คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เพื่อนใหม่
ตอนที่ 12: เพื่อนใหม่
...ดุ่กดุ๋ย ดุ่กดุ๋ย นกกระปูดดูดฝิ่นควันฉุย...แมลงสาบอยากกินขนม อมลูกอมจะจนแก้มตุ่ย ควายตัวเมีย ออกลูกก็เป็นตัวเมีย อยู่มาตั้งนาน ออกลูกออกหลานก็เป็นเมีย.....
ฮุยๆเล่ฮุย ชะเอิงเอิงเอ่อเอิงเอย...นอยๆทิงนองนอย โย่วๆ แร๊พโย่วๆ
ฉันขุดเพลงประสาทๆ ขึ้นมาร้องปลุกปลอบกำลังขวัญตัวเอง -ร้องไป ร้องเข้าไป---- เผื่อจะกล้าสบตาพี่โอมบ้าง ToT -แกไม่ได้ทำผิดอะไรนะยัยมิ้งค์ ไม่ได้เป็นปอบด้วย ไม่เห็นต้องกลัวเลย ตอบไปเลยๆๆๆ ลิเกก็แล้ว แร๊พก็แล้ว
---------แต่ฉันยังนั่งมองมือที่ประสานกันอยู่ข้างหน้าของตัวเองเหมือนเดิม-------
5นาทีที่แล้ว
“อืม มากันเช้าจังนะ” พี่โอมทักพวกเราซึ่งหมายถึงพี่ติกับฉัน ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแสนจะธรรมดา จนฉันคาดเดาอารมณ์ความรู้สึกของเขาไม่ออก
“เออ ก็มาเช้าอย่างงี้มาหลายวันแล้วแหละ น้องมิ้งค์เขาตามจับพี่รหัสอยู่ บ้านกูกับน้องเขาก็ใกล้กัน กูก็เลยขับรถมาส่ง...นั่งก่อนสิ” พี่ติตอบไปอธิบายไปเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น พี่โอมก็ก้าวเข้ามานั่งตรงข้ามฉันกับพี่ติ...ในขณะที่ฉันยังนั่งนิ่ง...ไม่รู้ว่าพูดอะไรถึงจะเหมาะ
“เดี๋ยววันศุกร์ก็เฉลยสายรหัสอยู่แล้วทำไมต้องตามหาด้วยล่ะ เลิกเหอะ เหนื่อยเปล่าๆ พี่ว่ามิ้งค์จับไม่ได้หรอก”
“แน่อยู่แล้วจะจับได้ยังไง”
“อ้าว ไหงพูดอย่างงี้ล่ะ พี่ติ ก็เห็นสนับสนุนมิ้งค์ดีออก”
“พี่ขี้เกียจขัดใจครับ ก็มาไปงั้นๆแหละ” พี่ติจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะร่า ที่ทำให้บรรยากาศมัวๆ ในทีแรกคลี่คลายออกไปได้เยอะทีเดียว .. แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะหมดไปนะ
“แล้วเมื่อกี้...”
“เมื่อกี้ไม่มีไรนี่ ทำไมเหรอ” พี่ติขัดออกมาด้วยหน้าเหรอหรา ทั้งที่พี่โอมยังไม่ทันกล่าวจบ
“เปล่า กูก็รู้ว่าไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกว่า อย่าทำอะไรให้มันประเจิดประเจ้อนัก กูไม่ได้คิดแต่คนอื่นถ้าเขามาเห็นมันก็ไม่แน่ มึงไม่ได้เป็นฝ่ายเสียหายนี่ไอ้ติ” พี่ติเกาหัวกรากๆ ยักหน้ายักตาเป็นคำตอบ
“พี่โอมไม่ได้เข้าใจผิดแน่นะคะ”
“พี่ไม่ได้คิดไรไม่ดีอย่างนั้นหรอก ก็ไม่รู้จะคิดไปทำไม ยังไงๆ มิ้งค์ก็ชอบพี่นิ รึว่าไม่จริงล่ะ”
อึ่ก----
พี่โอมทำหน้าทำตาล้อเลียนฉัน คำถามของพี่โอมเหมือนกับจะสาปให้ฉันกลายเป็นหิน ...ตอบว่าใช่จะได้มั้ยเนี่ย...อายตายเลย ...กรี๊ดๆๆๆ ฉันหลบสายตาพี่โอมไปจ้องมือตัวเองแทน...ก็มันเขินนี่หว่า ทำไงดีฟะ (_-') ('-_) (_-') ('-_)
...ดุ่กดุ๋ย ดุ่กดุ๋ย นกกระปูดดูดฝิ่นควันฉุย...แมลงสาบอยากกินขนม อมลูกอมจะจนแก้มตุ่ย ควายตัวเมีย ออกลูกก็เป็นตัวเมีย อยู่มาตั้งนาน ออกลูกออกหลานก็เป็นเมีย.....
