คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 5 เรื่องลับของครูสาว
เรื่องลับของครูสาว
ช่วงสายของวันอังคาร
ที่ห้องประชุมใหญ่ในโรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ล
เอลยืนสง่าบนเวทีด้วยชุดสูทสีน้ำเงินชุดเดียวกับที่ขอยืมล้องก์ใส่ไปในงานลีโอเมื่อสองคืนที่แล้ว เขากำลังนำเสนอรายงาน “การเฝ้ามองชีวิตช่วงสุดท้ายของนักโทษประหาร” แก่นักเรียนชั้นมัธยมปลายชั้นเดียวกันทุกห้อง ครูแฟรงค์นั่งยิ้มภูมิใจในการนำเสนอรายงานของเขาอย่างมาก
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เอลเล่าเรื่องเกี่ยวกับลีโอให้ทุกคนฟัง เด็กส่วนใหญ่นั่งฟังเขาอย่างใจจดใจจ่อ บางคนก็แลคเชอร์บ้าง บางคนก็กระซิบวิพากย์วิจารณ์ เด็กสาวหลายคนนั่งปลื้มในทักษะการพูดของเอล
ที่ด้านหลังของเอลเป็นจอภาพมัลติมีเดียขนาดใหญ่ที่มีภาพข่าวที่เอลเก็บมาจากข่าวในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ตั้งแต่วันที่ลีโอถูกจับกุมจนถึงวันประหารชีวิต มีล้องก์และซอนนี่เป็นผู้คอยควบคุมสไลด์ให้เป็นไปตามบท ผิดๆถูกๆ นอกบทไปก็หลายครั้งจนเอลหันมาเหล่ แอนนาเองก็นั่งฟังด้วยความสนใจพร้อมทั้งแลคเชอร์
เอลมองหน้าใสๆของแอนนาจนเสียสมาธิไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็จบรายงานนั้นได้อย่างสวยงาม
เสียงตบมือกึกก้องหอประชุม
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับรายงานชิ้นนี้ครับ ขอบคุณครับ”
เอลกล่าวขอบคุณทุกคนในห้องประชุม
“เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
สองเพื่อนซี้ลองก์และซอนนี่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่เสียงของทั้งสองดันออกไมค์ไปเสียนี่ ครูแฟรงค์ก็พูดออกไมค์เช่นกัน
“ขอเชิญนายลองก์กับนายซอนนี่ไปพบครูที่ห้องพักครูในตอนบ่ายด้วยนะ”
ลองก์และซอนนี่สะดุ้งโหยง
“โดนดีอีกแล้วหรือนี่ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า”
เอลและเพื่อนๆต่างพากันระเบิดหัวเราะพร้อมกันอย่างสนุกสนานดังลั่นห้องประชุมนั้น
..........................................................................................................
เย็นนั้น
ครูแคททาลีนกำลังเดินอยู่ถนนมอร์แกนซึ่งตัดกับถนนมินามินัมเบอร์วันซึ่งถนนซึ่งแยกจากถนนหน้าโรงเรียนประมาณห้าป้ายรถเมล์
สีหน้าของเธอดูเฉยเมยเศร้าหมองเหนื่อยหน่ายกว่าทุกวัน ถ้ามีใครสักคนสังเกตุดีๆจะพบว่าน้อยครั้งที่จะได้เห็นรอยยิ้มของครูสาวผู้นี้
เธอเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณสองกิโลเมตร บ้านของเธอเป็นตึกแถวอยู่ในบริเวณตลาดสดลองเวย์ซึ่งจอแจทั้งวัน เธอมักจะเดินเข้าซอยลัดเพื่อที่จะเข้าทางด้านหลังของตึก เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เพียงหลายอาทิตย์
จู่ๆ เธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมาจับแขนของเธอไว้
“แคทคุณอยู่ที่นี่เอง ผมตามหาคุณแทบพลิกแผ่นดินเชียว”
ชายหนุ่มร่างอ้วนหน้าเกลี้ยงเกลาอายุราวสามสิบเศษหน้าซื่อตาตกดีใจอย่างมากที่ได้พบกับเธอ
ครูสาวจ้องมือของชายอ้วนที่ดึงแขนของเธออยู่ ทำให้เขารู้สึกตัวรีบปล่อยมือทันที
“ขอโทษนะครับ”
ครูสาวขมวดคิ้วหน้าตาน่ากลัว ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากพบหน้าเขาเลยสักนิด
“ตามหาใครพลิกแผ่นดิน..” ครูสาวถามด้วยเสียงห้วนๆ ใบหน้าเฉยเมยไม่ยอมสบตาชายอ้วน มองไปทางอื่นเหมือนเขาไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้น
“พูดอะไรกันแคท ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ ล้อกันเล่นหรือเปล่า”
ชายอ้วนพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“ฉันไม่รู้จักคุณ จำผิดคนหรือเปล่าคะ”
“คุณทิ้งงานที่โรงพยาบาลแล้วมาเป็นครูโดยไม่บอกกล่าว ผมเฝ้าเพียรพยายามตามหาคุณ คุณไม่น่าจะทำเหมือนไม่รู้จักผมนะ ผมเสียใจนะ”
“เสียใจอะไรของพี่ ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน พี่ไม่เข้าใจหรือ” ครูสาวตวาด
“ผมหวังดีกับคุณนะ โดยเฉพาะกับแม่” ชายอ้วนรู้สึกไม่พอใจที่ถูกตวาดแบบนั้น ครูสาวกลับหันหลังไม่ยอมมองหน้าชายอ้วนแต่ก็ยังไม่เดินจากไป
“ไปเสียเถอะพี่ ฉันไม่อยากพบพี่อีกแล้ว ไปเสียเถอะ” เธอหันกลับมา“ฉันไม่อยากเห็นหน้าพี่อีก”
“ผมทำอะไรผิดเหรอ แค่ผมสงสัยอะไรบางอย่างในตัวคุณเท่านั้นคุณก็หนีมาเสียแล้ว ยกโทษให้ผมเถอะนะ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณโกรธ ผมแคร์คุณมากนะครับ” ชายอ้วนอ้อนวอนด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“พูดอะไรแบบนั้น สงสัยฉันเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องนั้นยังไงจำไม่ได้หรือ..”
“ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้นสักหน่อย” ครูสาวเสียงดังขึ้นอีก “พี่คิดบ้าอะไรของพี่ ฉันพยายามจะไม่พูดถึงมันแล้วนะ แต่นี่พี่กลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก”
ชายอ้วนรู้สึกว่ายิ่งพูดเรื่องในอดีตก็ยิ่งทำให้เรื่องยิ่งไปกันใหญ่
“ผมขอโทษ ผมทำทุกอย่างไปเพราะผมห่วงใยคุณนะครับ ผะ ผะผมรักคุณนะ”
“ฉันไม่ได้รักพี่ ตั้งแต่เด็กแล้ว พี่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ไปห่างๆจากชีวิตฉันดีกว่า ไปให้พ้นๆซะไป”
ครูสาวไล่อย่างไม่มีเยื่อใย จากคำพูดของเธอคล้ายกับว่ามีความสัมพันธ์กันมายาวนานตั้งแต่เด็ก แต่เวลานี้แม้ความเป็นเพื่อนสำหรับเธอก็เป็นเรื่องยากที่จะให้กับชายอ้วนเสียแล้ว มันเรื่องอะไรกัน...
“ฉันรักเธอ ยังไงเสียฉันก็รักเธอ”
ชายอ้วนไม่ยอมจากไปง่าย เขายืนลังเลชั่วขณะแล้วรวบรวมความกล้ากางแขนพุ่งเข้ากอดรัดครูสาวอย่างไม่ให้ตั้งตัวได้ทัน แต่ทว่าเขากลับโดนศอกของเธอเข้าเต็มหน้า
“โอ๊ยยยยย”
“สมน้ำหน้า”
“ทำไมทำกับผมอย่างนี้ ผมทำอะไรผิดหรือครับ โอย” ชายอ้วนเอามือลูบใบหน้าที่แดงกล่ำเพราะโดนศอกของครูสาว
“ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน ทุกวันนี้ฉันยังแย่ไม่พออีกหรือ ไปให้พ้นนะ ไปให้พ้นเจ้าอ้วน”
เมื่อถูกตวาดไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ชายอ้วนกลับได้สำนึกยืนคอตกนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ฉันไม่มีวันรักคุณได้ บอกแล้วไงว่าถ้าแม่ฉันไม่ฟื้นฉันก็จะเป็นโสดตลอดไป”
ชายอ้วนเดินคอตกหันหลังกลับไปอีกทาง แต่ก็ไม่วายจะหันหลังกลับมาดูครูสาวอีกครั้ง
“ผมรักคุณ ไม่มีเงื่อนไขอะไรมาห้ามความรักของผมได้หรอกนะ จำไว้”
พูดจบเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป
บางครั้งคำพูดดีๆก็ไม่มีความหมายสำหรับคนที่ไม่ยอมเข้าใจมัน เหมือนกับครูสาวในเวลานี้ คงไม่มีวันที่ชายอ้วนจะสมหวังกับความรักที่มีต่อเธอได้เลย ตัวเขาเองน่าจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ก็ยังทนตามตื้ออยู่ได้
เธอไม่ได้รักฉันเลยหรือ.. ชายอ้วนถามตนเองขณะที่เดินจากไปอย่างยากเย็น
“เธออ้างเรื่องแม่ประจำ.. แต่วันนี้อยู่ไปก็รังแต่จะทำให้เธอเหม็นขี้หน้าเข้าไปใหญ่ ไว้วันหลังมาหาใหม่ดีกว่า”
ชายอ้วนนั้นรู้จักนิสัยครูสาวเป็นอย่างดี เขารู้จักเธอมาตั้งแต่เด็ก เรื่องแค่นี้เขาพอรู้ว่าควรจะหลบฉากไปตั้งหลักก่อนจะดีกว่า
..............................................................................................................................
