ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tears of Dragon:The Curse of Bloodline

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 49


    Chapter 1

    บทนำ (The Beginning)

     

     

              ที่นี่มันที่ไหนเนี่ยผู้ชายผมสีแดงพูดกับตัวของเขาเอง

     

    ทุกสิ่งในนี้มืดไปหมดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แม้แต่นิดเดียว สิ่งมองเห็นอย่างเดียวตอนนี้คือตัวของเขาเอง ที่ยืนทามกลางความมืดมิดนี้ แต่แล้วก็มีแสงทีสว่างไสวปรากฎเพียงแห่งเดียวในความมืดมิดนี้ มีเสียงผู้หญิงพูดเบาๆออกมาจากแสงตรงนั้น

     

    ถึงเวลาแล้ว เวลาที่เจ้าต้องกลับไปที่โลกของเจ้าแล้ว เพราะ เขา ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เป็นเสียงของผู้หญิงที่คุ้นหูมากออกมาจากแสงสว่างนั้น

                   

    โลกของผม และเขาที่ว่านั้นเป็นใคร ผู้ชายผมสีแดงตอบกลับไป

                   

    เจ้าต้องกลับไปเพื่อที่จะไปหยุดเขาเสียงผู้หญิงค่อยๆ หายไปพร้อมแสงสว่างที่ค่อยๆ หรี่ลง

                   

    หยุดเขาเหรอ แล้วเขาเป็นใครตอบผมที

    ไม่มีเสียงตอบกลับจากคำถามที่เด็กหนุ่มถามออกไป ทุกอย่างกลับสู่ความมืดอีกครั้งหนึ่ง

     

    ตึ่ง ๆ ๆ ๆ

     

    อากค์ ตื่นได้แล้วไปมหาลัยสายแล้วเป็นเสียงเด็กหนุ่มที่คุ้นหูเขามากกำลังเคาะประตูอยู่

     

    เด็กผู้ชายผมสีแดงค่อยๆลุกขึ้นออกมาจากเตียง เขาเดินไปเปิดประตูให้ผู้ชายคนนั้น และเดินกลับไปหยิบผ้าเช็ดตัวของเขา

     

    ถ้าอาบน้ำตอนนี้ก็ไม่ต้องสอบแล้วเพื่อน ไปแต่งตัวเถอะมีสอบวิชาเดียวเองผู้ชายผมสั้นสีดำ บอกกับเขา

     

    อากค์มองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องเขา ใจเย็นน่าเรย์ เพิ่ง 8 โมงเอง สอบตอน 9 โมงครึ่งไม่ใช่เหรอไม่เห็นต้องรีบเลย เขาบอกกับเพื่อนของเขาและเตรียมตัวที่จะเข้าไปอาบน้ำ แต่เขาสังเกตเห็นว่านาฬิกาของเขาไม่เดิน

     

    เขาหันไปยิ้มให้เพื่อนของเขา คุณเรย์ครับตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอครับ อากค์ถามเรย์ในน้ำเสียงที่รู้สึกผิดมาก

     

    ตอนนี้ 9 โมงแล้วครับคุณชายนิทรา ให้ไวเลยนะ เรย์พูดประชดพร้อมกับออกจากห้องของอากค์

    แม้ว่าอากค์จะไม่เคยจับเวลาในการแต่งตัวของเขา แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่เร็วมากเพราะเขาใส่กางเกงนักศึกษาพร้อมกับเสื้อนักศึกษาของเขาได้ หลังจากนั้นเขาก็ไปหยิบสร้อยที่สลักเป็นชื่อของเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า Ark มันเป็นสร้อยเส้นเดียวที่พ่อแม่ของเขาเหลือไว้ให้ เขาเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาในสถานเลี้ยงดูเด็กกรำพร้าพอเขาโตขึ้นพร้อมกับผมของเขาที่เป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆและสีของดวงตาก็เป็นสีแดงเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับคนทั่วไป เขาไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องกีฬาหรือการเรียนของเขา แต่เขาโชคดีที่สามารถสอบชิงทุนไปเรียนมหาลัยแห่งหนึ่งได้และที่นั้นทำให้เขาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อว่า เรย์

     

