คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 7 พบกับนาห์ม
พบกับนาห์ม
บรรณารักษ์ที่หอสมุดมีหลายคนแยกกันอยู่ตามชั้นต่างๆ ชั้นแรกมีสามคนนั่งอยู่ตามโต๊ะทำงานซึ่งอยู่ห่างกันประมาณห้าสิบเมตร
เอลมองบรรณารักษ์หนุ่มคนหนึ่งอยู่นานเพราะรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อน
แซมไปไหนเสียล่ะ..
เขาแปลกใจที่แซมบรรณารักษ์คนเก่าแก่ของที่นี่ไม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานเบอร์สามเป็นของแซม อีเลียต บรรณารักษ์สูงวัย ผู้เป็นหัวหน้าบรรณารักษ์ที่นี่ ปกติเขาจะนั่งที่โต๊ะทำงานเบอร์สามตัวนั้น
เอลจำได้ว่าแซมเคยบอกกับเอลว่าเขาจะนั่งที่นี่จนวันตาย
แซม อีเลียตเป็นคนช่างพูดเขามีความสุขที่ได้พบปะผู้คนและชอบแซวเด็กๆ ที่มาใช้บริการห้องสมุดนี้เสมอ ทำให้เด็กๆ ที่มาที่นี่ชอบเขา สมัยที่เอลยังเรียนประถมเขาเคยรับแจกลูกอมจากแซมทุกครั้งที่มาใช้บริการ
แซมเป็นคนขยันทั้งที่วัยเกือบเจ็ดสิบ แต่ก็ยังแข็งแรง เขามีความสุขที่ได้ทำงานที่เขารัก หลายต่อหลายครั้งเอลมักเห็นเขานั่งซ่อมปกหนังสือที่ขาดชำรุด คนน้อยนักที่มีความสุขกับการอยู่กับหนังสือ เพราะยุคนี้ทุกคนหันไปดูสื่อดิจิตอลกันแทบทั้งนั้น
บ้านของแซมมีหนังสือสะสมอยู่ที่บ้านจำนวนนับพันเล่มเป็นอย่างน้อย
เอลไม่ได้สงสัยว่าแซมหายไปไหน แต่เขากลับสงสัยชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเบอร์สามนั่นมากกว่า
“ตราบที่ฉันยังไม่ตาย ฉันจะไม่ยอมให้ใครมานั่งที่โต๊ะทำงานของฉันเด็ดขาด” นี่คือคำพูดที่แซมเคยพูดให้เอลได้ยิน
หน้าคุ้นมาก..
เขาสงสัยว่าทำไมคุ้นหน้าบรรณารักษ์คนใหม่อย่างบอกไม่ถูก คงเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อนแต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน
มาแทนแซมตั้งแต่เมื่อไร...
เอลตัดสินใจเดินไปถามให้หายคาใจ
“แซมลาออกไปแล้วหรือครับ”
“แซมเสียชีวิตไปหลายเดือนแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบทันทีเมื่อเอลถาม
“.......”
แซมตายไปแล้ว...
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ ผมคุ้นหน้าคุณมากครับ แต่จำไม่ได้ว่าเคยพบคุณที่ไหน” เอลโพล่งถามออกไป
“ก็คงพบที่นี่แหล่ะครับ โอเคนะครับผมมีงานต้องทำเชิญตามสบายนะครับ” ชายหนุ่มผายมือเชิญเอลไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ
เอลรู้สึกว่าชายหนุ่มพูดตัดบทยังไงบอกไม่ถูก และเหมือนมีเลศนัยปิดบังอยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ
ฉันขอเสียมารยาทอ่านใจนายนะ...
