ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC: RedVelVet] INNOCENT [SeulRene]

    ลำดับตอนที่ #1 : [SHOT 1]

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 58



     

    SHOT1




    เธอจะไปร้านนมอีกแล้วเหรอ?” ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับเพื่อนสนิทของฉันที่อิมพอร์ตมาจากแคนาดาซึ่งกำลังขมวดคิ้วใส่ฉันหลังจากที่บอกว่าจะไปยังคาเฟ่ที่อยู่ด้านหน้ามหาลัยของพวกเรา

    ฉันเห็นเธอไปกินของหวานที่นั่นมากกว่าจะเป็นข้าวที่โรงอาหารมาสามวันติดแล้วนะ จะกินแทนข้าวจริงดิ?” ซึงฮวานยังคงถามฉันไม่เลิก จริงๆแล้วเธอจะพยักหน้าแล้วเดินกลับไปเหมือนซูยองก็ยังได้ แต่พอดีว่าเธอค่อนข้างจะเป็นพวกชอบใส่ใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง

     

    ก็ฉันไม่อยากอาหารเท่าไหร่นี่น่า

    เธอควรจะเอาโปรตีนใส่ร่างกายบ้างสิ

    ค่าแม่

     

    คังซึลกี! ฉันเป็นห่วงนะพอเห็นซึงวานทำหน้ายุ่งแบบจริงจังฉันก็หลุดขำออกมาอย่างเอ็นดู ซึงวานมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ทั้งร่าเริง และเป็นห่วงคนอื่นอยู่บ่อยๆ ไม่แปลกที่ใครๆจะหลงรักยัยแสนดีคนนี้ ฉันกับเธอเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ปลายยันปี 2 แล้ว ฉันรู้ดีหรอกน่า

     

    โอเคๆ ฉันสัญญา เย็นนี้ฉันจะไปเอาโปรตีนใส่ตัวตอนเย็นกับพวกเธอ โอเคมั้ย?” หลังจากพูดแบบนั้นซึงวานก็ดูจะพอใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ฉันโบกมือให้เธอก่อนจะบอกว่าไว้ค่อยเจอกันเมื่อถึงเวลาเรียนคาบบ่ายแล้วตรงไปยังประตูทางออกของมหาลัยของตัวเอง

     

    คาเฟ่ที่ฉันพูดถึงตรงอยู่ตรงข้ามกับมหาลัยของฉันเยื้องๆไปตรงหัวมุมถนน  ร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศคลาสสิกแบบที่ฉันชอบฉันไม่ได้โบราณอะไรขนาดนาฬิกาคุณปู่หรอกนะ แค่ชอบสะสมอะไรที่มันเก่าๆ เพราะมันดูเก่าแบบมีราคาต่างหาก

     

    กรุ้งกริ่ง~~

     

    เสียงกระดิ่งที่คุ้นเคยสำหรับฉันดังขึ้นทุกครั้งที่ฉันเปิดมัน ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆตัวร้านที่ไม่ใช่แค่ฉันมานั่งในนี้ นักศึกษาหลายคนก็มานใช้เวลาพักเที่ยงที่นี่อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน และมันก็เหมือนทุกๆวันที่จะมีนักศึกษาผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเพราะนักร้องชายที่กำลังดีดกีต้าร์อยู่บนแท่นโชว์เล็กๆนั่นร้องเพลงให้ลูกค้าฟังเช่นเคย

     

    กรี๊ด จองกุกหล่อชะมัดเลยเธอ

    คนอะไรจะขยับไปทางไหนก็ดูน่ารักไปหมด~~”

     

    นั่นเป็นประโยคเคยชินที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่เข้ามาในคาเฟ่นี้เมื่อขึ้นปีสองใหม่ๆ จอนจองกุก เป็นที่รู้จักกันในฐานะนักศึกษาปีหนึ่งที่มีความสามารถเป็นเลิศเกี่ยวกับดนตรี เขาค่อนข้างจะป็อปทีเดียวแหละ แต่ก็นะ นี่ไม่ใช่คนที่ฉันเล็งเอาไว้สักหน่อย

     

    คิดถูกแล้วค่ะ ที่ฉันมาคาเฟ่นี่บ่อยๆจนซึงวานบ่นเพราะฉันแอบชอบคนๆหนึ่งอยู่

     

    คนที่ฉันชอบเขาเป็นเจ้าของร้านค่ะ ชื่อว่าเบ

     

    อ้าว ซึลกี

    พ..พี่จูฮยอนฉันตอบเสียงสั่นไปเล็กน้อยเพราะตกใจเนื่องจากว่าฉันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายเข้ามายื่นเงยหน้ามองฉันในระยะ15 เซนติเมตรตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างบางตรงหน้ายิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางของฉันซึ่งคิดดูแล้วมันคงจะตลกสิ้นดี

    มายืนบื้ออยู่หน้าประตูร้านพี่ทำไม จะไม่ให้คนอื่นเข้าร้านหน่อยเหรอคะ?”

