คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 บทนำ
Chapter 1
บทนำ (The Beginning)
“ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย” ผู้ชายผมสีแดงพูดกับตัวของเขาเอง
ทุกสิ่งในนี้มืดไปหมดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แม้แต่นิดเดียว สิ่งมองเห็นอย่างเดียวตอนนี้คือตัวของเขาเอง ที่ยืนทามกลางความมืดมิดนี้ แต่แล้วก็มีแสงทีสว่างไสวปรากฎเพียงแห่งเดียวในความมืดมิดนี้ มีเสียงผู้หญิงพูดเบาๆออกมาจากแสงตรงนั้น
“ถึงเวลาแล้ว เวลาที่เจ้าต้องกลับไปที่โลกของเจ้าแล้ว เพราะ ‘เขา’ ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว” เป็นเสียงของผู้หญิงที่คุ้นหูมากออกมาจากแสงสว่างนั้น
“โลกของผม และเขาที่ว่านั้นเป็นใคร” ผู้ชายผมสีแดงตอบกลับไป
“เจ้าต้องกลับไปเพื่อที่จะไปหยุดเ ขา” เสียงผู้หญิงค่อยๆ หายไปพร้อมแสงสว่างที่ค่อยๆ หรี่ลง
“หยุดเขาเหรอ แล้วเขาเป็นใครตอบผมที”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากคำถามที่เด็กหนุ่มถามออกไป ทุกอย่างกลับสู่ความมืดอีกครั้งหนึ่ง
ตึ่ง ๆ ๆ ๆ
“อากค์ ตื่นได้แล้วไปมหาลัยสายแล้ว” เป็นเสียงเด็กหนุ่มที่คุ้นหูเขามากกำลังเคาะประตูอยู่
เด็กผู้ชายผมสีแดงค่อยๆลุกขึ้นออกมาจากเตียง เขาเดินไปเปิดประตูให้ผู้ชายคนนั้น และเดินกลับไปหยิบผ้าเช็ดตัวของเขา
“ถ้าอาบน้ำตอนนี้ก็ไม่ต้องสอบแล้วเพื่อน ไปแต่งตัวเถอะมีสอบวิชาเดียวเอง” ผู้ชายผมสั้นสีดำ บอกกับเขา
อากค์มองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องเขา “ใจเย็นน่าเรย์ เพิ่ง 8 โมงเอง สอบตอน 9 โมงครึ่งไม่ใช่เหรอไม่เห็นต้องรีบเลย” เขาบอกกับเพื่อนของเขาและเตรียมตัวที่จะเข้าไปอาบน้ำ แต่เขาสังเกตเห็นว่านาฬิกาของเขาไม่เดิน
เขาหันไปยิ้มให้เพื่อนของเขา “คุณเรย์ครับตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอครับ” อากค์ถามเรย์ในน้ำเสียงที่รู้สึกผิดมาก
“ตอนนี้ 9 โมงแล้วครับคุณชายนิทรา ให้ไวเลยนะ” เรย์พูดประชดพร้อมกับออกจากห้องของอากค์
แม้ว่าอากค์จะไม่เคยจับเวลาในการแต่งตัวของเขา แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่เร็วมากเพราะเขาใส่กางเกงนักศึกษาพร้อมกับเสื้อนักศึกษาของเขาได้ หลังจากนั้นเขาก็ไปหยิบสร้อยที่สลักเป็นชื่อของเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘
เรย์เป็นผู้ชายที่มาจากตระกูลผู้ดีและพ่อของแม่เขาก็ร่ำรวยมากด้วยธุรกิจส่งออก แต่นั้นก็ไม่ทำให้เขาเป็นคนหยิ่งหรือโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ชื่นชอบกับที่จะต้องไปตามงานเลี้ยงต่างๆที่พ่อแม่ของพวกพาเขาไปเขาไม่รังเกียจอากค์ที่อาจจะเกือบตรงข้ามเขาแทบจะทั้งหมด แต่นั้นกลับทำให้เขาทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้นไปอีก
