คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 2 พบแอนนา
พบแอนนา
เจ็ดโมงเช้า ที่หน้าโรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ล
เอลมาโรงเรียนเช้ากว่าปกติ ทำให้ใครๆรู้สึกผิดปกติ โมจิและโมงิสองพี่น้องฝาแฝดห้องเอเดินผ่านหน้าของเขาไป ทั้งคู่กำลังคุยเรื่องเขาอยู่
“วันนี้ฝนตกแน่”
“ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมันเดินกับพวกเจ้าล้องก์เลย สงสัยมันคงเลิกคบกันแล้วมั้ง”
“อย่างมันน่าจะโดนไล่ออกนะ ทำไมไม่เห็นไล่มันออก”
จู่ๆ โมจิก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเอลจ้องมองมา
“มันรู้ว่าเรานินทามันเหรอ..”
สองพี่น้องฝาแฝดหันไปมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา
“อยู่ไกลขนาดนี้มันจะได้ยินได้ยังไงโมงิ”โมจิพูด “แหมมันไม่มีหูทิพย์หรอกน่า”
แล้วทั้งคู่ก็รีบเดินหนีเอลไป เอลยังคงฟังสองพี่น้องซึ่งยังคงนินทาต่อ
“และตำรวจนั่นก็เป็นพี่ชายของแอนนาห้องจีด้วยล่ะ เห็นว่าจะเป็นยอดนักสืบตาทิพย์เดลคนนั้น”
เอลสงสัยว่าเดลมาทำคดีนี้ทำไม
แค่คดีคนหายนะทำไมต้องถึงมือเจ้านั่น..
เขาใช้ความคิดเพลินจนเบรคไม่อยู่
“โอ๊ะ”
เขาไปชนกับบั้นท้ายของใครบางคนอย่างแรง เอลได้สติคว้าแขนไว้ได้ทันก่อนที่เธอคนนั้นจะล้มลงไปกับพื้น
เอ๊ะ...
“ขอโทษนะ..” เอลขอโทษอ้าปากค้างรีบปล่อยมือออกเมื่อพบว่าเธอคือแอนนา
“.......”
แอนนาพูดไม่ออกก้มหน้าบ่นพึมพำยืนชะงักค้าง
ใจลอยไม่เข้าเรื่องเลยเรา..
เธอนึกว่าเธอเองที่เป็นฝ่ายเดินมาชนเอล เธอจึงก้มหน้าตำหนิตนเอง
ยิ่งไม่อยากเจออยู่ด้วย.....
เธอรีบเดินหนีจากไปทันที พลางคิดว่าทุกวันนี้ขณะอยู่ในโรงเรียนเธอก็ระมัดระวังที่จะไม่เดินให้ไปเจอเอลและเพื่อน เพราะเธอยังทำใจกับเรื่องน่าอับอายในวันนั้นไม่ได้
“เอ๊ะ”
เธอก็ถึงกับตกตะลึงตากลมโต เมื่อเห็นมือของเอลจับอยู่ที่ข้อมือของเธอ
“เอามือออกไปนะ”
เธอร้องด้วยความโมโหและสะบัดมือให้เอลปล่อยมือ
“อ๊ะ”
เอลรีบปล่อยมือและพูดขึ้น
“ขอโทษนะ..”
