คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 8 ติดตาม
ติดตาม
เอลออกไปด้านนอกกดน้ำอัดลมกระป๋องจากเครื่องจำหน่ายน้ำอัดลมอัตโนมัติ ดึงฝาแล้วยกขึ้นดื่มดับกระหาย พลางคิดว่าเวลานี้ที่กระหายที่สุดไม่ใช่น้ำอัดลม แต่กระหายที่จะรู้เรื่องของนาห์มแทบใจจะขาด
เขาเดินวนไปเวียนมาอย่างใช้ความคิด เมื่อสังเกตุเห็นสายตาของยามเฝ้าหน้าประตูซึ่งจ้องมาที่เขา เขากลับตัดสินใจเรื่องหนึ่งขึ้นได้
ต้องรู้ให้ได้ แต่ต้องรู้ให้ได้เสียก่อนว่ามันคิดจะฆ่าใคร จะลงมือที่ไหน เมื่อใด...
เขาตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะเดิมเพื่อแอบฟังความคิดของนาห์มอีกครั้ง แต่นาห์มกลับไม่ได้คิดเรื่องนั้นอีก เปลี่ยนไปคิดเรื่องอาหารการกินในตอนเย็นแทน
เขาจึงรอดูว่านาห์มจะวกกลับมาคิดเรื่องนั้นอีกหรือเปล่า จนแล้วจนรอด นาห์มก็ไม่คิดเรื่องนั้นอีก
เขามองดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าอีกห้านาทีห้องสมุดกำลังจะปิดทำการแล้ว
เขาจึงออกจากห้องสมุดไปรอที่ด้านนอก สักครู่ก็เห็นนาห์มเดินออกจากประตูใหญ่เดินตรงไปยังที่จอดรถฝั่งตรงข้ามตึก เมื่อเห็นนาห์มกดเปิดรถและสตาร์ทเครื่องรถยนต์ เขาถึงกับอ้าปากหวอเมื่อเห็นรถสีแดงสวยสดของนาห์ม
“โหสวยจัง”
มันคือมินิคันงามสีแดงคาดขาว นาห์มเร่งเครื่องขับเลี้ยวออกสู่ถนนออชาร์จในทันที เอลคิดว่านาห์มคงกลับบ้าน รถวิ่งไปเรื่อยๆ ตามทางต่างระดับคู่ขนานเพื่อออกจากเขตนีโอทาวน์วิ่งไปตามถนนไมอามี่โรด ซึ่งเป็นถนนตัดออกนอกเมือง สามสี่นาทีรถก็ถึงทางลงแยกโอลด์เมนเพื่อเข้าสู่ถนนดาวน์ทาวน์ซึ่งเป็นทางเลี่ยงเมือง รถวิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนถึงชุมชนที่มีแม่น้ำเล็กๆสองสายไหลผ่านขนาบข้างถนนมีต้นไม้ร่มรื่นบรรยากาศดีเป็นที่อยู่ของคนเชื้อสายเอเซียใต้ที่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยนานเกือบครึ่งศตวรรษ
รถจอดที่หน้าบ้านสองชั้นทรงยุโรป มีรั้วรอบขอบชิดปลูกต้นไม้ต้นเล็กๆ ไว้รอบบ้าน เอลจอดเจ้าสายฟ้าไว้ข้างทางห่างไปเกือบห้าสิบเมตรมองดูนาห์มซึ่งกำลังเดินเข้าไปในบ้าน เขาเปิดพลังเข้าสู่โลกต่างมิติและแอบตามเข้าไปในบ้านได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเอลเข้าไปในบ้านก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง
อะไรกันเนี่ย...
เขาชื่นชมความงามของบ้านหลังนี้เพราะศิลปะการตกแต่งบ้านช่างสุดยอดในสายตาของเขา มันเป็นบ้านไม้สักทั้งหลังซึ่งหาได้ยากมากในเมืองนี้ บ้านหรูสองชั้นทรงยุโรปไม้ทั้งหลังแบบที่เขาเคยฝันเอาไว้ว่าอยากจะมี นั่นทำให้เขาตื่นตาจนลืมเรื่องของนาห์มไปเสียสนิท
เฮ้ย...
