าอยู่ดึกเนี่ย คือการถูกลงโทษอย่างหนึ่ง ที่บรรดาว้ากมาเฟียเรียกเพราะๆ ว่า "พูดคุย" ฉันจำได้ว่าเพื่อนฉันเคยโดนเรียกไป "พูดคุย" ร่วม 3 ชั่วโมงมาแล้ว - - ' นี่ฉันไปอะไรที่เรียกว่าผิดนะ...หรือว่าผิดที่ทำเลือดกำเดาแตกใส่พี่โอม หวังว่าฉันคงไม่โดนทำโทษหนักขนาด 3 ชั่วโมงนะ.....
“นอกนั้นกลับบ้านได้ครับ” คุณพี่กอริล่าสั่ง ราวกลับปลดปล่อยเหล่านักโทษออกจากที่คุมขัง เพื่อนๆ ฉันถูกปล่อยเดินออกไปทีละแถวๆ ทิ้งฉันไว้กับเพื่อนอีกกลุ่มเล็กๆ ที่ถูกลงโทษด้วยเหตุผลต่างๆ กัน
“คุณมาทางนี้ครับ” พี่โอมเดินมาเรียกฉันเหมือนคุณครูที่เดินมาตามเด็กนักเรียนคนนึงไปลงโทษ ซวยก็ตรงที่
ฉันดันเป็นเด็กคนนั้น ToT
ฉันมองตามเพื่อนที่ถูกจับแยกไป “พูดคุย” ตรงโน้นตรงนี้ กับพี่ว้ากมาเฟียคนอื่นๆ แล้วจึงเดินตามหลังพี่โอมไป แผ่นหลังพี่โอมนี่ กว๊างกว้าง... ง่ะ ฉันคิดเพ้อเจ้ออะไรออกไปเนี่ย ฉันสลัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดกระเจิดกระเจิงของตัวเอง
ระหว่างที่ฉันสะบัดหัวไปมานั่งเอง พี่โอมก็หยุดกึ่ก และฉันก็ชนอั่ก
"โอ๊ย"....อีกแล้วเหรอเนี่ย >_< แง้ๆๆๆๆ สะเหร่อ อีกแล้วฉัน
"หึหึหึ"
อ่ะ พี่โอมขำฉันเหรอ พี่โอมหัวเราะเยาะฉัน .. ดีใจจังเลย lol หลังกว้างๆ ของพี่โอมสั่นหงึกๆ อย่างหยุดไม่อยู่ หลังจากพี่โอมรวบรวมสติสตังตัวเองกลับมาได้ ก็หันมาประจันหน้ากับฉันด้วยมาดที่เคร่งขรึมเหมือนเดิม
“คุณรู้รึยังว่าคุณทำอะไรผิด” พี่โอมพูดขึ้นหลังจากทิ้งช่วงอยู่นาน...และ-----ฉันเพิ่งจะสังเกตว่า ขณะนี้ฉันกำลังอยู่ตามลำพังกับพี่โอม!!!! ...อุอุ โดนลงโทษก็ดีแฮะ
“ไม่ทราบค่ะ” ฉันตอบไปตามตรง สายตาไม่ยอมละจากหน้าพี่โอม ก็ได้ยืนใกล้ๆ ตามลำพัง กันแบบนี้มันไม่ได้มีบ่อยๆ นี่
“ทำไมคุณไม่สนใจฟังพวกผมพูด รู้มั้ยว่าที่พวกผมพูดน่ะ ก็หวังดีกับพวกคุณทั้งนั้น” ...จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ ก็คุณพี่โอมมายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้า ฉันจะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปฟังอะไรได้ล่ะ ไม่ได้เข้าใจกันบ้างซะเลย T-T
“ค่ะ” ฉันไม่รู้จะตอบอะไรที่ดีกว่านี้..ดูไม่มีสมองเลยแฮะ
“คุณมีปัญหาอะไรรึป่าว ทำไมถึงนั่งเหม่อตอนอยู่ในห้องเชียร์” พี่โอมถามเสียงเข้ม ฉันเพิ่งรู้สึกว่าพี่โอมแอบขี้เก๊กเหมือนกันนะเนี่ย
“ไม่ได้เหม่อค่ะ แต่มัวแต่มองพี่โอมอยู่” คำตอบของฉันทำให้พี่โอมชะงักกึ่กไปได้แว๊บหนึ่ง ก็เงี้ยแหละ ไอ้คำพูดคำจาที่ชอบผ่ากลางปล้องของฉันมักจะทำให้คนเอ๋อเหวออย่างนี้เสมอ
“ทำไมต้องมอง” พี่โอมเก๊กเสียงจริงจังตอบกลับมา ...ฉันรู้สึกว่าพี่โอมเขินนะ ...ฉันเลยทำจริงจังตอบกลับไปบ้าง
“ก็พี่โอมน่ารักไงคะ”
ก็พี่โอมน่ารักไงคะ ก็พี่โอมน่ารักไงคะ ก็พี่โอมน่ารักไงคะ.......ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงแอคโค่สะท้อนไปสะท้อนมาระหว่างตัวฉันกับพี่โอม
“พี่โอมมีแฟนรึยังคะ” ฉันรุกต่อ
“ยัง เอ่อ อะไรนะ” พี่โอมตอบมาในขณะที่ยังอึ้งๆ อยู่
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ายิ้มๆ มองซ้าย----ไม่มีใคร มองขวา----ก็ยังไม่มีใคร
ฉันเลยอาศัยจังหวะที่พี่โอมกำลังมึนๆ อยู่นั้น ฉันก็...ยืดตัวเตี้ยๆของฉันขึ้น และ อืม ไม่ถึงแฮะ ไม่เป็นไรกระโดดก็ได้
ใช่ล่ะ
ฉันกระโดดหอมแก้มพี่โอม
กรี๊ดดดดดดดๆๆๆๆๆๆ รู้สึกดีจังเลย
ฉันช้อนตามองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น...พี่โอมที่กำลังยืนหน้าแดงจัดและพยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นมิ้งค์กลับนะคะ” ฉันกล่าวเบาๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างมีความสุข
ความคิดเห็น