คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ_ vampire & werewolf
ประวัติของอมนุษย์เลือดเย็น (Vampire)
แวมไพร์ (Vampire) ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน
สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน สิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม วิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
ประวัติ ของอมนุษย์เลือดอุ่น (Werewolf)
มนุษย์หมาป่า (Werewolf) เป็นผีจำพวกเดียวกับแวมไพร์และมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือ ดื่มกินเลือดและเนื้อของมนุษย์และสัตว์อื่นเป็นอาหาร เป็นความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ของชาวยุโรปในยุคกลาง โดยที่เชื่อว่า บุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างเป็นหมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง อาจจะแปลงร่างเป็นหมาป่าทั้งตัวเลยก็ได้ หรือครึ่งคนครึ่งหมาป่า หรือแม้กระทั่งแปลงเป็นสัตว์ป่าชนิดอื่น เช่น หมี เป็นต้น
โดยที่วิธีการฆ่ามนุษย์หมาป่าจะคล้าย ๆ กับแวมไพร์ โดยตอกด้วยลิ่ม หรือเผา ที่เห็นบ่อยโดยเฉพาะในภาพยนตร์ก็คือ การยิงด้วยกระสุนที่ทำจากเงินหรือกระสุนผ่านการปลุกเสก และถูกตามล่าเหมือนกับแวมไพร์
จากเรื่องเล่าที่คุณอ่านตำนานมาข้างต้นนั้น ดูจากแง่มุมไหนก็ตามมันก็ไม่สามารถเป็นเรื่องจริงได้ทั้งสิ้น ทั้งการแปลงกายเป็นมนุษย์หมาป่า ทั้งแวมไพร์ที่เป็นอมตะ การฆ่าด้วยการตอกลิ่มตรงเข้าที่หัวใจ ทั้งหมดนี่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ในความคิดของผู้มีการศึกษาที่สูง เรื่องเล่าหรือตำนานเหล่านี้ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องจริงโดยเด็ดขาด ....
บุรุษนิรนาม : “มันไม่มีทางมีจริงหรอก...เรื่องหลอกเด็กให้กลัวทั้งนั้น”
บุรุษนิรนาม : “โอ๊ยย...ตำนานงี่เง่าคนบ้าที่ไหนอยากจะแปลงเป็นหมา เห็บหมัดก็เยอะ”
สตรีนิรนาม : “ตอนแรกฉันก็เชื่อนะคะ เพราะยังเด็ก แต่พอโตมาก็รู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกค่ะ ใครจะไปกินเลือดสดๆได้ลงล่ะคะ ...อยากจะอ๊วก !!”
บุรุษนิรนาม : “แหวะ...เลือดเนี่ยนะใครอยากจะไปกิน ตัวก็เย็นอย่างกับน้ำแข็ง ผมไม่ชอบด้วยหรอก หรือว่าทั้งตัวมีแต่เห็บหมัดก็ไม่เอาหรอก สกปรก...”
นี่คือบางตัวอย่างของคนที่ไม่เชื่อว่า ทั้งแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ต่างไม่มีจริงอยู่บนโลกใบนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นตำนานหรือเรื่องเล่าที่ผู้ใหญ่แต่งขึ้นเพื่อให้เด็กกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านในเวลากลางคืน แต่ในเมื่อมีแง่มุมว่าไม่เชื่อ แง่มุมอีกมุมหนึ่ง คือคนบางกลุ่มเชื่อว่ามี แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า อยู่บนโลกใบนี้จริง
สตรีนิรนาม : “ฉันคิดว่ามันน่าจะมีจริงนะคะ ตำนานหรือเรื่องเล่าส่วนใหญ่ได้เค้าโครงมาจากเรื่องจริงทั้งสิ้นค่ะ”
บุรุษนิรนาม : “ผมอ่านหนังสือมาเยอะนะครับ ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้บางส่วนเป็นเรื่องจริง เพราะว่าพวกมนุษย์ที่สามารถแปลงเป็นหมาป่าได้เนี่ยต้องเป็นบรรพบุรุษของสุนัข แน่ๆเลยครับ”
สตรีนิรนาม : “ฉันว่ามันมีจริงแน่ๆค่ะ แต่มีบางสิ่งที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ทำไมแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่า ถึงไม่ค่อยถูกกันล่ะ ...”