เขาตกใจเพราะไม่แน่ใจว่าเปิดพลังอยู่หรือเปล่า จึงสำรวจตัวเองอีกครั้งให้แน่ใจว่าอยู่ในโลกต่างมิติ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เขารู้สึกว่านาห์มอาจมองเห็นเขา
เจ้านี่ไม่น่าจะใช่พวกเหนือมนุษย์ มันคงไม่เห็นหรอก...
เขากลัวว่าการเดินเข้าไปใกล้ๆ นาห์มอาจสัมผัสเขาได้ เขามองนาห์มซึ่งกำลังล้างมือในห้องน้ำชั้นล่าง ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองซึ่งมีห้องนอนอยู่สองห้อง ตรงหน้าของเขาคือห้องนอนห้องหนึ่ง เมื่อผลักประตูเข้าไปก็รู้สึกได้ว่าห้องนี้น่าจะเป็นห้องนอนของนาห์ม มีเตียงสไตล์ยุโรปน่านอนตัวหนึ่ง ห้องนอนก็สะอาดเรียบร้อยแบบนี้ ที่โต๊ะข้างเตียงมีรูปภาพอยู่ในกรอบรูปไม้สักขนาด 12 คูณ 8 นิ้ววางอยู่ เป็นภาพหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหกปี รูปนั้นเหมือนกับว่าตัดมาจากหนังสือ ไม่ได้เป็นภาพจากกระดาษอัดรูป
เขาก็นึกถึงเรื่องอาวุธปืนขึ้นมาได้ จึงวางรูปนั้นและพยายามเปิดลิ้นชักหา แต่ก็ไม่พบอาวุธอะไรสักอย่างแม้กระทั่งมีดคัตเตอร์ เขาคิดขึ้นมาว่า นาห์มไม่น่าจะฆ่าใครได้ ดูอ่อนปวกเปียกแบบนั้น
ทันใดนั้นเขาก็ต้องผงะหงายเมื่อหันกลับไปแล้วเกือบชนกับหน้าของนาห์มอย่างจัง ชนิดจมูกชนจมูก เขาใจหายวาบถอยหลังออกมาแทบไม่ทัน ดวงตาของนาห์มจ้องเขม็งมาที่เขาเหมือนกับว่ามองเห็นเขาอยู่ เขายืนนิ่งจนกระทั่งนาห์มเดินไปทางอื่น จึงรู้สึกโล่งอก
ให้ตายสิ มันเห็นเราหรือเปล่าเนี่ย..
เขาเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อจะได้มั่นใจว่าสัมผัสของมนุษย์ไม่มีสัมผัสเขาได้แน่ เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องตรงหน้าด้วยความเร็วซึ่งอย่างไรเสียสายตามนุษย์ไม่น่ามองเห็นว่าบานประตูเปิดและปิดลง มันเร็วกว่าการกระพริบตาต่อครั้ง เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น เขาก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ถึงกับตาค้างอ้าปากหวออีกครั้ง
“โอ้โห...”
ห้องสมุด..หนังสือเต็มห้องไปหมด ห้องเล็กๆแบบนี้เก็บของพวกนี้ได้ยังไงกัน..