    ประโยคของเธอทำให้ฉันระลึกสติได้ว่ายืนอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว จึงส่งยิ้มแหะๆไปให้ก่อนจะไปหาที่นั่งมุมเดิมที่ฉันและพรรคพวกเคยมานั่ง

     

    เอาขนมปังเนยกับชามะนาวใส่น้ำผึ้งเหมือนเดิมใช่หรือเปล่าคะยังไม่ทันที่ฉันจะได้จัดแจงท่านั่งหรือเอ่ยปากอะไรออกไปผู้หญิงที่สวมผ้ากันเปื้อนสีแดงทำเสื้อเชิ้ตสีขาวก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเล็กๆเช่นเคย ฉันพยักหน้ารับและนั่งมองพี่เขาไปรับออเดอร์จากโต๊ะอื่นๆระหว่างรอมื้อกลางวันของตัวเอง

     

    พี่เบจูฮยอน หรือ ไอรีนในแบบที่ฝรั่งอย่างซึงวานเรียก เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ที่ฉันกำลังนั่งอยู่ตอนนี้ อายุมากกว่าฉันและเรียนจบแล้ว เพราะก่อนหน้านี้คาเฟ่ที่นี่เมื่อตอนปีหนึ่งคุณนายเบมารับช่วงแทนเพราะลูกสาวของเธอยังคงเรียนมหาลัยอยู่ และทันทีที่เธอเรียนจบก็มารับช่วงต่อกลายเป็นเจ้าของร้านเต็มตัวเมื่อได้ไม่นาน และฉันก็เพิ่งได้พบพี่เขาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เองแหละ..

     

    หน้าตาภายใต้กรอบแว่นกลมๆดูน่ารักจนผู้หญิงตาชั้นเดียวอย่างฉันแอบอิจฉา รวบผมสีเข้มขึ้นไว้เป็นหางม้าไหวไปมาเกลี่ยกับแผ่นหลัง  ริมฝีปากเล็ก สันจมูกโด่งเข้ากันดี เรือนร่างบอบบางเข้ากับส่วนสูงได้พอดิบพอดีดูน่าถะนุถนอม แต่ถึงแม้จะตัวเล็ก ฉันก็แอบจินตนาการอยู่บ่อยๆว่าใต้เนื้อผ้าพวกนั่นมันคงจะมีของดีอยู่แน่ๆ

     

    หวาย….ซึลกี เอาอีกแล้วนะ!

     

    ไม่สบายเหรอคะ?” เสียงของพี่จูฮยอนทำให้ฉันลืมตาและเอามือที่ลูบหน้าตัวเองเพราะความเขินออก กระพริบตาปริบๆหมองหน้าพี่เขาหลังจากที่เสิร์ฟจานขนมปังสองแผ่นและชามะนาวใส่น้ำผึ้งให้กับฉัน เพราะแทนที่พี่เขาจะกลับไปรับออเดอร์คนอื่นๆ พี่จูฮยอนดันนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับฉันแทน

     

    อ อ๋อเปล่าค่ะ ฉันแค่มัวคิดอะไรนิดหน่อยตอบกลับไปส่งๆเพราะพี่เขาคงจะไม่นึกสงสัยหรือถามอะไรอยู่แล้ว

     

    แต่ผิดคาด เมื่อพี่จูฮยอนเท้าคางและเอียงคอนิดๆ พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานนิดๆ จ้องหน้าฉันแทนเสียอย่างนั้น

    ม มีอะไรเหรอคะฉันพูดเมื่อมันเกิดความเงียบนานเกินนาทีเพราะพี่จูฮยอนเอาแต่จ้องหน้าฉันและยิ้มอยู่แบบนั้นจนฉันแอบปวดกล้ามเนื้อตรงแก้มแทน ก่อนจะคว้าขนมปังเข้าปากเพราะไม่รู้ตัวว่าควรจะทำยังไงในตอนนี้ดี

