คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตามล่าพ่อตัวโย่ง
ตอนที่ 2: ตามล่าพ่อตัวโย่ง
โอ๊ย ซวยฉิบๆๆ ทำไมฉันถึงซวยมันตั้งแต่เช้าอย่างนี้นะ จะอะไรซะอีกล่ะ ก็นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมของฉันมันดันเกิดอยากอู้ไม่ทำงานขึ้นมาซะงั้น นี่มันจะแปดโมงเช้าแล้วด้วย ชีวิตนี้ฉันจะต้องสายตลอดเลยเหรอเนี่ย ฉันยืนแปรงฟันพลางระลึกชาติไปถึงสมัยที่ยังเป็นวัยสะรุ่นกว่านี้ ที่ต้องไปเข้าแถวอยู่หน้าห้องพร้อมเพื่อนหน้าตาจืดๆ พอกันอีก 4-5 คน...ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ มองพวกเราเป็นจุดเดียว...เพราะเรากำลังถือป้ายว่า
หนูมาสาย หนูนิสัยไม่ดี
TOT มหา’ลัยมันคงไม่มีแบบนั้นแล้วใช่มั้ยยยย...
6 นาทีต่อมา ไม่ขาดไม่เกิน ฉันวิ่งหอมฉุยกลิ่นสบู่กระจายออกจากห้องน้ำ เอาเถอะน่า ให้อภัยนางเอกคนนี้หน่อย ล้างสบู่ไม่หมดก็ดีกว่าไม่ได้อาบน้ำน้า
ฉันพยายามเร่งตัวเองยิกๆ ขณะกำลังสวมถุงเท้าบางสีขาวให้ตัวเอง และเหลือบมองไปยังนังเปปเปอร์มิ้นต์...ไม่ใช่ชื่อหมานะ แต่มันเป็นชื่อยี่ห้อของรองเท้าสีขาวไร้ส้น ที่จอดรอฉันอยู่หน้าบ้านน่ะ ... ฉันต้องใส่มันจริงๆ ใช่มั้ย ฉันมองมันอย่างชั่งใจ ..ทำไงได้ล่ะ เครื่องแบบเด็กปี 1 มันก็เงี้ย...จำกัดส่วนสูงกันสุดๆ แง่งงงงง
“มิ้งค์ยังไม่ไปอีกเหรอลูก” พ่อฉันส่งเสียงตะโกนไล่ฉันจากอาการพิรี้พิไร ดูสิ ทีปลุกล่ะไม่ยอมปลุก แล้วทีอย่างนี้จะมาเร่ง ...
“ไปแล้วๆจ้า”
“ไหนบอกว่ามีเรียน 9 โมงไง 8 โมงแล้วยังไม่ออกจากบ้านอีก” พ่อฉันบ่นพึมพำกับความไม่รับผิดชอบของฉันอยู่ในครัว...
“ก็จะไปเดี๋ยวนี้ไง ออกเดี๋ยวนี้แหละ” ฉันวิ่งจี๋ออกจากบ้าน ไม่ฟังเสียงบ่นถัดมาของพ่อ อีก 10 นาทีต่อมาฉันก็ขึ้นไปนั่งบนรถเมล์จนได้ ความจริงออกจากบ้านสายก็ดีอยู่อย่าง ขึ้นรถเมล์ทีไรฉันได้นั่งทุกที ^o^
อืมมม.. แป้งก็เรียบร้อยนะ คงไม่วอกหรอก วันนี้ลองปัดบรัชออนเป็นครั้งแรกในชีวิตจะงิ้วมั้ยนะเนี่ย -_- ..ลิปกลอสก็ทาแล้ว ผมเผ้าก็โอเค ฉันพยายามตรวจเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าวันนี้ ..(เป็นแค่ ”ถ้า” อ่ะนะ).. ถ้าฉันมีโอกาสได้เจอพี่โย่งอีก
ฉันจะได้ไม่โทรมไง แหม ก็ต้องแก้ตัวกันหน่อย เมื่อวันแรกพบ ฉันว่าสารรูปฉันคงเหมือนเพิ่งวิ่งหนีผีทั้งโขยงมาอ่ะ ในที่สุด ฉันก็มาถึงมหา’ลัยจนได้ ฉันก้าวลงจากรถเมล์ด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย
“แหมะ” น้ำอะไรตกใส่หน้าฉันเนี่ย?