ห้องนี้เรียกได้ว่าห้องสมุด เพราะมีหนังสือมากมายจัดวางอัดแน่นอยู่บนชั้นติดฝาผนังสูงขึ้นไปเกือบชิดเพดาน ตรงกลางห้องมีชั้นวางหนังสือสี่ห้าชั้นแต่สูงไม่ติดฝาผนัง มีหนังสือวางเต็มอยู่ทุกชั้น แค่มองผ่านๆ เขาก็รู้ว่าหนังสือส่วนใหญ่เป็นหนังสือวิชาการแทบทั้งสิ้น ทั้งหนังสือประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วรรณกรรม แม้แต่หนังสือนิยายดังๆในอดีตก็ยังมีอยู่มากมายทีเดียว
เพียงแค่ได้สัมผัสบรรยากาศของห้อง เอลก็รู้สึกหลงใหลห้องนี้ในทันที เขาคิดว่าเจ้าของห้องนี้ต้องเป็นหนอนหนังสือตัวยงเลยทีเดียว.. และคิดว่าบ้านนี้คงไม่ใช่บ้านของนาห์มเป็นแน่ มันอาจจะเป็นของพ่อของนาห์มหรือไม่ก็ใครสักคนที่เป็นญาติมากกว่า
ใครคือเจ้าของบ้านนี้...
เอลได้คำตอบในทันทีเมื่อเหลียวมองไปที่แผ่นป้ายแผ่นหนึ่งหลังประตู แผ่นป้ายนั้นสลักอักษรทองบนพื้นโลหะดำมีตัวอักษรหนึ่งประโยค
“มอบหนังสือทั้งหมดนี้ให้ผู้รักหนังสือ แซม อีเลียต”
อ้าว บ้านของแซมเหรอเนี่ย...นี่คือห้องสมุดส่วนตัวของแซม อีเลียต
เอลแน่ใจว่าบ้านนี้เป็นบ้านของแซมบรรณารักษ์ที่เขารู้จักคุ้นเคยมาหลายปี
เจ้านี่เป็นอะไรกับแซมนะ...
เขาจำชื่อสกุลของนาห์มบนโต๊ะบรรณารักษ์ได้ นามสกุลเดียวกันต้องเป็นญาติกันสินะ...
เขาเดินออกจากห้องเหลียวซ้ายแลขวามองหานาห์ม ก็พบนาห์มนั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องนอน มือถือกรอบรูปถ่ายหญิงสาวไว้ในมือ นาห์มจ้องมองรูปภาพนั้นแล้วยิ้ม
เอลคิดว่าผู้หญิงในรูปต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับนาห์มอย่างแน่นอน เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองเข้าใจผิดไปหลายเรื่อง
มันไม่ทำเรื่องบ้าๆ นั่นหรอก....
เขาคิดไม่ออกว่านาห์มคิดเรื่องเลวร้ายนั้นทำไมกัน
จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงในใจของนาห์มอีก
พรุ่งนี้เราจะลงมือ.. ถ้าเป็นไปตามแผน เจ้านั่นต้องชดใช้อย่างสาสมกับความชั่วช้าของมัน ฉันจะฆ่ามันกับมือของฉัน ต้องสำเร็จ..เราต้องทำได้..
เอลสะท้านกับความคิดอันน่ากลัวของชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง กำลังคิดว่าคิดมากไปเองแล้วนะ กลับกลายเป็นอย่างนี้เสียอีก
จะลงมือพรุ่งนี้..
การขัดขวาง
ผู้หญิงในรูปไปไหนเสียล่ะ หรือว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ หรือว่าตายไปแล้วและเจ้านี่กำลังต้องการแก้แค้นให้กับเธอหรืออะไรกัน
จู่ๆ นาห์มก็เดินลงไปข้างล่าง เขาไม่ได้ตามลงไปแต่ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ๆ ก็รู้ว่านาห์มคงกำลังอาบน้ำอยู่ และเมื่ออาบน้ำเสร็จนาห์มก็ขึ้นมาที่ห้องนอนอีกครั้ง จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเอลตะลึง นานๆจะได้เห็นผู้ชายเปลือยสักที เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ล้วงเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ยกกล่องพลาสติกใบหนึ่งออกมา วางมันลงที่โต๊ะตัวเล็ก และเปิดฝากล่องด้านบนออก เอลซึ่งจ้องดูอยู่ก็นึกไปถึงอาวุธปืนขึ้นมาทันที อาวุธปืนคือสิ่งผิดกฏหมายซึ่งผู้คนในยุคนี้ไม่มีสิทธิ์ครอบครองนอกเสียจากเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อาวุธได้เท่านั้น ดังนั้นการที่คนธรรมดาอย่างนาห์มมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองจึงเป็นเรื่องประหลาดมาก
เมื่อนาห์มหยิบของนั้นขึ้นมาจากกล่อง เอลก็ตกใจอ้าปากค้าง อาวุธปืนพกกระบอกเล็กถนัดมือกระบอกหนึ่งอยู่ในมือของนาห์ม
“เฮ้ย จะเอาไปฆ่าคนจริงๆหรือนี่”
นาห์มกระชับปืนยกขึ้นมาเสมอที่หูและจ่อปากกระบอกปืนเข้าไปในรูหู
“จะฆ่าตัวตาย...ไอ้บ้า..ไม่ได้นะอย่านะ...”