ชะเอิงเอิงเอ่อเอิงเอย...นอยๆทิงนองนอย โย่วๆ แร๊พโย่วๆ
ฉันขุดเพลงประสาทๆ ขึ้นมาร้องปลุกปลอบกำลังขวัญตัวเอง -ร้องไป ร้องเข้าไป ---- เผื่อจะกล้าสบตาพี่โอมบ้าง ToT -แกไม่ได้ทำผิดอะไรนะยัยมิ้งค์ ไม่ได้เป็นปอบด้วย ไม่เห็นต้องกลัวเลย ตอบไปเลยๆๆๆ ลิเกก็แล้ว แร๊พก็แล้ว
---------แต่ฉันยังนั่งมองมือที่ประสานกันอยู่ข้างหน้าของตัวเองเหมือนเดิม-------
“ว่าไงเรา” พี่โอมทวงคำตอบจากฉัน...ฉันก็ได้แต่ครางอือๆ อยู่ในลำคอ นี่ถ้ามุดไปใต้โต๊ะได้ นี่ทำไปแล้วนะเนี่ย ...อ๊ากกกกก เอานมกรอกปากให้ตายไปเลยดีกว่า >.<
“มึงอย่าไปแกล้งน้องเค้าดิ” โอ๊ะ...ฉันเกือบลืมไปเลยนะเนี่ยว่าพี่ติก็นั่งอยู่ด้วย...อายเขามั้ยล่ะนั่น ฉันฟังเสียงหัวเราะอย่างภาคภูมิใจของพี่โอมแล้วก็ได้คำตอบ...ไม่เลย พี่โอมแกไม่คิดจะอายเลย..ภูมิใจสุดๆ ซะด้วยล่ะมั้ง...ชิส์ (น่ารักจัง ^O^)
“อ้าว มิ้งค์ หวัดดี” ...เสียงนุ่มๆ หวานๆ หลอนๆ ขัดอารมณ์กระเจิดกระเจงของฉันเสียชะงัด ....โอย โหยหวนอะไรซะอย่างนี้....ไม่จริงน่ะ ฉันหันกลับไปมองพิสูจน์ประสาทหูของตัวเอง...มันจริงๆด้วย
“หวัดดีจ๊ะ จิ๊บ” ฉันตอบไปด้วยอาการหวาดระแวงเต็มที่ ยัยนี่จะมาไม้ไหนนะ
“พี่ๆ หวัดดีค่ะ” จิ๊บเลิกสนใจฉันแล้วหันไปไหว้พี่โอมกับพี่ติแบบชดช้อย--- ฉันคิดว่าฉันรู้แล้ว ว่ามันทักฉันทำไม
“เพื่อนมิ้งค์หรอ” พี่โอมหันมาถามฉันยิ้มๆ ...พี่คะ เห็นหน้าปูเลี่ยนปูเลี่ยนของมิ้งค์แล้ว ยังคิดว่ายัยนี่มันเป็นเพื่อนมิ้งค์อีกเร๊อะ T^T มันไม่ใช่เพื่อนฉันนนนนนน ขณะที่ฉันกำลังเถียงอยู่ในใจ ยัยจิ๊บ เพื่อนบังเกิดเกล้าคนใหม่ของฉันก็แย่งตอบขึ้นมา
“ค่ะ พี่โอม พี่ว้ากมานั่งอย่างนี้ ไม่เป็นไรเหรอคะ”
...เขามานั่งคุยกับฉันมันหนักกบาลจิ๊บรึจ๊ะ...
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่เดี๋ยวถ้าคนมากันเยอะๆ ก็ไปแล้วล่ะ นี่เพื่อนในกลุ่มมิ้งค์เหรอ”
“ค่ะ จิ๊บกับมิ้งค์สนิทกันมาก แล้วก็มักจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน” ไม่จริง มันโกหก ..........จิ๊บตอบเสร็จก็หย่อนก้นยานๆของมันลงข้างๆพี่โอม....ใครเชิญหล่อนนั่งห๊ะ..
