ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Immortal :: แวมไพร์พันธุ์อมตะ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 __ผู้ท้าความตาย ดีไวน์ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 53





    ถูกต้องคุณได้ยินถูกแล้ว ฉันเป็น แวมไพร์...

     

                    คำกล่าวในตำนานของพวกมนุษย์ ได้เอ่ยถึงเรื่องของพวกเรามากมาย แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า และมีคำถามอยู่คำถามหนึ่ง เป็นคำถามที่ทุกคนต้องการหาคำตอบ คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของมนุษย์ทุกคนว่า จริงหรือที่เหล่าแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่า ไม่ค่อยลงรอยกัน

     

                    ฉันได้เตรียมคำตอบไว้แล้วล่ะค่ะ และแน่นอนคำตอบคือ... ไม่เป็นความจริง !!!

     

                    เหล่าแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า เรารู้จักกันมาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษ ความเป็นอยู่ของพวกเราจะอยู่กันเป็นแบบครอบครัว แวมไพร์อยู่กับแวมไพร์ มนุษย์หมาป่าอยู่กับมนุษย์หมาป่า เป็นครอบครัว บางทีเมื่อมีเวลาเราก็จะแวะมาทักทายกันบ้าง และเมื่อถึงเวลานัดสำคัญ เป็นวันที่แวมไพร์ทุกตนและมนุษย์หมาป่าทุกตน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลเพียงใด ก็ต้องเดินทางมาพบกัน เพื่อร่วมงานสำคัญ งานสำคัญที่ 1000 ปีจะจัดขึ้นเพียงหนเดียวเท่านั้น

     

                    ใช่แล้วล่ะงานที่ว่านี้คือ... งานฉลองครอบรอบการล่าสังหารพวก ดีไวน์

     

                    งานที่ถูกจัดขึ้นนี้ จะถูกจัดขึ้นที่ปราสาทในหุบเขาลึกของประเทศสหรัฐอเมริกา งานนี้จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษของหล่าแวมไพร์และเหล่ามนุษย์หมาป่า ที่ยอมเสียสละตนเองเพื่อจัดการกับผู้ท้าความตาย.... ดีไวน์

     

                    ดีไวน์ คือเหล่านักรบผู้ท้าความตาย พวกมันปรากฏตัวขึ้นได้ยังไง อย่างไรไม่มีใครรู้ รู้แต่เพียงว่าตั้งแต่พวกมันปรากฏตัวออกมา เหล่าแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ก็ตายลงอย่างรวดเร็ว ฉันเคยคิดว่าพวกนั้นเป็นแค่มนุษย์สามัญธรรมดาไม่ใช่หรือแล้วทำไมถึงสังหารทั้งแวมไพร์ที่ทรงอำนาจและมนุษย์หมาป่าที่ทรงพลังลงได้ มันไม่น่าเชื่อเลย ไม่น่าเป็นไปได้จริงๆ

     

                    พวกแวมไพร์ที่อยู่รอดและมีอายุที่ยาวนานเคยเล่าให้ฟังว่า พวกดีไวน์เป็นพวกที่มีพรสวรรค์เหมือนพวกมนุษย์ป่า พวกมันมีทั้งความเร็วที่เป็นเอกลักษณ์ พละกำลังที่มากมาย ถึงจะไม่มากเท่าพวกเรา แต่ดีไวน์ก็ทำงานกันเป็นทีม พวกมันสังหารพวกเราได้อย่างงายดาย แน่นอนพวกมันคงไม่สามารถสังหารแวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษที่น่าเกรงขามลงได้ หรือไม่สามารถสังหารมนุษย์หมาป่า ที่มีทั้งพรสวรรค์และประสบการณ์ที่เป็นเลิศลงได้อย่างง่ายดาย ได้อย่างแน่นอน

     

                    พวกมันสังหารแต่ เหล่าแวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษเป็นของเด็กเล่นเท่านั้น หรือตามสังหารพวกมนุษย์หมาป่า ที่ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ด้านพละกำลัง หรือมีพรสวรรค์ด้านความเร็ว ที่มหาศาลเพียงใด แต่ถ้าด้อยด้วยประสบการณ์ทางการรบ ก็คงไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมือของพวก ดีไวน์ไปได้อย่างแน่นอน

     

                    ฉันยังเคยได้ยินจากพวกแวมไพร์ที่อยู่กันมายาวนานว่า พวกดีไวน์เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆในยามที่พวกมันสังหารแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าลงได้แต่ละตัว พวกเราไม่สามารถทนดูจำนวนของพวกเราที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ทางผู้อาวุโสของเหล่าแวมไพร์และเหล่ามนุษย์หมาป่าจึงต้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือกันว่า จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดี...

     

     

                    เราทนไม่ได้แล้ว ที่จะต้องเสียพี่น้องของทั้งสองฝ่ายไปมากอย่างนี้ พวกดีไวน์กำเนิดมาได้อย่างไรกัน เสียงของแวมไพร์ผู้อาวุโสเอ่ยถามอย่างเหลืออด แววตาสีทองฉายแววความกระหายและความโกรธออกมาให้เห็น พวกมันกล้ามาก

     

                    พวกเราไม่มีใครรู้แน่ชัด กาเรียน แต่มันมีพรสวรรค์มนุษย์หมาป่าผู้อาวุโสตอบ หัวเสียอย่างหนัก น่ากลัว พวกมันกำลังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

     

                    พรสวรรค์ด้านความเร็วผู้อาวุโสอีกท่านเอ่ย

     

                    หรือพละกำลัง ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ง่ายที่จะสังหารพวกเรา

     

                    พวกมันทำงานเป็นทีม ทีมที่แข็งแกร่ง ว่องไว เราน่าจะหาแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าออกไปสู้กับมัน ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมด กาเรียนแวมไพร์ผู้อาวุโสพูดขึ้น แววตาดูอ่อนลงแล้ว แต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยอำนาจ

     

                    ทุกคนในห้องต่างเงียบ เพื่อคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้น ทุกคนรู้ดีแก่ใจว่า ต่างฝ่ายต่างมีพลังที่น่ากลัว แวมไพร์หลายตนมีอำนาจพิเศษที่น่ากลัว ทรงอำนาจ น่าหวาดหวั่น มนุษย์หมาป่าหลายตนถึงจะมีพรสวรรค์ที่ไม่เป็นเลิศเท่าแวมไพร์ แต่ประสบการณ์ทางการรบนั้น ไม่เป็นรองใครทั้งสิ้น แต่ว่าทุกคนจะทำอย่างไร ในเมื่อพวกดีไวน์นั้น มีทักษะทางการรบที่มากกว่า อาวุธครบมือมากกว่า ทุกคนกังวล...

     

                    แวมไพร์ของเราบางตนมีอำนาจพิเศษที่มหัศจรรย์ผู้อาวุโสเอ่ย พลางหันหน้าขอความเห็นจากแวมไพร์อาวุโส กาเรียน อำนาจพิเศษที่ทรงพลัง

     

                    กาเรียนยังคงมีสีหน้าครุ่นคิด ผู้ทำลายน่ะหรือ...ทรงพลังแต่มีข้อจำกัด

     

                    มนุษย์หมาป่าอาวุโสมองมาด้วยเค้าหน้าที่มีคำถาม คำถามที่ว่าอำนาจพิเศษนั่นคืออะไร กาเรียนสหายของข้า...อำนาจพิเศษที่ท่านว่ามันคืออะไร และข้อจำกัดคืออะไร ได้โปรดบอกให้เราได้รับรู้

     

                    อา, นีออนเพื่อนรักกาเรียนหันไปยิ้ม ก่อนที่จะอธิบายต่อ อำนาจพิเศษที่พวกข้าพูดถึงเมื่อครู่คือ การทำลาย ตอนแรกพวกเราไม่เคยคิดว่ามันจะมีหรอกนะอำนาจพิเศษชนิดนี้ แต่แล้วเราก็ได้พบเจอ มันอยู่ในตัวของหญิงสาวที่เป็นแวมไพร์ได้เพียงห้าปีเท่านั้น มันทรงพลังอย่างหาอำนาจพิเศษใดเปรียบไม่ได้ ข้าเคยขอให้เธอแสดงให้ดู ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ทุกสิ่งที่เธอจ้องมอง เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น นีออน ทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจุยไม่เป็นชิ้นดี นับจำนวนชิ้นที่แตกหายไปไม่ได้ด้วยซ้ำ รุนแรงน่ากลัวไม่น่าเชื่อว่าอำนาจพิเศษนี้จะอยู่ในตัวของแวมไพร์ที่มีอายุเพียงห้าปีเท่านั้น

     

                    นิออนมนุษย์หมาป่าผู้อาวุโสทำหน้าตาตื่นตกใจเล็กน้อย กล่าวต่อไป...สหายข้า ข้อจำกัดของนางเล่าคืออะไร ?