“เราไม่น่ารุนแรงกับเค้าเลย”
มีหยดน้ำตาเล็กที่ลูกตาด้านซ้ายไหลลงมาหนึ่งหยด เธอเสียใจที่ทำกับชายอ้วน ปากของเธอไม่ตรงกับใจ”
มีคนรักและจริงใจแบบนี้ ยังไล่เขาไปอีกหรือนี่ ช่างทำได้ลงคอ...
ที่เธอทำเช่นนี้เพราะมีเหตุผล ชายอ้วนคิดไม่ออกว่ามีเหตุผลอันใดที่ทำให้เธอไม่ยอมรับรักเขา
“ขอโทษนะพี่”
ครูสาวมองไปที่มุมห้องแสงแดดในยามเย็นที่ส่องเข้ามาก็ทำให้เห็นขาของใครบางคนในท่านั่งราบกับพื้นห้องในมุมมืด
“แม่จ๋า หนูกลับมาแล้ว แม่ไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไมกันคะ”
ครูสาวร้องเรียกแม่ เดินเข้าไปและก้มลงโอบกอดแม่ไว้แน่น
“แม่จ๋าขอโทษนะที่ทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียวแบบนี้” เธอน้ำตาไหลพรากมองใบเห็นอันเหี่ยวย่นของมารดาซึ่งตาทั้งสองข้างปิดอยู่ แม่ของเธอนั่งหลับเสื้อผ้าหลุดลุ่ย เธอมีอายุประมาณเจ็ดสิบปีเศษ
....................................................................................................
ช่วงสายของวันเสาร์
วันพักผ่อนที่เอลชอบมากที่สุดถ้าเทียบกับวันอาทิตย์ เอลในชุดกางเกงขาสั้นนอนอ่านการ์ตูนเล่นอยู่บนเตียงในห้องนอนชั้นสองที่บ้านของล้องก์ ซอนนี่ก็อยู่ที่นั่นและกำลังใช้สมาธินั่งเล่นเกมอยู่ ขณะที่เจ้าของบ้านกำลังนำผลไม้ใส่จานเดินขึ้นมาจากชั้นล่าง
“เอ้ากินซะ เดี๋ยวค่อยออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”
“แกเลี้ยงนะล้องก์ เดือนนี้เงินฉันหมดแล้ว”
เอลพูดเรื่องเงินหมดกับล้องก์ประจำจนล้องก์ไม่สนใจแล้ว แต่จู่ๆ มีเด็กสาวคนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา เธอคือเดน่าน้องสาวของล้องก์นั่นเอง จุดเด่นของเธอคือผมทองสลวย
“ทำไม!ขึ้นมาทำไม”
“หนูจะขอลายเซ็นพี่เอล” เดน่าอ้อนส่งสายตาน่าสงสาร
“จะเอาไปทำอะไรกัน เอลเค้าไม่ได้เป็นนักร้องนักแสดงเสียหน่อย ไป ไปลงไปซะ นี่คือห้องชายหนุ่มไม่อนุญาตให้เด็กสาวขึ้นมา”
เอลลุกขึ้นเดินไปหาเดน่า
“ไหน ไหนอยากให้เซ็นที่ไหนเหรอ”
“เซ็นที่นี่นะคะพี่เอล”
เดน่าผมทองยื่นรูปของเอลที่เธอแอบถ่ายที่โรงเรียนมาให้เอลเซ็น เอลเห็นรูปถ่ายนั้นก็แปลกใจ
“เธอนี่ไม่เบาเลยนะแอบถ่ายฉันตอนไหนไม่ยักกะรู้แฮะ”
เขาพูดพลางเซ็นลายเซ็นลงในรูปใบนั้น
“นั่นคือรูปถ่ายที่ดีเลยนะ ได้ข่าวว่าเธออยู่ชมรมถ่ายรูปเหรอ สนุกหรือเปล่า”
“เพื่อนๆหนูอยากเจอพี่เอล อยากให้พี่เอลไปติวคณิตศาสตร์ให้ด้วยนะคะ”
“เมื่อไหร่ก็บอกได้นะเดน่า” เอลไม่ปฏิเสธ
“ขอบคุณค่ะ” เดน่าค้อมศีรษะขอบคุณและวิ่งออกไป ล้องก์ปิดประตู เอลจึงเดินกลับมานอนที่เดิม
“นี่จะบ้าหรือเอล ว่างนักหรือไงทีฉันไม่เห็นจะยอมติวให้สักที แหมกะสาวๆ ตามใจกันจังนะ อยากหลีสาวๆห้องยัยเดน่าใช่มั้ยล่ะ” ล้องก์กัดเอลซึ่งนอนอ่านการ์ตูนอย่างไม่สนใจ
“ตั้งแต่วันที่ไปเรือนจำกระทบไหล่คนดังและออกทีวีดังไปทั่วเมืองเลย ทีวียังตามมาสัมภาษณ์ถึงโรงเรียน เวลานี้นายดังไปทั่วเมือง ฉันอิจฉาบ้างไม่ได้หรือ” ล้องก์พูดด้วยความอิจฉา
พูดจบก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างๆเอล แต่เอลกลับนอนหลับตาไม่สนใจ
…....................................................................................................................................................
ความคิดเห็น