ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของซิท ตอนที่ 1

    ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องของซิท ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 56


    ชายแก่เอล

     

    “ฉันไม่ทำก่อนที่จะรู้ว่ามันเป็นใครหรอก จะไม่ทำก่อนที่จะรู้ว่ามันจะทำอะไรกับฉัน ฉันไม่เคยรู้จักมันมาก่อนด้วยซ้ำ ทำไมฉันต้องฆ่ามัน แกต่างหากเป็นใครกัน พร่ำอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”

    “เจ้ากำลังร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกนั้นนี่นา ไม่ดีเลยใช่มั้ย ความคิดเลวร้ายแบบนั้นบอกให้ฆ่าเจ้านั่นอยู่นี่นา เหตุผลก็รู้กันอยู่ เจ้านั่นเป็นพวกเหนือมนุษย์ เจ้ายังไม่แน่ใจอะไรอีกรึ”

    ผมไม่สนคำพูดยุยงของมัน ผมไม่ใช่ปีศาจจากขุมนรก จะไม่ลอบกัดคนที่ไม่มีทางสู้เด็ดขาด ผมเป็นคนมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่เกิดมาผมเรียนรู้เรื่องศักดิ์ศรีมาตลอด คนอย่างซิททำเรื่องไร้เกียรติไม่ได้เด็ดขาด ผมไม่ยอมทำเด็ดขาด ไม่ว่าตาแก่จะพูดอะไรผมก็จะไม่ฟัง..

    “ออกมาเดี๋ยวนี้ ตาแก่ออกมา”

    “ฉันคือปริศนาอันมืดมน แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าเป็นใครเลย และการไม่มั่นใจนั้นกลับทำให้ฉันหลุดพ้นได้ยังไงล่ะ”

    “พูดบ้าอะไร ฉันหมดความอดทนแล้วนะ พูดจาไม่รู้เรื่อง”

    แผะๆๆๆๆๆ เสียงปรบมือดังขึ้น ผมเดาว่าคงมาจากตาแก่นั่น

    แผะๆๆๆๆๆๆๆ

    เสียงปรบมือดังไปทั่วบริเวณ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายกับว่ามีมืออีกนับสิบช่วยกันปรบให้กำลังใจผมอยู่ และจู่ ๆ เสียงพวกนั้นก็หยุดลงพร้อมกัน ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากเงามืดเปิดเผยตัวตนในเวลานั้น

    เขาคือชายแก่ร่างสันทัด เป็นชายแก่จริงอย่างที่คิดไว้ ร่างของเขาเป็นสีขาวทั่วร่าง ผมของเขาขาวโพลนทั้งศีรษะคล้ายใยไหมสีขาว สวมชุดยาวคล้ายชุดจีนสีขาวยาวลงมาใต้เข่า กางเกงก็สีขาวและรองเท้าก็เป็นหนังสีขาววาววับสะท้อนตา

    “ใครกันนี่....”

    ใบหน้านั้นทำไม..

    “ไม่เห็นต้องตกใจเลย ไม่ต้องสงสัยว่าหน้าตาของฉันไปคล้ายกับเขาได้อย่างไรหรอก”

    ใบหน้าของชายแก่กับเอลกลับคล้ายกันยังกับแพะกับแกะ ต่างกันเพียงแต่รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าเท่านั้น ผมซึ่งขาวโพลนเป็นใยไหมก็ทำให้แค่ดูไม่เหมือนกับเอลเท่านั้น

    “แกสองคนเป็นอะไรกันแน่..”

