คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 3 คืนประหาร
คืนประหาร
หนึ่งทุ่มตรง คืนที่พระจันทร์สุกสกาวกลมโต
สองทุ่มตรงจะเป็นเวลาประหารชีวิตลีโอ บัสโซ่ ฆาตกรผู้คร่าชีวิตภรรยาอย่างเหี้ยมโหด
เอลใส่สูทสีน้ำเงินของลองก์ถือบัตรเชิญของเรือนจำกลางยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่จอดรถหน้าเรือนจำ มองที่หน้าเรือนจำซึ่งมีคนยืนถือป้ายคัดค้านการประหารชีวิตนับร้อยคน มีหน่วยรักษาความปลอดภัยยืนคุมเป็นทิวแถวอยู่ที่หน้าเรือนจำ
เอลเดินแทรกเข้าไปในฝูงชนที่เบียดเสียดจนออกมายังทางซึ่งเจ้าหน้าที่กั้นไว้ให้แขกเข้าไปในเรือนจำ ปรากฏมีชายสามสี่คนเข้ามาดึงเอลไม่ให้เข้าไป แต่เจ้าหน้าที่สองสามคนกรูเข้ามาช่วย
เอลยกบัตรเชิญให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่จึงเข้ามากันให้เขาเข้าไป
“ปล่อยลีโอของเราเดี๋ยวนี้ ๆ”
“ละเว้นชีวิตด้วยเถิด”
ทันใดนั้นฝูงชนก็กรูกันวิ่งตามเอลเข้ามาที่หน้าประตู เจ้าหน้าที่ประมาณยี่สิบคนต่างพากันกรูเข้ามาพร้อมด้วยเกราะกำบังพลาสติคใสและไม้กระบองเข้าสกัดกั้นระงับเหตุ เอลให้ความเร็ววิ่งไปที่หน้าประตูและยื่นบัตรเชิญให้กับเจ้าหน้าที่
“ขออนุญาติด้วยครับ ๆ” เอลตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงฝูงชน
“มาผิดเวลานะ ทำไมมาช้าป่านนี้” เจ้าหน้าที่ตำหนิเอลก่อนที่จะเปิดประตูให้เขาเข้าไป
เอลมาผิดเวลาไปหนึ่งชั่วโมง ก่อนหน้านี้ประตูหน้านี้ยังเปิดให้แขกเข้ามาได้ จนกระทั่งฝูงชนผู้ประท้วงได้รุกคืบมายึดบริเวณทางเข้าไปจนหมด
เอลรีบเดินเข้าไปด้านใน จนกระทั่งมาอยู่หน้าบริเวณทางเข้าห้องประชุมซึ่งเป็นห้องโถงใหญ่ เขามองหน้าตาเหล่าแขกที่มาในงาน ส่วนใหญ่เป็นคนมีชื่อเสียงด้วยกันทั้งสิ้นทุกคนแต่งตัวในชุดสูทภูมิฐาน เอลจำหน้าหลายคนได้เพราะออกโทรทัศน์บ่อย พวกไฮโซก็มีหลายคน ข้าราชการการก็หลายคน สูทที่ใส่ก็หลากสีสันและจะเน้นไปทางโทนดำ คนที่อายุมากที่สุดคงจะเป็นผู้ว่าราชการนครเกรนาด้า ฮัดสันซึ่งกำลังจะหมดวาระในอีกสองเดือนข้างหน้ากำลังยืนคุยกับพัสดีเรือนจำกลางบาร์ม ปีแอร์ เอลเดาว่าสองคนนี้คงอายุไล่เลี่ยกัน แต่ฮัดสันน่าจะอายุมากกว่าปีสองปี
เอลมองคนโน้นทีคนนี้ที หลายคนก็มองมาที่เขา หญิงไฮโซสูงวัยสองสามคนแต่งสูทสีดำยืนล้อมผู้หญิงอีกคนในชุดราตรีสีดำเข้มปักลายดำสวยหรู คนนี้เขาจำได้ว่า เธอคือเอมิเดลล่าดาราสาวชื่อดัง
ทั้งหมดดูคล้ายมางานศพ
ใช่สิงานศพนี่นา.. การประหารชีวิตก็น่าจะเรียกว่างานศพได้เหมือนกัน..