โอ๊ย O_o พระเจ้ากลั่นแกล้งกันสุดๆ ทำไมฝนต้องตกด้วยยยยย
แล้วไอ้หน้าที่เพียรโบ๊ะมาแต่เช้าเนี่ย จะเหลืออะไรมั้ย T^T
ขณะที่ฉันกำลังร่ำร้องอยู่ในใจ ฟ้าดินที่ดูจะเลิกปราณีฉันไปนานแล้ว ก็กระหน่ำฝนล็อตใหญ่ลงมาอีก ฉันวิ่งหัวซุนเข้าไปหลบตรงป้ายรถเมล์ที่เพิ่งเดินจากมา ถึงได้สังเกตว่ามีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว...
ง่ะ คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกนะ ชีวิตฉันคงการ์ตูนมากไปถ้าพี่โย่งเกิดบังเอิญมานั่งหลบฝนอยู่ตรงนี้ ฉันพยายามมองเสี้ยวหน้าที่ก้มต่ำอยู่ และ..เขาคงรู้ตัวแหละ ว่าฉันแอบมอง เพราะเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน
ไม่ใช่จริงๆ ด้วยแฮะ
ขอสารภาพว่าเมื่อกี้ฉันหวังว่าจะเป็นพี่โย่งล่ะ -_-" ฉันนั่งแปะลงตรงที่ว่างใกล้ๆ กันเพื่อรอฝนหยุด ฝนไล่ช้างแบบนี้คงตกไม่นาน ฉันคะเนในใจ และถึงมันจะนาน ฉันก็ไม่บ้าฝ่าไปหรอก หึหึ
“ฮัลโหล หญิงถึงคณะยังอ่ะ” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาโทรฆ่าเวลา
“ถึงแล้ว นี่แกอยู่ไหน”
“ก็อยู่หน้ามหา’ลัยเนี่ยแหละ ฝนตกหนักมากกกกก”
“จะให้ออกไปรับมั้ย มีร่มนะ” หญิงเสนอมาด้วยความเป็นเพื่อนที่แสนดีของมัน แต่ฉันดูสภาพที่ตกหนักของวันนี้แล้ว...ไม่ไหวแน่ ฉันรีบปฏิเสธความหวังดีของมันไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องๆ หนักอย่างงี้ถึงมีร่มก็เปียกอยู่ดีแหละ ถ้าตอนเช้ามีไรก็ฝากแกด้วยแล้วกัน”
“เฮ้ย ไม่ต้องห่วง เนี่ยชั่วโมงแรกเค้างดพอดีเลย รู้สึกว่าอาจารย์ยังลัลล้าอยู่ต่างประเทศอยู่เลยว่ะ” หญิงพูดถึงชั่วโมง PRIN I เศรษฐศาสตร์จุลภาค ซึ่งเป็นชั่วโมงเรียนแรกของการเปิดเทอมของฉัน
“อ่ะจริงดิ” แล้วนี่ฉันรีบทำไมเนี่ย -_-
“เออๆ งั้นแค่นี้นะ thank u” ฉันกดตัดสายด้วยความสบายใจ ก็ไม่ต้องรีบแล้วนี่นะ...ฉันนั่งผ่อนอารมณ์อยู่ท่ามกลางสายฝนอย่างมีความสุข ฝนที่สาดเข้ามาถึงตัวนิดๆ ทำให้ฉันรู้สึกเย็นสบาย ถ้าไม่ติดว่ามีคนนั่งข้างๆ คงหลุดร้องเพลงไปแล้วล่ะมั้ง อิอิ
หืมม์ ผู้ชายคนนั้นเขาย้ายมานั่งซ้ายมือฉันตั้งแต่เมื่อไหร่นะ..ก็เมื่อกี้เขายังอยู่ขวามือฉันอยู่เลยนี่ ฉันมองไปทางขวามือฉันอีกครั้ง เอ๋ ยังอยู่ งั้นทางซ้ายก็เป็นคนอื่นมาใหม่น่ะสิ
“...แพร่ด...”
ฉันไถลจากเก้าอี้ลงไปกองกะพื้น
ก็.. ก็ นี่มันพี่โย่งอ่ะ พี่โย่งๆๆ แต่ฉันดันทำเรื่องน่าอายลงไปอีกซะแล้ว T-T ฉันรีบลุกขึ้นมือก็ปัดกระโปรงที่เปียกด้วยฤทธิ์น้ำฝน แล้วตั้งสตินั่งบนเก้าอี้ดีๆ อีกครั้ง...เมื่อกี้เขาเห็นมั้ยนะ มือก็กรีดกระโปรงพลีทที่สวมอยู่อย่างเป็นกังวล ทำไมฉันถึงเฉิ่มโบ๊ะอย่างนี้เนี่ย เฮ้อ
คงไม่หรอก เพราะพี่โย่งไม่เห็นจะสนใจชาวโลกเลย ฉันเหลือบมองพี่โย่งที่กำลังนั่งเหม่อมองไปยังอีกฟากของถนน .....เข้าไปทำความรู้จักก่อนจะดีมั้ยนะ?