     

                    ถึงจะเป็นอำนาจพิเศษที่ทรงพลังเช่นไร ทุกอย่างก็ย่อมมีข้อจำกัด เธอสามารถระเบิดได้แค่เพียงหนึ่งเท่านั้นในแต่ละครั้ง ข้อจำกัดที่วุ่นวาย และยังแถมด้วยระยะเวลาในการใช้ที่จะต้องเว้นช่วงอีกห้าวินาที ทำให้ข้อจำกัดของเธอกลายเป็นจุดอ่อนทันที ถ้าเธออยู่ตัวคนเดียว นั่นทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับเธอ เราคงต้องหาผู้พิทักษ์ ที่ต้องอยู่เคียงค้างเธอทุกฝีก้าวนักรบที่มากด้วยประสบการณ์ เราคงต้องพึ่งมนุษย์หมาป่าอย่างพวกคุณ เขากล่าวพลางหันหน้าไปทางเหล่ามนุษย์หมาป่าข้างหลัง

     

                    พลังของพวกเรางั้นรึ...พรสวรรค์ของเราด้วยกว่าอำนาจพิเศษของแวมไพร์มาก กาเรียน นีออนพูดสีหน้างุนงง พละกำลัง ความเร็ว พรสวรรค์ที่ด้อยทางเลือก

     

                    กาเรียนสั่นหัว ไม่เลย, นีออนจำเป็นอย่างที่สุด เราต้องการทั้งพรสวรรค์ของพวกคุณและประสบการณ์ที่เหนือชั้นเพื่อคุ้มครองพวกเราต่างหาก

     

                    ทั้งสองเผ่าพันธุ์หันมามองหน้ากัน อำนาจพิเศษของแวมไพร์จะทำให้พวกอมนุษย์ได้เปรียบมากยิ่งขึ้น เพราะแน่นอนพวกดีไวน์เป็นเพียงมนุษย์ที่มีแค่พรสวรรค์เท่านั้น แต่การที่แวมไพร์ไม่มีทักษะและประสบการณ์ทางการรบนั้น ทำให้พวกเรากลายเป็นเป้านิ่งโดยสิ้นเชิงไม่มีทางหนี ทางพวกดีไวน์ยังทำงานเป็นทีม ทีมที่แข็งแกร่ง... มนุษย์หมาป่า ทักษะและประสบการณ์ทางการรบนั้นมากมายกว่าแวมไพร์หลายเท่าแต่ด้วยพลังที่พวกดีไวน์ก็มีเช่นเดียวกันกับพวกเขา ทำให้ถ้ามนุษย์หมาป่าสู้กับพวกดีไวน์เพียงลำพังแล้ว มนุษย์หมาป่าย่อมต้องแพ้ลงอย่างราบคาบแน่นอน

     

                    ไม่มีหนทาง ที่จะทำให้พวกอมนุษย์ชนะ !!!

     

                    แต่ทว่า ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้เสมอ ดังที่แวมไพร์ผู้อาวุโสกาเรียนกล่าวไว้ ถ้าหากทั้งสองเผ่าพันธุ์ร่วมมือกันจุดอ่อนของแต่ละฝ่ายจะกลายเป็นจุดแข็งขึ้นมาทันที แวมไพร์มีอำนาจพิเศษที่ทรงพลัง จะถูกอุดรูโหว่ด้วยประสบการณ์และทักษะทางการบของพวกมนุษย์หมาป่า พรสวรรค์ของพวกมนุษย์หมาป่าจะทำให้ดีไวน์มีทักษะที่หักล้างกับมนุษย์หมาป่า และนั่นทำให้แวมไพร์กลายเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของพวกอมนุษย์ และเป็นเป้าหมายหลักของพวกดีไวน์ที่จะปลิดชีวิตของพวกเราเช่นเดียวกัน

     

                    นั่นน่าสนใจยิ่ง, ว่ามั้ยพี่น้องข้า นีออนกล่าวก่อนที่จะหันไปขอความเห็นพวกพ้อง ช่างน่ามหัศจรรย์ การร่วมมือกันของสองพันธุ์ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า

     

                    นั่นสินะครับท่านนีออน

     

                    ผมก็คิดว่าน่าสนใจไม่น้อย การร่วมมือกันควรจารึกลงในประวัติศาสตร์

     

                    เหล่ามนุษย์หมาป่าเห็นพ้องกันอย่างลงตัว ทุกตนพร้อมแน่นอนที่จะออกรบ ไม่ว่าผู้ท้าความตายพวกนั้นจะเป็นใคร แวมไพร์และมนุษย์หมาป่าไม่มีทางยอมแพ้

     

                    แผนการล่ะกาเรียน ??, เราคงต้องให้แวมไพร์วางแผนนีออนถามสีหน้ากระตือรือร้น น้ำเสียงจริงจังปนหยอกเล่น จับคู่งั้นรึ...หรือเจ้าว่าอย่างไร

     

                    กาเรียนส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะเสนอความคิดเห็น เราจะไม่จับคู่...พวกท่านทั้งหลายลืมไปแล้วรึอย่างไรว่า พวกดีไวน์มีกันมากมายเพียงใด และแน่นอนที่สุดการที่พวกมันสามารถสังหารพวกเราลงได้นั้นเป็นเพราะพวกมันทำงานเป็นทีม ทีมที่แข็งแร่ง และพวกเราก็ต้องทำอย่างพวกมันบ้างเช่นกัน...การเลียนแบบ

     

                    ทุกคนตะลึงสีหน้างง งวย สหายข้า, พวกเราขอคำอธิบายที่กระจ่างชัดมากกว่านี้

     

              พวกเราจะสู้กับพวกดีไวน์เป็นทีมเช่นกัน กาเรียนกลาวเสียงเข้ม พวกเราจะให้มนุษย์หมาป่าทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ สามตนหรือสี่ คอยคุ้มครองพวกเราแวมไพร์ไว้รอบด้าน ปกป้องและคอยคุ้มครองพวกเรายามที่พวกเราใช้อำนาจพิเศษ ประสบการณ์ของมนุษย์หมาป่าจะทำให้พวกเรารอดตายและพร้อมที่จะใช้อำนาจพิเศษสนับสนุนพวกอมนุษย์หรือฆ่าพวกดีไวน์ ด้วยความง่ายดาย...ท่านคิดเช่นไรสหาย

     

                    น่าสนใจ จำนวนของพวกเรามนุษย์หมาป่ามีมากเพียงพอที่จะคุ้มครองแวมไพร์นิออนให้ความเห็น น่าสนใจเราพร้อมรบเสมอ...

     

                    เราก็พร้อมแต่เวลานี้ เราต้องขอเวลาให้พวกเราตามหาแวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษที่ทรงพลังก่อน เราต้องการอำนาจของพวกเขาอย่างมาก ถ้าเรามีพวกเขาแต้มต่อทางฝ่ายเราจะเพิ่มขึ้น

     

                    เราก็ต้องการเช่นนั้น, สหายข้า ถ้ามีแวมไพร์ที่มีอำนาจิเศษที่น่าเกรงขาม นั่นจะทำให้พวกเราสามารถเอาชนะพวกดีไวน์ได้อย่างง่ายดายนีออนสนับสนุน ทางเราก็จะเสาะหามนุษย์หมาป่าที่เก่งกาจเช่นเดียวกัน เราจะหามาเพื่อคุ้มครองแวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษที่เก่งกาจ

     

                    ดีเยี่ยม, สหายข้า เราคงต้องจบการประชุมเพียงเท่านี้ พวกเราไม่มีเวลามากเท่าไหร่นัก ลาก่อนนิออนกาเรียนกล่าวคำอำลาก่อนที่จะหายไปด้วยความเร็วที่พิเศษของแวมไพร์

     

                    นิออนยิ้ม ก่อนกล่าวคำอำลากับสายลม แล้วเจอกันสหาย, ข้าจะเตรียมกองทัพผู้พิทักษ์ไว้ให้

     

     

                    วันเวลาผ่านไปเพียงสามวัน...

