บ้านหลังเก่า - บ้านหลังเก่า นิยาย บ้านหลังเก่า : Dek-D.com - Writer

    บ้านหลังเก่า

    ความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่ติดอยู่ในใจมาหลายปี ความรู้สึกที่เขาอยากบอกผู้หญิงคนหนึ่ง...เขาจะกล้าบอกหรือไม่ มาดูกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    297

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    297

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ต.ค. 50 / 18:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      "สวัสดีครับท่านผู้ฟัง  ก็กลับมาผมกับผมอีกแล้วนะครับ ดีเจเสียงใสกับที่นี่ Love  radioครับ...."

      ดีเจพูดต่อไปสักพัก ไม่นานก็มีเสียงเพลงซึ้งๆมาแทนที่ มันเป็นเพลงทำนองช้าๆ ที่ทำให้ผู้ฟังต้องนึกถึงบางสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข นึกถึงภาพเหตุการณ์เก่าๆแล้วทบทวนไปที่ละฉากๆ 

      ผมกำลังนั่งอยู่เบาะหน้ารถยนต์รุ่นที่ใครๆต่างพูดกันว่า "ยังมีรถแบบนี้อยู่ในประเทศไทยอีกเหรอ"  ผมฟังแล้วก็ยังนึกขำๆอยู่ในใจ  ก็รถที่เขาพูดมันก็ปรากฏต่อหน้าเขาแล้วนี่  จะถามทำไม

      ผมอยู่กับรถคันนี้มานานพอสมควร  และผมก็รู้สึกผูกพันกับมันมากเลยทีเดียว เพื่อนๆต่างบอกให้ผมซื้อรถคันใหม่ได้แล้ว  ไอเจ้านี่มันแก่เกินไปแล้ว...นั่นแต่แหละครับ  ไอพูดน่ะมันพูดง่าย  แต่ผมมันก็แค่คนธรรมดา ฐานะก็บอกได้เลยว่าไม่สบายตัวแม้แต่น้อย  หรืออาจเรียกตามภาษาชาวบ้านได้ว่า หาเช้ากินค่ำนั่นเอง 

        ชีวิตปัจจุบันไม่ได้อยู่อย่างสบายเลยแม้แต่น้อย หลายชีวิตต่างแก่งแย่งเรื่องเงินตรา  ลาภยศบารมีต่างๆมากมาย  คนที่มีอยู่มากแล้วก็ไม่รู้จักคำว่าพอ ก็หาวิธีการต่างๆเพื่อไม่ให้คนจนๆที่พยายามตะกายตัวปีนขึ้นจากหลุมนรกบนพื้นดินที่เรียกว่าโลกนี้ได้  แถมยังจะทับถมปิดกั้นโอกาสต่างๆไม่ให้คนจนได้มีโอกาสได้หายใจเลยด้วยซ้ำ   แต่สำหรับผมนั้นถือว่าโชคดีขึ้นมาหน่อยที่มีการศึกษา มีงานทำเละมีเงินตราพอที่จะเลี้ยงชีวีให้อยู่ชมโลกใบนี้ต่อไปอีกหน่อย....

      นี่ก็บ่ายสามโมงแล้วซินะ  อีกครึ่งชั่วโมงผมก็ได้พบหน้าผู้หญิงคนที่ผมรอคอยแล้วสินะ  ผู้หญิงที่ผมดูแลอย่างเอาใจใส่และเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเธอเสมอ    แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะรับรู้ในสิ่งที่ผมรู้สึกบ้างหรือ ปล่าว  ผมไม่รู้เลยว่าทำไมผมต้องมาดูแลเด็กที่จะขึ้นมหาลัยในปีหน้า 

      มันก็เป็นแบบนี้ทุกวันที่ผมต้องมาส่งเธอแต่เช้าและมาคอยรับกลับบ้านเวลานี้ เป็นเวลานาเท่าไหร่แล้วผมก็จำไม่ค่อยจะได้แล้วสิ  แต่มันก็ไม่สำคัญมากนักหรอกก็ในเมื่อผมก็มาส่งเธอแบบนี้ประจำอยู่แล้ว

      ผมเริ่มง่วงแล้วสิ   วันนี้ผมมารอเธอตั้งแต่บ่ายสองแล้ว  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้มาเร็วขนาดนั้น  แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกวันๆนะครับ  ผมมายืนรอก่อนแบบนี้ทุกๆปีแหละครับ ที่ผมคิดอะไรแบบนี้ในวันนี้.....