นาห์มอยู่ในท่าพร้อมจะระเบิดสมองตนเอง
เอลตกใจจนตัวสั่น เขาไม่คิดว่านาห์มจะกล้าฆ่าตัวตาย แต่เห็นแบบนี้แล้วคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว
“ไอ้บ้าอย่านะ...”
เอลเร่งสปีดความเร็วเพื่อรั้งเวลาให้นานขึ้นเพื่อจะมีเวลาตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จะปรากฏตัวเข้าห้ามเจ้านี่หรือจะปล่อยให้มันระเบิดสมองตัวเองตายต่อหน้าต่อตาไป ถ้าห้ามก็ต้องถูกพบเห็นแน่ ความลับของเขาก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
แต่เขาได้ความคิดใหม่แล้ว ใช่สิ เขามีเวลาพอที่จะเอาปืนออกจากมือได้นี่นา จะสงสัยก็ช่างปะไรสิ
เขาตัดสินใจจะใช้วิธีนี้ และจัดการเอาปืนออกมาจนได้
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่แล้วกลับต้องหน้าหงายเมื่อพบว่าปืนกระบอกนั้นเป็นเพียงปืนปลอม
“ไอ้บ้า...” เอลร้องด่าลั่น
เขาโดนหลอก ทิ้งตัวลงไปนั่งที่พื้นอย่างอ่อนใจ เมื่อคิดเรื่องโดนหลอก
มันจะหลอกได้ไง ก็มันไม่เห็นเรานี่นา
แต่เขากลับรู้สึกว่าเสียหน้ายังไงบอกไม่ถูก
“ไอ้บ้า แกทำแบบนี้ ทำไมกันวะ”
เอลแผดเสียงร้องใส่หน้านาห์มด้วยความโมโห แต่นาห์มก็ไม่ได้ยิน
หลอก...เป็นไปไม่ได้
เขาคิดว่านาห์มคิดหลอกเขาก็เมื่ออ่านใจดู ก็พบว่าในใจของนาห์มไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่สักนิด
จะบ้ากันใหญ่แล้ว…
เขาอ่านใจนาห์มอยู่ตลอดเวลา ถ้าคิดอะไรเกี่ยวกับเขาสักนิดก็จะรู้ได้ทันที
มันบ้าอะไรของมัน...โรคจิตนี่หว่า...