“ชอบอะไรเหรอที่เหมือนกันน่ะ” พี่โอมซักอย่างสนใจ ...ถามได้ พี่โอมนี่...ก็พี่โอมไงล่ะ ฉันเมินหน้าหนีไปด้านหนึ่ง...ในขณะที่พี่ติ นั่งยิ้มๆ อยู่ข้างๆ...พี่ติก็รู้แหละว่าฉันกับจิ๊บห่างไกลจากคำว่าเพื่อนสนิทอยู่มากโข
“ก็ลองถามมิ้งค์สิคะ” จิ๊บหัวเราะเสียงคิกๆ ประจบพี่โอม ก่อนจะโยนขี้ก้อนโตมาทางฉัน
“ชอบตอแหลเหมือนกันมังคะ” ฉันพูดแล้วหัวเราะคิกๆ เลียนแบบมัน...เหอะ ไอ้หัวเราะเสียงเล็กๆ แบบเนี้ย ฉันก็ทำได้โว้ย ฉันปรายตามองไปทางจิ๊บ เราประสานสายตากันเหมือนประกาศสงครามพ่นสะตอระดับย่อม พี่โอมที่คงสงสัยว่า ฉันกับจิ๊บเป็นเพื่อนกันประสาอะไรเริ่มตีสีหน้างง
“พี่โอมดูสิคะ มิ้งค์นี่ไม่ดีเลย ชอบแกล้งอยู่เรื่อย...ความจริงเราเป็นเพื่อนที่รักกันจะตาย” จิ๊บกล่าวเสียงเล็กเสียงน้อยแสนจะน่ารัก แต่ฉันชัง ...ฮึ่ย แกสิตาย..
“แหม ฉันก็ชอบพูดเล่นอย่างนี้แหละ ทำเหมือนไม่เคยคุยกันไปได้...แล้วมาบอกว่าสนิท หึหึ.. อืม พี่โอมคะ...คนนอก เอ่อ คนอื่นน่ะค่ะ เริ่มมากันเยอะแล้วมิ้งค์ว่าพี่โอมไปอยู่หลังคณะดีกว่ามั้ยคะ มานั่งแถวนี้เดี๋ยวแมงวันแมลงหวี่มันจะมาตอม...”
“เออ กูว่ามึงไปนั่งโต๊ะมึงดีกว่า...กูเห็นหลังพี่คิงมึงไวๆ แล้วว่ะ” ฉันมองตามสายตาพี่ติไปก็เห็นตาคิงคองตัวยักษ์เดินดุ่มๆ เข้ามาจากหลังคณะ พี่โอมถึงยืดตัวขึ้นยืน
“งั้นไปล่ะ..ไปนะน้องมิ้งค์... อ่อ น้องจิ๊บด้วยครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” จิ๊บส่งยิ้มหวานๆ ให้พี่โอม แล้วเอ่ยรับคำเบาๆ T-T พี่โอมนะไปลามันทำไม ฮือๆๆๆ
“นี่ กลับโต๊ะไปซะทีสิ” ฉันฉะจิ๊บทันทีที่คล้อยหลังพี่โอมไม่นาน
“มิ้งค์ล่ะก็... ทำไมต้องพูดอย่างนี้ล่ะจ๊ะ” จิ๊บทำท่าว่าจะไม่เลิกราง่ายๆ .. แล้วมีหน้ามาพูดจาตัดพ้อฉันอีก...หึ ฉันว่าคงเป็นเพราะไอ้พี่ติ ที่ยังนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้คอยดูสถานการณ์การสู้รบของฉันอย่างมีความสุขน่ะแหละ...เห็นผู้ชายอยู่หน่อยเป็นไม่ได้เลยนะ...ยัยมนุษย์สองหน้า ฮึ่ม
“แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะจ๊ะ...ร้อยวันพันปีไม่เค๊ยจะใส่ใจเพื่อนที่แสนน่ารักคนนี้...พอวันนี้ล่ะ ปรี่เข้ามาทักเชียวนะ” ฉันยิ้มเชือดเชือนอย่างไม่ยอมแพ้....... ฉันก็สู้คน นะฉันก็สู้คน
“แหม มิ้งค์นะ..เราก็รู้ว่ามิ้งค์น่ะไม่ชอบหน้าเรา ตอนนั้นก็ทีแล้ว...มาว่าเราว่าไปแกล้งมิ้งค์ ทั้งที่เราไม่รู้เรื่องสักนิด ...ทีหลังเราไม่...” จิ๊บหยุดเล็กน้อยเพื่อกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อยพอน่ารัก ฉันมองกิริยานั้นพลางคิดว่าฉันจะเก็บไปใช้บ้าง...ทำหน้าอย่างงี้ดูรันทดเหมือนโอชินดี
“ทีหลังเราจะไม่มายุ่งกับมิ้งค์ให้มิ้งค์ไม่พอใจอีกก็ได้”
“เลิกตีหน้าเศร้าซะทีได้มั้ย”
“เอ่อ มิ้งค์ ไมไปว่าเพื่อนอย่างงั้นล่ะ”