บรุษนิรนาม : “เชื่อน่ะผมเชื่อ แต่ผมก็ยัง งงๆว่าทำไม ไอสองตัวเนี๊ยถึงไม่ถูกกัน ผมเคยลองหาประวัติดูแล้วแต่ก็หาไม่เจอ สงสัยมากๆเลยล่ะครับ”
นี่คือความคิดเห็นของผู้ที่เชื่อว่า บนโลกใบนี้มีแวมไพร์อยู่จริง แต่ทว่าความสงสัยก็ยังคงเป็นพื้นฐานของมนุษย์ บางคนเคยสงสัยว่าทำไมล่ะ เพราะอะไรล่ะ แวมไพร์และมนุษย์หมาป่าถึงไม่ค่อยถูกกัน ชอบรบราฆ่าฟันกันเป็นประจำ แน่นอน ความสงสัยทุกอย่างย่อมต้องมีคำตอบ และความสงสัยเรื่องนี้ก็มีคำตอบเช่นเดียวกัน...
เรื่องราวเริ่มต้นของ แวมไพร์และแวร์วูฟ...
ในสมัยก่อนย้อนกลับไปราวๆ 200 ปีที่แล้ว โลกทั้งใบกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา การพัฒนาทั้ง เทคโนโลยี อาวุธ ที่พักอาศัย ยารักษาโรค หรืออะไรก็ตามแต่ ที่สามารถทำให้ประเทศของตนเองนั้น ได้เป็นหนึ่งและยิ่งใหญ่ที่สุด
และแน่นอนนั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกๆประเทศต้องการ ความร่ำรวย ความทันสมัย และอื่นๆอีกมากมาย และในตอนนั้นเองประเทศที่สามารถพัฒนาตัวเองให้เป็นอันดับหนึ่งของโลกได้ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น “สหรัฐอเมริกา”
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และทันสมัย อาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง เทคโนโลยีต่างๆที่มีความสะดวกสบาย เทคโนโลยี ที่ทุกๆประเทศต้องการ ก็ต้องจ่ายเงินให้กับประเทศผู้ทรงอำนาจนี้ เพื่อที่จะได้สิ่งที่ตนเองต้องการมา แต่ทว่านี่ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกมนุษย์ไป ในเมืองแห่งหนึ่งของประเทศสหรัฐยังมีบางอย่างเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม เป็นกองทัพ
แวมไพร์ และ มนุษย์หมาป่า !!!
แวมไพร์คือ อมนุษย์เลือดเย็น ที่มีพละกำลังมหาศาล รวดเร็วดั่งสายฟ้า ดื่มเลือดของมนุษย์เป็นอาหาร ออกหากินในเวลากลางคืน ไม่สามารถออกไปโดนแสงอาทิตย์ได้
มนุษย์หมาป่าคือ อมุนษย์เลือดอุ่น ที่มีทั้งพละกำลังและความเร็วไม่ด้อยไปกว่าแวมไพร์ มีรูปร่างที่ใหญ่โต และแน่นอน พวกมันกินเลือดของมนุษย์เป็นอาหาร แต่ทว่าพวกมันจะแปลงเป็นมนุษย์หมาป่าได้นั้นต้องรอให้พระจันทร์เต็มดวงเสียก่อน นี่คือจุดอ่อนของพวกมัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นตำนานที่ไม่ใช่ความจริงทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นโดยพวกมนุษย์ พวกที่อ่อนแอไร้ทางสู้ พวกที่มีความหวาดกลัวเมื่อเกิดเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว พวกที่ทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะให้ตนเองชนะ ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์
แต่ความเป็นจริง พวกเราเหล่าแวมไพร์เป็นอมนุษย์ที่มีอุณหภูมิในร่างกายที่เย็น ไม่มีชีวิต ไม่มีวิญญาณ ไม่มีเสียงของหัวใจเต้น พวกเรามีพละกำลังที่มากมายมหาศาลก็จริง แต่มันก็ถูกจำกัดด้วยความรู้สึกนึกคิด ความยับยั้งชั่งใจ ความเร็วของพวกเราเร็วพอๆกับแสง พวกเราเป็นอมนุษย์ที่มีสติปัญญาสูง มีความกระหาย และสิ่งสำคัญคือพวกเราเป็นอมตะ และอาหารหลักของพวกเราคือ เลือด เลือดสีแดงสดแต่เราก็ไม่ปฏิเสธอาหารของพวกมนุษย์เช่นกัน เรากินได้ทั้งสองอย่าง แต่อย่างหลังคงต้องจำใจกิน ในยามที่ไม่มีเลือดให้ดื่ม
