สัตวแพทย์ เรียนอะไร...ยังไง? - สัตวแพทย์ เรียนอะไร...ยังไง? นิยาย สัตวแพทย์ เรียนอะไร...ยังไง? : Dek-D.com - Writer

    สัตวแพทย์ เรียนอะไร...ยังไง?

    คงเป็นคำถามที่น้องๆหลายคนอาจจะสงสัย แต่เป็นคำถามในประเภท ถามง่าย ตอบยาก เพราะคณะสัตวแพทย์แต่ละที่ก็จะมีหลักสูตรที่แตกต่างกันในบางแง่มุม....

    ผู้เข้าชมรวม

    64,844

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    64.84K

    ความคิดเห็น


    751

    คนติดตาม


    44
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 มี.ค. 48 / 00:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บทความนี้แต่งโดย pommerrannian@hotmail.com

      คงเป็นคำถามที่น้องๆหลายคนอาจจะสงสัย แต่เป็นคำถามในประเภท ถามง่าย ตอบยาก
      เพราะคณะสัตวแพทย์แต่ละที่ก็จะมีหลักสูตรที่แตกต่างกันในบางแง่มุม
      เอาเป็นว่าพี่จะพูดถึงแต่หลักสูตรของสัตวแพทย์ จุฬาฯ ก็แล้วกัน
           ถ้าแบ่งวิชาในหลักสูตรออกเป็นกลุ่มๆก็แบ่งคร่าวๆได้ดังนี้
      ...................................................................................................

      1. กลุ่มวิชาพื้นฐาน คือจำพวก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อะไรเทือกนั้น
      2. กลุ่มวิชา preclinic
      หรือกลุ่มวิชาที่ศึกษาถึงความปกติและผิดปกติของสัตว์ที่จะเป็นพื้นฐานในวิชา clinic
      วิชาพวกนี้เช่น anatomy physiology pathology เป็นต้น
      3. กลุ่มวิชา clinic เป็นวิชาในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการรักษา หรือการแก้ไขความผิดปกติ
      เช่น วิชาอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์ เป็นต้น
      นอกจากนี้ในหลักสูตรยังมีการฝึกงานในด้านต่างๆอีก
      เอาล่ะจะพูดถึงรายละเอียดการเรียนในแต่ละปีอย่างคร่าวๆแล้วกัน
      ...................................................................................................
          
