ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Msnกับความรู้สึกที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #1 : Massage 1 วันที่ฝนตก โชคชะตา มิตรภาพและความรู้สึกที่หายไป

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 53


    เสียงฝนและลมพัดกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ลมพัดแรงมากจนได้ยินเสียง คลื่น~~คลื่น และแล้วไฟในบ้านก็ดับลงพร้อมเสียงบ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแม่ของผม ว่าจะมาดับอะไรกันตอนนี้นะงานบ้านก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วเมื่อไร มันจะหยุดตกนะตกมาได้ 3 วันแล้วเนี่ย เสียงแม่ของผมก็ยังบ่นไปแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่สำหรับผมในตอนนี้แล้วไม่ว่าไฟจะดับหรือไม่ดับมันก็ไม่มีค่าอะไรเลยในเมื่อผมไม่อาจจะมองเห็นมันได้ ผมไม่ได้ตาบอดนะ แต่ผมต้องรักษาดวงตาเนื่องจากหักโหมใช้งานหนักมากจนทำให้แสบตามากเวลาที่ลืมตา หมอ จึงให้ผมพันผ้าปิดตาไว้ แล้วจะมาหยอดยาที่โรงพยาบาลเท่านั้น
                    สวัสดีครับคุณหมอ ผมเอ่ยทักคุณหมอที่โรงพยาบาลที่ผมมาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว
                    สวัสดีครับ วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ ยังมีอาการเคืองหรือแสบตาหรือปล่าว หมอถามผมในขณะที่กำลังใช้กรรไกรตัดผ้าพันแผลที่พันรอบตาผมอยู่ ถึงผมจะมองไม่เห็นแต่ผมก็สัมผัสมันได้ มันเป็นความรู้สึกถึงโลหะที่มาแตะที่แถว ๆ บริเวณหน้าของผม แถมยังมีเสียงดัง ชับ ชับอยู้ข้าง ๆ หูผมอีก พอหมอถอดผ้าพันตาแล้วกอะไรสักอย่างที่ใช้คลอบตาออก ผมก็ลองพยายามที่จะค่อย ๆ ลืมตาออก
                    โอ้ย แสบตาครับหมอ
                    ไม่ต้องรีบลืม ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เพราะเราไม่ได้เห็นแสงมาเป็นเวลาเดือนกว่า ๆ ทำให้การมองเห็นไม่สมารถลืมตาขึ้นได้เหมือนเดิมค่อย ๆ ลืมรอให้สภาพตาปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมก่อน
                    ผมก็พยายามทำตามที่หมอพูด แล้วแต่ผมก็ยังลืมตาไม่ขึ้นเนื่องจากผมไม่อาจทนต่อแสงสว่างของหลดไฟได้ ผมจะได้แต่หลับตาต่ออย่างเดิม
                    แล้วตาของลูกดิฉันจะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ไหมค่ะ คุณหมอ แม่ถามหมอในขณะที่มองผมเนื่องจากผมยังไม่สามารถลืมตาไม่ขึ้น
                    คงต้องใช้เวลาหน่ะครับ อีกสัก 2-3 วันก็น่าจะมองเห็นได้ตามปกติแล้วนะครับ เพราะหมอเองก็ตรวจดูแล้ว ตอนนี้สายตาของน้องเขาก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่คงต้องใช้เวลาเนื่องจากน้องเขาไม่ได้ใช้สายตาเป็นเวลานาน คงต้องให้รอการปรับสภาพนะครับ แล้วถ้ามีอาการปวดหมอก็ได้สั่งยา แกอักเสบไว้ให้แล้วนะครับ แล้วก็มีวิตตามินบำรุงสายตาด้วยครับ