     

                    การเรียนและเหล่าแวมไพร์ได้ตามหาแวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษที่น่าเกรงขามได้ถึงสิบสองตน เป็นแวมไพร์ที่ทรงอำนาจบ้างก็อยู่มานานหลายศตวรรษบางตนมีอายุเพียงยี่สิบ ปีเท่านั้น แต่ทว่าอายุหรืออะไรต่างๆก็ไม่สำคัญแล้วตอนนี้เขาต้องการเพียงแวมไพร์ที่ทรงอำนาจเพื่อที่จะไล่ล่าพวกดีไวน์ เช่นเดียวกับที่พวกมันกำลังไล่ล่าพวกเรา

     

                    ทางฝั่งของพวกมนุษย์หมาป่าก็เช่นเดียวกัน พวกเขาได้พรรคพวกมามากมายทีเดียว มนุษย์หมาป่าแต่ละตนดูมีความคล่องแคล่ว มีกำลังที่มากมาย มีทักษะทางการรบที่น่าเชื่อถือ ดูๆแล้วพวกมนุษย์หมาป่าพวกนี้แต่ละตน น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งศตวรรษเป็นแน่

     

                    พวกเราพร้อมกันแล้วกาเรียน, มนุษย์หมาป่าฝั่งเรามีกำลังมากพอที่จะคุ้มครองพวกแวมไพร์ ได้สี่ต่อหนึ่ง เราต้องการทราบว่าสหายของข้าได้พาใครมาบ้างในการรบครั้งนี้ นิออนพูดขึ้นหลังจากที่ผู้อาวุโสของทั้งสองฝ่ายได้มาพร้อมกันแล้ว

     

                    นิออน, หลังจากที่เราได้ไปเสาะหาจากทั่วโลก เราได้พบกับแวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษที่มหัศจรรย์ถึงสิบสองตน ดูท่าพลังพิเศษของแต่ละตนจะช่วยทำให้พวกเรามีโอกาสชนะมากยิ่งขึ้นกาเรียนกล่าว ก่อนที่จะผายมือออกมาข้างหน้า ได้โปรดก้าวออกมา สหายทั้งสิบสองตนของข้า

     

                    เมื่อกาเรียนกล่าวเชิญจบ เหล่าแวมไพร์ทั้งสิบสองก็ก้าวออกมาข้างหน้า บางตนดูหน้าเกรงขามและทรงอำนาจอย่างประหลาด บางตนยังดูอ่อนต่อโลกยิ่งนัก แต่ทว่าอำนาจพิเศษคงไม่อ่อนแอเท่ากับหน้าตาเป็นแน่ ทางฝั่งของมนุษย์หมาป่าก็เช่นกัน ผู้มาใหม่ที่กำลังก้าวออกมาตามขำขอร้องของนิออนก็ดูแข็งแกร่ง รอยแผลตามตัวที่บอกึงประสบการณ์ในการสู้รบที่มีมากมาย นั่นยิ่งทำให้พวกอมนุษย์ดูมีทางที่จะสามารถเอาชนะพวกดีไวน์ได้อย่างงดงาม...หนทางสู่ชัยชนะ !!!

     

                    ข้าจะขอบอกชื่อของสหายข้าแต่ตนไล่จากซ้ายไปขวานะ, เริ่มจาก อารีนกาเรียนแนะนำ แวมไพร์ที่ชื่ออารีน ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วคำนับนิออนพร้อมด้วยการคลี่ยิ้มบางๆส่งไปให้ เจมส์, ลอเรน, โลรองต์, วิคเตอร์, วิคตอเรีย, เคท, เคธี่, บิลลี่, เบลล์, ทอม, มาคัส

     

                    แวมไพร์ที่ถูกเรียกชื่อทั้งหมดก้าวออกมาข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ท่าร่างที่สง่างามกำลังถูกจับจองไปด้วยสายตามากมายกว่าหนึ่งร้อยคู่ พวกเขาช่างดูน่าสนใจ น่าเกรงขาม ดูแล้วมีพลัง อำนาจพิเศษของพวกเขาคงไม่ใช่เด็กๆ อำนาจที่เป็นพลังที่น่ากลัว สามารถสยบได้ทุกๆสิ่ง

     

                    นิออนสหายข้า, ถ้ารวมกับผู้ที่มีอำนาจพิเศษด้านการทำลาย นั่นรวมเป็นสิบสามกาเรียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ ราวกับว่าชัยชนะของเหล่าแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ไม่น่าไกลเกินเอื้มเท่าไรนัก

     

                    นางชื่ออะไร...?? นีออนถาม สายตาวิงวอน

     

                    กาเรียนยิ้ม สีหน้าเบิกบานใจเป็นที่สุด อลิซ, สหายข้า นามของเธอคืออลิซ

     

                    นีออนพยักหน้า ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะเสียจริง ไม่เหมาะกับอำนาจพิเศษของเธอเลย เขายังกล่าวชมเธอไม่หยุด

     

                    การประชุมของพวกเขาจบลงแล้ว พวกเขาตกลงกับเรียบร้อยว่าจะออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนพวกดีไวน์ในอีกสามวันข้างหน้าแน่นอน ฝ่ายมนุษย์หมาป่าได้แบ่งกำลังออกเท่าๆกัน มนุษย์หมาป่าสี่ตนต่อแวมไพร์ผู้ทรงอำนาจหนึ่งตน กาเรียนก็ร่วมสู้ด้วยเช่นกัน อำนาจพิเศษของเขาก็ทรงพลังไม่แพ้แวมไพร์ที่เหลือ เป็นอำนาจพิเศษที่มหัศจรรย์น่าเหลือเชื่อ !!!

     

                    อำนาจพิเศษของเขาคือ การอัดสายลมในฝ่ามือให้กลายเป็นลูกบอลขนาดพอดี แล้วเขวี้ยงใส่ศัตรู ช่างเป็นอำนาจพิเศษที่ยอดเยี่ยม เมื่อเวลาเกิดเหตุร้ายอำนาจพิเศษเขาจะแสดงอานุภาพ เขาจะค่อยๆรวบรวมสายลมมาไว้ในกำมือ บีบอัดมันให้เป็นก้อนกลมๆ ถึงสายลมที่เขาบีบอัดจะมีขนาดเพียงฝ่ามือของเขาก็ตาม แต่พลังของมันช่างรุนแรง ถ้าเขาเขวี้ยงใส่อะไรก็ตาม สิ่งนั้นจะกระเด็นไปไกลหลายเมตร และถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตแล้วล่ะก็ สิ่งมีชีวิตนั้นคงไม่มีวันได้มีโอกาสหายใจอีกก็เป็นได้

     

                    แต่ข้อจำกัดของมันทำให้เขาอ่อนแอเหมือนแวมไพร์ทั่วไปได้เลยทีเดียว ถึงจะเป็นอำนาจพิเศษที่ทรงพลังแต่มันกลับใช้ได้เพียงครั้งละหนึ่งลูกเท่านั้น แถมระยะเวลาในการเว้นช่วงของอำนาจพิเศษกินเวลาถึงสามวินาที ถึงจะเป็นเวลาแค่ชั่วครู่เดียวในความคิดของมนุษย์ แต่มันก็มากพอที่จะเปิดช่องว่างให้พวกดีไวน์ปลิดชีวิตของเขาทิ้ง

                   

                    ภายในระยะเวลาสามวันที่เหลืออยู่นี้ ก่อนที่ทัพของแวมไพร์และทัพของมนุษย์หมาป่า จะบุกเข้าไปหาพวกดีไวน์ถึงที่นั้น กาเรียนได้ทบทวนแผนการต่างๆ ให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น แบ่งพวกผู้พิทักษ์ให้ลงตัวมากที่สุด พยายามคัดสรรพวกมนุษย์หมาป่าที่จะมาเป็นผู้พิทักษ์ให้พวกเขาให้มีประสบการณ์และทักษะอย่างดีเยี่ยม ทั้งเขาและนีออนพยายามฝึกซึ้นเพื่อรับมือกับพวกดีไวน์

     

                    และแล้วเวลาแห่งการต่อสู้ก็มาถึง...!!