สักครู่นาห์มก็หย่อนตัวนอนหงายลงบนเตียง ปืนเด็กเล่นยังอยู่ในมือเพราะเอลยัดกลับเข้าไปที่มือแล้ว แต่นาห์มกลับดันตัวลุกขึ้นมายืนกลางห้องแล้วร้องลั่น
“ในที่สุดแกก็โผล่หัวออกมาจนได้นะ นึกอยู่แล้วเชียวว่าแกมีตัวตนจริงๆ แกจ้องมองฉันอยู่ตลอดเวลา ไอ้ปีศาจชั่วเผยตัวออกมาสิวะ แกแอบดูฉัน แกแอบเข้ามาในสมองฉันทำไม ต้องการอะไร ต้องการชีวิตฉันก็มาเอาไปสิ ”
ร้องจบก็มองไปรอบๆห้อง เอลตกใจไม่หายที่ได้ยินเสียงที่แผดออกมาด้วยความโมโห
เขาแปลกใจกับคำพูดของบรรณารักษ์หนุ่ม
หรือว่ามันรู้ว่าเราอยู่ในนี้... ไม่ใช่หรอก มันพูดถึงปีศาจอะไร หรือว่ามันโดนปีศาจคุกคามอยู่.. หรือไม่ก็คิดว่าเราเป็นปีศาจ
“ไม่ยอมออกมาใช่มั้ย ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยฉันก็ได้พิสูจน์ว่าแกมีตัวตนอยู่จริง แกจะเอายังไงกับชีวิตฉันก็เชิญเลย จะฆ่าก็ฆ่าเสียสิมัวรอช้าอยู่ทำไม แกปีศาจ..แกเป็นพวกมัน..ไม่งั้นแกคงล่องหนไม่ได้แน่”
เอลเดินออกมานอกห้องด้วยความงุนงงเป็นที่สุด
ยังไงของมันนะ..หรือว่ามันเห็นเรา มันรู้ว่าเรามีตัวตนอยู่ ทำให้เข้าใจผิดไปเองมีปีศาจคอยจ้องมองอยู่ และคิดจะหลอกให้เรามาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
มันมีสัมผัสเหนือมนุษย์ แต่มันไม่เห็นเรา แต่มันไม่ใช่พวกที่มีพลังเหนือมนุษย์นี่นา..ทำไมมันทำได้...
กลับดีกว่า..ไม่อยากเอาเรื่องเจ้านี่มารกสมองแล้ว...
เขาตัดสินใจกลับ ไม่ว่านาห์มจะรู้หรือไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ไว้แก้ไขเอาทีหลังก็แล้วกัน
เขาใช้พลังความเร็วออกมาจากที่นั่น ออกจากพลังและควบเจ้าสายฟ้าจากไปในทันที
เอลหารู้ไม่ว่านาห์มซึ่งยืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นสองมองเห็นตัวตนของเขาขณะที่กำลังเร่งเครื่องมอเตอร์ไซด์คู่ใจจากไป
“เจ้านั่นคือพวกปีศาจหรืออะไรกัน..”
นาห์มเห็นเอลแล้วและปักใจเชื่อในทันทีว่าเอลคือปีศาจ บรรณารักษ์หนุ่มรู้สึกคั่งแค้นแต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้
“เจ้าชั่วแกต้องการอะไรกับฉัน แกทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ทำไมกัน”
นาห์มมาหยุดยืนอยู่ในห้องน้ำ ถอดแว่นตาออกและมองเงาตนเองในกระจก เขาไม่มองรูปลักษณ์ของตนเองแต่กลับมองทะลุผ่านเข้าไปถึงจิต เขาคือคนซึ่งความทรงจำหลงหาย แต่ก็หวนกลับคืนมาบ้างแล้ว เขารู้ว่ามีตัวตนของอะไรบางอย่างคอยติดตามเขาอยู่
การที่เขาเป็นแบบนี้เป็นเพราะปีศาจกระทำเขา เขาเชื่อว่าเอลเป็นปีศาจ แม้เขาจะเคยพานพบเอลอยู่หลายครั้งแต่เขากลับจำเอลไม่ได้ เขาสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นเอลที่ห้องสมุด เขารู้ดีว่าเอลมีพลังอำนาจเร้นลับ จนกระทั่งเขามาถึงบ้านก็สัมผัสได้ว่ามีใครสักคนซึ่งเขามองไม่เห็นตามเขาเข้ามาในบ้าน
เขาจึงแกล้งทดสอบด้วยการเอาปืนปลอมออกมาและทำให้ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขามองไม่เห็นนั้นมีอยู่จริง
สัมผัสของเขาทำงานได้ดั่งพวกเหนือมนุษย์
…………………………………………………………
ความคิดเห็น