                    ค่ะ ๆ งั้นขอตัวลาคุณหมอเลยนะค่ะ สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ ผมและแม่ลาหมอก่อนออกจากห้องตรวงแล้วเดินไปห้องจ่ายยาแต่ในขณะที่เดินผม หลับตาแล้วเดินก้มหน้าจับมือแม่ตลอดเหมือนเด็ก ๆ ที่จับมือแม่เวลาเดินเที่ยวแล้วจะกลัวหลงอะไรอย่างงั้นเลย
    คุณศุภสิทธิ์ เชิญมารับยาที่ช่องรับยาหมายเลย 3 ค่ะ
    ป้อมรอแม่ตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่ไปเอายาแปป แม่พูดกับผมแล้วเดินออกไปทางไหนผมไม่อาจรู้ได้แต่จากเสียงคงจะเป็นด้านหน้าผมเป็นแน่ เอะทำไมผมถึงได้ทำเหมือนคนตาบอดหว่า
    เมื่อถึงบ้านแม่ก็ได้พูดกับผมว่า ป้อมนี่ก็ใกล้จะสอบคัดตัวเข้าเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ
    ครับแม่ แต่ยังไงผมก็น่าจะเข้าได้สบายอยู่แล้ว ยังไงผมก็อยู่ห้องคิงนะเเม่
    ผมจบมัธยมต้นจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่พอทุกคนได้ยินแล้วก็ต้องรู้จักแต่เนื่องจากผมเป็นคนขี้เกียจจึงไม่ค่อยส่งการบ้าน มีแต่คะแนนที่สอบสะส่วนใหญ่เกรดที่ได้เลยออกมากลาง ๆ แล้ววันนั้นผมกะเพื่อนจะไปสมัครสอบที่โรงเรียนแห่งหนึ่งผมกับเพื่อนเกิดดันทะลึ่งหลงทางกันผมเลยกลับมาสมัครเรียนโรงเรียนพาณิชย์ที่มีชื่อแห่งหนึ่งในกทม.ทิ้งไว้ก่อนที่ตาผมจะมองไม่เห็น
    ทำเป็นพูดดี ถ้าไม่ผ่านแล้วจะทำยังไง
    โถ่แม่ถ้าไม่ผ่านก็ไปเข้าเอกชนที่ไหนก็ได้สิแม่ตอนนั้นผมได้ยินเรื่องที่แปลกอยุ่อย่างระหว่างเรื่องโรงเรียนของรัฐบาลกับโรงเรียนของเอกชน เด็กโรงเรียนเอกชนมักจะดูถุกเด็กของโรงเรียนรัฐบาลเพราะเด็กโรงเรียนรัฐบาลส่วนใหญ่จะไม่ได้มีฐานะที่รวยเหมือนเด็กเอกชน แต่ในขณะเดียวกันเด็กรัฐบาลก็มักจะดูถูกเด็กเอกชนว่าไม่มีปัญญาสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลเลยต้องไปเข้าเอกชนมั่งแหละ
    แล้วแต่แกแล้วกัน แกก็โตแล้วนี่เดี๋ยวแม่ไปด้วยละกัน
    ไม่ต้องไปหรอกแม่ อายเขาโตป่านนี้แล้วยังเอาแม่ไปนั่งรอสอบอีก
    จะอายอะไรที่พี่แกนะขนาดเรียนปริญาตรีนะ เวลาสอบยังให้แม่ไปนั่งรอหน้าตึกห้องสอบเลย
    ก็ผมไม่ใช่พี่นี่น่าเป็นลูกแหง่ติดแม่หน่ะ
    โป๊กกกกกก
                “โอ๊ย เจ็บนะเนี่ยปุ้มทำไรอ่ะ ผมนั่งจับหัวผมในขณะที่ผมยังหลับตาอยู่
                    ไม่ได้ลูกแหง่เว้ย เขาเรียกลูกรักแม่ต่างหาก
                    ว่าแต่ตายังไม่หายจะไปยังไงคนเดียว แม่ผมเริ่มพูดต่อหลังจากฟังสองพี่น้องนั่งเถียงกันอยู่นาน
                    อืมค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน
     