เอลอ่านใจชายผู้นั้นเพื่อให้หายสงสัยว่าเคยเจอกันที่ไหน และชายผู้นี้ตั้งใจปิดบังอะไรอยู่
งานใหม่ของเรานี่ก็ไม่เลวนะว่าแต่ว่าคืนนี้กินข้าวที่ไหนดี
พรุ่งนี้จะต้องไปจ่ายค่าไฟฟ้า
ต้องไปรับเสื้อที่ร้านซักรีดเย็นนี้ด้วย กลับบ้านไปต้องซ่อมหนังสืออีกสามสี่เล่ม
ผู้หญิงที่โต๊ะนั้นน่ารักดี ไม่ใช่นักศึกษานี่นา มีแฟนหรือยังนะ น่าจะมีแล้วนะเมื่อครู่นี้เห็นแวบๆว่าเดินมากับผู้ชายแก่คราวพ่อเชียว
เอลรู้สึกว่าชายหนุ่มเป็นคนอารมณ์โรแมนติคและมีจินตนาการสูงทีเดียว
บรรณารักษ์หนุ่มด้อมๆมองๆ หญิงสาวผู้หนึ่งอยู่ เธอนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะใกล้ๆโดยไม่รู้ว่าถูกคนแอบมองอยู่
ถึงโซเฟียของเราจะไม่สวยแบบผู้หญิงคนนี้ แต่เธอก็เป็นภรรยาที่น่ารักสำหรับเราวันยังค่ำ...เรื่องเลวร้ายไม่น่าเกิดขึ้นกับเธอเลย... โซเฟีย..
ความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักลงเมื่อมีคนเดินมาคืนหนังสือ ชายผู้นั้นยื่นมือไปรับหนังสือและลงบันทึกการรับคืน
โซเฟีย ชื่อนี้คุ้นจัง มีเมียแล้วหรือนี่...
แว่บเดียวที่เอลเจาะเข้าไปในจิตส่วนลึกที่สุดของชายหนุ่ม เขากลับรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาหยุดอ่านใจในทันทีนั้น และมองกลับไปที่โต๊ะเบอร์สามนั้นอีกครั้ง เพิ่งจะเห็นป้ายชื่อหน้าโต๊ะเบอร์สามเขียนชื่อบรรณารักษ์ว่า นาห์ม ไรม์วา
เขาคือนาห์มคนนั้น
......................................................................................................................................................
สิบโมงเช้าอีกสามวันต่อมา
เอลนำเอาหนังสือเล่มหนึ่งที่ยืมไปมาคืน
“หนังสือแผนที่เมืองดวงจันทร์” ซึ่งเขียนโดยศาสตราจารย์ชวอน แม็คคอยด์ เขาชื่นชอบในความเพ้อฝันอันเป็นไปได้ของศาสตราจารย์ท่านนี้ เนื่องจากเขาคือผู้บุกเบิกการสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งหลังจากมนุษย์คนแรกได้ก้าวเท้าลงบนดวงจันทร์ หลังจากนั้นดาวดวงนี้ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากมนุษย์โลกอีกเลย
นิยายของชวอน แม็คคอยด์เป็นทั้งนวนิยายและสารคดี พูดถึงการขึ้นไปอาศัยของมนุษย์โลกเมื่อโลกไม่เป็นที่พึงประสงค์ของมนุษย์อีกต่อไป เขาอ่านมันอยู่สามวันแต่ก็ยังอ่านไม่จบแต่ถึงกำหนดคืนจึงต้องนำมาคืนฃ
นาห์มยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหมายเลขสามนั้น เอลนำหนังสือมาคืนและถามเรื่องเดิมว่า เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน นาห์มก็ตอบเอลอย่างแฝงอารมณ์ขัน
“ก็พบกันวันนั้นไง ไม่มีวันอื่นหรอก รับรองผมไม่เคยรู้จักคุณแน่นอน ผมอาจจะหน้าเหมือนใครบางคนที่คุณรู้จักก็ได้ ผมหน้าโหลจะตาย แต่เอ..ผมเคยเห็นหน้าคุณในทีวีหรือเปล่านะ คุ้นหน้าคุณอยู่เหมือนกันนะ”
“ใช่สิ ผมคงจำคนผิด ขอโทษนะครับ” เอลสั่นศีรษะก่อนเดินจากไป
เอลเดินมานั่งที่โต๊ะหลังจากไปหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง และพยายามนั่งอ่านใจนาห์มอีกครั้งขณะที่นาห์มกำลังซ่อมปกหนังสือเล่มหนึ่งอยู่
นาห์มกำลังคิดถึงผู้หญิงคนเดิมที่ชื่อ โซเฟีย
เอลคิดว่าเขาคงรักเธอมากทีเดียว
จู่ๆ เขาก็รู้สึกสะดุดกึก เขาอ่านใจไม่ได้อีก
ทำไมล่ะ...เกิดอะไรขึ้น..