               เริ่มที่ปี 1 เป็นช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหม่ไปหมด
      ตั้งแต่อาคารเรียนยันป้าร้านขายข้าวเลย แต่ในบรรยากาศใหม่
      เราก็ยังต้องมาเรียนวิชาเดิมๆที่คุ้นเคยกันดี อาทิเช่น
        เทอม1  >>
      1. อังกฤษ (FE I)  ,มีการแบ่ง section ตามคะแนน Ent ที่ได้แสดงฝีมือกานเอาไว้ มีทั้งหมด
      Section จาก 71-------> 75
      2.  เคมีทั่วไป (General Chemistry) = ตัดกับ Dent หุหุ =
      3.ฟิสิกส์ทางการแพทย์ (Med Phy)=ตัดหรือเหยียบกานเองในคณะ=
      4. Lab  เคมี  และ  lab ฟิสิกส์
      5. วิชาเลือก ที่ได้เลือกกันจริงๆ ต่างจากมัธยมที่โดนบังคับเลือก  
      เทอม2 >>
      ก็ยังเรียนวิชาพื้นฐานอยู่ ประกอบด้วย
      1. อังกฤษ (FE II) อีกแล้ว  = ตัดกันทั้งมหาลัย =
      2. เคมีอินทรีย์ (Org Chem) หรือปลาเค็ม ขอบอกว่าเค็มเจงๆ เพราะเนื้อหาที่จะเรียนอะ
      เหมือนกับเรื่องสารประกอบคาร์บอนตอน ม.ปลาย แต่ดูจะโหด และหินกว่ามาก
      เรียนไปขามไม่ออกเจงๆ กลไกไรก้อไม่รู้ (กลไกเกิดปฎิกริยาความรัก ว่าไปอย่าง .....หุหุ )
      = ตัดกับวิดกีลา .....เหอเหอ =
           วิชานี้มี Lab ด้วยนะ น้องจะได้ทดสอบตัว UnKnown  
      3. วิชา ชีววิทยาทั่วไป (Gen Bio)
         =ตัดกับ Dent ซึ่งDent เปนเหมือน เครื่องบินให้คณะเราได้แหงนหน้ามองมีน  ..........
      หุหุ =  
           และ พร้อมกับวิชา Lab ที่เหมือนกับเนื้อหาตอนม.ปลาย
      แต่ด้วยเนื้อหาที่ลึกว่าทำให้เวลาสอบต้องเหนื่อยกันหน่อย +++ (มีผ่ากบด้วยแหละ
      จะพบรักกับเจ้าชายกบก้อคราวนี้แหละ ..... เหอเหอ )
      4. และพิเศษกับวิชาคณะ 2 ตัวที่มาให้ชิมลางก่อน คือวิชาพฤติกรรมสัตว์ (Animal Behavior)
      น้องก้อจะได้เรียนแบบว่า......mounting thurst  lock  tie
      5. และ หลักสัตวบาลทั่วไป 1 หรือ Priciple of animal husbandry I เรียก สั้นๆว่า Prin
      Hus l  (หลักการหาสามี.....หุหุ) ที่จะเรียนเกี่ยวกับพันธุ์วัวและการเลี้ยงวัว
      ทั้งวัวเนื้อ วัวนม และพวกแพะแกะ ม้า และก้อกระบือ   (แบบเรียนจนเขางอกออกมาเองเลยแหละ
      ...... หุหุ หรือไม่ก้อมีนกเอี้ยงมาเกาะเลยแหละอันดับหนึ่ง )
           >>> สรุปปี1 บรรยากาศการเรียนยังเป็นแบบสบายๆ สไตล์มยุรา เห้ยไม่ใช่ต้องสไตล์
      Freshy ต่างหาก !!!  แต่บางวิชาก็ต้องตัดเกรด กับ หมอ
      กับทันตะอันตรายไม่ใช่เล่น
      และยังเป็นปีที่มีเวลาว่างมากที่สุดถ้าเทียบกับปีอื่นๆ
      ..................................................................................................
          
               ปี 2 จะเริ่มเรียนวิชา preclinic เป็นส่วนใหญ่แล้ว อย่างเช่น อย่างเช่น
      1. วิชากายวิภาค l หรือ Anatomy l  ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
      ในสุนัขทดลองที่ดอง ฟอร์มาลิน
      2. วิชา Histology หรือชื่อภาษาไทยว่า จุลกายวิภาควิทยา ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้าง
      (ที่ตาเปล่ามองไม่เห็น) โดยกล้องจุลทรรศน์
      3. วิชา Embryology ที่เรียนเกี่ยวกับพัฒนาการของ ตัวอ่อนในท้องแม่
      4.  วีชาชีวเคมี (Biochem) ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างสารเคมี โปรตีน ไขมัน
      5. และตามมาด้วยวิชาหลักสัตวบาล 2 ที่เรียนเกี่ยวกับพันธุ์และการเลี้ยงไก่และหมู  
      6. และวิชาพื้นฐานกันคิดถึงห่วงใย  คือ สถิติ (Stat bio sci) ที่มาเขย่าขวัญคนโง่บวก
      +++  ขี้เกียจได้เป็นอย่างดี
           ก็จบไปอีกเทอมนึง ขึ้นเทอม 2 ยังคงเรียนวิชา Preclinic อยู่ ประกอบด้วย
      1.  Anatomy ll ที่เปลี่ยนจากสุนัขมาเป็น ม้า หมู วัว และผองเพื่อน
      เป็นการเรียนแบบเปรียบเทียบในแต่ละสัตว์
      2. Neuroanatomy ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของสมองและไขสันหลัง
      3. Biochem ll ที่เริ่มเรียนระบบของสารเคมีในร่างกาย ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือ
      พวกวัฏฐจักรเครปส์ อะไรประมาณนั้นแหละ
      4. และวิชาน้องใหม่ไฟแรงอย่าง สรีรวิทยา l หรือ Physio l เป็นวิชาที่เรียนเกี่ยวกับ
      กลไกการทำงานของร่างกาย
      5. และยังมีวิชาด้านสัตวบาลอีก 3 ตัว คือ
           5.1 วิชาสุขศาสตร์ ที่จะพูดถึง เกี่ยวกับสุขอนามัยในฟาร์มเลี้ยงสัตว์
      และการบำบัดน้ำเสียจากฟาร์ม
           5.2 วิชาปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ที่เรียนประมาณวิชาพันธุศาสตร์ และการนำไปใช้
           5.3  วิชาควบคุมสัตว์และการจัดการฟาร์ม เป็นวิชาที่สำคัญมาก
      ที่จะพูดถึงการเข้าหาสัตว์ และการจับสัตว์  >>> คิดดูเราจะตรวจรักษาสัตว์ยังไง
      ถ้ายังเข้าไปจับมันไม่ได้
      6. และปิดท้ายด้วยวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม ที่พูดถึงหลักเบื้องต้น ในการตรวจวัดสภาพ
      แวดล้อม
           สรุป ปี 2 ทั้งปี นิยามกันคร่าวๆว่า นรกชัดๆ เรียนตั้งแต่ 8 โมงยัน 4-5
      โมงเย็นแทบทุกวัน+++  ประกอบกับมีการสอบติดกันแทบทุกอาทิตย์ จนซูบซีด
      และโทรมไปตามๆกัน ( ใครที่อยากจะหุ่น Firm ก้อปีนี้แหละ ..........หุหุ
      แบบไม่ต้องกิน i - firm เลย)
      ..................................................................................................
          