    เรย์เป็นผู้ชายที่มาจากตระกูลผู้ดีและพ่อของแม่เขาก็ร่ำรวยมากด้วยธุรกิจส่งออก แต่นั้นก็ไม่ทำให้เขาเป็นคนหยิ่งหรือโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ชื่นชอบกับที่จะต้องไปตามงานเลี้ยงต่างๆที่พ่อแม่ของพวกพาเขาไปเขาไม่รังเกียจอากค์ที่อาจจะเกือบตรงข้ามเขาแทบจะทั้งหมด แต่นั้นกลับทำให้เขาทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้นไปอีก

     

    อากค์รีบปิดประตูห้องของเขาและวิ่งลงมาจากห้องพักของเขา เขาเห็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจอดอยู่ตรงด้านล่างห้องเช่าของเขา เขาแทบจะไม่ต้องคิดเลยเป็นรถของใคร เขารีบเปิดประตูและเขาไปนั่งในรถ

     

    ว่าแต่ทำไมตื่นสายจัง เมื่อวานนายไปทำอะไรมาเหรอ เรย์ถามอากค์พร้อมกับรีบขับรถยนต์ของเขาออกไป

     

    ทำงานพิเศษรอบดึกนะ เพิ่งทำงานได้ไม่นานยังปรับสภาพตัวไม่ค่อยทันอากค์ยิ้มให้เขา

     

    เดี๋ยวนี้นายดูแย่ลงนะ เป็นอะไรอีกหรือเปล่า เรย์ถามอากค์พร้อมกับต้องการให้เขาบอกอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากทีเขาได้พูดออกมา

     

    ไม่มีไรหรอก แค่ฝันแปลกๆ นะ อากค์พูดพร้อมนึกถึงสิ่งที่ฝัน เขารู้สึกเหมือนว่ามันไม่ได้เป็นแค่ความฝันธรรมดา

     

    ความฝันก็คือความฝันนะเพื่อน มันไม่น่าเอามาเครียดเลยนะเรย์พยายามพูดเพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

     

    เรย์ขับรถของเขาโดยที่ไม่สนสัญญานไฟจราจรว่าเป็นสีอะไร เขาขับรถเร็วจนทำอากค์ถึงกับตัวเกร็งเพราะความกลัวจะถึงแล้ว จับให้ดีๆนะ

     

    เรย์รีบเลี้ยวรถของเขาไปในที่จอดรถของมหาลัยโดยไม่มองดูว่ามีรถคันอื่นอีกหรือเปล่า นั้นทำให้ยามรักษาการณ์มองหน้าเขาแบบว่า จะรีบไปตายที่ไหนพอเรย์ได้ที่จอดรถแล้วรีบลงเขาจึงรีบลงจากรถพร้อมกับอากค์ ทั้งสองรีบวิ่งไปที่ชั้นเรียนที่เขากำลังทำการสอบอยู่ ซึ่งพอพวกเขาไปถึง ก็ไม่มีนักศึกษาคนอื่นๆอยู่หน้าห้องสอบเลยแม้แต่คนเดียว นั้นทำให้เขารู้ว่าการสอบได้เริ่มไปเรียบร้อยแล้ว การที่เขาห้องสอบสายนั้นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนักสำหรับนักศึกษา

     

     

    นายอยากเปิดประตูนี้เป็นคนแรกไหมเพื่อน เรย์หันหน้ามาถามอากค์แบบหน้าซีด

                   

    อากค์พยักหน้าและค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องสอบ แต่พวกเขาได้พบกับสิ่งที่พวกเขาไม่ขาดคิดมาก่อน เพราะไม่มีใครอยู่ในห้องสอบแม้แต่คนเดียวทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจมาก ซึ่งเขาดูนาฬิกาก็คงยังเป็นเวลาที่ต้องกำลังทำสอบอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มไปเพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้นเอง อากค์เดินไปเห็นกระดาษสีขาวแปะอยู่บนกระดานดำมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า

     

    ขอให้นักศึกษาย้ายไปสอบที่อาคารเรียนที่ 2 เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์เสียไม่ทำงาน

             

    ตายละเรย์ เขาย้ายไปสอบตึกอื่น

                   

    ซวยแล้วไง เดียวขอโทรหา แคลร์ก่อนนะ จะโทรไปถามว่าสอบที่ห้องไหนนะ เรย์พูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดออกมา

                   