     

                    แวมไพร์และมนุษย์หมาป่าเคลื่อนทัพไปพร้อมกัน ท่าเดินของแวมไพร์ดูสง่างาม พลิ้วไหวเหมือนกับกำลังเริงระบำ ปลายเท้าที่เหยียบลงกับพื้นดิน ช่างอ่อนนุ่มราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังล่องลอยอยู่ แต่กลับกัน พวกมนุษย์หมาป่า เวลาอุ้งเท้าเหยียบลงบนพื้นดินนั้น ช่างดูหนักแน่นและมั่นคงราวกับว่าพวกเขาพร้อมที่จะออกรบทุกเวลา

     

                    ทัพของแวมไพร์มีด้วยกันทั้งหมดสิบสี่ตนรวมกาเรียนด้วยแล้ว เมื่อพวกเขาทั้งสิบสี่ตนเดินมาด้วยกันมันช่างดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ท่าทางที่ดูมีพลังอำนาจ ดูน่ากลัวทีเดียวในสายตาของพวกแวมไพร์ด้วยกัน ส่วนทางด้านทัพของมนุษย์หมาป่านั้นมีด้วยกันทั้งหมดห้าสิบสี่ตนรวมนีออนด้วยแล้ว ช่างเป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกอมนุษย์เลยทีเดียว ท่าทางที่ดุดันน่าหวาดกลัว อมนุษย์ที่มีพละกำลังมากมายและความรวดเร็วที่พลิ้วไหว ยามแปลงกาย ทัพของทั้งสองเผ่าพันธุ์ดูแล้วที่จะหาผู้ที่ต่อกรได้อยากจริงๆ

     

                    ถึงแม้แวมไพร์ตนอื่นๆอยากจะมาร่วมรบในครั้งนี้มาเพียงใด ก็ต้องเฝ้ารอเพียงอย่างเดียว เพราะกาเรียนได้บอกไว้ว่า การรบครั้งนี้อันตรายเกินไป พวกเขาไม่ต้องการให้แวมไพร์ที่อายุยังน้อยและด้วยประสบการณ์ต้องมาตาย ด้วยสงครามที่พวกดีไวน์ สร้างขึ้น

     

                    แต่แล้วทัพก็ต้องหยุดฝีเท้าลง กาเรียนเอ่ยขึ้น เราเกือบถึงแล้ว...น่าแปลกที่มันเงียบมากเหลือเกิน

     

                    ข้าคิดเช่นเดียวกัน, สหายที่รักของข้า นีออนเอ่ยรับคำตอบ ตอนนี้พวกอมนุษย์เลือดอุ่นเตรียมพร้อมที่จะแปลงกายกันเต็มที่ ท่าร่างในการเตรียมการรบดูแข็งแรง จมูกของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นแปลกๆตลอดเวลา นีออนเอ่ยสั่ง สหายหมาป่าของข้า, เตรียมตัวให้ดีแปลงกายให้เร็วที่สุด ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์อย่าให้ผิดพลาด

     

                    ทั้งแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ต่างหันซ้านหันขวาเตรียมพร้อมรบอย่างเต็มที่ พวกเราแวมไพร์ทั้งสิบสี่ตนถูกล้อมรอบไปด้วยมนุษย์หมาป่าที่ยังคงอยู่ในร่างของมนุษย์ สัมผัสต่างๆถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์การได้กลิ่น การได้ยิน หรือประสาททางการมองเห็น เราพยายามทำให้มันมีประสิทธิภาพมากที่สุดแต่กระนั้นก็ยังคงรับรู้อะไรจากวกดีไวน์ไม่ได้เลย...น่าแปลก !!

     

                    ฟ้าว !! ฉึก !!

     

                    เสียงของลูกธนูที่แหวกผ่านอากาศพุ่งตรงมายังร่างของมนุษย์หมาป่าที่ยังคงอยู่ในร่างของมนุษย์ เขาล้มลงมนุษย์หมาป่าผู้โชคร้ายล้มลง ลูกธนูปักเข้าที่หัวใจพอดิบพอดี ดูแล้วคงทรมานไม่น้อย แต่ทว่ามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไรให้หมาป่าตนนั้นได้เลย เข้าดึงมันออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วแล้วแปลงกายตนเองให้อยู่ในร่างที่พร้อมรบ ...มนุษย์หมาป่า !!

     

                    เมื่อมนุษย์หมาป่าตนอื่นเห็นดังนั้นก็รีบแปลงกายทันที พวกเขาทั้งหมดเข้าประจำตำแหน่งผู้พิทักษ์ที่ได้รับมอบหมายไว้ นีออนเป็นหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ของกาเรียนเช่นกัน เขาดูสง่างามสีขนของเขาเป็นสีเงินสว่าง ผิดกับตัวอื่นๆ ที่มีแต่สีน้ำตาลอ่อนบ้างเข้มบ้าง

     

                    ทุกๆตนเตรียมพร้อม กาเรียนและแวมไพร์ตนอื่นๆเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์หมาป่า บางตนกล้ามเนื้อดูมีขนาดใหญ่มากกว่าปกติ ร่างกายดูใหญ่โตขึ้นจากธรรมดาหลายเท่าตัว ร่างกายของพวกเขาดูมีพละกำลังมากมายมหาศาล ส่วนมนุษย์หมาป่าบางตนก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปถึงแม้ร่างกายจะไม่ดูกำยำและขยายใหญ่ขึ้น แต่หางของพวกเขาดูเรียวยาวมากขึ้น ร่างกายดูบอบบางแต่เพรียว ขนลู่ลงไปติดกับลำตัวบางๆดูแล้วน่าจะว่องไวขึ้นอีกหลายเท่าหรือว่าสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงตามร่างกายตอนนี้คือ.... พรสวรรค์ !!!

     

                    กาเรียนเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง นี่สินะคือพรสวรรค์ของเหล่ามนุษย์หมาป่ายามแปลงกายแล้วดูมีอำนาจมากซะจริง แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อหันไปดู นีออน หมาป่าสหายคนสนิทที่ตอนนี้ดูแล้วแปลกยิ่งไปกว่ามนุษย์หมาป่าตนอื่นๆ

     

                    ร่างกายของนีออนดูกำยำและขยายใหญ่ขึ้น ร่างกายดูมีพละกำลังเพิ่มมากขึ้น มีหางที่ยาวเรียวมากขึ้นไปอีก ขนที่ดูสวยงามบัดนี้ กลับสวยยิ่งกว่าเดิมมันเป็นสีเงินมันๆ สะท้อนกับแสงของดวงจันทร์เป็นอย่างดีขนของเขาพองออกทำให้เขาดู ร่างกายใหญ่โตมากขึ้นไปอีกหรือว่า...

     

                    พรสวรรค์ที่สาม...พละกำลังและความเร็ว กาเรียนตะลึงดวงตาของเขาเบิกกว้าง รอยยิ้มของเขาค่อยๆคลี่ออก ช่างน่ามหัศจรรย์, สหายของข้า

     

                    หึๆนีออนหัวเราะในลำคอ หน้าตาดูมีความสุข

     

                    พวกเขาทั้งหมดเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว ประสามสัมผัสทั้งหมดทำงานอย่างเต็มที่ พวกมนุษย์หมาป่าใช้จมูกดมกลิ่นรอบๆ เพื่อตรวจหาสิ่งผิดปรกติ ตอนนี้พวกเขาคงรับรู้ถึงสิ่งผิดปรกตินี้แล้ว ขนของมนุษย์หมาป่าพองขึ้น นั่นยิ่งทำให้ทุกตนดูมีรางกายที่ใหญ่โตมากกว่าเดิมเสียอีก

     

                    กล้ามาถึงถิ่นของพวกเราเลยหรือครับ...พวกอมนุษย์เสียงของหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นด้านหน้า เมื่อเขาก้าวออกมาข้างหน้ามันก็ทำให้พวกเราประหลาดใจ แวมไพร์กับมนุษย์หมาป่า...เหอะ !!”