เอลก้มหน้าพูดขอโทษ และแอนนาเองก็หันไปทางอื่นเช่นกัน
“จะทำไมอีกล่ะ”
“ขอโทษกับเรื่องทั้งหมดนะ”พูดจบก็รีบเดินหนีจากไปทันที
เป็นครั้งแรกที่เอลกล่าวขอโทษผู้อื่นอย่างจริงใจ
“เลิกคิดเรื่องนั้นได้มั้ย”แอนนาหลับหูหลับตาพูดออกไปโดยไม่รู้ว่าเอลเดินไปไกลแล้ว
หันมาอีกทีก็มองไม่เห็นเอลแล้ว
เอลไปยืนอมยิ้มในที่ลับตาแอบมองแอนนาอยู่ เขาได้ยินคำพูดของแอนนาแม้ว่าอยู่ไกล
คำว่าเลิกคิดเรื่องนั้นได้มั้ย แสดงว่าเธอน่าจะหายโกรธเขาแล้ว เขาเบิกบานใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในลึกๆ แล้วเขารู้สึกดีใจที่แอนนาเลิกโกรธเขาแล้ว
เขาเดินคิดเรื่องแอนนาจนมาถึงหน้าห้องพักครู เมื่อมองเข้าไปในห้องก็พบครูแคทาลีนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ ครูสาวมองสวนออกมาพอดีทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง
เธอยิ้มให้เขา ทำให้เขาเกิดอยากรู้ว่าครูสาวเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมา ที่ผ่านมาครูผู้นี้มักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน
แต่วันนี้ทำไมยิ้มได้ล่ะ...
เอลคิดขณะที่กำลังอ่านใจครูให้รู้ว่า ยิ้มเพราะอะไร ยิ้มกับใครกัน.. ข้างหลังก็ไม่เห็นมีใครสักหน่อย
ทำไมอ่านไม่ได้...
พลังอ่านใจกลับใช้ไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะเพ่งจิตอย่างไรก็อ่านใจครูสาวไม่ได้
“ไม่ได้เรื่อง พลังงี่เง่านี่” เอลร้องอย่างโมโห
แต่จู่ๆ ก็มีใครมาสะกิดข้างหลัง เขาหันหลังกลับไปก็พบ่าเป็นครูแฟรงค์
“พลังอะไรงี่เง่าหา”
“ไม่มีอะไรครับครู”
เอลรีบเดินจากไป
เขาคิดว่าการเดินไปชนแอนนาเมื่อครู่นี้อาจจะเป็นเพราะดวงสมพงศ์กันมากกว่า หรือว่าเป็นพรหมลิขิตให้เขารับรู้ว่าเธอได้ยกโทษให้กับเขาแล้ว
แต่อีกความคิดหนึ่งดันปรากฏขึ้น
เข้าข้างตัวเองมากไปแล้วนะเอล เธอน่ะเกลียดแกจะตายไป พึงสังวรณ์ไว้ด้วยเจ้าโง่..
……………………………………………………………
ก่อนเที่ยงสิบนาที
ที่ห้องอาหารของโรงเรียน
เอลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารยาวกำลังเงยหน้าดูรายงานข่าวจากจอทีวีบนผนังอาคาร มือขวาถือช้อนค้างไว้
“ยังไม่พบเงื่อนงำที่เกี่ยวกับคดีนักเรียนสาวชั้นมัธยมต้นซึ่งโดดตึกตายเมื่อสามวันที่แล้ว หลังจากที่ได้พบว่าเธอเป็นนักเรียนในโรงเรียนบียอร์นเชริ์ทซึ่งตั้งอยู่ในเขตนีโอทาวน์ และนี่เป็นรายที่สามในคดีเดียวในรอบห้าเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางตำรวจยังไม่สามารถคลี่คลายปมแห่งคดีลงได้ ส่งผลให้บรรดาโรงเรียนต่างๆในเขตนีโอทาวน์และโอลด์ทาวน์ต้องประกาศมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนในวัยใกล้เคียงกันซึ่งมีประมาณสองแสนห้าหมื่นคนเลียนแบบ ทั้งนี้ทางตำรวจสันนิษฐานว่าการที่เด็กนักเรียนโดยเฉพาะนักเรียนหญิงพากันกระโดดตึกตายนั้นมาจากทฤษฏีเลียนแบบมาตรการขั้นแรกของทางกระทรวงศึกษาก็คือจะให้นักเรียนหยุดการเรียนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้อยู่ในความดูแลของครอบครัวซึ่งอาจจะทำให้นักเรียนในกลุ่มเสี่ยงได้มีเวลาผ่อนคลายจิตใจให้สงบลง และขณะนี้ทางกรมสุขภาพจิตแห่งชาติได้เดินทางไปแนะแนวเด็กๆ ในโรงเรียนต่างๆทั่วเมืองหลวงแล้ว...”