    วันนี้เมฆฝนตั้งเค้าจะตกทำให้บรรยกาศอึม ครึม แสงสว่างจากแดดไม่ค่อยมีเหมือนบรรยากาศเป็นใจให้ผมเป็นอยากมากเนื่องจากตาของผมที่เริ่มมองเห็นได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถโดนแสงได้มากเท่าไรนัก แต่ที่ผมบอกว่าวันนี้บรรยากาศเป็นใจเพราะวันนี้เป็นวันสอบคัดตัวของผม วันนี้ผมพกเอาความตั้งใจไปอย่างเต็มเปี่ยมเพราะแต่ก่อนนั้นผมดูถูกสายอาชีพมาก เพราะผมจบจากมัธยมที่มีชื่อเสียงบวกกับที่ผมอยู่ห้องคิงจึงมีความเชื่อมั่นสูงแต่พอผมเข้ามาในโรงเรียนได้สักพักนั่นเอง ผมก็เห็นเด็กหลายคนนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้บ้าง ในโรงอาหารบ้างจนผมอดคิดในใจว่าสงสัยจะมากินหนังสือในโรงอาหารหรือไงเนี่ย ในขณะที่ผมเดินได้สักพักก็มีประกาศดังขึ้น
    ขอให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่ลานหน้าเสาธงชาติ ณ เวลานี้ด้วยครับ
    ขอให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่ลานหน้าเสาธงชาติ ณ เวลานี้ด้วยครับ เสียงประกาศซ้ำพอเห็นนักเรียนมาเข้าแถวครบครูจึงพุดต่อว่า
    วันนี้ครูมีข่าวดีจะมาบอก ว่าปีนี้ไม่มีการสอบเข้าเหมือนปีก่อน ๆ ปีนี้เป็นปีแรกที่วิทยาลัยของเราจะรับนักเรียนทุกคนเข้าเรียนด้วยไม่มีการสอบ แล้วก็ขอให้นักเรียนมาตรวจสอบรายชื่อห้องได้ในอีก 3 วันข้างหน้านะครับ ขอบคุณครับ
    อ้าวเฮ้ย ไหงจะเปลี่ยนกำหนดการไม่มีการบอกหรือประกาศสักคำทำไมทำงานกันได้ห่วยงี้นะ ในขณะที่ผมบ่นในใจ แต่หลายคนก็มีท่าทียินดีเมื่อไม่ต้องสอบ แล้วทุกคนก็พากันกลับบ้าน
    อ้าวป้อมทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ วันนี้สอบคัดตัวไม่ใช่เหรอ
    ครับพอไปถึงเข้าบอกให้มาใหม่อีก 3 วัน เพราะว่าปีนี้เขารับเข้าหมด แต่ป้อมว่านะทำงานห่วยมากไม่บอกอะไรเลย มาบอกวันที่คนเขาสอบเนี่ยนะ
    ก็ดีแล้วไงจะได้มีที่เรียนไม่ต้องไปเรียนเอกชนให้เปลือง
    อืมสงสัยมันจะเป็นโชคชะตาล่ะมั้งที่ต้องได้เรียนที่นี่ ผมก็ได้แต่นั่งคิดตรงหน้าต่างว่านี่มันเป็นแค่เรื่องบัญเอิญหรือโชคชะตากันนะที่ทำให้ผมต้องมาเรียนที่นี่
    วันนี้เป็นวันที่ ผมต้องไปดูรายชื่อว่าอยู่ห้องไหนของวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ว่าวันนี้เหมือนฟ้าจงใจจะแกล้งผมหรือไงก็ไม่รู้เมื่อฝนดันตกหนักสะงั้นแต่ที่วิทยาลัยเขานัดไว้ 9.00 น. นี่สิ แต่ก็ดีอย่างหนึ่งที่จากบ้านผมไปวิทยาลัยนี้
    เมื่อไรฝนมันจะหยุดตกนะนี่ก็ 7.45 แล้วนะ ผมได้แต่บ่นให้แม่ฟัง
    ก็รออีกสักแปปสิ ถ้าไม่หยุดก็นั่งแท็กซี่ไป
    ไม่เอาอ่ะมันเปลือง คิดดุนะแม่นั่งวินเสีย 20 นั่งเซ็กซี่เสีย 75 แหน่ะเก็บเงินไว้ไปทำอย่างอื่นดีกว่าที่ราคามันต่างกันก็เพราะถ้านั่งวินมันจะมีทางลัดไปวิทยาลัยซึ่งไม่ไกลมากนัก แต่ถ้านั่งแท็กซี่มันต้องอ้อมออกไปถนนใหญ่อีก