    แคลร์ เหรอ นี้เรย์นะสอบห้องไหนเหรอ โอเค ขอบคุณมากเดียวเลี้ยงข้าวนะจ๊ะคนสวย

              ระหว่างที่เรย์คุยโทรศัพท์นั้นอากค์เขารู้สึกว่า ทุกสิ่งรอบๆตัวเขาค่อยๆมืดลง ทุกอย่างเหมือนที่เกิดขึ้นในความฝันของเขา มีแสงสว่างปรากฎออกมาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่สามารถมองหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้ อาจเป็นเพราะแสงที่ส่องมาจากทางข้างหลังของเธอ เธอพูดอะไรบางอย่าง เป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนเป็นการร่ายเวทมนต์อะไรสักอย่าง

     

    แต่นั้นทำให้อากค์รู้สึกแปลกอย่างมากเขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของเขาค่อยๆ ลอยสูงขึ้นเริ่อยๆ

                   

    พลังของเจ้าถูกผนึกเอาไว้ ถึงเวลาที่เจ้าถูกปลดปล่อยแล้ว ผู้หญิงลึกลับค่อยยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่อากค์ มือของเธอมีอักษรซึ่งเป็นอักษรที่อากค์ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเขียนไว้ทั่วมือของเธอ ทันได้นั้นเองอักษรจากมือของเธอนั้น มันเหมือนมีชีวิต มันวิ่งมาหาอากค์และอักษรเหล่านี้มาอยู่บนร่างของเขา มันวิ่งไปทั่วร่างของเขาไม่เว้นกระทั่งใบหน้า ทุกครั้งที่พวกมันเคลื่อนไหวไปทั่วตัวร่างกายของเขา สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมากต่อเขา จนไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป

                   

    นี่คุณทำอะไรผม แล้วคุณเป็นใครทำไมทำกับผมอย่างนี้

     

    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

                    อากค์ใจเย็นไม่เห็นต้องตะโกนเลย ถ้ารีบวิ่งไปก็ทันไปสอบสายแค่นี้ไม่โดนไล่ออกหรอก เรย์ตกใจที่อากค์ตะโกนออกมา

                   

    อากค์หายใจไม่สะดวก เหงื่อออกมาทั่วใบหน้าของเขา เขาตรวจดูร่างกายของเขาพื่อตรวจสอบดูว่าไม่มีอักษรเหล่านั้นอยู่บนร่างกายของเขา

                    นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่า เหงื่ออกเต็มเลยเรย์ยังคงตกใจที่เขาตะโกนออกมา

             

    ไม่เป็นไรหรอก รีบไปกันเดี๋ยวจะไม่ทันสอบ เขาพูดในขณะที่เหงื่อออกทั่วใบหน้าและหน้าตาซีดเซียว

                   

    ทั้งสอบรีบวิ่งไปที่ห้องสอบทันที่ พวกเขาเข้าห้องสอบสายทำให้ต้องโดนตัดคะแนนออกครึ่งหนึ่ง นั้นทำให้พวกไม่ได้รู้สึกดีนักกับวิชาที่เขาทำการสอบอยู่นั้นเป็นวิชาที่ไม่ถนัดมากนั้นคือ คณิตศาสตร์ เมื่อเวลาสอบหมดลง แม้อาจารย์จะบอกหมดเวลาในการสอบแล้วแต่ทั้งสองคนคงยังไม่ยอมวางปากกาลงเลย จนอาจารย์คุมสอบต้องมาดึงกระดาษข้อสอบออกไป ทั้งสองคนเดินออกจากห้องสอบไปในสภาพที่ดูแย่มากๆ

             

    เป็นไงละเธอสองคนมาสายเองนะ อาจารย์เขาไม่ได้ผิดหรอกเป็นเสียงผู้หญิ

     

    อ้าวแคลร์ เป็นไงบ้างทำข้อสอบได้ไหมเรย์ถามพร้อมยิ้ม

                   

    พอได้นะ ไม่ค่อยยากเท่าไรและวันหลังอย่าโทรศัพท์มาถามฉันตอนกำลังสอบอยู่อีกนะแคลร์บอกกับเรย์และเธอสังเกตเห็นว่าอากค์ดูไม่ค่อยดี ไม่เป็นไรหรอกอากค์แค่สอบเก็บคะแนนเองนะอย่าคิดมากเลยแคลร์พูดในน้ำเสียงทีห่วงเขาเป็นพิเศษ