     

                    หน้าตาของเขาดูยังไงอายุก็อยู่เพียงยี่สิบสามปีเท่านั้น เมื่อมองเลยไปทางด้านหลังมีพวกดีไวน์ถึง สามสิบคน อาวุธครบมือ การเรียนสังเกตเห็นว่าทุกๆคนจะมีดาบสีเงิน แนบอยู่ข้างกาย เขารู้ดีว่านั่นหมายถึงอะไร ดาบที่เอาไว้สังหารพวกมนุษย์หมาป่า ดาบที่เตรียมไว้สำหรับแทงให้ทะลุหัวใจของพวกมนุษย์หมาป่า

     

                    ทำไมเจ้าต้องทำอย่างนี้...ไล่ล่าสังหารพวกเราเพื่ออะไร กาเรียนถามเสียงเครียด หน้าตาของเขาส่อเค้าความโกรธอย่างเป็นที่สุด

     

                    คงเป็นการเสียมารยาท ถ้าผมไม่แนะนำชื่อตนเองก่อน ผมมีนามว่า โจเซฟ ลอวค์ ผู้นำของกลุ่มดีไวน์กลุ่มเล็กๆกลุ่มนี้ครับเขาโค้งหัวให้ น้ำเสียงดูไม่เครียดกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เหตุผลน่ะเหรอครับ พวกเราเกิดมามีพรสวรรค์แบบเจ้าตัวสี่ขานั่นไงครับ

     

                    กาเรียนมีสีหน้างุนงงปนตกใจ นี่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆงั้นหรือ  พวกมนุษย์หมาป่าส่งเสียงขู่ฟ่อในลำคอ ความโกรธ... หมายความว่ายังไง

     

                    คุณได้ยินถูกต้องแล้วล่ะครับ พวกเราเกิดมาก็พบว่ามีพรสวรรค์เช่นเดียวกับพวกอมนุษย์เลือดอุ่นพวกนั้น... พรสวรรค์ทางด้านพละกำลังและความว่องไว ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ ว่าทำไมเราถึงเกิดมามีพรสวรรค์อย่างนี้ แต่แน่นอนเราเป็นมนุษย์เต็มตัว ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจอย่างพวกคุณเขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะหันกลับมาพูดอีกครั้ง ส่วนเหตุผลที่ผมต้องสังหารพวกคุณนั้น เพราะคำสาปไงครับ

     

                    กาเรียนมีเค้าหน้าที่งุนงงอีกครั้ง เขาสังเกตไปรอบๆกลุ่มของพวกดีไวน์ ช่างเหมือนกันกับพวกมนุษย์หมาป่าอะไรอย่างนี้ มนุษย์ในกลุ่มดีไวน์บางคนมีร่างกายที่แข็งแรงมีกล้ามแขนเป็นมัดๆ ส่วนพวกดีไวน์บางคน มีร่างกายที่เป็นปรกติ ถึงแม้จะดูไม่กำยำแต่คิดว่าพวกเขาคงจะมีพรสวรรค์ด้านความเร็วเป็นแน่ และที่แน่ๆคนที่ชื่อ โจเซฟอะไรนั่น คงมีพรสวรรค์ทางด้านความเร็วแน่นอน ร่างกายของเขาช่างดูบอบบางเสียจริงบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้นำของพวกนี้ได้เลย

     

                    โจเซฟอธิบายต่อ สายตายังคงกวาดมองไปเรื่อยๆ คำสาปที่กินระยะเวลามายาวนานแล้วล่ะครับ... ตั้งแต่ดีไวน์รุ่นที่แล้วคำสาปนั้นคือ อมตะไงครับกาเรียนพยักหน้าแต่สายตาก็ยังส่อแววงุนงง ใช่แล้วครับ ดีไวน์รุ่นแรกถูกพวกคุณสาปให้มีชีวิตอันเป็นอมตะ ไม่อาจตายได้ และทำให้พวกเรามีพรสวรรค์ที่น่ารังเกียจแบบพวกคุณ เมื่อมีลูก ลูกก็จะมีพรสวรรค์ และเติบโตขึ้น จนถึงอายุยี่สิบห้าก็จะหยุดเจริญเติบโต

     

                    พวกดีไวน์รุ่นแรก บอกพวกเรารุ่นหลังๆว่า การที่จะแก้คำสาปได้นั้น ต้องฆ่าพวกอมนุษย์ให้หมดไม่ว่าหน้าไหนก็ตามแล้วคำสาปจะคลายเอง... พวกเราไม่ต้องการมีชีวิตที่เป็นอมตะนะครับ มันน่ารังเกียจ ที่ผมพูดนี่เข้าใจมั้ยครับเขาถามก่อนที่จะมาหยุดมองที่แวมไพร์อาวุโสกาเรียน คุณคงเป็นผู้นำสินะครับ... อย่าทำให้ผมผิดหวัง !!!

     

                    เมื่อเขาพูดจบร่างของเขาก็หายวับไป แต่กลับมาโผล่อยู่ข้างหลังของกาเรียนแทนความเร็วของโจเซฟเกือบทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน นีออนเตรียมพร้อมกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขาไหวตัวทันกระโดดมาหาสหายสนิท ใช้ร่างของตนพุ่งเข้าโจเซฟก่อนที่ทั้งคู่จะล้มแล้วลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

     

                    โจเซฟมองนีออนด้วยแววตาประหลาดใจก่อนที่จะยิ้มออกมาผู้มีพรสวรรคทั้งสองอย่างงั้นหรือครับ...น่าสนใจ

     

                    ดีไวน์ทุกคนจงฟัง... กำจัดพวกอมนุษย์ให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียวเขาประกาศลั่นก่อนที่พวกดีไวน์จะชักดาบสีเงินเล่มยาวบางออกมาจากฝักข้างกาย และพุ่งตรงเข้าหาอมนุษย์ทุกตนที่ยังมีชีวิต !!!

     

                    พวกดีไวน์กลุ่มหนึ่ง เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว พุ่งเข้าหาอารินหมายที่จะปลิดชีวิต แต่ทว่าก็มีมนุษย์หมาป่าถึงสี่ตน ขวางหน้า หน้าที่ผู้พิทักษ์ของพวกมนุษย์หมาป่าได้เริ่มขึ้นแล้ว...

     

                    ดีไวน์สองคนอ้อมมาทางด้านหลังของอารินด้วยความว่องไวหมายที่จะสังหารเธอภายในดาบเดียว แต่พวกดีไวน์ไม่รู้ว่าอารินมีอำนาจพิเศษ ที่ทรงพลังแค่ไหน นั่นทำให้พวกเขากลายเป็นเป้านิ่งแทน

     

                    อารินหันกลับมาทางด้านหลังด้วยความเร็ว มนุษย์หมาป่าที่มีพรสวรรค์ด้านความเร็วก็พุ่งมาอยู่ข้างหน้าเธอเช่นกัน เธอกางฝ่ามืออกไปข้างหน้า สายตาดูมีอำนาจ น่ากลัวสงบนิ่งและเยือกเย็น แววตาสีทองของเธอส่องประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

                    พวกดีไวน์ทั้งสองคนหยุดชะงักนิ่ง ในท่าชักดาบที่เตรียมพุ่งมาหาอาริน อารินส่งสัญญาณให้พวกผู้พิทักษ์มุ่งตรงเข้าไป ฆ่าพวกมันซะ แน่นอนพวกเขาขยับไปไหนไม่ได้ อำนาจพิเศษของอารินทรงพลังเกินกว่าที่พวกนั้นคาดคิด... อำนาจพิเศษของเธอคือ การตรึงกาย !!!