อากค์รีบปิดประตูห้องของเขาและวิ่งลงมาจากห้องพักของเขา เขาเห็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจอดอยู่ตรงด้านล่างห้องเช่าของเขา เขาแทบจะไม่ต้องคิดเลยเป็นรถของใคร เขารีบเปิดประตูและเขาไปนั่งในรถ
“ว่าแต่ทำไมตื่นสายจัง เมื่อวานนายไปทำอะไรมาเหรอ” เรย์ถามอากค์พร้อมกับรีบขับรถยนต์ของเขาออกไป
“ทำงานพิเศษรอบดึกนะ เพิ่งทำงานได้ไม่นานยังปรับสภาพตัวไม่ค่อยทัน” อากค์ยิ้มให้เขา
“เดี๋ยวนี้นายดูแย่ลงนะ เป็นอะไรอีกหรือเปล่า” เรย์ถามอากค์พร้อมกับต้องการให้เขาบอกอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากทีเขาได้พูดออกมา
“ไม่มีไรหรอก แค่ฝันแปลกๆ นะ” อากค์พูดพร้อมนึกถึงสิ่งที่ฝัน เขารู้สึกเหมือนว่ามันไม่ได้เป็นแค่ความฝันธรรมดา
“ความฝันก็คือความฝันนะเพื่อน มันไม่น่าเอามาเครียดเลยนะ” เรย์พยายามพูดเพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
เรย์ขับรถของเขาโดยที่ไม่สนสัญญานไฟจราจรว่าเป็นสีอะไร เขาขับรถเร็วจนทำอากค์ถึงกับตัวเกร็งเพราะความกลัว “จะถึงแล้ว จับให้ดีๆนะ”
เรย์รีบเลี้ยวรถของเขาไปในที่จอดรถของมหาลัยโดยไม่มองดูว่ามีรถคันอื่นอีกหรือเปล่า นั้นทำให้ยามรักษาการณ์มองหน้าเขาแบบว่า “จะรีบไปตายที่ไหน” พอเรย์ได้ที่จอดรถแล้วรีบลงเขาจึงรีบลงจากรถพร้อมกับอากค์ ทั้งสองรีบวิ่งไปที่ชั้นเรียนที่เขากำลังทำการสอบอยู่ ซึ่งพอพวกเขาไปถึง ก็ไม่มีนักศึกษาคนอื่นๆอยู่หน้าห้องสอบเลยแม้แต่คนเดียว นั้นทำให้เขารู้ว่าการสอบได้เริ่มไปเรียบร้อยแล้ว การที่เขาห้องสอบสายนั้นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนักสำหรับนักศึกษา
“นายอยากเปิดประตูนี้เป็นคนแรกไหมเพื่อน” เรย์หันหน้ามาถามอากค์แบบหน้าซีด
อากค์พยักหน้าและค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องสอบ แต่พวกเขาได้พบกับสิ่งที่พวกเขาไม่ขาดคิดมาก่อน เพราะไม่มีใครอยู่ในห้องสอบแม้แต่คนเดียวทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจมาก ซึ่งเขาดูนาฬิกาก็คงยังเป็นเวลาที่ต้องกำลังทำสอบอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มไปเพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้นเอง อากค์เดินไปเห็นกระดาษสีขาวแปะอยู่บนกระดานดำมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า
‘ขอให้นักศึกษาย้ายไปสอบที่อาคารเรียนที่ 2 เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์เสียไม่ทำงาน’
“ตายละเรย์ เขาย้ายไปสอบตึกอื่น”
“ซวยแล้วไง เดียวขอโทรหา แคลร์ก่อนนะ จะโทรไปถามว่าสอบที่ห้องไหนนะ” เรย์พูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดออกมา
“แคลร์ เหรอ นี้เรย์นะสอบห้องไหนเหรอ โอเค ขอบคุณมากเดียวเลี้ยงข้าวนะจ๊ะคนสวย”