    เออแล้วแต่แกเลยถ้า 8.30 ไม่ไปก็ไม่ต้องไปละเพราะเขาคงไม่รับแกแล้วล่ะแม่ผมบ่น
    รู้แล้วน่า ทันทีที่ผมพูดเสร็จฝนก็เริ่มซาลง อ๊ะเหมือนบรรยกาศจะเป็นใจให้ผมอีกละหรือว่านี่มันคือโชคชะตาจริง ๆ หว่าที่ผมต้องเรียนที่นี่
                แต่เรื่องไม่คาดคิดเมื่อผมจ่ายเงินวินปุ้ปฝนที่หยุดกลับตกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยสะงั้น เอาล่ะสิครับกว่าจะไปถึงอาคารผมคงเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำก่อนแน่ ๆ แล้ว อยู่ดี ๆ ทำไมผมไม่เปียกกันนะ เอ๊ะฝันก็ตกอยู่นี่น่าแต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรเพ้อเจ้อมากกว่านี้ก็มีเสียงหวาน ๆ ถามมาว่า
                    ไม่ได้เอาร่มมาเหรอค่ะ เดินไปกับฉันก่อนก็ได้
                    ครับขอบคุณครับ ผมไม่ปฏิเสธหรอกที่อยู่ดี ๆ จะมีหญิงน่ารัก ๆ มาเดินเบียดกันอยู่ในร่มคันเดียวกัน เธอเป็นผู้หญิงที่รุปร่างดี เธอไม่ถึงกับสวยเหมือนใคร ๆ แต่เอก็เป็นคนน่ารักมากคนหนึ่งเลยทีดียวแถมนิสัยดีอีกต่างหาก
                    ขอบคุณมากนะครับที่เดินมาส่ง ผมขอบคุณเธอเสร็จผมก็เดินเข้าอาคารเรียนในตึกเรียนทันที
    ผมเดินหารายชื่อของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการหารายชื่อของตนเองจากักเรียนเป็น 1500 กว่าคนในตอนแรกผมเดินหาชื่อตัวเองตั้งแต่หาไม่เจอครับผมเดินหาชื่อตัวเองเลยครับ ผมเดินหาชื่อตัวเองพร้อมกับใจที่เสีย ๆ หน่อย ๆ อีกครั้งแต่แล้วก็มีเสียงหวานทักผมมาอีก
                    หาชื่อไม่เจอหรือค่ะ ให้เราช่วยหาไหม
                    พอผมหันกลับไปดุก็เป็นเธออีกแล้ว เธอที่เดินมาส่งผมถึงอาคารเรียนแห่งนี้ แล้วเธอคนนี้ยังจะช่วยผมหาชื่ออีกหรือ ผมช่างเป็นคนที่ไม่ได้ความเลยนะเนี่ย
                    เอ่อ ไม่เป็นไรครับ
                    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หา 2 คนดีกว่าหาคนเดียวนะค่ะ อีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนร่วมสถาบันกันแล้วนะว่าแต่ว่าชื่ออะไรเหรอค่ะ
                    ศุภสิทธิ์ ครับ ผมตอบเธอไปเพราะผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธได้อย่างไร
                    อ๊ะเจอแล้วค่ะ นี่ใช่ชื่อเธอหรือปล่าว
                “ใช่เลย แต่เราก็เดินหามาเป็น 10 รอบแล้วนะแถวนี้ทำไมหาไม่เจอ
                    สงสัยนายอยากจะให้เราช่วยหาหรือปล่าว
                    ปล่าวแต่ไงก็ขอบคุณมากนะ เราต้องกลับก่อนละ บาย ๆ ผมกล่าวขอบคุณเธออีกครั้งแล้วก็เดินไปขึ้นวินกลับบ้าน
                    ป้อมเป็นไงบ้างลุก เห็นว่ากลับช้าแม่กำลังจะไปหาอยู่เลย