“พี่ติ .. พูดอย่างงี้หมายความว่าไงห๊ะ พี่ติก็รู้ๆอยู่ ทำไมต้องไปเข้าข้างจิ๊บด้วยนะ”
“ก็เรานะ..” พี่ติออกปากเหมือนจะอบรมฉัน ..ไม่ทันที่ฉันจะหันไปด่า จอมมารจิ๊บก็ออกรับแทนฉันเอาซะเอง...แหม คนดี๊ คนดี ...ฉันฆ่าคนดีตายจะบาปหนากว่าปกติมั้ยเนี่ย
“พี่ติคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มิ้งค์เค้าก็เป็นอย่างนี้ ใจร้อน แล้วก็ไม่เคยเข้าใจจิ๊บเลย”
“มิ้งค์ ขอโทษเพื่อนซะ” =_= ...ถือดีอะไรมาสั่งฉันฮะ!!
“ไม่” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงปัดๆ พลางคิดว่าถ้าฉันไม่ยอมพูดสักอย่างใครก็มาง้างปากให้ฉันพูดไม่ได้
“มิ้งค์” พี่ติปรามด้วยสายตา แต่...มือเขากลับสะกิดๆขาฉันยิก...พยายามจะบอกอะไรนะ? -__- ฉันยิ่งเซ่อๆอยู่ด้วย .. ไม่รู้ๆ
“อะไร”
“เร็วซิ ขอโทษไปก่อนเถอะน่า” พี่ติกระซิบเบาๆ ...ฉันถึงผ่อนลมหายใจยาวๆ แบบต้องการการทำใจอย่างแรง ไม่เป็นไร ถือซะว่าเรอแล้วกัน เชอะ
“ขอโทษ”
....
...........
........
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ยังไงเราก็เพื่อนกัน” จิ๊บส่งยิ้มแม่พระมาทางฉัน ...ฉันเอียงหลบด้วยความว่องไว...ยาพิษเคลือบน้ำตาลชัดๆ
“อ้าว เพื่อนมานี่” พี่ติเอ่ยขึ้น
“ไงแก ได้นมมาอีกขวดแล้วเหรอ” ตั๊กส่งเสียงทักมาแต่ไกล โดยมีหญิงเดินตามมาไม่ห่างนัก และด้วยความที่ตั๊กกับหญิงเดินมาจากทางเดินปกติหน้าคณะ เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นจึงเห็นพวกมันพอดี
“มาพร้อมกันเลยเหรอ” ฉันพยายามสงบสติอารมณ์แล้วทักเพื่อนออกไปอย่างปกติสุดๆ...แต่ท้ายเสียงฉันก็อดสั่นนิดๆไม่ได้ ...ด้วยความโกรธที่ยังกรุ่นอยู่ภายใน
“เจอกันข้างหน้าน่ะ หวัดดีค่ะพี่ติ” หญิงบอก...ก่อนจะหันไปทักพี่ติที่ยิ้มร่ารับหญิงอยู่นานแล้ว... ฉันมองพี่ติอย่างหมั่นไส้ แหม มีความสุขเหลือเกินนะ..บังคับให้คนอื่นทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ แล้วทำไมถึงได้รับผลตอบแทนที่ดีขนาดนี้ก็ไม่รู้
“แล้วนี่ใครเนี่ย....อ้าว จิ๊บนี่เอง ไมมานั่งตรงนี้ได้ล่ะ” ตั๊กกล่าวด้วยความแปลกใจ มันมองหน้าฉันสลับกับจิ๊บไปมา
“นี่ดีกันแล้วเหรอ” หญิงถามหน้างงๆ
“จ๊ะ ในที่สุดมิ้งค์ก็เข้าใจเราถูกซะที ดีนะที่มีพี่ติช่วยพูดให้”----ฉันอยู่ในภาวะจำยอมย่ะ
“ดีๆ งั้นมาอยู่กลุ่มเดียวกันไปเลยมั้ยล่ะ ไงๆ พวกเราก็มีกันอยู่ 4 คนเอง” ตั๊กว่าดวงตาเป็นประกาย..ฉันรู้เลยว่ามันคิดถึงสมุดเลคเชอร์ที่แสนงดงาม ตัวหนังสือเป็นระเบียบเรียบร้อยของจิ๊บ อันเป็นที่กล่าวขานร่ำลือกันในหมู่เด็กปีหนึ่ง
“เอาสิ งั้นเดี๋ยววันนี้เรากับเหมียวย้ายมานั่งโต๊ะนี้เลยนะ”
“อืม ดีเลย ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้วล่ะ” ....จิ๊บ หญิงและตั๊กพยักหน้ารับคำกันไปมาอย่างแสนจะชื่นมื่น......-_-‘ ฉันเนี่ยแหละว่า.....จะมีใครช่วยถามความเห็นฉันมั่งได้มั้ย แล้วทีนี้จะทำไงดีฟะเนี่ย!!