      อีกครั้งแล้วสินะ...วันนี้  ตลอดเวลาหลายๆปีที่ผ่านมาผมอยากทำสิ่งๆหนึ่งให้เธอคนนี้อยู่เสมอ และหวังให้เธอทำสิ่งนั้นให้ผมบ้างเหมือนกัน  หลายปีมาแล้วที่ผมได้แต่หวัง  แต่ก็ไม่เคยได้รับอยากที่คาดไว้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมเป็นห่วงเอน้อยลงเลยแต่อย่างใด    มันกลับทำให้ผมเป็นห่วงเธอมากขึ้น  รักเธอมากขึ้นและอยากดูแลเธอแบบนี้ไปเรื่อยๆ   แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้

      คนเรามีลักษณะที่เหมือนๆกันแทบทุกคนบนโลกคือการได้รับอิสระ  และทำในสิ่งที่ตนเองคิด  ในสิ่งที่ตนเองต้องการ  ไม่มีใครอยากอยู่ในที่คุมขัง  อยู่ในกรอบได้ตลอดชีวิตหรอกครับ  แม้แต่สัตว์เองก็ตามไม่มีสัตว์ตัวไหนที่ต้องการให้ตัวเองถูกจับให้อยู่ในกรอบ  อยู่ในกรงได้หรอกครับ

      นี่ก็ได้เวลาแล้ว...ประตูโรงเรียนมัธยมที่เคยว่างปล่าว ขณะนี้มีเด็กวัยรุ่นมากมายต่างพากันวิ่งกรูกันออกมามากมาย  หากเป็นเมื่อสิบหรือยี่สิบปีที่แล้วการวิ่งแบบนี้คงจะเป็นการวิ่งของเด็กชาวไร่ชาวนา   ที่ต้องไปช่วยพ่อแม่เลี้ยงสัตว์ หรือทำไร่ทำสวน  บ้างอาจจะไปนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้หรือที่ร่มๆตรงไหนสักแห่ง  แต่ตอนนี้ภาพเหล่านั้นได้หายไปพร้อมกับภาพท้องทุ่งท้องนา  กลับกลายมาเป็นตึกรามใหญ่ตัวแทรกตัวขึ้นมาเต็มทุกพื้นที่  เด็กที่หลังเลิกเรียนแล้วกลับไปช่วยงานพ่อแม่ที่บ้าน  ปัจจุบันเลิกเรียนไหร่เด็กๆมากมายต่างพากันวิ่งเข้าหาร้านเกมที่ล้อมรอบโรงเรียนอยู่มากมาย

                      ไม่นานนักเด็กสาวผมยาวก็ปรากฏตัวออกมาจากประตูโรงเรียน  แทบไม่ต้องใช้ความคิดไตร่ตรอง  ผมก็รู้ว่าเป็นเธอแน่  เด็กหญิงผมสีน้ำตาลยาวประบ่า  ผิวขาวน่ารัก  สูงประมาณ 170 เซนติเมตร  เธอกำลังวิ่งมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเดิม  รอยยิ้มที่ทำให้ผมมีกำลังใจเสมอ

                  ผมอาศัยอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กมาก  นานมากชนิดที่ว่าผมจำหน้าเธอตอนนั้นไม่ได้   เธอก็เป็นเหมือนเพื่อนเล่นและเป็นเหมือนหัวใจของผมที่ต้องดูแลเอาใจใส่เสมอ  เธอไม่รู้หรอกครับว่าทุกๆปีของวันนี้ผมจะมารอเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่ายสองแล้ว

                      เหนื่อยเหมือนกันนะครับที่ต้องดูแลใครคนหนึ่งให้เขามีความสุขที่สุด... 