พลันสายตาก็ไปประสานกับดวงตาแวววาวคมเฉียบของชายผู้หนึ่งผู้มีร่างสูงโปร่งในสูทสีน้ำเงินเข้ม ผมใส่น้ำมันเสยขึ้น ดูงามสง่าเตะตาผู้พบเห็นทั้งชายและหญิง
ใครๆก็รู้จักเขาดีเพราะเวลานี้เขาดังมากในฐานะผู้สมัครชิงชัยตำแหน่งผู้ว่าราชการนครเกรนาด้าแห่งนี้ เขาคือโยฮัน วาร์น อดีตนักเทศน์ฝีปากกล้าซึ่งละทิ้งชีวิตนักเทศน์มาลงชิงชัยตำแหน่งผู้ว่าราชการ
แต่เอลคิดว่าโยฮันไม่น่าจะมีคู่แข่งเพราะดูเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล เขาเหลือบไปเห็นตำรวจหนุ่มเดล ซึ่งยืนหันหลังให้ เขาไม่รู้มาก่อนว่าเดลจะมางานนี้ ในขณะที่เดลก็คงคิดไม่ถึงเช่นกัน เขาคิดว่าควรอยู่ห่างๆ เดลเอาไว้ เนื่องจากความคิดเห็นต่างกันสุดขั้ว แถมเขายังคิดว่าเดลมีอคติกับเขาอย่างรุนแรงตั้งแต่เกิดเรื่องอื้อฉาวกับแอนนาในคราวนั้น
โยฮันถูกห้อมล้อมด้วยชายสูงวัยหลายคน ขณะนี้ใครๆ ก็อยากรู้จักและพึ่งพาเขาไปสู่หนทางแห่งผลประโยชน์ มีข่าวว่านักธุรกิจจำนวนมากลงขันสนับสนุนโยฮันชนะการชิงชัยครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความศรัทธาในตัวของโยฮันก็อาจมาจากหนทางแห่งผลโยชน์ที่ว่านั้นก็เป็นได้
โยฮันคือคนหนุ่มไฟแรงอนาคตก้าวไกล ด้วยวัยไม่ถึงสามสิบ เขามีชื่อเสียงร่ำลือในการบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสาธารณชนมาอย่างมากมาย ชื่อเสียงเดิมคือนักเทศน์ฝีปากกล้าผู้รุ่มร้อนกระหายในการประกาศเรื่องพระเจ้าให้กับคริสตชน การที่เขาหันเหจากทางนั้นมาสู่การเมืองท้องถิ่นอาจจะเป็นการปูทางไปสู่การก้าวไปเล่นการเมืองระดับชาติก็เป็นได้
โยฮันหันมาพบสายตาของเอลที่จับจ้องอยู่จึงยิ้มให้ เอลรีบค้อมศีรษะรับ
แล้วประตูห้องประชุมก็เปิดออกพัสดีเรือนจำเดินออกมาเชื้อเชิญ
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านเชิญทางนี้ครับ”
พัศดีกล่าวก่อนเดินนำหน้าพาทุกคนเดินเข้าไปนั่งตามเลขที่นั่งซึ่งระบุไว้ในบัตรเชิญ เอลเดินไปนั่งที่เก้าอี้แถวที่สองจากแถวหน้าสุดและนั่งมองตรงไปข้างหน้าซึ่งเป็นห้องประหารที่ล้อมด้วยกระจกนิรภัยบานใหญ่
สักครู่เอลก็เริ่มรู้ว่าที่นั่งนี้ไม่ใช่ที่นั่งที่เขาควรจะนั่งเป็นแน่ เขามองเลขที่นั่งผิด เจ้าหน้าที่เรือนจำนายหนึ่งเดินมาเชิญเขาให้ลุกขึ้นและชี้ให้ไปนั่งที่ด้านหลังสุด
“นั่งตรงนี้ไม่ได้เหรอ ผมอยากเห็นชัดๆนี่” เอลขอร้องแต่เจ้าหน้าที่นั้นส่ายหน้าไม่พูดอะไรอีก
แบ่งชนชั้นกันนักนะ...
เขาบ่นและจะเดินออกไป แต่มือของใครบางคนจับที่แขนของเขาเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกนั่งตรงนี้แหล่ะครับ เขาเป็นคนสนิทของผมครับ”
เสียงนั้นคือเสียงของโยฮัน วาร์มทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้นเสียไม่ได้ ต้องยอมให้เอลนั่งที่เดิมนั้น
“ขอบคุณครับ” เอลโค้งให้โยฮันและนั่งลง
“แอ่มม”
พัสดีเรือนจำซึ่งนั่งถัดไปส่งเสียงทักเอล
“นี่เธอคงเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ลีโอขอให้มาเป็นสักขีพยานในครั้งนี้สินะ”
“ครับท่าน”
เอลมองเห็นเดลซึ่งนั่งอยู่ปลายแถวแรกทางขวา
เขาเริ่มสงสัยเรื่องที่คุยกับลีโอในวันนั้น เขาจำได้ว่าได้คุยกับลีโอหลายเรื่อง แต่มีเรื่องอีกมากที่เขาจำไม่ได้ จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องไร้สาระอย่าง ผู้แสวงหาความตายขึ้นมาได้ หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ลีโออยากให้เขามาเห็น
“เขาคงถูกใจอะไรเธอเป็นแน่” โยฮันหันมาแซว ทำให้เอลตื่นจากภวังค์
“ไม่ทราบครับ ผมเพิ่งมาสัมภาษณ์เขาเมื่อสองวันนี้เองครับ”
“เขามีแฟนหนังสือหลายวัยดีนะ ฉันก็เป็นแฟนเขาเหมือนกัน ฉันชอบงานเขียนของเขานะ คนดีๆอย่างเขาไม่น่าจะต้องมาพบกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้เลยจริงๆ แต่เขาไม่ร้องขอความปราณีเช่นนี้ก็แสดงว่าเขาอยากจากไปมากกว่าอยู่ เธอเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์หรือเปล่า เรื่องคดีของเขาน่ะ” โยฮันถามความคิดเห็น
“ก็แค่ความรู้สึกเหมือนกับที่ท่านรู้สึกไงครับ”
“ก็เพราะความรู้สึกมิใช่หรือที่ทำให้โลกมันวุ่นวายไปหมดนี่ไง”
ใช่สิ ความรู้สึกนั่นทำให้เกิดเรื่องต่างๆมากมาย ทุกอย่างมาจากความรู้สึกทั้งนั้น
“ไว้มีโอกาสค่อยคุยกันใหม่นะ”
โยฮันยิ้มและหันหน้าไปสนใจพัสดีซึ่งกำลังอ่านรายงานให้ทุกคนในห้องประชุมฟัง
เอลมองโยฮันด้วยความรู้สึกว่าชายผู้นี้มีทั้งความเกรงขามและลึกลับอยู่ในที
...................................................................................................................................
ความคิดเห็น