ส่วนมนุษย์หมาป่า คำกล่าวข้างต้นก็ยังคงมีส่วนถูก พละกำลังของพวกมันมีมากพอๆกับเหล่าแวมไพร์ ความว่องไวก็มี แต่คงไม่สามารถเทียบชั้นกับเราเหล่าแวมไพร์ได้ พวกมันไม่จำเป็นต้องรอให้พระจันทร์เต็มดวง แล้วค่อยแปลงร่างเป็น มนุษย์หมาป่า พวกมันสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์หมาป่าตอนไหนก็ได้ แต่เมื่อมันแปลงกายแล้ว ความคิดหรือสติสัมปชัญญะของพวกมันจะถูกสัญชาตญาณควบคุม อาหารของพวกมันจะแตกต่างจากเหล่าแวมไพร์ตรงที่ พวกมันจะกินแต่เลือดของสัตว์เพียงเท่านั้น
ในตำนานได้กล่าวไว้ว่า พวกเราเหล่าแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ไม่สามารถออกมาโดนแสงอาทิตย์ ตอนกลางวันได้ แต่ในความเป็นจริงพวกเราสามารถออกมาในตอนกลางวัน ออกมาโดนแสงอาทิตย์หรือแม้กระทั่ง ยืนมองดวงอาทิตย์เลยก็ได้ แน่นอนเวลาโดนแสงอาทิตย์ ผิวหนังของเราก็จะเป็นปรกติ เป็นเหมือนพวกมนุษย์ที่เวลาโดนก็จะร้อนเป็นธรรมดา นี่คือสิ่งที่ทำให้เรา สามารถอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์ได้ โดยไม่มีใครสงสัย
แต่ทว่ามีบางสิ่งที่พิเศษกว่าในตำนาน อยู่อีกสิ่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทั้งแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าก็มี นั่นคือ “อำนาจพิเศษ” และ “พรสวรรค์”
อำนาจพิเศษ คือ สิ่งที่มีอยู่ในตัวของแวมไพร์ทุกตน อำนาจพิเศษจะแตกต่างกันออกไปและสิ่งสำคัญมากที่สุดคือ อำนาจพิเศษของแวมไพร์แต่ละตนจะไม่มีทางเหมือนกันโดยเด็ดขาด หรือถ้าเหมือน ก็จะมีคุณสมบัติหรือข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป
อำนาจพิเศษเท่าที่รู้และทรงพลังมาก คืออำนาจพิเศษที่สามารถควบคุมธาตุต่างๆได้ อำนาจพิเศษที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัส อำนาจพิเศษเหล่านี้ส่วนมากมักจะพบอยู่ในแวมไพร์ที่มีอายุมายาวนาน อำนาจที่น่าเกรงขามไม่ว่ามนุษย์หมาป่า หรือแม้แต่แวมไพร์ด้วยกันเอง ยังต้องครั่นคร้าม ยอมจำนนในทุกทาง
ส่วนพรสวรรค์ คือ สิ่งที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์หมาป่ายามที่แปลงกาย เป็นพรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นเดียวกันกับอำนาจของแวมไพร์ แต่ด้อยในทางเลือกมากกว่า เพราะพรสวรรค์ของเหล่ามนุษย์หมาป่าที่ค้นพบมีเพียงสามอย่างเท่านั้น คือ พรสววรค์ด้านพละกำลัง ที่สามารถเพิ่มพละกำลังของตนให้มากว่าแวมไพร์รวมกันห้าตน พรสวรรค์ด้านความเร็ว ที่สามารถเพิ่มความเร็วให้รวดเร็วกว่าเหล่าแวมไพร์ได้ถึงสองเท่า และพรสวรรค์สุดท้ายที่พิเศษและทรงอำนาจมากกว่าพรสวรรค์ทั้งสองอย่างคือ พรสววรค์ทั้งด้านความเร็วและพละกำลัง แน่นอนพรสวรรค์อันสุดท้ายไม่ใช่ว่ามนุษย์หมาป่าทุกๆตนจะมี นานๆทีจะมีมนุษย์หมาปาสักตนที่จะมีพรสวรรค์แบบนี้
ถึงจะมีชีวิตที่เหมือนกัน แต่จุดจบของแต่ละเผ่าพันธุ์ย่อมที่จะแตกต่างกัน...!!!