             

    แคลร์เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อยดูแลเพื่อนๆของเธอตลอด เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มของอากค์ อาจเป็นเพราะนิสัยที่พูดตรงไปตรงมาของเธอที่ทำให้ไม่ค่อยมีผู้หญิงคนใดอยากพูดคุยกับเธอนัก แต่สำหรับพวกอากค์เธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งที่สามารถไว้ใจได้ในทุกๆเรื่อง

     

    ไม่เป็นไรแค่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยนะ อากค์ยังคงรู้สึกไม่ดี

                   

    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะไหนๆ วันนี้ก็มีสอบวิชาเดียวเอง ไปกินข้าวกันดีกว่าเดียวเรย์เลี้ยงเอง เดี๋ยวขอโทรหาอีกคนก่อนนะ ไม่มีเจ้านี้ด้วยกินข้าวไม่ค่อยอร่อย

             

    อย่าบอกนะ จะโทรหานายเจค นั้นไงเดินมานั้นแล้วไม่ต้องโทรแล้วละ แคลร์ถอนหายใจ

                    เจคเป็นผู้ชายที่ขี้บ่นเอามากๆ แต่เพื่อนของเขาต่างเข้าใจในลักษณะนิสัยของเขา ซึ่งถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่นั้นก็สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆของเขาได้

                   

                    ว่าไงเพื่อน หวังว่าเรื่องสอบคงทำกันได้นะ แล้วก็ไม่ต้องมาถามฉันนะว่าทำได้หรือเปล่าเจคทำท่าทางแบบเซงสุดๆ

                   

    เพราะนายทำไม่ได้มากกว่ามั้ง นายขี้บ่น แคลร์พูดเบาๆ

                   

    เจคได้ยินที่แคลร์พูด หมายความว่าไง เป็นสาวเป็นนางหาเรื่องผู้ชายหรือไงแลบก็แลบลิ้นใส่แคลร์เพื่อเป็นการกวนประสาทเธอ

                    เอาน่าไปหาไรทานกันเถอะ หิวแล้ว ไปทานข้าวที่หน้ามหาลัยดีกว่าเราเลี้ยงเองนะ อีกอย่างถ้าทะเลาะกันตอนนี้ นายอากค์คงหิวตายแน่ดูซิหน้าซีดเชียว

                   

    ชั้นเคยบอกนายแล้วนะอากค์ อย่าทำงานรอบดึก ไม่เคยจะฟังกันเลยนะเพื่อน เจคพูดแบบไม่พอใจ นี้ละน้าไม่ยอมฟังกันเป็นไงละต้องมายืนหน้าซีดอยู่อย่างนี้ แถมผมสีแดงของนายเนี่ยเชยมากเลยนะ ไปทำผมกลับเป็นสีดำเถอะ

                   

    ชั้นบอกนายกี่ครั้งแล้วนะว่าผมของฉันมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนะ อากค์บอกกับเขา

                   

    บ้าเหรอ แกเป็นคนชาติอะไรหือ ถึงเกิดมาผมสีแดง ไม่อยากเปลี่ยนสีผมกลับก็บอกซิ

                   

    ชั้นว่านายน่าจะผ่าหมาออกจากปากนายมั่งนะเจค แคลร์พูดสวนขึ้นมา

                   

    โอ๊ย ไม่ได้หรอกคนสวย เลี้ยงไว้เป็นคอกผ่ายังไงก็ไม่หมดหรอก หมอที่รับทำเขายังส่ายหน้าเลยเจคพูดจากวนประสาทกลับไป นั้นทำให้แคลร์โมโหมาก แคลร์ถึงกับด่าเจคไม่หยุดแต่เจคก็ทำท่าทางไม่ได้ยิน กวนประสาทแคลร์ไปเรื่อย ๆ

               

    เอาน่าหยุดเถอะทั้งสองคนนั้นแหละ ทะเลาะกับเจคชาตินี้ก็ไม่จบ ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่านะเรย์พยายามสงบศึก ว่าแต่พวกนายจะทานไรกันมีอะไรแนะนำไหมเจคเสริม

                   

    กินอาหารพวกหม้อไฟไหม วันนี้อากาศหนาวด้วยซิเจคบอกกับเขา

                   