“ไร้สาระที่สุด อยู่ดีๆ ไม่ว่าดีอยากตาย”
เอลรู้สึกหงุดหงิดกับข่าวนี้มาสองสามวันแล้ว แต่เขาก็ยังคงเงี่ยหูฟังต่อไป
“ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเด็กที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เป็นเด็กเรียนดี พ่อแม่มีฐานะดี ไม่พบปมเหตุใดใดในการก่อคดีฆ่าตัวตายสักรายเดียว”
ลองก์กับซอนนี่เดินถือถาดอาหารมานั่งตรงหน้าเอล
“ตำรวจมาสอบนายหรือเปล่า ฉันสองคนโดนแล้วล่ะ”
“เรื่องอะไร..”
“เรื่องของเอ็ทไง ตำรวจสงสัยว่าการหายตัวไปของเอ็ทมาจากฝีมือของเด็กในโรงเรียนก็เลยมาสืบหาข้อมูลจากพวกเราน่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ...”
เอลอารมณ์เสียทุกครั้งที่ใครพูดถึงเอ็ท ลองก์ชักเริ่มสงสัยว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
หรือว่าเอลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เอ็ทหายตัวไป มันเรื่องอะไรกันนี่...
เอลรู้ในทันทีว่าล้องก์สงสัยเขาเข้าแล้วเพราะเขาอ่านใจเพราะเขาอ่านใจล้องก์ไปแล้ว
กล้าสงสัยฉันรึ..
เขานึกโมโหล้องก์ แต่กลับนิ่งเงียบ จะดูสิว่าล้องก์จะคิดอย่างไรต่อ
“ตำรวจคงคิดว่าเอ็ทอาจจะถูกฆาตกรรมอำพราง และฆาตกรอาจจะเป็นเด็กในโรงเรียนเรานี่แหละ” ล้องก์เล่า
“คิดไปได้อย่างไรกัน” เอลโวย
“ตำรวจท่าจะดูหนังสยองขวัญฆาตกรรมมากไป” ซอนนี่พูดขึ้น
เอลชี้นิ้วสลับไปมาที่ลองก์ที ซอนนี่ทีจนสองคนสงสัยว่าชี้ทำไม แล้วมาหยุดที่ล้องก์
“นายใช่มั้ยที่ฆ่าหมกเจ้านั่นไว้ที่สวนสาธารณะหลังโรงเรียน ลองก์”
ล้องก์ตาเหลือกหน้าตื่นยกกำปั้นให้เอล
“จะบ้าหรือไง พูดบ้าๆ เดี๋ยวใครได้ยินคิดว่าเป็นเรื่องจริง...”
“ฉันแค่ลองคิดเล่นๆน่ะ แต่ถ้าพวกตำรวจคิดแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้เพราะตอนนี้มีคดีเกี่ยวกับเด็กมัธยมหลายคดีนี่นา” เอลอธิบาย
“หิวน้ำจัง ยังไม่ได้ซื้อน้ำเลย เงินหมดพอดี วันนี้นายเลี้ยงน้ำนะ วันนั้นฉันเลี้ยงน้ำนายไปแล้ว”
“จำไม่ได้ว่านายเคยเลี้ยงฉันนะเอล”
พูดจบเอลก็ลุกขึ้นมาลากมือลองก์
“ขี้ตู่อีกแล้ว” ลองก์ผลักเอลออกไป
“เลี้ยงหน่อยน่ะ หิวมากเลยลองก์”
“ก็ได้ๆ” ลองก์ลุกขึ้นเดินไปที่ร้านขายน้ำกับเอล
“เอ่อนี่ นายจะใส่ชุดอะไรไปดูการประหารชีวิตลีโอเหรอ” ลองก์ถาม
“ว่าจะขอยืมสูทของนายไง”
“ก็ได้ จะเอาไปมาให้พรุ่งนี้” ล้องก์ตาโตใส่เอล “อย่าทำขาดล่ะ”
......................................................................................................................................................
ความคิดเห็น