ระหว่างที่เรย์คุยโทรศัพท์นั้นอากค์เขารู้สึกว่า ทุกสิ่งรอบๆตัวเขาค่อยๆมืดลง ทุกอย่างเหมือนที่เกิดขึ้นในความฝันของเขา มีแสงสว่างปรากฎออกมาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่สามารถมองหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้ อาจเป็นเพราะแสงที่ส่องมาจากทางข้างหลังของเธอ เธอพูดอะไรบางอย่าง เป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนเป็นการร่ายเวทมนต์อะไรสักอย่าง
แต่นั้นทำให้อากค์รู้สึกแปลกอย่างมากเขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของเขาค่อยๆ ลอยสูงขึ้นเริ่อยๆ
“พลังของเจ้าถูกผนึกเอาไว้ ถึงเวลาที่เจ้าถูกปลดปล่อยแล้ว” ผู้หญิงลึกลับค่อยยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่อากค์ มือของเธอมีอักษรซึ่งเป็นอักษรที่อากค์ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเขียนไว้ทั่วมือของเธอ ทันได้นั้นเองอักษรจากมือของเธอนั้น มันเหมือนมีชีวิต มันวิ่งมาหาอากค์และอักษรเหล่านี้มาอยู่บนร่างของเขา มันวิ่งไปทั่วร่างของเขาไม่เว้นกระทั่งใบหน้า ทุกครั้งที่พวกมันเคลื่อนไหวไปทั่วตัวร่างกายของเขา สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมากต่อเขา จนไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป
“นี่คุณทำอะไรผม แล้วคุณเป็นใครทำไมทำกับผมอย่างนี้”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
“อากค์ใจเย็นไม่เห็นต้องตะโกนเลย ถ้ารีบวิ่งไปก็ทันไปสอบสายแค่นี้ไม่โดนไล่ออกหรอก” เรย์ตกใจที่อากค์ตะโกนออกมา
อากค์หายใจไม่สะดวก เหงื่อออกมาทั่วใบหน้าของเขา เขาตรวจดูร่างกายของเขาพื่อตรวจสอบดูว่าไม่มีอักษรเหล่านั้นอยู่บนร่างกายของเขา
“นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่า เหงื่ออกเต็มเลย” เรย์ยังคงตกใจที่เขาตะโกนออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปกันเดี๋ยวจะไม่ทันสอบ” เขาพูดในขณะที่เหงื่อออกทั่วใบหน้าและหน้าตาซีดเซียว
ทั้งสอบรีบวิ่งไปที่ห้องสอบทันที่ พวกเขาเข้าห้องสอบสายทำให้ต้องโดนตัดคะแนนออกครึ่งหนึ่ง นั้นทำให้พวกไม่ได้รู้สึกดีนักกับวิชาที่เขาทำการสอบอยู่นั้นเป็นวิชาที่ไม่ถนัดมากนั้นคือ คณิตศาสตร์ เมื่อเวลาสอบหมดลง แม้อาจารย์จะบอกหมดเวลาในการสอบแล้วแต่ทั้งสองคนคงยังไม่ยอมวางปากกาลงเลย จนอาจารย์คุมสอบต้องมาดึงกระดาษข้อสอบออกไป ทั้งสองคนเดินออกจากห้องสอบไปในสภาพที่ดูแย่มากๆ
“เป็นไงละเธอสองคนมาสายเองนะ อาจารย์เขาไม่ได้ผิดหรอก” เป็นเสียงผู้หญิง
“อ้าวแคลร์ เป็นไงบ้างทำข้อสอบได้ไหม” เรย์ถามพร้อมยิ้ม
“พอได้นะ ไม่ค่อยยากเท่าไรและวันหลังอย่าโทรศัพท์มาถามฉันตอนกำลังสอบอยู่อีกนะ”แคลร์บอกกับเรย์และเธอสังเกตเห็นว่าอากค์ดูไม่ค่อยดี “ไม่เป็นไรหรอกอากค์แค่สอบเก็บคะแนนเองนะอย่าคิดมากเลย” แคลร์พูดในน้ำเสียงทีห่วงเขาเป็นพิเศษ