จุดจบของแวมไพร์ดูน่ากลัวและสยอดสยองในสายตาของพวกมนุษย์อ่อนแอ แวมไพร์จะถึงจุดจบก็ต่อเมื่อ ควักหัวใจที่ไม่เต้นออกมาจาก อก ร่างของแวมไพร์จะยังคงอยู่ ร่างกายยังคงมีชีวิตแต่จะไม่เหลือสติ ความจำหรือกระทั่งอำนาจพิเศษ ร่างกายจะบ้าคลั่งไม่มีสติที่จะควบคุมร่างกาย ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าเกิดอันตราย กำลังของร่างกายที่ไม่มีหัวใจ จะมากเป็นสามเท่า ของพละกำลังแวมไพร์ปกติ ทางเดียวที่จะกำจัดให้สิ้นซากได้นั่นคือ ต้องจุดไฟเผาร่างแล้วนำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในโบถส์ ราดให้ทั่วตัวในขณะที่ร่างกายถูกไฟเผาอยุ่ เมื่อกลายเป็นเถ้าธุลีหมด นั่นแหละ คือจุดจบที่แท้จริง ของแวมไพร์
ส่วนจุดจบของเหล่ามนุษย์หมาป่า เป็นอะไรที่กลับกันกับแวมไพร์ การที่จะให้พวกมันถึงจุดจบของชีวิตที่มันก็เป็นอมตะเช่นเดียวกันนั้น จะต้องทำให้เลือดที่อยู่ในกายของมันไหลออกไปให้หมดแล้วจะต้องนำอาวุธที่ทำด้วยเงินแทงทะลุหัวใจซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดทั้งพลังและพรสวรรค์ของมัน ถ้าเพียงแค่นำเลือดออกไปแต่ไม่ยอมที่จะนำอาวุธที่ทำด้วยเงินมาแทงทะลุหัวใจมันล่ะก็ มันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และพละกำลังของมันจะมากขึ้นเป็นสองเท่า มีสัญชาตญาณที่เป็นเลิศ และนั่นทำให้มันยิ่งน่ากลัวมากกว่าเก่า
แต่ถึงจะฟื้นคืนกลับมาอย่างไร ชีวิตของมันก็ยังมีจุดจบเนื่องจากไม่มีเลือดที่จะหล่อเลี้ยงร่างกายอีกต่อไปแล้ว และมันก็ไม่สามารถกินเลือดสัตว์เพื่อทดแทนเลือดที่หายไปได้อีกด้วย นั่นทำให้มันมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงสามวันเท่านั้น แต่ก็นั่นแหละแค่สามวันก็เพียงพอที่มันจะสามารถตามล้างแค้นผู้ที่ปลิดชีวิตมันได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือสิ่งที่ฉันรู้เมื่อสมัยก่อน...ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่า ทำไมฉันถึงรู้ นั่นมันตำนาน หรือนิทานปรัมปรา เมื่อ 200 ปีก่อนเชียวนะ เพราะอะไรน่ะเหรอ ในตอนนี้ผู้อ่านบางท่านอาจจะทราบแล้วว่าทำไม ฉันถึงได้รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของ แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า มากมายขนาดนี้
ถูกต้องแล้ว....ฉันเป็น “แวมไพร์” ....!!!!!
ความคิดเห็น