    “เจ้าคิดไม่ถึงหรอกซิท”

    “แกต้องการอะไรจากฉัน พล่ามเสียมากมาย..” ผมชี้หน้าของตาแก่นั้น

    “แล้วถ้าฉันจะถามกลับว่านายล่ะต้องการอะไรล่ะ นายจะตอบได้หรือเปล่า”

    “ต้องการอะไร...ฉันไม่เข้าใจ..” ผมงงกับคำถามนั้น

    “เมื่อเจ้าเข้าใกล้เขา เจ้านึกอยากทำอะไรหรือเปล่าล่ะ บอกฉันทีสิว่าต้องการทำอะไร กล้าบอกฉันไหมล่ะ”

    “ฉันอยากฆ่ามัน” ผมโพล่งออกไปอย่างไม่รู้สึกตัว เสียงในใจเป็นผู้พูดออกไป

    “เจ้าอยากฆ่าเขาและครอบครองสาวน้อยนั่น”

    “หุบปาก แกคือใครกัน แกคือปีศาจใช่มั้ย...” ผมไม่ยอมให้ตาแก่นี่ต้อนจนมุมหรอกนะ

    “ทำไมล่ะซิท เจ้าเป็นนักสร้างสรรค์ชั้นเยี่ยมและอีกด้านหนึ่งก็เป็นนักทำลายชั้นยอดเสียด้วย ฉันเห็นเจ้าดึงดันกลับเข้าควบคุมร่างตนเองจากเด็กนั่นอยู่บ่อยๆ เจ้าเอาชนะจิตเจ้าเด็กนั่นได้นี่นา เจ้าไม่อยากดึงเอาตัวตนของเจ้ากลับมาหรือไร ถ้าอยาก เจ้าต้องทำเรื่องเล็กๆ นี้ให้ได้เสียก่อน ฆ่าเอลคนนี้ซะ มันเป็นเรื่องง่ายที่สุดแล้วหากเจ้าคิดจะทำ”

    “จะให้ฆ่าคนที่หน้าเหมือนนายนี่นะ..จะบ้าไปแล้ว” ผมร้องด้วยความเหลืออด ผมไม่เข้าใจเรื่องที่ตาแก่คนนี้พูดสักนิด มันพูดหลอกล่อจนผมใกล้จะบ้าแล้ว

    “ฆ่ามันซะแล้วฉันจะทำให้เจ้าดาวิดไม่สามารถแย่งร่างเจ้าได้อีก ที่สำคัญความรักของเจ้ากับสาวน้อยคนนี้จะราบรื่น ถ้าไม่มีเอลเสียคนเดียว เจ้าไม่สนใจเลยรึ”

    คำพูดของตาแก่ผมขาวเหมือนมีมนต์ เหมือนมันดึงดูดเอาด้านมืดของผมจนอยู่หมัด ผมรู้ว่ามันไม่ได้แค่พูดยุยงเท่านั้น มันกำลังมีอำนาจเหนือจิตใจของผมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    “อย่ามาท้าฉันนะตาแก่” ผมโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่

    “เลือดขึ้นหน้าอีกแล้ว เจ้าทำได้แค่นี้เองหรือซิท ความโกรธของเจ้าจะทำให้เจ้าทำเรื่องเลวร้ายได้อย่างไม่ละอายใจ เหมือนกับที่เจ้าทำกับซ้อดนั่นไง..”

    มันพูดถึงชื่อซึ่งผมไม่อยากได้ยินอีก ได้ยินชื่อนั้นทำให้ผมโกรธจนตัวสั่น

    “หยุดพูดบ้าๆได้แล้ว ฉันจะฆ่าเจ้าเอลนั่นก็ได้”

    ผมเดินไปยืนใกล้ร่างของเอลซึ่งเตี้ยกว่าผมสักสิบกว่าเซนติเมตร ยิ่งเข้าใกล้เขา ผมก็ยิ่งควบคุมตนเองไม่ได้ยิ่งขึ้น ด้านมืดกำลังสั่งให้ผมฆ่าเอลซะ ช่วงชิงพลังของเอลมาให้ได้ก่อนจะสายเกินไป นี่คือโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด ไม่เช่นนั้นตาแก่นี่จะได้พลังของเอลไป วินาทีนั้นผมไม่สนแล้วว่าทำไมตาแก่ถึงมีใบหน้าเหมือนกับเอล พลังของซ้อด ผมจะใช้พลังของซ้อดจัดการเขา พลังของซ้อดจะเห็นผลได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับวงแขนของผมเท่านั้น พลังของซ้อดน่ากลัวจนผมเองยังตัวสั่นงันงกทุกครั้งที่คิดถึง ผมยกแขนขึ้นระดับหน้าอกเดินตรงเข้าไปหมายจะโอบร่างของเอลซึ่งแข็งทื่อนั้น พลังของซ้อดจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าในทันทีที่ผมเข้ากอดรัดด้วยวงแขนนี้

    จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ช่างไร้เกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่สุด ผมเคยโยนเรื่องนี้เข้าลิ้นชักและปิดมันไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่คิดจะดึงมันออกมาอีก เพราะพลังเร้นลับนี้สามารถทำลายความเชื่อมั่นและความหวังของผู้คนไปอย่างน่าเสียดายในชั่วพริบตา ผมไม่อยากใช้มันเลยจริงๆ ให้ตายสิ..

    จู่ๆ ผมกลับคิดว่าในเมื่อมันเคยทำลายชีวิตผู้อื่นไปแล้ว จะอีกสักหนึ่งชีวิตจะเป็นไรไปล่ะ 

    ในทันทีจิตชั่วร้ายกำลังบอกให้ลงมือ จู่ ๆ สติของผมก็กลับมาอีกครั้ง

    “ฉันจะไม่ยอมฆ่าใครด้วยวิธีนี้อีกแล้ว” ผมแผดเสียงร้องลั่น “อย่าหวังว่าฉันจะทำตามที่แกบงการนะ ฉันไม่ทำหรอกกกกกกก”

    ผมกำลังใช้เสียงและกำลังใจต่อสู้ แข็งขืนไม่ยอมทำเรื่องชั่วช้านี้อีก แต่นั่นยิ่งทำให้จิตชั่วร้ายแห่งด้านมืดออกแรงเพื่อควบคุมร่างกายเข้าไปใหญ่ มันควบคุมมือของผมและยื่นเข้าหาเอล

    ตาแก่ผมขาวนั่นเปลี่ยนมาอยู่ด้านซ้ายเหมือนหายตัวได้ และปากยังคงพูดยั่วเย้าไม่ยอมเลิก

    “เพียงเจ้ารัดมันให้แน่นพลังของซ้อดที่อยู่ในร่างของเจ้าก็กำจัดมันให้พ้นทางเจ้าแล้ว”

    “หยุดพูดซะที..ไปให้พ้นนนนนนนนนน”

    ผมตวาดเสียงลั่นและยกมือตวัดไปใส่ร่างตาแก่อย่างแรง แต่ร่างของผมกลับกระเด็นกลิ้งไปไกล

    โอย....

    ผมยันกายลุกขึ้นยืนมองไปที่ตาแก่และเอลนั่นด้วยความโล่งใจ ตาแก่นั้นยิ้มและยกนิ้วโป้งขึ้นชูให้กับผม ท่าทีของเขาเปลี่ยนแปลงไปเหมือนคนละคน การยกนิ้วโป้งนั้นแสดงถึงความยินดีว่าผมเยี่ยมยอดหรือนี่ ใช่นี่นา... หรือว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว.. ทำไมเขาเปลี่ยนไปแบบนั้น

    “นายทำได้ นายคือไม่กี่คนที่ห้ามด้านมืดในตัวได้สำเร็จ หนึ่งในนั้นคือเอลคนนี้ และเขาก็คือคนเดียวกับฉัน ฉันคือเอลในอนาคต นายเป็นคนแรกที่ได้รู้จักตัวจริงของฉัน”

    “คุณ...คือเจ้านี่...ในอนาคตหรือนี่”

    ตาแก่ผมขาวยิ้ม ยังไม่ทันได้พูดออะไรออกมา ร่างของผมก็คล้ายถูกลมหมุนมหาศาลเข้าคุมร่างและดูดอย่างแรง เสี้ยววินาทีนั้น สติดับวูบลงในทันทีนั้น

    ........................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×