               ปี 3 ปีนี้มหากาพย์ที่เคยเรียนมาส่วนใหญ่จะจบไตรภาคแบบสมบูรณ์ในเทอมนี้ อาทิเช่น
      1.  Anatomy III biochem III และPhysioที่มาคราวนี้ ฉายครบ ภาค 2 กับภาค 3
      รวมไว้ในเทอมเดียว
      2. ++++ เสริมเติมแต่งด้วยวิชา อาหารสัตว์ ที่เรียนเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารสัตว์
      และคำนวณสูตรอาหารในสัตว์แต่ละชนิดกันจนมันส์มือไปเลย
      3. วิชาจุลชีววิทยา หรือ Microbiology
      ที่เรียนเกี่ยวกับเชื้อราและแบคทีเรียต่างๆที่ก่อโรคในสัตว์
      4. และปิดท้ายด้วย Immunology ที่เรียนเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
        เทอม 2  >>> อาจจะแบ่งวิชาเป็นกลุ่มๆได้ดังนี้
      1. กลุ่มวิชาที่เรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้สัตว์เป็นโรค และกระบวนการก่อโรค มีดังนี้
           1.1 วิชาไวรัสวิทยา
           1.2 วิชาหนอนพยาธิทางสัตวแพทย์
           1.3 วิชากีฏวิทยา และอคาโรวิทยาที่เรียนเกี่ยวกับแมลง กับพวก เห็บ เหา ไร
           1.4 วิชาวิทยาสัตว์เซลล์เดียว เช่นพวก Protozoaต่างๆ บิด มาลาเรีย เป็นต้น
           1.5 และวิชา พยาธิวิทยาทั่วไป (Gen Path) ที่เรียนเกี่ยวกับกระบวนการก่อโรค
      2. วิชาเกี่ยวกับยา  เภสัชวิทยา 1,2 และสุดท้ายวิชา Lab Animal science
      ที่เรียนเกี่ยวกับสัตว์ทดลองและการใช้สัตว์ทดลอง รวมถึงจรรยาบรรณการใช้สัตว์ทดลอง
      กับวิชาระบาดวิทยาและเภสัชการป้องกัน...สัตว์ >>> ที่ต้องงัดเอาวิชา Stat
      มาช่วยวิเคราะห์การระบาดของโรคในฝูงสัตว์
           สรุปปีนี้เป็นปีที่ทุกๆคนยกย่องแล้วว่าโหดจริง นรกจริง
      ใครผ่านมาได้จะเป็นเครื่องพิสูจน์และความแกร่งได้เป็นอย่างดีของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่า
      Vet หุหุ ......^O^
          
           ในช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ก่อนจะขึ้นปี4 จะมีการฝึกงานทางด้านสัตวบาลภาคสนาม
      โดยผันตัวเองไปเป็นคนงานในฟาร์ม เป็นเวลาครึ่งเดือน
      โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆไปฟาร์มอะไร ก็แล้วแต่เลือก
      ...................................................................................................
          