ฉันสูดหายในลึกๆ ลงปอดเพื่อรวบรวมความกล้า
และพอรู้ตัวอีกทีก็มายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าเขาแล้ว
“สวัสดีค่ะ” ฉันทักออกไปด้วยเสียงสั่นๆ ด้วยความประหม่า
“อืม” พี่โอมช้อนสายตาขึ้นมาโฟกัสที่หน้าฉัน ก่อนจะรับคำในลำคอเบาๆ ...ฉันรู้สึกลำคอแห้งผากและจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่พักใหญ่เหมือนเห็นสายตาคู่นั้น
“วันนั้น..ที่มิ้งค์ชนพี่ที่หน้าคณะ ขอโทษด้วยนะคะ” ฉันพยายามเท้าความอย่างตื่นเต้น...พี่โอมจะจำฉันได้มั้ยนะ...มือไม้ที่มีอยู่ดูเกะกะชะมัด ฉันรวบมือไว้ด้านหลังเพื่อกันไม่ให้กวัดไกวมั่วซั่ว
“ครับ” ดูเขาไม่ค่อยเต็มใจคุยเลยแฮะ มนุษย์ผู้ชายเขาเป็นงี้กันหมดรึป่าวนะ ตะกี้ยังดูอารมณ์ดีอยู่เลยนี่นา..ฉันคิดอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามรุกคำถามต่อไป อ่ะนะ ไงๆ วันนี้ต้องรู้จักเขาให้มากขึ้น กว่า...คำว่า... ‘ผู้ชาย ตัวสูงๆ คนนั้น’ ...ให้ได้
“พี่เรียนเศรษฐศาสตร์ป่าวคะ”
“ครับ” พอพี่โย่งพยักหน้ากลับมาฉันก็ชื่นใจ เพราะอย่างน้อยก็เรียนที่เดียวกัน ^^
“แล้วพี่ชื่ออะไรอ่ะคะ” ฉันรุกต่อ แต่เขากลับไม่ตอบ พี่โย่งเหล่ตามองฉันดุๆ ผ่านแว่นกรอบทองของเขา นี่ฉันทำอะไรผิดรึป่าวนะ ฉันเริ่มเสียความมั่นใจ ซึ่งเดิมก็มีน้อยอยู่แล้ว.....แล้วพี่โย่งก็ลุกพรวดขึ้นมา
“ฝนหยุดแล้ว ไปล่ะ” พี่โย่งกล่าวจบก็จะเดินหนีฉันไปอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ที่จะทิ้งฉันยืนเหวออยู่คนเดียวอ่ะ ฉันดูน่ารังเกียจนักรึไงฮะ
“แค่ถามชื่อแค่นี้ ทำไมถึงบอกไม่ได้อ่ะคะ” คราวนี้ฉันไม่ยอม ถือวิสาสะดึงแขนเสื้อเขาไว้ข้างนึง ฉันเห็นพี่โย่งทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะแกะมือฉันออกเบาๆ
“ไว้จะบอกแล้วกัน” พี่โอมยิ้มบางๆ ให้ฉัน แล้วก็เดินหนีฉันไปแล้ว...จริงๆ...
“ฉันไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมถึงบอกตอนนี้ไม่ได้” ฉันหน้ามุ่ยโวยวายอยู่กับหญิง เจี๊ยบ และตั๊ก หลังจากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด
“เค้าคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างแหละ ไงๆ เค้าก็สัญญาแล้วนี่ว่าจะบอก” ตั๊กให้เหตุผล
“ฉันน่ารังเกียจอย่างงั้นเลยเหรอ”
“บ้า แกก็น่ารักจะตาย” เจี๊ยบว่า ถึงจะเป็นแค่คำปลอบแต่ฉันก็พอใจอยู่ดี หุหุ ต้องการก็คำนี้แหละ
“ก็รู้อ่ะนะ ว่าฉันอ่ะต่างกะเค้ามาก แต่รุ่นพี่รุ่นน้องจะทำความรู้จักกันมันก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนนี่นา”
“ก็จริงนะ ...อืม แต่เค้าไม่บอกก็ไม่เห็นเป็นไรเลย.. เราไม่มีปัญญาสืบเอาเองรึไงล่ะ” หญิงกล่าวมุ่งมั่น พลอยปลุกฉันให้ตาลุกวาวไปด้วย
จริงของมันแฮะ ยังไงๆ พี่โย่งก็อยู่คณะเดียวกะฉัน แล้วไอ้คณะเล็กกระจิ๋วหลิวนี่ หาคนแค่คนเดียวคงไม่ยากเท่าไหร่หรอก
คิดได้อย่างนี้ วิญญาณนักสืบคินดะอิจิก็เข้าสิงร่างงามๆ ของฉันทันที แน่ล่ะ เป้าหมายแรกของคนที่ไม่ค่อยรู้จักใครอย่างฉัน
----- พี่โก้ -----
”พี่โก้คะ ขอคุยด้วยแว๊บได้ป่ะคะ” ฉันและเพื่อนๆ พร้อมใจกันส่งเจี๊ยบเข้าไปก่อน เพราะเห็นว่ามันแมนที่สุด ซึ่งคงพอจะดึงความสนใจของพี่โก้แกได้บ้างล่ะน่ะ เพี้ยง... ได้ผล!