     

    พี่แค่สงสัยน่ะซึลกีมากินขนมร้านพี่แทบจะทุกมื้อ แต่ซึลกีไม่อ้วนเลยนะคะนี่พี่เขาแอบมองฉันหรือไงถึงได้รู้ว่าฉันไม่มีพุงน่ะ ยัยซูยองกับซึงวานใช้มันเป็นหมอนออกบ่อยจะตาย

     

    ฉันไม่ได้ผอมขนาดที่พี่คิดหรอกค่ะ ฉันเป็นพวกออกแก้มน่ะ

    “…แต่พี่ชอบแก้มแบบนี้นะไม่พูดเปล่า พี่จูฮยอนยังยื่นมือมาหยิกแก้มฉันเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาปาดอะไรบางอย่างที่มุมปากของฉัน

     

    และส่งนิ้วที่เปื้อนเนยน้อยๆนั่นแตะลงบนลิ้นเล็กๆของตัวเองช้าๆราวกับรู้ว่าฉันกำลังมองอยู่  เล่นเอาขนมปังทาเนยที่อยู่ในปากฉันเกือบไม่ขยับลงไปที่กระเพาะเลยทีเดียว

     

    ...ฉันพนันได้เลยว่าหน้าฉันมันต้องเผลอแดงออกมาแน่ๆ

     

    ดูท่าว่าที่นั่งตรงนี้จะค่อนข้างร้อนนะคะฉันสาบานได้ว่าฉันเห็นพี่จูฮยอนกำลังหัวเราะเยาะฉัน และฉันก็ทำได้เพียงแค่หยิบชามะนาวมาจิบแก้อาการฟืดคอไปเท่านั้น แต่พอเห็นพี่จูฮยอนพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังก็พอทำให้บรรยากาศตะกุกตะกักแบบนี้คลายลงไปได้

     

    แต่ว่า เราน่ะ กินของหวานเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพหรอกนะ

    พี่พูดเหมือนซึงวานเลยนะคะ นี่ก่อนมาก็ฉันก็โดนว่าเรื่องนี้เหมือนกัน ฮ่ะๆฉันหัวเราะเพราะว่านึกถึงเพื่อนสนิทที่ชอบทำตัวเป็นเหมือนคุณแม่ แต่อยู่ๆบรรยากาศรอบตัวของฉันก็เงียบลงสะเฉยๆเกินนาที ราวกับใครมาปิดสวิตซ์เครื่องทำความร้อน ทำให้ฉันเงยหน้าจากแผ่นขนมปังขึ้นไปมองคู่สนทนาคนสวย แต่ก่อนที่จะได้พูดหรือสงสัยอะไร พี่จูฮยอนก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหันกลับไปรับออเดอร์คนอื่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

    ลูกค้าคงจะเข้าร้านเยอะเลยไม่มีเวลาพูดสักวิเลยล่ะมั้ง

     

     

    เนื้อย่าง~~เนื้อย่าง~~” ซูยองและซึงวานร้องเพลงอย่างมีความสุขหลังจากที่เราเรียนคลาสสุดท้ายของวันเสร็จเรียบร้อยและตรงไปที่ร้านเนื้อย่างกัน

     

    เฮ้อ~

    แต่ในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องของพี่จูฮยอนอยู่เลย

     

    เพราะตั้งแต่ตอนนั้นแม้กระทั่งตอนจ่ายเงินพี่จูฮยอนยังไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ

     

    คงไม่ได้ทำอะไรผิดไปใช่มั้ยเนี่ย

     

    อ้ะ!!จู่ๆซูยองก็อุทานออกมาเสียงดังในตอนที่เราเดินออกมาใกล้กับทางออกมหาลัยแล้ว และมันก็ทำให้ฉันสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดในที่สุด

     

    ฉันลืมแท็บเล็ตไว้ที่คลาสของอ.ฮ่าฮ่า เวนดี้ ไปเป็นเพื่อนฉันทีไม่ได้ถามไถ่ความสมัครใจของเพื่อนสนิทเธอเลยสักนิด เพราะซูยองคว้าข้อมือของซึงวานแล้วดึงไปโดยที่เจ้าตัวไม่ลืมโวยวายเสียงดัง

    ทำไมฉันต้องไปด้วยเล่า!

