บ้านหลังเก่า
ความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่ติดอยู่ในใจมาหลายปี ความรู้สึกที่เขาอยากบอกผู้หญิงคนหนึ่ง...เขาจะกล้าบอกหรือไม่ มาดูกัน
ผู้เข้าชมรวม
297
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"สวัสดีครับท่านผู้ฟัง ก็กลับมาผมกับผมอีกแล้วนะครับ ดีเจเสียงใสกับที่นี่ Love radioครับ...."
ดีเจพูดต่อไปสักพัก ไม่นานก็มีเสียงเพลงซึ้งๆมาแทนที่ มันเป็นเพลงทำนองช้าๆ ที่ทำให้ผู้ฟังต้องนึกถึงบางสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข นึกถึงภาพเหตุการณ์เก่าๆแล้วทบทวนไปที่ละฉากๆ
ผมกำลังนั่งอยู่เบาะหน้ารถยนต์รุ่นที่ใครๆต่างพูดกันว่า "ยังมีรถแบบนี้อยู่ในประเทศไทยอีกเหรอ" ผมฟังแล้วก็ยังนึกขำๆอยู่ในใจ ก็รถที่เขาพูดมันก็ปรากฏต่อหน้าเขาแล้วนี่ จะถามทำไม
ผมอยู่กับรถคันนี้มานานพอสมควร และผมก็รู้สึกผูกพันกับมันมากเลยทีเดียว เพื่อนๆต่างบอกให้ผมซื้อรถคันใหม่ได้แล้ว ไอเจ้านี่มันแก่เกินไปแล้ว...นั่นแต่แหละครับ ไอพูดน่ะมันพูดง่าย แต่ผมมันก็แค่คนธรรมดา ฐานะก็บอกได้เลยว่าไม่สบายตัวแม้แต่น้อย หรืออาจเรียกตามภาษาชาวบ้านได้ว่า หาเช้ากินค่ำนั่นเอง
ชีวิตปัจจุบันไม่ได้อยู่อย่างสบายเลยแม้แต่น้อย หลายชีวิตต่างแก่งแย่งเรื่องเงินตรา ลาภยศบารมีต่างๆมากมาย คนที่มีอยู่มากแล้วก็ไม่รู้จักคำว่าพอ ก็หาวิธีการต่างๆเพื่อไม่ให้คนจนๆที่พยายามตะกายตัวปีนขึ้นจากหลุมนรกบนพื้นดินที่เรียกว่าโลกนี้ได้ แถมยังจะทับถมปิดกั้นโอกาสต่างๆไม่ให้คนจนได้มีโอกาสได้หายใจเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับผมนั้นถือว่าโชคดีขึ้นมาหน่อยที่มีการศึกษา มีงานทำเละมีเงินตราพอที่จะเลี้ยงชีวีให้อยู่ชมโลกใบนี้ต่อไปอีกหน่อย....
นี่ก็บ่ายสามโมงแล้วซินะ อีกครึ่งชั่วโมงผมก็ได้พบหน้าผู้หญิงคนที่ผมรอคอยแล้วสินะ ผู้หญิงที่ผมดูแลอย่างเอาใจใส่และเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเธอเสมอ แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะรับรู้ในสิ่งที่ผมรู้สึกบ้างหรือ ปล่าว ผมไม่รู้เลยว่าทำไมผมต้องมาดูแลเด็กที่จะขึ้นมหาลัยในปีหน้า
มันก็เป็นแบบนี้ทุกวันที่ผมต้องมาส่งเธอแต่เช้าและมาคอยรับกลับบ้านเวลานี้ เป็นเวลานาเท่าไหร่แล้วผมก็จำไม่ค่อยจะได้แล้วสิ แต่มันก็ไม่สำคัญมากนักหรอกก็ในเมื่อผมก็มาส่งเธอแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
ผมเริ่มง่วงแล้วสิ วันนี้ผมมารอเธอตั้งแต่บ่ายสองแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้มาเร็วขนาดนั้น แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกวันๆนะครับ ผมมายืนรอก่อนแบบนี้ทุกๆปีแหละครับ ที่ผมคิดอะไรแบบนี้ในวันนี้.....