               ปี 4 เป็นปีที่จะเริ่มต้นเรียนวิชา Clinic ซักที  เริ่มจากวิชา
      1. อายุรศาสตร์ตามระบบอวัยวะ หรือ Internal Med เป็นวิชาว่าด้วยหลักการรักษาโรคต่างๆ
      เช่น โรคหัวใจ โรคตับ
      2. และวิชาเทคนิคการวินิจฉัยและการรักษาโรคสัตว์
      ที่จะพูดถึงการตรวจวินิจฉัยโรคและการรักษาคร่าวๆ ในแต่ละระบบ และแต่ละชนิดสัตว์
      3. วิชาหลักการศัลยศาสตร์และวิสัญญี หรือ surgery จะพูดถึงขั้นการตอน +
      บวกกับวิธีการผ่าตัดเบื้องต้น +++ จนถึงการวางยาสลบในสัตว์
      4. วิชา พิษวิทยา ที่พูดถึงสารที่เป็นพิษ ทั้งจาก ธรรมชาติ จากสารเคมี และจากการรักษา
      5. วิชารังสีวิทยาที่จะพูดถึงหลักการของเครื่อง X-Ray และ Ultrasound และการแปลผล
      6. นอกจากวิชาใหม่ๆแล้ว ยังมีวิชาเก่าๆที่ยังตามมาหลอกหลอนอยู่ อาทิเช่น เภสัชวิทยา 3
      7.  และวิชาพยาธิวิทยาเฉพาะระบบ หรือ Special Path ที่พิเศษสมชื่อจริงๆ
      คือจะพูดถึงกระบวนการก่อโรคและรอยโรคในอวัยวะต่างๆโดยละเอียด
      เทอม 2 >>> จะเริ่มมีวิชาแปลกๆ เข้ามา อาทิเช่น
      1. วิชา  Andrology , Gynaecology อธิบายง่ายๆเหมือนกับหมอ...สูติฯ....ในสัตว์แหละ
      จะเรียนเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์และโรคทางการสืบพันธุ์
      รวมถึงการตรวจวัดความสมบูรณ์พันธุ์ หรือตรวจว่าเป็นหมันหรือเปล่า
      และการจัดการต่างๆในการเพิ่มผลผลิต
      2. และวิชาเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์ของสัตว์ หรือ Biotech
      ที่จะพูดถึงเทคโนโลยีอย่างการย้ายฝากตัวอ่อนหรือการทำโคลนนิ่ง
      3. ส่วนวิชาทาง Medก็มีให้เรียนกันจนหนำใจ ทั้ง Ruminant med
      หรืออายุรศาสตร์สัตว์เคี้ยวเอื้อง + com med ที่พูดถึงการรักษาหมา แมว + และ herd med
      ที่จะพูดถึง การจัดการโรคสัตว์เป็นฝูง อย่างพวก หมู ไก่
      ที่ถ้าเรามาตรวจและรักษาเป็นตัวก็ไม่ต้องทำอะไรพอดี
      4. ส่วนวิชาที่เกี่ยวกับผ่าตัดก็ไม่น้อยหน้า มีให้เรียนกัน 2 วิชา คือ
      ศัลยศาสตร์สัตว์เล็ก หรือ small animal surgery I
      ที่พูดถึงการรักษาอาการผิดปกติต่างๆโดยการผ่าตัด  และการรักษาโรคตาสัตว์ 5. ส่วนวิชา
      orthopedic จะเรียนเกี่ยวกับความผิดปกติของกระดูก และ การแก้ไขต่างๆ เช่น
      เข้าเฝือกหรือผ่าตัด
      6. และวิชาพยาธิวิทยาทางคลินิกที่จะพูดถึงค่าเลือดต่างๆ
      และสารเคมีอื่นๆที่เปลี่ยนแปลงไปในกรณีที่เกิดโรค และการแปลผลค่าเหล่านั้น
           สรุปปีนี้เป็นปีที่เหมือนขึ้นมาสู่ยอดเขาแล้ว หลังจากที่ทนขึ้นทางชันมานาน
      พูดง่ายๆก็คือสบายขึ้น
      แต่ท่านผู้รู้บางท่านบอกว่ามันเหมือนสบายขึ้นเพราะตัวเราชินแล้วนั่นเอง
      หรือเราด้านเองหว่า ....หุหุหุ !!!  การเรียนในปีนี้มีการใช้สุนัขทดลองด้วยในวิชา
      surgery ทั้ง 2 เทอมเลย
          
      ..................................................................................................
          