                    ปล่าวแม่ไม่ได้เป็นไรแค่หารายชื่อไม่เจอแต่พอดีมีคนมาช่วยหาเลยเจอ
                “ก็ดีนะที่ยังมีคนมาช่วยหาจนเจอ
                    แต่เขานัดให้ไปถ่ายรูปพร้อมเสียเงิน 120 บาทนะแม่ตอนวันที่ 4 เดือนหน้าอ่ะ
                    แล้วแกอยู่ห้องไหนละ
                “ห้อง 127 ครับแม่
                    แน่ใจเหรอตาแกยิ่งมองไม่ค่อยจะเห็นอยู่
                    ผมไม่ได้ตาบอดนะแม่ แค่โดนแสงจ้า ๆ ไม่ได้เท่านั้น ผมตอบแม่พร้อมกับเขาห้องไปนอนในใจก็เริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยว่า การที่คนเราเคยมองเห็นได้ดีกว่าคนอื่นในตอนนั้นเราไม่เคยคิดที่จะถนอมดวงตาคู่นี้เลย จนกระทั้งเมื่อเรามองไม่เห็น ผมเพิ่งจะรู้สึกและนึกถึงความสำคัญของดวงตาคู่นี้ แล้วเริ่มเข้าใจถึงความท้อแท้ของคนตาบอด ผมเคยคิดว่าคนพวกนี้แค่ตาบอดแล้วก็น่าจะทำอย่างอื่นได้ ไม่ใช่นั่งรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือ จนกระทั้งเมื่อผมได้มาประสบกับตัวเองถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทำให้ผมได้รู้สึกถึงความท้อแท้ โลกที่เราเคยมองเห็น และคิดว่าอะไรมันก็ง่ายไปหมด แต่พอโลกนี้มือสนิดเราไม่อาจจะเห็นสิ่งใดได้นอกจากความท้อแท้ และหวาดกลัวต่อตนเองและคนรอบข้างแล้วผมก็ปล่อยให้ตนเองเข้าสู้ห่วงนิทราอันแสนสุข
     
                    เมื่อถึงวันที่ผมจะไปถ่ายรุปที่วิทยาลัย ผมก็เรียบตื่นมาแต่เช้ารีบอายน้ำ อย่างเร็วแต่คำว่าเร็วของผมไม่ใช่การวิ่งผ่านน้ำนะครับแต่มันประมาณ 30 นาที เลยทีเดียว แล้วในขณะที่ผมกำลังจะออกจากบ้านแม่ก็ได้บอกผมว่า
                    ป้อม เมื่อกี้แม่โทร.ไปเช็คที่โรงรียนแกแล้วเขาบอกว่าแกไม่ได้อยู่ห้อง 127 แต่อยู่ห้อง 117
                    ห่ะ ได้ไงอ่ะก็คราวก่อนผมอยุ่ไปดุยังอยุ่ห้อง 117 ผมว่านะวิทยาลัยนี้มันห่วยแน่ ๆ เลย ทำอะไรก็ไม่เคยบอกกันเลย ตั้งแต่วันที่ไปสอบละ ผมบ่นด้วยความโมโหพร้อมกับออกนอกบ้าน
                    เมื่อมาถึงก็เดินขึ้นไปอาคาร 8 ซึ่งจะเป็นสถานที่ที่ทางวิทยาลัยได้นัดให้ไปถ่ายรูป แต่จะถ่ายรวมกันเป็นห้องเพราะฉะนั้นเราจึงต้องไปรวมกันในห้องที่นัดแล้วจ่ายเงินกับเจ้าหน้าที่ประจำห้อง เมื่อผมเดินมาถึงผมก็ได้เจอกับหญิงสาวคนที่เขาช่วยผมหาชื่อ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทักจนเธอหันมาเห็นผมแล้วจึงเดินมาทัก
                    สวัสดีจ้า ว่าแต่มาทำอะไรที่ห้องนี้ล่ะ เออยุ่ห้อง 127 ต้องมาถ่าย่รูปพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ เธอบอกพร้อมกับยื่นใบตารางให้ผมดู
                    สวัสดี เราโดนย้ายห้องน่ะ
                    อ๊ะหรือว่าอยากเจอกับเรากันแน่จ๊ะ ถึงได้ย้ายตามมา คิดอะไรกับเราหรือปล่าวเนี่ย