เอลหยิบหนังสือนั้นไปทำยืมกับบรรณารักษ์นาห์ม เมื่อทำลงทะเบียนการยืมเสร็จ เขาจึงเดินออกไปจากห้องสมุดนั้น
นาห์มหยิบภาพขนาดโปสการ์ดภาพหนึ่งออกมาจากหนังสือปกแข็งตรงหน้า ภาพนั้นเป็นภาพเลือนลางของหญิงสาวคนหนึ่ง โซเฟีย...
หญิงสาวในรูปคือโซเฟียภรรยาของลีโอ บัสโซ่
..........................................................................................................
วันต่อมา เอลก็ไปที่หอสมุดอีกครั้งหลังเลิกเรียน นาห์มอยู่ที่นั่น เขาแอบมองนาห์มซึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เขาอ่านใจของนาห์มทันที แต่เขากลับรู้ว่านาห์มกำลังคิดเรื่องของเขาอยู่
เจ้าเด็กนั่น.. มาอีกแล้ว มันเป็นใครกันนะ...
เอลรู้ว่าเขาพลาดเสียแล้ว ไม่ควรมาเลยจริงๆ
อยากเขกหัวตัวเองสักพันครั้ง...
เขาสั่นศีรษะ
เราคงเป็นนักสืบไม่ได้แน่...
เรื่องแค่นี้ยังถูกจับได้ ความคิดฝันที่ว่าจะเป็นนักสืบให้เหมือนกับเดลนั้นคงยากเสียแล้ว
เอลเดินไปค้นหาหนังสือที่ชั้นลับตาคน มีเสาต้นใหญ่บังอยู่ เขาแหวกหนังสือเป็นช่องเพื่อแอบมองนาห์มอีก คราวนี้เอลถึงกับตะลึงเมื่อพบว่านาห์มกำลังคิดเรื่องเลวร้ายเรื่องหนึ่งอยู่
พรุ่งนี้ต้องลงมือ แผนนี้ลงตัวที่สุดแล้ว มันต้องคิดไม่ถึงแน่ จะรู้ตัวก็ตอนที่มันใกล้ตายแล้วเท่านั้น
เรื่องบ้าอะไรกัน.....
มันต้องรับกรรมอย่างสาสม มันต้องตาย พรุ่งนี้แค่มันเดินก้าวออกจากบ้าน ก็เท่ากับว่ามันเดินเข้าหากับดักที่เราวางไว้แล้ว ไม่มีทางที่มันจะรอดจากแผนการอันแยบยลของเราได้...
เอลตะลึงเมื่อรับรู้ความคิดอันตรายของนาห์ม
กำลังวางแผนฆ่าคนอยู่เรอะ ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นได้.....
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของเอลแม้นว่าหอสมุดนี้จะเปิดแอร์แรงไม่น้อยก็ตาม ออกจะหนาวเสียด้วยซ้ำ
เอลรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงว่าจะทำอย่างไรดี
ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ไม่ใช่แน่
แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ..จะทำยังไงดี
ก็ต้องห้ามสิ..จะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้...
............................................................................................
ความคิดเห็น