      ผมอยู่กับเธอตามลำพัง 2 คน ในบ้านหลังเล็กกับรถยนต์เก่าๆที่แทบจะเรียกได้ว่าเศษเหล็กไร้ค่า  ไม่รู้สิครับ...สำหรับเธอแล้ว  ผมคงเป็นแค่คนรับใช้ที่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก  และเธอก็คงรำคาญคนใช้คนนี้เต็มทนก็เป็นได้

                      คนรับใช้ที่ไม่มีค่าอะไรมากนั้น  ที่เรียนจบแค่ปริญญาตรี  เกรดนิยมก็ไม่มี  เงินเดือนก็ขั้นต่ำ  แต่เขากลับทำหน้าที่ของเขาอย่างไม่บกพร่อง  หน้าที่ที่ต้องดูแลคุณหนูให้เติบใหญ่  มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มันเป็นหน้าที่ที่หนักอึ้งที่เดียว  หากแต่คนใช้คนนั้นแม้เหนื่อยล้าเพียงใด  เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งคุณหนูไปไหน เลย

                      "สวัสดีค่ะพ่อ"  เด็กหญิงคนหนึ่งร้องทักผม 

                      เด็กหญิงที่เรียกผมว่าพ่อ  วิ่งเข้ามาจับมือผมและเดินไปที่รถแล้วเข้าไปนั่งทันที

                      เธอคงลืมอีกแล้ว...อย่างนี้ทุกปีเลยสินะ  ทำไม่หนอคำๆเดียวมันถึงพูดยากนัก

                      "พ่อ  รีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ"

                  เธอตะโกนเรียกผม  เธอบอกว่าจะกลับบ้าน  ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  นอกจากรีบเดินไปนั่งที่เบาะคนขับ

                      "จะกลับบ้านเลยเหรอฟ้า" ผมถามไปเพราะรู้สึกว่ารถเงียบมาห้านาทีแล้ว

                      "ค่ะ  วันนี้หนูเหนื่อยมากเลยค่ะ " ผมยิ้มกลับไปให้เธอ     

                  สักพักเธอก็หลับไป  วันนี้ตลอดเวลาตั้งแต่บ่ายผมคิดแผนการที่จะในทำสิ่งที่ผมอยากทำให้กับเธอมานาน  บอกในสิ่งที่อยากบอกเธอ  ผมเอื้อมมือไปเปิดวิทยุรายการเดิมที่ผมและฟ้าชอบ  เพลงเพราะๆกำลังบรรเลงมาจนถึงท่อนใกล้จะจบพอดี

                      ผมขับรถไปเรื่อยๆ  แต่ไม่ใช่กลับไปบ้านที่เราอาศัยอยู่ทุกค่ำคืน  แต่ผมจะพาเอไปที่บ้านแห่งความทรงจำ

                      "จบไปแล้วนะครับสำหรับเพลงเพราะๆ  ท่านผู้ฟังครับวันนี้ทราบไหมครับว่าวันอะไร  ใช่แล้วครับวันนี้คือวันที่ 5 ธันวาคม  วันพ่อของเรานั่นเองนะครับ  เราก็ไปฟังเพลงเข้ากับบรรยากาศกันหน่อยนะครับ"

                  วันนี้ 5 ธันวาคม สำหรับคนทั่วประเทศวันนี้คือวันพ่อแต่สำหรับผมแล้ววันนี้ คือวันที่นางฟ้าตัวน้อยของผมได้ลืมตาดูโลก  ผมจำวันสำคัญนี้ได้เสมอไม่ใช่คำว่าวันพ่อแต่คือวันเกิดของลูก  แม้ในใจผมอยากที่จะให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ นั่นคือคำว่ารัก  อ้อมกอดของลูกสาวที่เคยเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆที่ผมอุ้มอยู่ทุกค่ำคืน 

                      ถึงแล้วสิ  ผมจอดรถแล้วมองบรรยากาศรอบๆตัว ตอนนี้ก็ทุ่มนึงแล้ว  เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงในการเดินทางมาที่นี่  ข้างหน้าผมคือท้องทะเลสีครามกลมกลืนกับสีท้องฟ้ายามค่ำ  ลมเย็นๆที่พัดมาเป้นจังหวะไม่ขาดตอน  ทางด้านขวามีต้นไม้สองต้นยื่นกิ่งก้านขึ้นไปเป็นพุ่มจนถึงยอด  ระหว่างกลางมีชิงช้าอยู่ตัวหนึ่งกำลังพริ้วไหวไปตามแรงลม

                      "ที่นี่ที่ไหนค่ะ"  เสียงงัวเงียของนางฟ้าที่ตอนนี้เติบโตขึ้นมากทำให้ผมละสายตาจากบรรยากาศรอบตัว

                      "ตื่นแล้วเหรอ"  ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบาๆ   เธอขยี้ตาไปมาเป็นคำตอบ

