คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 6 คลื่นลูกใหม่
คลื่นลูกใหม่
“สนับสนุนผมด้วยครับพ่อแม่พี่น้อง เลือกตั้งผู้ว่าครั้งนี้โปรดให้โอกาสผมรับใช้พี่น้องด้วยครับ”
เสียงดังจากเครื่องขยายเสียงผ่านลำโพงดังอยู่ที่ถนนหน้าบ้านของล้องก์ ทำให้เอลและล้องก์ซึ่งกำลังเคลิ้มๆ อยู่ตกใจตื่นขึ้นมา
“หนวกหูเสียจริง”
เอลบ่น เขาดีดตัวขึ้นมานั่งทันที แต่ก็ตาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นโยฮันผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการ
“เอล..โยฮันมาหาเสียง”ซอนนี่ร้องบอกเอลจากหน้าระเบียง
เขาลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงหน้าบ้าน ล้องก์ก็วิ่งตามมา
ที่ระเบียง เอลเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาอ่อนวัยของโยฮัน หน้าตาของเขาคมสันเหมือนดาราหนัง หวีผมเรียบแปล้ยืนอยู่บนรถสองชั้นที่สร้างไว้สำหรับหาเสียง มีบอดี้การ์ดชุดดำอยู่ห้าหกคนห้อมล้อม และยังมีนักการเมืองท้องถิ่นอีกสองสามคนออกมาช่วยโยฮันหาเสียง
โยฮันร่างสูงโปร่งในสูทสง่างามสีมังคุดหาเสียงกับผู้คนซึ่งกำลังเดินอยู่บนทางเท้า เขายกมือทักทายชาวบ้านที่ให้ความสนใจ บางคนในรถยนต์ข้างทางก็เปิดกระจกโผล่ศีรษะออกมาชูมือเชียร์ คนเดินถนนบ้างก็ยืนห้อมล้อมส่งเสียงให้กำลังใจที่ฟุตบาทกันเป็นระยะๆสลับกับเสียงโยฮันที่ร้องขอเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านร้านถิ่นในบริเวณนั้น
เอลยืนมองโยฮันซึ่งยืนอยู่ในระดับสายตา ชั้นสองของรถหาเสียงกับระเบียงบ้านของลองก์นั้นอยู่ในระดับใกล้กันมาก แต่โยฮันยังมองไม่เห็นเอลแม้จะอยู่ห่างกันไม่ถึงสี่ห้าเมตรก็ตาม
จู่ๆ เอลเกิดอยากอ่านใจของโยฮันขึ้นมา
พวกนักการเมืองคิดอะไรกันบ้างนะ...
ทุกครั้งที่เขาคิดอ่านใจคน เขารู้สึกผิด แต่ว่าสำหรับชายตรงหน้านี้ เขารู้สึกว่าคงไม่เป็นไรเพราะนักการเมืองคือบุคคลสาธารณะต้องมีความโปร่งใสและจริงใจ การอ่านใจก็ไม่น่าจะผิดสักเท่าใด
แต่เขาต้องตกใจเพราะพบว่าไม่สามารถอ่านใจโยฮันได้
หรือว่าไกลเกินไป ไม่น่าจะใช่
เขายกมือทั้งสองข้างป้องหูเผื่อว่าอาจจะได้ยินเสียงบ้าง
“เอ๊ะ เอ๊ะได้ยิน...ใช้ได้แล้วนี่นา...”
เอลร้องออกมาโดยลืมไปว่ามีล้องก์และซอนนี่ยืนจับราวระเบียงอยู่ข้างๆ
“พร่ำอะไร ได้ยินอะไร” ล้องก์บ่นด้วยความสงสัย
“เปล่า…ไม่มีอะไร” เอลพูดกับล้องก์แต่สายตายังคงจับจ้องที่โยฮันเพื่ออ่านใจ แต่จู่ๆโยฮันก็หันหน้ามาประสานสายตากับเขาพอดี โยฮันจำเขาได้
เอลรู้เพราะกำลังอ่านใจโยฮันอยู่
อยู่บ้านนี้หรือนี่...