หลังจากนั้น ฉันลากพี่ติถูลู่ถูกังมาในมุมลับตาคน มองซ้ายมองขวาอยู่พักใหญ่ ก็ต่อยอั๊กเข้าให้ที่ท้อง...
“เฮ้ย มาต่อยพี่ทำไม” พี่ติเอามือลูบๆ ที่ท้องตัวเองอย่างสำออยสุดๆ ฉันรู้ว่าไม่ได้เจ็บนักหนาหรอก ฉันต่อยไปเบาๆ เท่านั้นเอง -_-
“ยังมีหน้ามาถามอีก ก็พี่ตินะ บังคับให้มิ้งค์ขอโทษจิ๊บทำไมอ่ะ”
“อ้าว ก็เราอ่ะ ไม่ได้รู้จักวางแผนอะไรบ้างเล๊ย...มุทะลุกลางปล้องตลอดแล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จะได้เรื่องได้ราวฮะ”
“ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวก็ดีแล้ว...ดูสิ ทำดีกับมันแล้วไง ได้เรื่องได้ราวสมใจเลยเห็นมั้ย...มาอยู่กลุ่มเดียวกันอย่างนี้ พอดี หลังมิ้งค์พรุนไปด้วยมีด” ฉันคิดถึงการเลี้ยงงูเห่าตัวน้อยแสนน่ารักอย่างจิ๊บไว้ข้างตัวแล้วสยดสยอง...นี่ อีกหน่อยพี่โอมต้องชอบจิ๊บแน่เลย...ออกจะเรียบร้อยน่ารักซะขนาดนั้น...เทียบกับฉันที่ปากพุดเดิ้ล สุดๆแล้ว...ฮือๆๆๆ
“เฮ้อ แล้วใจร้อนไปว่าโน่นว่านี่เค้าน่ะ เคยชนะมั้ย”
.... ไม่เคย ....
“ไม่รู้ล่ะ เพราะพี่ติแหละ ก็มิ้งค์ไม่ชอบๆๆ ง๊ะ”
“ใจเย็น ดิ อยากแก้แค้นก็ใจเย็นๆ เดินเกมดีหน่อย ...มิน่าถึงเล่นหมากรุกแพ้”
“เกี่ยวอะไรกันด้วยฮะ -_-”
“ไมจะไม่เกี่ยว ก็เราเล่นใจร้อนงี้ คงจะชนะใครเค้าหรอก ไม่ไหวจริงๆ ไว้พี่ช่วยวางแผน รับรองเดี๋ยวเพื่อนมิ้งค์ก็เห็นเองแหละ ว่าเด็กจิ๊บนั่นอ่ะ ไม่จริงใจ” ฉันมองพี่ติอย่างไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่...แต่ก็นะ ในฐานะพี่แกอุตส่าห์ร้องอุแว๊ขึ้นมาก่อนฉันตั้งปีกว่าๆ ก็ให้โอกาสสักครั้งแล้วกัน...หวังว่าแผนพี่ติจะได้ผลไวๆ นะ
“แล้วพี่ติจะให้มิ้งค์ทำไง ถึงจะเปิดโปงมันได้ล่ะ”
“ยังไม่รู้ว่ะ” พี่ติตอบพลางยักไหล่ น้อยๆ ... ขอถีบสักป๊าบได้มั้ยเนี่ย ...พัสสาดๆ ท่องไว้ หายใจเข้าพัสสสสส หายใจออกสาดดดดด ....
โธ่ นึกว่าจะแน่ อีตาพี่ติบ้า
ความคิดเห็น