“มีอะไรจ๊ะน้องๆ
น้องตั๊ก น้องเจี๊ยบ น้องหญิง แล้วก็..น้องมิ้งค์” พี่โก้เงยหน้าขาวๆ ขึ้นมองพวกฉันทั้งสี่
แล้วขานชื่อแต่ละคนอย่างคนความจำดี
“เอ่อ พี่โก้รู้จักพี่ที่ตัวสูงๆ ขาวๆ ใส่แว่นมั้ยคะ” ฉันรีบเข้าเรื่อง พยายามอธิบาย
“อ๊ายยยย... น้องจ๊ะ ไอ้อย่างที่น้องว่าเนี่ย มีในคณะเราเป็นโขยง เอาแคบกว่านี้นิดนึงได้มั้ยจ๊ะ” พี่โก้วาดมือวาดไม้ตอบกลับมาอย่างกับอยู่บนเวทีคาบาเร่ต์
“แต่คนนี้สูงมากเลยนะคะ” ฉันพยายามยกมือไปยังระดับความสูงที่กะได้คร่าวๆ .. นั่นหมายถึงฉันต้องยืดตัวขึ้นเลยนะ -_-
“เทียบกับน้องใครก็สูงมากทั้งนั้นแหละ” พี่โก้กวาดตามองฉันขึ้นลงช้าๆ ไม่เกรงอกเกรงใจ
...กรรมแล้วไง
“สูงสัก 180 กว่าๆ ได้อ่ะค่ะ นั่นน่ะค่ะ สูงกว่าพี่คนนั้นอีกอ่ะพี่โก้” ฉันไม่ยอมแพ้ ชี้มือชี้ไม้ไปทางหนึ่ง และพอกวาดสายตาไป ตาฉันก็ลุกวาว ..
“เฮ้ย! นั่นไง นั่นไงพี่ นั่งอยู่ตรงนั้นอ่ะ” ฉันรีบชี้มือไปยังกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ที่มุมตึก เมื่อเห็นพี่โย่งของฉันนั่งรวมอยู่ด้วย
“ว๊าย ตายแล้ว น้องจ๋า อย่าชี้ๆ” พี่โก้รีบปราม คว้ามือฉันไว้แทบไม่ทัน
“ทำไมอ่ะพี่” ตั๊กทำหน้างง ซึ่งฉันก็งงไม่แพ้กันแหละ
“เฮ้อ พี่ล่ะไม่อยากจะพูด แหม..แต่มันคันปากจริงๆ” พี่โก้ยึกยัก กระบิดกระบวนไปมา
“หน่าๆ บอกหน่อยนะคะ”
“เฮ้อ แต่อย่าไปบอกใครนะว่าฟังมาจากพี่” พี่โก้ว่า ทำสีหน้ามีลับลมคมใน พวกเราได้แต่พากันพยักหน้าหงึกหงัก ก้มหัวลงสุมๆ กันฟังบุรุษไร้แมนอย่างตั้งใจ
“พวกนั้นน่ะ เป็นมาเฟียประจำคณะ เรียนมาเกิน 4 ปีทั้งนั้น เห็นไอ้คนตัวใหญ่ๆ หนวดเฟิ้มนั่นมั้ย คนนั้นแหละตัวหัวหน้าเลย แถมบางคนนะน้อง ไม่ได้อยู่คณะเราด้วยซ้ำแต่ก็มานั่งกร่างอยู่ตลอด ที่เนี่ยไม่มีใครเค้ากล้ายุ่งด้วยหรอก” พี่โก้กระซิบกระซาบ
“ไม่จริงมั้งคะ” ฉันเริ่มหน้าแหย ที่มหาวิทยาลัย มันควรจะศิวิไลซ์ไม่ใช่เหรอ T^T
“อุ้ยย พี่จะโกหกน้องทำไมจ๊ะ นี่ เดี๋ยวเย็นนี้ก็รู้”
“มีอะไรเหรอคะ”