                      "เราออกไปข้างนอกกันเถอะ" ผมออกจากรถไปยังชิงช้าที่ไกวไปไกวมาอยู่  ฟ้าเดินตามเผมมาสลับกับมองไปรอบๆตัวว่าที่นี่มันคือที่ไหน 

                      "จำได้ไหมลูก  ว่าเราเคยมาที่นี่เมื่อไหร่"  ผมพูดพลางจับมือเธอมาเดินมาที่ชิงช้า 

                      เธอนั่งลงบนชิงช้า  สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น...เมื่อ14 ปีที่แล้ว ผมพานางฟ้าตัวน้อยของผมมานั่งชิงช้าที่นี่ทุกวัน หากแต่ไม่ใช่ด้วยรอยยิ้มแบบนี้  ขณะนั้นนางฟ้ามีใบหน้าแห่งความเศร้าสร้อย  ที่ต้องสูญเสียคนที่ผมรักมากอีกคนหนึ่ง  นางฟ้าตัวน้อยไม่มีรอยยิ้มอีกเลยตั้งแต่วันนั้น  ผมจึงพาเธอมานั่งเล่นชิงช้าที่นี่ทุกวัน เล่านิทานที่พอจะทำให้นางฟ้ามีรอยยิ้มได้เหมือนเดิม  ที่แห่งนี้จึงเป็นที่คืนความสุขให้กับเราสองพ่อลูกอีกครั้ง

                      "พ่อค่ะ" ผมหันกลับมายิ้มแทนการรับรู้   แล้วผมก็เดินเข้าไปกอดนางฟ้าของผม  นางฟ้าที่ทำให้ผมไม่ท้อแท้กับชีวิต  นางฟ้าที่ทำให้ผมต่อสู้อุปสรรค และมีรอยยิ้มเสมอ

                      "หายเหนื่อยรึยังลูกพ่อ" ผมเป็นพวกประเภทที่พูดคำหวานไม่ค่อยเก่ง  ผมจึงแสดงทางการกระทำมากกว่า

                      "พ่อค่ะ  หนูอยากพ่ออยู่อย่างหนึ่งค่ะ  ตลอด10ปีที่หนูไม่เคยได้บอกพ่อ  แค่มันติดอยู่ที่ปลายลิ้นเท่านั้น  แต่คืนนี้หนูอยากพ่อว่า  หนูรักพ่อค่ะ"

                  รักพ่อ...ใช่คำๆนี้ที่ผมไม่เคยได้จากลูกมาเป็นสิบๆปี แต่คืนนี้ในสถานที่ที่ผมเรียกว่าบ้านแห่งความทรงจำ  ที่ทำให้นางฟ้าบอกรักผม  และกอดผมอย่างที่ไม่เคยทำ  ทำให้ผมได้รู้ว่าคนรับใช้ผู้นี้ก็ยังอยู่ในสายตาของคุณหนูที่เขาคอยดูแลเอาใจใส่  ที่ทำทุกวิถีทางที่ไม่ทำให้คุณหนูของเขาไม่หิว 

                  นี้คงเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้วสินะ  ที่ผมจะพูดสิ่งอยู่ในใจมาเป็นเวลาหลายปี  หลังจากที่นางฟ้าตัวน้อยของผมเติบโตขึ้นมา  ความรู้สึกที่มันคับแน่นอยู่ในใจ  ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดเป็นประโยคใดได้เท่ากับประโยคนี้อีกแล้ว นางฟ้าตัวน้อยของพ่อรู้ไหมว่า

                      "พ่อรักลูกมากเลยนะ"

                      ผมพูดออกไปแล้วสินะ สิ่งที่อยากจะบอกลูกมาตั้งนานประโยคที่อยากพูด   ประโยคที่อยากได้ยิน... ประโยคสั้นๆง่ายๆไม่กี่คำ ที่สามารถเรียกน้ำตาของผู้ชายคนหนึ่ง  ผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้ให้กับความทุกข์ใดๆ ที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับความท้อแท้ในหน้าที่การทำงาน  แต่แค่เพียงได้ยินลูกบอกว่ารัก  แค่ได้บอกว่ารักลูกสักครั้ง เท่านั้นผู้ชายที่เรียกว่าพ่อก็เสียน้ำตาให้กับลูกได้อย่างง่ายดาย แค่คำว่ารักพ่อ.....เท่านั้นเอง

                     

                                 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×