                    ปล่าว แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าเธออยู่ห้องนี้ ถ้ารู้ผมคงไม่มาหรอก
                    อ้าวสะงั้น นึกว่าจะพูดซึ้ง ๆ ให้สาวน่อยน่ารักอย่างเราได้ดีใจเล่นสะอีก
                    ไม่มีคนชมล่ะสิว่าน่ารักอ่ะ ถึงได้ชมตัวเองงั้นเดี๋ยวเราช่วยชมให้ก็ได้ทีหลังจะได้ไม่ชมตัวเองอีก จริงผมชมจากใจจริงนะแต่ไหงปากพุดไปงั้นก็ไม่รู้ ปากไวกว่าความคิดอ่ะ
                    เชอะ งอลละผู้ชายเย็นชา
                “อย่าเชอะเลย คนน่ารักเขาทำกัน
                    อ่ะงั้นเธอก็หาว่าฉันไม่น่ารักอ่ะดิ
                    ปล่าวฉันไม่ได้พูดแต่เธอพูดเองต่างหาก ผมยังทำหน้าเรียบเฉยในขณะที่เธอกำลังคิดจะทำร้ายผมแต่เพราะหน้าผมมันไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ไหนล่ะมั้งเธอถึงไม่ตีผม
                    แล้วนายชื่ออะไรล่ะ
                    ป้อม ผมตอบสั้น ๆ
                    เราชื่อเนม ยินดีที่ได้รูจักนะ
                “อืม ผมตอบสั้นๆ
    แล้วเราก็เดินเป็นแถวเพื่อไปถ่ายรุปที่ชั้น 3 โดยแยกชายและหญิงแต่พอแยกปุ้ปผมก็เพิ่งรู้ว่าผู้ชายทั้งห้องมี 8 คน แล้วเราก็เริ่มทำความรู้จักกัน
    ป้อมนี่ป้อมกลับยังไงอ่ะ เนมหันมาถามผม
    นั่งวินอ่ะ
    อ้าวเหรอนึกว่าจะนั่งรถเมย์จะได้กลับด้วยกัน
    บ้านเรานั่งวินกลับมันใกล้กว่า เพราะกกลับทางลัดถ้านั่งรถเมย์มันจะอ้อมน่ะ
    อืมงั้นเนมขึ้นรถกลับก่อนนะ กลับดี ๆ ละ แล้วเปิดเทอมเจอกัน
    อืม บาย ๆ
     
    ถ้าเป็นปรกติเราก็น่าจะจีบเนมไปแล้วนี่ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าใครจะทำอะไรหรือพูดอะไรเรากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้สึกสนุกเมื่อพวกนั้นพูดตลก ๆ ไม่รุ้สึกชอบเมื่อมีคนมาทำดีด้วย ไม่นะความรู้สึกของเรามันหายไปไหนกันล่ะเนี่ย ชายหนุ่มคิดได้ดังนั้นก่อนเข้านิทราอันแสนสุข








    การที่คนเราเคยมองเห็นได้ดีกว่าคนอื่นในตอนนั้นเราไม่เคยคิดที่จะถนอมดวงตาคู่นี้เลย จนกระทั้งเมื่อเรามองไม่เห็น ผมเพิ่งจะรู้สึกและนึกถึงความสำคัญของดวงตาคู่นี้ แล้วเริ่มเข้าใจถึงความท้อแท้ของคนตาบอด ผมเคยคิดว่าคนพวกนี้แค่ตาบอดแล้วก็น่าจะทำอย่างอื่นได้ ไม่ใช่นั่งรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือ จนกระทั้งเมื่อผมได้มาประสบกับตัวเองถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทำให้ผมได้รู้สึกถึงความท้อแท้ โลกที่เราเคยมองเห็น และคิดว่าอะไรมันก็ง่ายไปหมด แต่พอโลกนี้มือสนิดเราไม่อาจจะเห็นสิ่งใดได้นอกจากความท้อแท้ และหวาดกลัวต่อตนเองและคนรอบข้าง
     
     
    **** ****
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×