เอลแปลกใจที่โยฮันยังจำเขาได้ เขาอ่านใจโยฮันได้ว่า
เด็กนั่นน่าจะช่วยเป็นหัวคะแนนให้เราได้...
อย่ามาขอเสียงจากฉันนะ ฉันยังเลือกตั้งไม่ได้..
“ให้โอกาสผมด้วยนะครับน้องๆแม้ว่าจะเลือกตั้งไม่ได้ ก็ช่วยบอกต่อให้พ่อแม่และญาติให้โอกาสผมด้วยครับ” โยฮันใช้วิธีหาเสียงแบบเข้าถึงทุกวัย พูดไปก็โบกไม้โบกมือให้เอลและล้องก์
เอลคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่นักการเมืองต้องการเสียงจากประชาชนให้สนับสนุนตน แต่มีนักการเมืองจำนวนมากที่ต้องการเสียงสนับสนุนโดยไม่สนวิธีการ พวกใช้อิทธิพลในการหาเสียงก็มีไม่ใช่น้อย
สำหรับโยฮันคนนี้ เขาไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน เขาไม่อยากอ่านใจคนอื่นอีก ก็เลยหยุด จะทำน่าเกลียดโดยล้วงลึกเกินไปก็คงไม่ดี เสียมารยาท
ดูจากโพลหลายสำนักโยฮันผู้นี้ได้รับคะแนนนำท่วมท้น ความใหม่สดมือสะอาดทำให้เขาดูเหนือกว่าคู่แข่งอีกห้าคนชนิดนำโด่งทิ้งห่างไปเพียงคนเดียว
ที่สุดรถหาเสียงคันนั้นได้พาโยฮันและคณะเคลื่อนที่ออกไป
เอลกำลังคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะเบนเข็มไปเป็นนักการเมืองแบบโยฮันก็เป็นได้ ...ในสภาจะมีพวกเหนือมนุษย์สักคนก็คงไม่แปลก
“คนมีความสามารถอย่างนาย ไม่เพียงแค่ผู้ว่าราชการมหานคร นายกนายก็ยังเป็นได้เลยเอล”
ล้องก์พูดพลางตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ แล้วจึงเดินไปนอนบนเตียง
คำพูดของล้องก์ทำให้เอลแปลกใจ
เจ้านี่มันอ่านใจฉันได้หรือนี่..
“งงอะไรเหรอ..” ล้องก์ถาม
“ไปหาอะไรกินดีกว่าฉันหิว” เอลพูดขึ้นและเดินออกไปจากห้องทันที ล้องก์ลุกขึ้นและวิ่งตามไปทันที
…………………………………………………
“นายคนนั้นจะสู้ผมได้อย่างไรกันครับพี่น้อง ผมมีประสบการณ์โชกโชน วันนี้ผมโดดมาชิงชัยตำแหน่งผู้ว่าราชการมหานครเกรนาด้าก็เพื่อจะได้รับใช้พี่น้องทุกท่านได้อย่างทั่วถึง พวกท่านจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยการพัฒนามหานครแห่งนี้ให้น่าอยู่ยิ่งๆขึ้น ผมไม่เชื่อว่าพวกมือใหม่หัดขับจะสู้ผมได้ ฝีมือของผมประจักษ์สายตาพวกท่านมานักต่อนักแล้ว ดูอย่างวันนี้สิครับ เขายังไม่กล้ามาสู้หน้ากับผมเลย ขอบคุณทุกท่านที่เสียสละมาฟังคำปราศรัยของผมครับ ขอบคุณครับ”
“เฮ้ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
เมื่อคำปราศรัยของนายฟีเลโมนคู่แข่งคนสำคัญของโยฮันสิ้นสุดลง เสียงไชโยโห่ร้องก็ดังทั่วเพนโดร่าฮอลล์ ในศูนย์กลางประชุมใหญ่เมโซยองในเขตนีโอทาวน์ เสียงปรบมือยังดังไม่หยุดหลายนาที