     

                    ใครก็ตามที่ถูกอารินใช้อำนาจพิเศษใส่นั้น จะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เลย ไม่ว่าจะมีพละกำลังที่แข็งแรงมากแค่ไหนก็ตาม อำนาจพิเศษของเธอช่างมหัศจรรย์ ทรงอานุภาพ แต่มีข้อจำกัดที่น่ารำคาญ เธอสามารถใช้อำนาจของเธอมากสุดแค่สองเท่านั้น เธอไม่สามารถตรึงได้มากกว่านั้น และระยะเวลาที่ต้องทิ้งช่วงอีกสองวินาที มันก็สามารถมองจุดจบให้เธอในยามที่เธออยู่ในสนามรบได้เช่นกัน

     

                    พวกดีไวน์ทั้งสองคนถูกฆ่าลงไปแล้ว และอีกสองคนที่สู้อยู่กับมนุษย์หมาป่าก็ตายลงเช่นกัน ครั้งนี้กลุ่มของอารินและผู้พิทักษ์ทั้งสี่เป็นฝ่ายชนะ แต่ทว่ากลุ่มอื่นๆล่ะ จะสามารถชนะพวกดีไวน์ได้หรือไม่ ช่างน่ากลัว... พวกดีไวน์

                   เมื่อพวกดีไวน์ที่บุกเข้าหากลุ่มของอาริน ได้สิ้นลมหายใจลงทั้งหมดแล้ว กลุ่มของเธอก็เร่งเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มอื่นที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

     

                    ดีไวน์สามคนบุกเข้าหากลุ่มของวิคตอเรียอย่างรวดเร็ว ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ตนกระโดดเข้ามาขวางไว้ระหว่างวิคตอเรียกับดีไวน์ทั้งสามคน พวกนั้นดูมีร่างกายที่ใหญ่โตถึงสองคน และอีกคนดูมีร่างกายที่บอบบาง แสดงว่าสองคนนั้นจะต้องมีพรสวรรค์ด้านพละกำลัง และดีไวน์อีกคนต้องมีพรสวรรค์ด้านความเร็วเป็นแน่... และเมื่อพวกเขาทั้งสามรวมกัน คงจะแข็งแกร่งไม่น้อย

     

                    เป็นจริงอย่างที่เธอคาดคิดไว้ พวกดีไวน์ที่มีพรสวรรค์ด้านพละกำลังทั้งสองคนบุกเข้ามาหาวิคตอเรียหมายที่จะปลิดชีวิต แต่ทว่าทั้งสองคนก็ถูกพวกมนุษย์หมาป่าที่มีพรสวรรค์ทางด้านเดียวกันถึงสามตนสกัดเอาไว้ ทำให้เขาทั้งสองคนไม่สามารถที่จะบุกทะลวงมาหาวิคตอเรียได้ ในตอนนี้เธอปลอดภัยและมีเวลามากพอที่จะใช้อำนาจพิเศษของเธอแล้ว แต่...

     

                    แล้ว.... ดีไวน์ที่เหลืออีกคนล่ะ !!!

     

                    เธอและผู้พิทักษ์ทั้งสี่ตนพลาดไปแล้วพวกเขาลืมดีไวน์ไปอีกคน มันอ้อมมาทางด้านหลังของวิคตอเรีย และในตอนนั้น เธอหันหลังกลับไป เธอเห็นตัวดาบที่เป็นสีเงินถูกยกขึ้นมันสะท้อนแสงของพระจันทร์ก่อนที่ดาบจะถูกแทงเข้าตรงกลางหัวใจอย่างพอดิบพอดี... ถูกแทง !!!

     

                    ผู้พิทักษ์ของเธอตนหนึ่งถูกแทง !!!

     

                    มนุษย์หมาป่าผู้มีพรสวรรค์ด้านความเร็ว ถูกแทงเข้าตรงกลางหัวใจ ร่างของเขายังคงอยู่ที่ตัวดาบ ก่อนที่ดีไวน์คนนั้นจะยกร่างของมนุษย์หมาป่าผู้โชคร้ายขึ้นเหนือหัว แล้วตัดดาบออกจากหัวใจ ก่อนที่จะเตะร่างที่กำลังมีเลือดไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย จะกระเด็นไปชนกับต้นไม้ จนต้นไม้ใหญ่หักครึ่ง

     

                    ร่างของมนุษย์หมาป่าโชกไปด้วยเลือด เลือดสีแดงสดไหลออกมาไม่มีหยุด มันไหลผ่านออกมาจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่หัวใจถูกตัดผ่าน ร่างของมนุษย์หมาป่าผู้โชคร้ายนั้น กระตุกอยู่สองสามที แล้วก็สงบนิ่งไป

     

                    ผู้พิทักษ์ของวิคตอเรียตายแล้ว... พวกอมนุษย์เสียพรรคพวกไปหนึ่งตน !!!

     

                    ไม่ !!” วิคตอเรียตะโกน ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองไปทางพวกดีไวน์ทั้งสามตน ดวงตาของเธอเปล่งสีเหลืองทองอย่างสุกสว่าง เธอกำลังโกรธกำลังโกรธอย่างหนัก

     

                    พริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็ไปอยู่ข้างหลังดีไวน์ที่สังหารผู้พิทักษ์ของเธอ เธอรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัวหรือว่านั่นคืออำนาจพิเศษของวิคตอเรีย เมื่อเธอไปอยู่ข้างหลังของดีไวน์ที่สังหารมนุษย์หมาป่าแล้ว เธอกระชากเขาจากด้านหลัง ทำให้ร่างของมันกระเด็นไปไกลหลายเมตร จนกระทั่งชนกับต้นไม้ แต่ทว่าก่อนที่ร่างนั้น จะได้ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ร่างของวิคตอเรียก็ได้หายไปจากที่ที่เธอเคยยืนอยู่แล้ว กลับกัน เธอกลับไปโผล่อยู่ตรงหน้าของมัน ก่อนที่จะดึงร่างของมันลงมากระแทกเขากับก้อนหินที่แหลมคม จนร่างกายถูกหินแทงทะลุ จนมีเลือดไหลทะลักออกมา เหมือนกับผู้พิทักษ์ของเธอ ที่ถูกมันสังหาร !!

     

                    เธอมีความไวที่น่าเหลือเชื่อ... นี่สินะคืออำนาจพิเศษของวิคตอเรีย !!

     

                    อำนาจพิเศษของวิคตอเรีย เธอสามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอได้มากขึ้นถึงสิบเท่า มันเป็นความเร็วที่เร็วมากที่สุดเท่าที่พรสวรรค์ของพวกมนุษย์หมาป่าหรือพวกดีไวน์เคยมี เพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาทีเท่านั้น ร่างของเธอก็หายไปและไปโผล่อีกที่ โดนใช้เวลาเพียงหนึ่งในสิบของวินาที ช่างเป็นอำนาจพิเศษที่น่าเหลือเชื่อ แต่ข้อจำกัดของอำนาจพิเศษของเธอก็ดูน่ากลัว เรี่ยวแรงของเธอจะหายไปเป็นเวลาสองวินาที หลังจากที่เธอใช้อำนาจพิเศษแล้ว แต่นั่นก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เธอคิดว่าอย่างนั้น

     

                    เมื่อพวกดีไวน์ที่เหลือสองคนเห็นเพื่อนของตนถูกแวมไพร์หญิงสังหาร พวกมันรีบชักดาบเงินออกมาจากฝักแล้วฟันลงไปที่ตัวของมนุษย์หมาป่าที่ยืนขวางอยู่ แต่พลาด ดาบของเขาฟันลงไปโดนกับพื้น ทำให้พื้นดินแถวนั้นถูกผ่ากลางอย่างน่ากลัว

     