           ปี 5 เป็นปีที่เริ่มเข้าใกล้กับคำว่าหมอแล้ว
      เลยเรียนวิชาที่เกี่ยวกับโรคและการรักษามากหน่อย คือ
      1. med สัตว์น้ำที่เรียนทั้งสัตว์เศรษฐกิจและสัตว์สวยงาม med หมู และ med สัตว์ปีก
      วิชาสูติศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวกับการท้อง ทั้งการตรวจจนถึงคลอด
      2. และวิชาทางด้านสัตวแพทย์สารธารณสุข อย่างวิชา สุขศาสตร์อาหาร l หรือ food hygiene
      ที่เรียนเกี่ยวกับอาหารและโรคติดต่อทางอาหาร (ในคน) รวมถึงการเก็บและแปรรูปอาหารด้วย
      เทอม 2>>>
      1.  จะเรียนวิชาศัลยศาสตร์สัตว์ใหญ่ ที่จะพูดถึงหลักการผ่าตัดใน ม้า วัว
      2. และวิชา food hygiene ll ที่มีเนื้อหาต่อเนื่องจากเทอมที่แล้ว
      3.และที่ขาดไม่ได้คือ โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ที่เรียนเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
      โรคแอนแทรกซ์ เป็นต้น
      4. รวมถึงเรียนวิชากฎหมายและจริยธรรมแห่งวิชาชีพด้วย
           สรุปปี 5 วิชาที่เรียนในห้องเริ่มเหลือน้อยลงแล้ว
      จากการตะบี้ตะบันเรียนกันในช่วงปีต้นๆ
      แต่จะมีการฝึกงานเข้ามาแทนที่ทั้งในด้านสัตว์เลี้ยงและสัตว์ปศุสัตว์
      รวมทั้งมีรายงานที่เยอะถึงเยอะที่สุดที่จะทำความลำบากใจแก่ผู้ที่พิมพ์คอมค่อนข้างช้าได้ไม่น้อย
      ...................................................................................................
          
           ปี 6 มีวิชาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน 2 วิชา คือ
      1. วิชาการศึกษาด้านสัตวแพทย์ในชนบท ที่จะเป็นการจัดค่ายไปให้บริการทางด้านสัตวแพทย์
      ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ จะจัดในช่วงsummer ก่อนขึ้นปี 6 มีชื่อค่ายที่เราเรียกกันว่า
      สพ.ช. (สัตวแพทย์อาสาเพื่อพัฒนาชนบท) ซึ่งมีทั้งความคลาสสิคในตำนานที่มา
      บวกกับความมันส์สะใจที่จะได้ใช้เวลาทำงานร่วมกันในชั้นปีเดียวกันเป็นเวลา 10 กว่าวัน
      และเทอม 2 >>> มีวิชาโครงการพิเศษ หรือที่เรียกว่า case conference
      ที่จะเป็นก้าวแรกสู่การเป็นนักวิจัยในอนาคต ที่เราต้องหาหัวข้อที่สนใจมาทดลอง
      หรือการรักษาโรคที่น่าสนใจมา present ให้ทั้งอาจารย์และบุคคลภายนอกที่สนใจฟังด้วย
      นี่เป็นงานที่เราต้องทำทั้งปี เพื่อมาพูดpresent ไม่กี่นาที
           ปีนี้เป็นปีที่จะมีการให้เลือกฝึกงาน
      ใครจะมุ่งมั่นเป็นหมอสัตว์อะไรก็จะได้ฝึกงานอย่างเมามันไปเลย
           โดยแบ่งเป็นฝึกงานทั้งในด้านสัตว์เลี้ยง และฝึกงานด้านปศุสัตว์ ทั้ง 2
      เทอมเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
           เฮ้อ จบซะที แค่บอกวิชาคร่าวๆนี่ก็เหนื่อยแล้ว
      ส่วนคำถามที่ว่าสัตวแพทย์เรียนยังไงเหรอ น้องก็คงมีคำตอบในใจไปบ้างไม่มากก็น้อย
      แต่พี่ก็ยังคิดว่ามันเป็นคำถามที่ถามง่ายแต่ ตอบยากและยาวซะจริงๆ.............ครับ
      หุหุ   ^O^

      บทความนี้แต่งโดย pommerrannian@hotmail.com

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×