“ตายแล้วน้องหญิงลืมไปได้ยังไงจ๊ะ ก็ที่พวกพี่นัดน้องๆ ว่าต่อไปนี้ ต้องมีการทำกิจกรรมตอนเย็นกันทุกวันไงล่ะ ห้ามขาดเลยนะ ไม่งั้นพวกโหดพวกเนี้ย เอาตายเลย”
“เอ่อ แล้วตกลงพี่คนที่มิ้งค์ว่านี่ชื่ออะไรคะ”
“บอกไม่ได้ๆๆ..บอกไปพี่ก็ตายสิ น้องมิ้งค์ล่ะก็ หานรกมาจ่อขาพี่แล้วไง”
“บอกเถอะนะๆ “ พวกฉันช่วยกันคะยั้นคะยอ
“ไม่เอาน่าพี่ แค่ชื่อแค่เนี้ย”
“ใช่ค่ะ แล้วอีกอย่างหนูไม่ไปบอกใครหรอกว่าพี่เป็นคนบอก”
พี่โก้หันรีหันขวาง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก
“เฮ้อ...ก็ได้ๆ... อย่าไปบอกใครต่อนะ คนนั้นเขาชื่อโอม”
โอม โอม โอม
...เย้ๆ ในที่สุดฉันก็รู้ชื่อพี่โย่งแล้ว
ฉันดี๊ด๊าอยู่ในใจ
“โก้”
เสียงห้วนทรงอำนาจดังขึ้นมาจากข้างหลังพวกฉัน ขัดจังหวะอารมณ์เพ้อเจ้อของฉันเข้าจังๆ พี่โก้ที่กำลังเม้าท์กับพวกฉันอยู่ก็สะดุ้งเฮือก ยืดหลังตรงแหน่ว
กลุ่มที่สุมหัวกันอยู่เมื่อครู่ พาหันไปมองเจ้าของเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง ชายร่างใหญ่ หนวดเฟิ้ม ผมเผ้ารุงรังยืนถมึงทึงอยู่ ... หัวหน้าพวกโหดนี่
ตายล่ะ มันจะกินพวกฉันมั้ยเนี่ย แง่วๆๆๆ O_o/
“มาคุยด้วยกันหน่อยสิ” พี่โก้ทำหน้าแหยลุกตามไปอย่างว่าง่าย ก่อนไปยังคงไม่ลืมจะโบกมือบ๊ายบายกับพวกฉัน โธ่ พี่โก้ที่น่าสงสาร... พวกฉันมองตามพี่โก้ไปตาละห้อย
“เฮ้ย ไอ้มิ้งค์ นี่แกไปหลงรักมาเฟียคณะเนี่ยนะ” ตั๊กบ่น พลางหันมาทำหน้าสมเพชใส่ฉัน
“ฉันว่าแกเลิกเหอะ แค่แกเตี้ยซะขนาดนี้ก็หมดหวังแล้ว” หญิงว่า ฉันเลยหันไปมองมันเคืองๆ
ทำไมเพื่อนฉันไม่ให้กำลังใจกันเลยนะ
“ฉันว่าพี่โก้อาจจะโม้ก็ได้นะ ดูแกโอเว่อร์แอคชั่นนิดๆด้วย” เจี๊ยบวิเคราะห์
“ใช่ พวกแกเนี่ย อย่าเชื่อคนง่ายสิ ฉันว่ารอดูเย็นนี้ก่อนดีกว่า ว่าไอ้กิจกรรมตอนเย็นเนี่ย มันไปเกี่ยวกับพี่โอมของฉันตรงไหน”
“แหม ...พี่โอมของฉัน อ้วกๆๆ” เพื่อนฉันพากันทำเป็นอาเจียนเสียงขรม ก่อนจะหัวเราะกันใหญ่
...ฉันเหลือกตาขึ้นเซ็งๆ
โธ่เอ้ย ก็ไหนๆ อุตส่าห์สืบชื่อมาได้แล้วนี่นา ขอเรียกพี่โอมของฉันหน่อยก็ไม่ได้...
พี่โอมของฉัน พี่โอมของฉัน...
คิคิ น่ารักจะตาย
ความคิดเห็น