นายฟีเลโมนเป็นเพียงคนเดียวที่ฮึกเหิมกล้าต่อกรกับกระแสนิยมคนหนุ่มไฟแรง
ฟีเลโมนวัยสี่สิบห้ายกแขนขึ้นเหนือศีรษะเหมือนกำลังแสดงชัยชนะให้กับตนเองก่อนที่จะเดินลงจากเวทีปราศรัย เขาสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาล วันนี้กรมการเมืองจัดรายการปราศรัยและโต้เวทีครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้สมัครมาดีเบตกัน แต่ปรากฏว่าโยฮันไม่มา
“นายกลัวฉันหรือโยฮัน ทำไมไม่มา”
ฟีเลโมนร้องเย้ยโยฮันใส่หน้ากล้องถ่ายทอดสดของทีวีช่องสาม
โยฮันซึ่งอยู่ที่ห้องพักชั้นสี่สิบของตึกเอ็มไพร์สออฟเดอะซัน ตึกสูงระฟ้าในนีโอทาวน์ เขาเห็นภาพของฟีเลโมนในจอทีวีก็รู้สึกโมโห
“คนอย่างแกไม่เท่าไหร่หรอก ฟีเลโมน บ่นไปเถอะ ฉันไม่สนใจแกหรอกเว้ย ถ้าไม่มีพรรคอนุรักษ์นิยมหนุนหลัง แกก็แค่เศษสวะคนหนึ่ง” โยฮันส่งเสียงดังด้วยความโมโห
“มีเรื่องอะไรหรือคะ” ลอร่าภรรยาในชุดนอนสีแดงเพลิงเดินมาคลึงไหล่ของเขาทางด้านหลังโซฟา
“ไม่มีอะไรหรอก ผมกำลังเวทนาเจ้านั่น” โยฮันตอบ สายตายังคงจ้องที่จอทีวีอยู่
“อย่าไปใส่ใจเขาเลย ไม่ไปโต้กับเขาดีแล้วค่ะ ปล่อยให้เขาเห่าไปเถอะค่ะ” ลอร่าสนับสนุน
“คุณพ่อหนุนคุณเต็มที่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ งานนี้ถึงไม่ไปคุณก็ชนะอยู่แล้ว”
“สำหรับตอนนี้ข่าวดีสำหรับคุณคืออะไรทราบไหมคะ”
“ข่าวดีอะไรครับ” โยฮันหันหน้ามองลอร่า
“คุณกำลังจะเป็นพ่อแล้วนะคะ” ลอร่าก้มหน้าโน้มตัวลงมาประสานสายตากับเขา
“จริงหรือลอร่า วิเศษที่สุด” โยฮันร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ไม่นึกว่าคุณจะชอบเด็ก ฉันคงจะกลายเป็นยัยท้องโย้ไปอีกเก้าเดือนเชียวนะแต่ทำไงได้เพื่อคุณฉันยินดีมีลูกให้คุณค่ะ ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณนะคะไม่ว่าจะมีอุปสรรคอย่างใดฉันเชื่อว่าคุณต้องทำได้แน่นอน”
ลอร่าให้กำลังใจสามีอย่างเต็มที่ เธอเดินมาหย่อนก้นนั่งลงที่ข้างๆโยฮัน
“เอาเถอะผมจะไม่ให้คุณทำอะไรอีกแล้ว ดูแลลูกของเราให้ดีก็แล้วกันนะ”โยฮันกอดภรรยาสุดที่รักไว้ด้วยแขนสองแขน
“ฉันรักคุณค่ะ”
“ผมก็รักคุณเช่นกัน”
โยฮันมองหน้าภรรยาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความห่วงหาอาทร แต่ในใจของเขายังคงคิดแค้นใจฟีเลโมนคู่แข่งคนสำคัญนั้นอยู่ แม้ใจของเขาจะเชื่อมั่นในตนเองสักเท่าใด แต่แว่บหนึ่งที่เข้ามาในสมองของเขาก็คือความกลัว กลัวว่าพอเอาเข้าจริงฟีเลโมนอาจจะทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่าก็ได้
จะประมาทมันไม่ได้เด็ดขาด.....