                    เมื่อดีไวน์ฟันดาบลงมาพลาดไปแล้ว มนุษย์หมาป่าขนสีน้ำตาลเข้มไม่ปล่อยโอกาสทองของตนเองหลุดมือ เขาออกแรงใช้เท้าหลังถีบตัวกระโจนไปหาดีไวน์คนนั้นสุดตัว อ้าปากที่มหึมางับลงตรงคอของดีไวน์คนนั้นอย่างแรง ทำให้เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากต้นคอของดีไวน์ผู้โชคร้ายคนนั้น เขากัดให้เขี้ยวฝังลึกลงไปกว่าเดิม ก่อนที่จะกระชากสุดแรง แล้วก็มีบางอย่างไม่อยู่ติดกับลำตัวอีกต่อไปแล้ว

     

                    มนุษย์หมาป่า... กระชากหัวของดีไวน์กระเด็นหลุดออกมาจากลำตัว ก่อนที่จะสะบัดให้หัวกระเด็นไปไกลหายเข้าไปในป่าลึก ร่างที่ไร้หัวล้มลงเลือดมากมายไหลออกมาจากคอ

     

                    มนุษย์หมาป่าขนสีน้ำตาลอ่อนอีกตนก็เช่นกัน เขาเห็นว่าดีไวน์ที่เหลือคนสุดท้ายมีช่องว่างตอนที่มันดูเพื่อนของมันอีกคนถูกฆ่าตาย เขากระโจนไปหามันอย่างสุดแรงก่อนที่ร่างของมันจะล้มลง เขาจึงกระชากแขนทั้งสองออกจากลำตัวด้วยปากที่ทรงพลัง ทำให้ดีไวน์คนนั้นร้องเสียงหลงอย่างทรมาน ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจไปอีกคน พวกดีไวน์ตายไปเจ็ดคนแล้ว... นั่นเป็นตัวเลขที่ดี โอกาสที่พวกอมนุษย์จะชนะมีเพิ่มขึ้นถึงแม้จะเล็กน้อยก็ตาม กลุ่มวิคตอเรียรีบเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มอื่นอย่างเร่งด่วน

     

                    กลุ่มของเจมส์ กลุ่มของวิคเตอร์ และกลุ่มอื่นๆต่างก็รับมือกับพวกดีไวน์กันอย่างหนัก พวกดีไวน์กลุ่มหลังที่ปรากฏตัวอย่างไร้ร่องรอยนั้น ช่างเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์ในการรบสูงมาก มีหลายครั้งที่พวกเราเกือบเพลี่งพล้ำ เกือบสังเวยกับคมดาบเงินของพวกดีไวน์

     

                    แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน... !!!

     

                    กลุ่มของบิลลี่ถูกพวกดีไวน์ที่มากไปด้วยประสบการณ์ทางการรบเล่นงาน กลุ่มของเขาเสียผู้ทักษ์ไปหนึ่งตนแล้วสภาพของร่างไร้เลือดหล่อเลี้ยงน่าสยดสยองมาก พวกวิคตอเรียและพวกอารินเห็นท่าทีตอนนั้น จึงรีบเข้าไปช่วย วิคตอเรียใช้อำนาจพิเศษจัดการดีไวน์คนหนึ่งที่กำลังพยายามจะเอาดาบเงินแทงทะลุหัวใจของมนุษย์หมาป่า ร่างของเขาล้มลงแต่ไม่ตายมนุษย์หมาป่าผู้พิทักษ์ของเธอจึงกระโจนเข้ามาช่วยกันกระชากแขนและขาของมันให้แยกออกจากร่างกาย

     

                    ทางฝั่งของอารินเธอก็ใช้อำนาจพิเศษเช่นเดียวกัน เธอหยุดการเคลื่อนไหวของดีไวน์ผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านความเร็วให้อยู่กับที่ ก่อนที่จะให้ผู้พิทักษ์จัดการให้มันตาย แต่ทว่าเธอทั้งสองลืมไปว่า ยังมีดีไวน์อีกคนหนึ่งที่ยังไม่มีใครจัดการ

     

                    สายไปซะแล้ว... บิลลี่ขาดการคุ้มครอง ดีไวน์ตนนี้มีพรสวรรค์ด้านความเร็วแถมด้วยประสบการณ์ทางการรบที่มีมาอย่างโชกโชน ทำให้เขาสามารถถึงตัวบิลลี่ได้อย่างรวดเร็ว ดีไวน์หนุ่มคนนั้นใช้ดาบแทงตรงหัวใจของบิลลี่อย่างแม่นยำ

     

                    ดวงตาของบิลลี่เบิกกว้าง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ดีไวน์หนุ่มคนนั้นกระชากดาบออกมาอย่างรุนแรง มีบางอย่างติดออกมากับดาบด้วย สิ่งนั้นคือ หัวใจ !! เขาชูดาบขึ้นเหนือหัว แล้วจุดไฟเผาร่างตามด้วยเอาน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เทลงไปในกองเพลิงที่กำลังลามไปทั่วร่างของบิลลี่ เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่จะล้มลง แล้วไฟก็มอดดับไปเหลือไว้เพียงผงสีขาวที่เป็นรูปร่างคนนอนลงกับพื้น

     

                    พวกแวมไพร์เสียบิลลี่ไปแล้ว... อำนาจพิเศษของเขายังคงเป็นปริศนา

     

                    อารินและวิคตอเรียที่เห็นภาพสะเทือนใจ ร่างทรุดลงกับพื้นเปิดช่องว่างให้กับพวกดีไวน์ พวกมันหลายคนพุ่งเข้ามาหาหมายปลิดชีวิต แต่ทว่าด้านหลังของทั้งสองคนมีอมนุษย์บางกลุ่มยืนรออยู่แล้ว... มาคัส !!

     

                    กลุ่มของมาคัสยืนอยู่ด้านหลังของพวกวิคตอเรียและอาริน เขากางมือออกไปข้างหน้าใช้อำนาจพิเศษคุ้มครองพวกเธอ พวกดีไวน์ต่างก็พุ่งเข้ามาหมายปลิดชีวิตของพวกเขา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่แล้วเมื่อจะก้าวมาถึงอีกแค่ก้าวเดียว พวกเขาก็ถูกกำแพงบางอย่างที่มองไม่เห็นขวางอยู่ไม่สามารถเข้าไปถึงตัวได้

     

                    ใช่แล้วนี่คืออำนาจพิเศษของมาคัส... การสร้างเกราะคุ้มครอง

     

                    พวกดีไวน์ยังวิ่งเข้ามาหามาคัสกันไม่หยุด แต่ก็พบว่า ยังมีกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นอยู่  ดีไวน์หลายคนใช้ดาบของตัวเองฟันลงมาที่หน้ามาคัสแต่ก็ต้องเจอกับกำแพงล่องหนอยู่ดี ช่างเป็นอำนาจพิเศษที่ทรงพลัง เหนือความคาดหมายของพวกดีไวน์บางคน

     

                    มาคัสเองก็รู้เช่นกันว่าพวกนั้นไม่มีทางฝ่ามาจากข้างหน้าได้แน่นอนเพราะนี่คืออำนาจพิเศษของเขา แต่ข้อจำกัดของอำนาจนี่จะทำให้พวกดีไวน์ที่มีพรสวรรค์ทางความเร็ว สามารถที่จะปลิดชีวิตเขาได้ ถ้าพวกมันมาจากทางด้านหลัง !!