    ก็ฉันกลัวสายตาอ.ฉันถึงได้ให้เธอไปกลัวเป็นเพื่อนกันไง รอตรงนี้ก่อนนะตึลกี แปบเดี๋ยว!ฉันทั้งโบกมือให้ซูยองและพยักหน้ายิ้มๆให้ซึงวานอย่างนึกสงสาร เตะเท้ารอเพื่อนทั้งสองคนและกวาดสายตามองนักศึกษาที่พูดกันเรื่องเรียนหนักจนเวลาล่วงเลยถึงหกโมงเย็นเช่นวันนี้

     

    แต่ว่าสายตาของฉันดันมองไปยังคาเฟ่ที่ถ้าเป็นปกติตอนเย็นฉันคงจะไปนั่งเล่นที่นั่นก่อนกลับบ้านเพื่อมองหน้าพี่จูฮยอนก่อนนอนให้หลับฝันดี แต่เพราะว่าวันนี้คาเฟ่ที่น่ารักนั่นกลับปิดก่อนเวลานั่นแหละที่ทำให้ฉันนึกสงสัย

     

    มีอะไรหรือเปล่านะ?

     

    แต่ยังไม่ทันที่ฉันได้คิดถึงคำตอบ ผู้หญิงคนหนึ่งกลับเดินออกมาจากประตูทั่วไปในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิง และเธอกำลังชะเง้อหน้ามองหาแท็กซี่สักคัน

     

    พระเจ้า คนอะไรสวยขนาดนี้

     

    แต่ว่า

     

    นั่นมันพี่จูฮยอนไม่ใช่เหรอ!!

     

    โฮลี่ มอลลี่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่จูฮยอน

     

    ไวกว่าความคิดฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าขาของฉันกำลังวิ่งไปที่หน้าร้านคาเฟ่นั่นโดยไม่มีเหตุผล เพียงแต่ต้องการจะดูให้แน่ใจว่านี่คือคนคนเดียวกันกับพี่จูฮยอนที่ฉันรู้จัก

     

    หมับ!

     

    อ้ะ!...ซึลกีเมื่อฉันคว้าหมับเข้าที่แขนและเจ้าของแขนหันหน้ามา มันก็ทำให้ฉันต้องหยุดนิ่ง เพราะใบหน้าที่ถึงแม้จะถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์แบบเต็มยศฉันก็รู้ทันทีว่านี่แหละใช่!

    พี่จูฮยอน นี่พี่กำลังจะไปไหนคะ? แล้วทำไม..ถึงได้…” ฉันไล่มองพี่เขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องผิดมารยาทแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ ผมสีเข้มที่เคยรวบหางม้าเอาไว้ตลอดถูกปล่อยคลอเคลียกับซอกคอขาวและแผ่นหลังที่เดรสสีแสบตานี่แหวกให้เห็น เรียวขาที่ฉันเคยชื่นชมผ่านกางเกงสกินนี่แบบยืดในเวลาทำงานตอนนี้ฉันก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ริมฝีปากเล็กๆที่ฉันเคยแอบมองถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีเข้ม และความมั่นใจที่แผ่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ของผู้หญิงคนนี้

     

    นี่คือเบจูฮยอนตัวจริงเสียงจริงงั้นเหรอ

     

    ในระหว่างที่ฉันกำลังมองการแต่งกายและลุคที่เปลี่ยนไปของเธอ เจ้าของแขนก็สะบัดมือฉันออก เลื่อนมันไปไขว้กันไว้ตรงหน้าของอกตัวเองแล้วหันหน้าหนี

     

    ไม่ใช่เรื่องของเธอ ฉันจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

     

    น้ำเสียงแบบนี้คงจะโกรธอยู่แน่ๆ ว่าแต่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย..เฮ้อ

     

    ก็ได้..ฉันไม่อยากรู้เรื่องนั้น แต่อยากรู้เรื่องนี้

    “…”

    พี่โกรธอะไรฉันคะ?”

     

    นิ่งไปอึดใจใหญ่กว่าผู้หญิงตรงหน้าฉันจะหันกลับมา และสาบานได้เลยว่าฉันไม่เคยเห็นพี่จูฮยอนเหยียดยิ้มแล้วรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย

     

    อยากรู้ก็ไปกับฉันสิ





    ___________________________________

    ผลงานอื่นๆเกี่ยวกับrvvอยู่ในบอร์ดค่ะ :D 
    #ฟิคหมีไร้เดียงสา



    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×