..........................................................................................................................
ที่หอสมุดแห่งมหานครเกรนาด้าซึ่งสูงยี่สิบห้าชั้น ตัวตึกคือสถาปัตยกรรมแบบโกธิคทั้งตึก
เอลเดินขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่ใกล้ๆ เขาหยุดยืนเอามือบังแสงแดดที่แยงตาของเขาเพื่อมองดูตึกสูงนั้นตั้งแต่ชั้นล่างจนไปถึงชั้นบน และนี่คงเป็นตึกไม่กี่ตึกในเมืองที่ผสมผสานเอกลักษณ์ในสไตล์โกธิคกับศิลปะสมัยใหม่ นานๆ เขาถึงจะมาที่นี่เพื่อหาข้อมูลในการทำรายงาน ถึงแม้เขาจะหาข้อมูลต่างๆได้จากในอินเตอร์เนตแล้วก็ตาม แต่บางครั้งการหาข้อมูลจากหนังสือในห้องสมุดนั้นให้ความรู้ที่ลุ่มลึกมากกว่า เขาคิดเช่นนั้น
หอสมุดแห่งชาตินี้แบ่งเป็นสองโซน โซนแรกคือห้องสมุดตั้งอยู่ที่กราบซ้ายเป็นที่รวบรวมหนังสือมากมายที่มีอยู่ในโลกนี้ มีหนังสือเกือบทุกภาษาที่ใช้อยู่ในโลกแยกเป็นโซนๆ ว่ากันว่ามีหนังสือจำนวนมหาศาลอยู่ในหอสมุดนี้ โดยมีเนื้อที่เกือบหนึ่งหมื่นตารางเมตรบนหลายชั้นของตึก ส่วนอีกโซนที่กราบขวาของตึกเป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆ มีเนื้อที่ครอบคลุมประมาณสิบชั้น
เอลยื่นมือไปดันเปิดประตูกระจกเพื่อเข้าห้องสมุดแต่กลับพบกับชายคนหนึ่งผลักประตูออกมาอย่างแรง เมื่อต่างคนต่างผลักประตูเข้าหากันจึงปะทะกันทำให้ต่างคนต่างเซไปคนละทาง เมื่อทรงตัวได้ชายคนนั้นจึงดึงประตูเข้าไปทางด้านใน
เอลรู้สึกอารมณ์เสียแต่ชายคนนั้นกลับก้มศีรษะขอโทษแล้วรีบเดินลงบันไดไป
เขามองตามเงาหลังของชายผู้นั้นไปและเมื่อเข้ามาด้านใน ก็มองเห็นป้ายที่ติดกระจกซึ่งเขียนไว้ว่า “ผลัก” จึงรู้ในทันทีว่าเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดเพราะเขาต้องดึงประตูเข้าหาตัว ทำให้เขาสงสัยว่าทำไมชายผู้นั้นถึงต้องขอโทษเขาด้วยนะ เขาสั่นศีรษะด้วยความไม่เข้าใจหยิบบัตรผ่านเสียบเข้าไปยังทางผ่านเข้าห้องสมุดและเดินเข้าไปยังโซนหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ
สักครู่ชายหนุ่มคนนั้นก็เปิดประตูเดินเข้ามาในตัวตึกพร้อมหอบหนังสือหลายเล่มไว้ที่หน้าอก ขณะนั้นเอลกำลังใจจดใจจ่อหาหนังสือที่ตั้งใจจะมาหาข้อมูล แต่เขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนนั้นกำลังเดินมาหาที่โต๊ะบรรณารักษ์โต๊ะที่สามและนั่งลงทำงาน
เขาเป็นบรรณารักษ์ของที่นี่นี่นา ทำไมคุ้นหน้าจังนะ....
................................................................................................................................
ความคิดเห็น