     

                    ใช้แล้วข้อจำกัดของพลังของเขาคือไม่สามารถสร้างเกราะไปถึงข้างหลังได้ เขาสามารถสร้างมันได้แต่ข้างหน้าของตัวเองเท่านั้น นั่นทำให้พวกผู้พิทักษ์ของเขาจำเป็นต้องคุ้มครองอยุ่ทางด้านหลัง และคอยกระโจนปลิดชีวิตของพวกดีไวน์ยามที่วกมันมีช่องว่างเพียงเวลาเสี้ยววินาที

     

                    และก็ได้โอกาสของพวกผู้พิทักษ์ของมาคัส พวกดีไวน์ที่ถาโถมเข้ามาโจมตีมาคัสมีช่องว่างเพื่อหาจุดอ่อนของเกราะนั่นทำให้มนุษย์หมาป่าสามารถมอบความตายให้กับพวกมันได้อย่างง่ายดาย

     

                    แวมไพร์และมนุษย์หมาป่าต่างต่อสู้กับพวกดีไวน์อย่างเต็มที่ มีพวกดีไวน์หลายคนแล้วที่ต้องตายแต่ก็มี พวกมนุษย์หมาป่าที่ต้องตายเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งแวมไพร์อีกสองตนก็ต้องตาย เคธี่ กับ โลรองค์

     

                    กาเรียนที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ศึกที่เขาต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสเช่นเดียวกันกับที่ทุกคนเจอ โจเซฟเป็นดีไวน์ที่มีทักษะสูงมากบวกกับพรสวรรค์ที่เขาใช้อย่างช่ำชองนั่นทำให้เขาสามารถรุกไล่ พวกกาเรียนได้จนมุม แต่นีออนก็ว่องไวเช่นเดียวกัน ด้วยพรสวรรค์ทางพละกำลังและความเร็วทำให้เขาได้เปรียบในหลายๆด้าน

     

                    ตอนนี้กลุ่มของเขาเหลือเพียง เขา นีออน และมนุษย์หมาป่าผู้มีพรสวรรค์ด้านความเร็วอีกตน ส่วนทางด้านของโจเซฟเหลือเพียงเขาคนเดียว แต่เขาสามารถไล่ต้อนกลุ่มองกาเรียนได้อย่างง่ายดาย จนในที่สุด มนุษย์หมาป่าขนสีน้ำตาลอ่อนก็ถูกสังหาร ร่างถูกเตะให้กระเด็นไปไกลหลายเมตร เลือดสดๆไหลออกมาจากร่างไม่หยุด... แน่นอนหัวใจถูกแทงทะลุเรียบร้อยแล้ว

     

                    เขาหยุดการเคลื่อนไหวแล้วเอ่ยขึ้น คุณช่างเป็นมนุษย์หมาป่าที่มากไปด้วยความสามารถจริงๆครับ... ว่องไวและแข็งแรง

     

                    นีออนทำเสียงหึๆในลำคอ... คล้ายขอบคุณสำหรับคำชม

     

                    ส่วนคุณเขาชี้มาทางกาเรียน อำนาจพิเศษของคุณทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้... เช่นเดียวกับเธอคนนั้น

     

                    เขาชี้ไปทางอลิซ แวมไพร์ที่มีอายุเพียงห้าปี กำลังใช้อำนาจพิเศษระเบิดร่างของพวกดีไวน์ทีละคน ทีละคน มนุษย์หมาป่ารายล้อมร่างเธอ ปกป้องเธอจากคมดาบของพวกดีไวน์ ตอนนี้เธอดูสำคัญ อำนาจพิเศษของเธอจำเป็นอย่างมากยามที่ตอนนี้แวมไพร์ที่ทรงพลังเหลือเพียงสิบเอ็ดตนเท่านั้น

     

                    ทางฝั่งของผมเสียผู้ท้าความตายไปมากมายแล้วเขากล่าวขึ้นราวกับว่าจะยอมแพ้ แน่นอนเราไม่ได้ยอมแพ้... แต่เราคงต้องขอตัว ทางผู้อาวุโสของพวกผม ท่านส่งข่าวให้พวกผมกลับได้แล้ว ผมไม่มีเวลามากนัก ขอตัว

     

                    เหล่าผู้ท้าความตายดีไวน์ทุกตนจงฟัง เขาประกาศเสียงก้าว น้ำเสียงออกคำสั่งอย่างเคร่งครัด ถอนตัวเดี๋ยวนี้... คำสั่งของผู้อาวุโส ถอนกำลังได้ !!!”

     

                    เมื่อเขากล่าวคำสั่งจบ ดีไวน์ที่เหลือ ต่างพากันหันหลังให้ศัตรู ใช้พรสวรรค์และอุปกรณ์ของตน จากไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้พวกแวมไพร์และมนุษย์หมาป่ามีสีหน้าที่งง งวย แต่นั่นก็เป็นทางดีของพวกเขาเช่นกัน พวกเขามีจำนวนที่น้อยลงกว่าตอนแรกที่มามาก ถ้าสู้กันอย่างยืดเยื้อต่อไป จะทำให้ฝั่งของเขามีแต่เสียกับเสีย... เขารู้แค่นั้น

     

     

     

                    เขาพาทุกตนกลับมาที่ประชุมของเหล่าอมนุษย์ ทุกตนต่างดูเหนื่อยอ่อนกับสงครามที่ผ่านมา พวกเขาเสียขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก สูญเสียเพื่อนและสหายคนสนิท แวมไพร์ที่ไปสู้รบกลับมาเพียงสิบเอ็ดตนเท่านั้น มนุษย์หมาป่าเหลือกลับมาเพียงยี่สิบห้าตนจากตอนแรกห้าสิบหกตน นั่นทำให้ทุกตนต่างเสียใจกับที่เหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก... พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร พวกนั้นจะต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน เขามั่นใจ.................

     

     

                    ทางฝั่งดีไวน์......

     

                    เมื่อพวกเขาทั้งหมดกลับมาถึงปราสาท โจเซฟถูกเรียกให้ไปพบผู้อาวุโสของดีไวน์ในทันที

     

                    เราจะสู้อย่างยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ โจเซฟ  ลอวค์ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ย น้ำเสียงมีอายุเพียงยี่สิบห้า ถึงพวกมันจะมีจำนวนน้อยนิด... แต่เราจะไม่ยอมเสี่ยง เสียผู้มีความสามารถอย่างเจ้าไป

     

                    โจเซฟพยักหน้า ครับ... ผมเชื่อฟังคำสั่งของท่านเสมอ ท่านลูค

     

                    ลูคยิ้ม พร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาออกไป ลูคหันหน้าไปหาผู้อาวุโสที่เหลืออีกครั้งเพื่อประชุมและปรึกษาหารือในเรื่องราวต่างๆ

     

                    ข้าจะพักการรบเขาเอ่ยขึ้นในที่สุด เราเสียผู้ท้าความตายมากเกินไป

     

                    ข้าก็คิดเช่นนั้น, ลูคเราคงไม่มีทางเลือก

     

                    เป็นความเห็นที่ยอดเยี่ยม, สหายข้าน้ำเสียงของเขาเบิกบาน แต่แน่นอน พวกเราไม่มีทางปล่อยให้พวกมันลอยหน้าลอยตาไปได้อีกนานนักหรอก เราจะจัดตั้งทีมขึ้นมาใหม่ และข้าก็จะร่วมด้วย ข้าจะกำจัดพวกมันให้สิ้นซากเอง เข้าพวกน่ารังเกียจ

     

                    ข้าจะให้พวกมันจำชื่อของข้าก่อนตาย ลูค วิลเรย์เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีอำนาจ แววตาดุดันและแข็งกร้าว ราวกับว่าเขาเป็นสิ่งที่แวมไพร์และมนุษย์หมาป่าต้องหวาดกลัว

     

                    ลูค วิลเรย์ ... !!!!

     

     

     

                    เราเสียพี่น้องไปคราวนี้.... มากมาย เสียงของกาเรียนเอ่ย น้ำเสียงดูเศร้าโศก แต่ทว่าเราก็จะไม่ให้พวกเขาตายเปล่า

     

                    เราจะให้แวมไพร์ที่มีอำนาจพิเศษในการค้นหาผู้ที่ทรงพลัง มาช่วยค้นหาแวมไพร์เพื่อรับมือกับพวกดีไวน์แน่นอน ข้ามั่นใจว่าพวกมันจะต้องไม่เลิกวางมือเขายังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโคก แม้ว่าพลังนั้นจะอยู่ในตัวมนุษย์ ข้าก็จะเปลี่ยนให้เขาเป็นแวมไพร์เพื่อร่วมสู้กับพวกเราแน่นอน

     

                    นีออนลุกขึ้น กล่าวเสริม ถึงแม้ต้องดึงมนุษย์เข้ามาร่วมในสงคราม เราก็จำเป็นต้องทำ... ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด

     

                    พวกแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าต่างร้องเฮ เห็นด้วยกับความคิดของเขาทั้งสอง พวกเราจะไม่มีวันยอมแพ้พวกดีไวน์อย่างแน่นอน

     

                    แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ต้องชนะ !!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×