    อืมก็ดีนะไปหาอะไรอุ่นๆทานกันดีกว่าเรย์พยักหน้าเห็นด้วยกับเจค

                   

    ฉันคงไปกับพวกนายไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายอีกอย่างเดี๋ยวตอนเย็นชั้นต้องไปทำงานพิเศษอีก อากค์บอกกับเพื่อนๆของเขา

                   

    นี้อากค์ ฉันยอมรับนะว่านายเป็นคนที่ขยันแต่บางครั้งคนเราต้องพักผ่อนบ้างนะแคลร์พูดกับเขา แต่ถ้านายไม่รักษาสุภาพเลยนี้ก็ไม่ได้นะ เงินที่หามาจะกลายเป็นค่ารักษานายตอนป่วยซะเปล่าๆเธอดูไม่พอใจ

                   

    นั้นซิ ไปหาอะไรอุ่นๆทานเพื่อจะดีขึ้นเรย์บอกกับอากค์ พร้อมกับลากตัวเขาไปที่ร้านสุกี้แถวมหาลัย ซึ่งเพื่อนของเขาอีกสองคนก็เห็นด้วยว่าเรย์ทำถูกแล้ว

                                   

    อากค์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เพื่อนๆ เป็นห่วงเขา แต่เขาก็ไม่อยากบอกเพื่อนๆของเขาว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้ป่วยหรือว่าเป็นอะไร เขาแค่รู้สึกอึดอัดที่หน้าอกของเขาและอีกอย่างที่เขาเป็นห่วงก็คือผู้หญิงคนนั้นเเป็นใครทำไมเธอต้องมาทำร้ายเขาด้วย ซึ่งเขาไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของเธอ

    ในระหว่างที่เรย์กำลังลากตัวของอากค์ไปร้านอาหารนั้น รอบๆข้างของเขาทั้ง สี่ คนค่อยๆมืดลง จนทำให้พวกเขามองอะไรไม่เห็นนอกจากพวกเพื่อนๆ ของเขาเอง นั้นทำให้เรย์ซึ่งกำลังลากอากค์อยู่นั้นถึงกับหยุดมองไปรอบๆ จู่ๆเธอคนนั้นปรากฏต่อหน้าอากค์และเพื่อนของเขา

                   

    ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับไปแล้วนะ อากค์เธอพูดในน้ำเสียงที่เบามาก

                   

    คุณเป็นใคร ทำไมคราวที่แล้วต้องทำร้ายผมด้วยอากค์ตะโกนกลับไป

                   

    เอ่อ เธอเป็นใครเหรออาคก์ ดูเหมือนนายสองคนจะรู้จักกันนะ เจคยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                   

    พลังของฉันใกล้หมดจะแล้ว ฉันไม่มีพลังพอที่จะส่งเพื่อนของเธอออกจากที่นี้ได้ เสียงของเธอค่อยๆเบาลงจนพวกอากค์แทบจะไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูด ไม่มีเวลาแล้ว การมาที่นี่ใช้พลังมากเกินไป เธอยกมือขอเธอขึ้นพร้อมกับแสงสว่างรอบๆ มือของเธอ แสงสว่างนั้นทำให้พวกเขาทั้งสี่คนไม่อาจลืมตาได้ การเดินทางของเธอได้เริ่มต้นแล้วนะอาคก์ ถ้าอยากรู้ว่าฉันเป็นใครการเดินทางของเธอจะพามาหาฉันเองเธอพูดกับหายตัวไป

     

    ทันใดนั้นเองพวกเขาทั้งสี่คนรู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูง ทั้งๆที่รอบตัวเขามีแต่ความมืด พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกทั้งสี่คนต่างมองหน้ากันซึ่งกันและกันซึ่งดูเหมือนว่าแคลร์กลัวมาก ส่วนเจคได้แต่ตะโกนบอกให้ช่วยเขา อากค์และเรย์ต่างพยายามไปช่วยเพื่อนๆของ

     

    พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีแสงสว่างอยู่ด้านล่างของพวกเขา พวกของอากค์ค่อยๆตกลงไปที่นั้นและ แคลร์ส่งเสียงร้องและสลบไป พวกเขาค่อยตกผ่านแสงสีขาวนั้นไปทีละคนทีละคนจนกระทั่ง

     

    แวปปปปปปปปปปปปปปปปป

    playSound(); showPoll();
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×