แคลร์เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อยดูแลเพื่อนๆของเธอตลอด เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มของอากค์ อาจเป็นเพราะนิสัยที่พูดตรงไปตรงมาของเธอที่ทำให้ไม่ค่อยมีผู้หญิงคนใดอยากพูดคุยกับเธอนัก แต่สำหรับพวกอากค์เธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งที่สามารถไว้ใจได้ในทุกๆเรื่อง
“ไม่เป็นไรแค่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยนะ” อากค์ยังคงรู้สึกไม่ดี
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะไหนๆ วันนี้ก็มีสอบวิชาเดียวเอง ไปกินข้าวกันดีกว่าเดียวเรย์เลี้ยงเอง เดี๋ยวขอโทรหาอีกคนก่อนนะ ไม่มีเจ้านี้ด้วยกินข้าวไม่ค่อยอร่อย”
“อย่าบอกนะ จะโทรหานายเจค นั้นไงเดินมานั้นแล้วไม่ต้องโทรแล้วละ” แคลร์ถอนหายใจ
เจคเป็นผู้ชายที่ขี้บ่นเอามากๆ แต่เพื่อนของเขาต่างเข้าใจในลักษณะนิสัยของเขา ซึ่งถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่นั้นก็สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆของเขาได้
“ว่าไงเพื่อน หวังว่าเรื่องสอบคงทำกันได้นะ แล้วก็ไม่ต้องมาถามฉันนะว่าทำได้หรือเปล่า” เจคทำท่าทางแบบเซงสุดๆ
“เพราะนายทำไม่ได้มากกว่ามั้ง นายขี้บ่น” แคลร์พูดเบาๆ
เจคได้ยินที่แคลร์พูด “หมายความว่าไง เป็นสาวเป็นนางหาเรื่องผู้ชายหรือไง” แลบก็แลบลิ้นใส่แคลร์เพื่อเป็นการกวนประสาทเธอ
“เอาน่าไปหาไรทานกันเถอะ หิวแล้ว ไปทานข้าวที่หน้ามหาลัยดีกว่าเราเลี้ยงเองนะ อีกอย่างถ้าทะเลาะกันตอนนี้ นายอากค์คงหิวตายแน่ดูซิหน้าซีดเชียว”
“ชั้นเคยบอกนายแล้วนะอากค์ อย่าทำงานรอบดึก ไม่เคยจะฟังกันเลยนะเพื่อน” เจคพูดแบบไม่พอใจ “นี้ละน้าไม่ยอมฟังกันเป็นไงละต้องมายืนหน้าซีดอยู่อย่างนี้ แถมผมสีแดงของนายเนี่ยเชยมากเลยนะ ไปทำผมกลับเป็นสีดำเถอะ”
“ชั้นบอกนายกี่ครั้งแล้วนะว่าผมของฉันมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนะ” อากค์บอกกับเขา
“บ้าเหรอ แกเป็นคนชาติอะไรหือ ถึงเกิดมาผมสีแดง ไม่อยากเปลี่ยนสีผมกลับก็บอกซิ”
“ชั้นว่านายน่าจะผ่าหมาออกจากปากนายมั่งนะเจค” แคลร์พูดสวนขึ้นมา
“โอ๊ย ไม่ได้หรอกคนสวย เลี้ยงไว้เป็นคอกผ่ายังไงก็ไม่หมดหรอก หมอที่รับทำเขายังส่ายหน้าเลย” เจคพูดจากวนประสาทกลับไป นั้นทำให้แคลร์โมโหมาก แคลร์ถึงกับด่าเจคไม่หยุดแต่เจคก็ทำท่าทางไม่ได้ยิน กวนประสาทแคลร์ไปเรื่อย ๆ
“เอาน่าหยุดเถอะทั้งสองคนนั้นแหละ ทะเลาะกับเจคชาตินี้ก็ไม่จบ ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่านะ” เรย์พยายามสงบศึก “ว่าแต่พวกนายจะทานไรกันมีอะไรแนะนำไหม” เจคเสริม
“กินอาหารพวกหม้อไฟไหม วันนี้อากาศหนาวด้วยซิ” เจคบอกกับเขา
“อืมก็ดีนะไปหาอะไรอุ่นๆทานกันดีกว่า” เรย์พยักหน้าเห็นด้วยกับเจค
“ฉันคงไปกับพวกนายไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายอีกอย่างเดี๋ยวตอนเย็นชั้นต้องไปทำงานพิเศษอีก” อากค์บอกกับเพื่อนๆของเขา
“นี้อากค์ ฉันยอมรับนะว่านายเป็นคนที่ขยันแต่บางครั้งคนเราต้องพักผ่อนบ้างนะ” แคลร์พูดกับเขา “แต่ถ้านายไม่รักษาสุภาพเลยนี้ก็ไม่ได้นะ เงินที่หามาจะกลายเป็นค่ารักษานายตอนป่วยซะเปล่าๆ” เธอดูไม่พอใจ
“นั้นซิ ไปหาอะไรอุ่นๆทานเพื่อจะดีขึ้น” เรย์บอกกับอากค์ พร้อมกับลากตัวเขาไปที่ร้านสุกี้แถวมหาลัย ซึ่งเพื่อนของเขาอีกสองคนก็เห็นด้วยว่าเรย์ทำถูกแล้ว
อากค์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เพื่อนๆ เป็นห่วงเขา แต่เขาก็ไม่อยากบอกเพื่อนๆของเขาว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้ป่วยหรือว่าเป็นอะไร เขาแค่รู้สึกอึดอัดที่หน้าอกของเขาและอีกอย่างที่เขาเป็นห่วงก็คือผู้หญิงคนนั้นเเป็นใครทำไมเธอต้องมาทำร้ายเขาด้วย ซึ่งเขาไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของเธอ
ในระหว่างที่เรย์กำลังลากตัวของอากค์ไปร้านอาหารนั้น รอบๆข้างของเขาทั้ง สี่ คนค่อยๆมืดลง จนทำให้พวกเขามองอะไรไม่เห็นนอกจากพวกเพื่อนๆ ของเขาเอง นั้นทำให้เรย์ซึ่งกำลังลากอากค์อยู่นั้นถึงกับหยุดมองไปรอบๆ จู่ๆเธอคนนั้นปรากฏต่อหน้าอากค์และเพื่อนของเขา
“ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับไปแล้วนะ อากค์” เธอพูดในน้ำเสียงที่เบามาก
“คุณเป็นใคร ทำไมคราวที่แล้วต้องทำร้ายผมด้วย” อากค์ตะโกนกลับไป
“เอ่อ เธอเป็นใครเหรออาคก์ ดูเหมือนนายสองคนจะรู้จักกันนะ” เจคยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“พลังของฉันใกล้หมดจะแล้ว ฉันไม่มีพลังพอที่จะส่งเพื่อนของเธอออกจากที่นี้ได้” เสียงของเธอค่อยๆเบาลงจนพวกอากค์แทบจะไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูด “ไม่มีเวลาแล้ว การมาที่นี่ใช้พลังมากเกินไป” เธอยกมือขอเธอขึ้นพร้อมกับแสงสว่างรอบๆ มือของเธอ แสงสว่างนั้นทำให้พวกเขาทั้งสี่คนไม่อาจลืมตาได้ “การเดินทางของเธอได้เริ่มต้นแล้วนะอาคก์ ถ้าอยากรู้ว่าฉันเป็นใครการเดินทางของเธอจะพามาหาฉันเอง” เธอพูดกับหายตัวไป
ทันใดนั้นเองพวกเขาทั้งสี่คนรู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูง ทั้งๆที่รอบตัวเขามีแต่ความมืด พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกทั้งสี่คนต่างมองหน้ากันซึ่งกันและกันซึ่งดูเหมือนว่าแคลร์กลัวมาก ส่วนเจคได้แต่ตะโกนบอกให้ช่วยเขา อากค์และเรย์ต่างพยายามไปช่วยเพื่อนๆของ
พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีแสงสว่างอยู่ด้านล่างของพวกเขา พวกของอากค์ค่อยๆตกลงไปที่นั้นและ แคลร์ส่งเสียงร้องและสลบไป พวกเขาค่อยตกผ่านแสงสีขาวนั้นไปทีละคนทีละคนจนกระทั่ง
แวปปปปปปปปปปปปปปปปป
playSound(); showPoll();
ความคิดเห็น