อีกครั้งแล้วสินะ...วันนี้ ตลอดเวลาหลายๆปีที่ผ่านมาผมอยากทำสิ่งๆหนึ่งให้เธอคนนี้อยู่เสมอ และหวังให้เธอทำสิ่งนั้นให้ผมบ้างเหมือนกัน หลายปีมาแล้วที่ผมได้แต่หวัง แต่ก็ไม่เคยได้รับอยากที่คาดไว้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมเป็นห่วงเอน้อยลงเลยแต่อย่างใด มันกลับทำให้ผมเป็นห่วงเธอมากขึ้น รักเธอมากขึ้นและอยากดูแลเธอแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้
คนเรามีลักษณะที่เหมือนๆกันแทบทุกคนบนโลกคือการได้รับอิสระ และทำในสิ่งที่ตนเองคิด ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่มีใครอยากอยู่ในที่คุมขัง อยู่ในกรอบได้ตลอดชีวิตหรอกครับ แม้แต่สัตว์เองก็ตามไม่มีสัตว์ตัวไหนที่ต้องการให้ตัวเองถูกจับให้อยู่ในกรอบ อยู่ในกรงได้หรอกครับ
นี่ก็ได้เวลาแล้ว...ประตูโรงเรียนมัธยมที่เคยว่างปล่าว ขณะนี้มีเด็กวัยรุ่นมากมายต่างพากันวิ่งกรูกันออกมามากมาย หากเป็นเมื่อสิบหรือยี่สิบปีที่แล้วการวิ่งแบบนี้คงจะเป็นการวิ่งของเด็กชาวไร่ชาวนา ที่ต้องไปช่วยพ่อแม่เลี้ยงสัตว์ หรือทำไร่ทำสวน บ้างอาจจะไปนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้หรือที่ร่มๆตรงไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้ภาพเหล่านั้นได้หายไปพร้อมกับภาพท้องทุ่งท้องนา กลับกลายมาเป็นตึกรามใหญ่ตัวแทรกตัวขึ้นมาเต็มทุกพื้นที่ เด็กที่หลังเลิกเรียนแล้วกลับไปช่วยงานพ่อแม่ที่บ้าน ปัจจุบันเลิกเรียนไหร่เด็กๆมากมายต่างพากันวิ่งเข้าหาร้านเกมที่ล้อมรอบโรงเรียนอยู่มากมาย
ไม่นานนักเด็กสาวผมยาวก็ปรากฏตัวออกมาจากประตูโรงเรียน แทบไม่ต้องใช้ความคิดไตร่ตรอง ผมก็รู้ว่าเป็นเธอแน่ เด็กหญิงผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ผิวขาวน่ารัก สูงประมาณ 170 เซนติเมตร เธอกำลังวิ่งมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเดิม รอยยิ้มที่ทำให้ผมมีกำลังใจเสมอ
ผมอาศัยอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กมาก นานมากชนิดที่ว่าผมจำหน้าเธอตอนนั้นไม่ได้ เธอก็เป็นเหมือนเพื่อนเล่นและเป็นเหมือนหัวใจของผมที่ต้องดูแลเอาใจใส่เสมอ เธอไม่รู้หรอกครับว่าทุกๆปีของวันนี้ผมจะมารอเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่ายสองแล้ว
เหนื่อยเหมือนกันนะครับที่ต้องดูแลใครคนหนึ่งให้เขามีความสุขที่สุด...
ผมอยู่กับเธอตามลำพัง 2 คน ในบ้านหลังเล็กกับรถยนต์เก่าๆที่แทบจะเรียกได้ว่าเศษเหล็กไร้ค่า ไม่รู้สิครับ...สำหรับเธอแล้ว ผมคงเป็นแค่คนรับใช้ที่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็คงรำคาญคนใช้คนนี้เต็มทนก็เป็นได้
คนรับใช้ที่ไม่มีค่าอะไรมากนั้น ที่เรียนจบแค่ปริญญาตรี เกรดนิยมก็ไม่มี เงินเดือนก็ขั้นต่ำ แต่เขากลับทำหน้าที่ของเขาอย่างไม่บกพร่อง หน้าที่ที่ต้องดูแลคุณหนูให้เติบใหญ่ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มันเป็นหน้าที่ที่หนักอึ้งที่เดียว หากแต่คนใช้คนนั้นแม้เหนื่อยล้าเพียงใด เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งคุณหนูไปไหน เลย
"สวัสดีค่ะพ่อ" เด็กหญิงคนหนึ่งร้องทักผม
เด็กหญิงที่เรียกผมว่าพ่อ วิ่งเข้ามาจับมือผมและเดินไปที่รถแล้วเข้าไปนั่งทันที
เธอคงลืมอีกแล้ว...อย่างนี้ทุกปีเลยสินะ ทำไม่หนอคำๆเดียวมันถึงพูดยากนัก
"พ่อ รีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ"
เธอตะโกนเรียกผม เธอบอกว่าจะกลับบ้าน ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากรีบเดินไปนั่งที่เบาะคนขับ
"จะกลับบ้านเลยเหรอฟ้า" ผมถามไปเพราะรู้สึกว่ารถเงียบมาห้านาทีแล้ว
"ค่ะ วันนี้หนูเหนื่อยมากเลยค่ะ " ผมยิ้มกลับไปให้เธอ
สักพักเธอก็หลับไป วันนี้ตลอดเวลาตั้งแต่บ่ายผมคิดแผนการที่จะในทำสิ่งที่ผมอยากทำให้กับเธอมานาน บอกในสิ่งที่อยากบอกเธอ ผมเอื้อมมือไปเปิดวิทยุรายการเดิมที่ผมและฟ้าชอบ เพลงเพราะๆกำลังบรรเลงมาจนถึงท่อนใกล้จะจบพอดี
ผมขับรถไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่กลับไปบ้านที่เราอาศัยอยู่ทุกค่ำคืน แต่ผมจะพาเอไปที่บ้านแห่งความทรงจำ
"จบไปแล้วนะครับสำหรับเพลงเพราะๆ ท่านผู้ฟังครับวันนี้ทราบไหมครับว่าวันอะไร ใช่แล้วครับวันนี้คือวันที่ 5 ธันวาคม วันพ่อของเรานั่นเองนะครับ เราก็ไปฟังเพลงเข้ากับบรรยากาศกันหน่อยนะครับ"
วันนี้ 5 ธันวาคม สำหรับคนทั่วประเทศวันนี้คือวันพ่อแต่สำหรับผมแล้ววันนี้ คือวันที่นางฟ้าตัวน้อยของผมได้ลืมตาดูโลก ผมจำวันสำคัญนี้ได้เสมอไม่ใช่คำว่าวันพ่อแต่คือวันเกิดของลูก แม้ในใจผมอยากที่จะให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ นั่นคือคำว่ารัก อ้อมกอดของลูกสาวที่เคยเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆที่ผมอุ้มอยู่ทุกค่ำคืน
ถึงแล้วสิ ผมจอดรถแล้วมองบรรยากาศรอบๆตัว ตอนนี้ก็ทุ่มนึงแล้ว เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงในการเดินทางมาที่นี่ ข้างหน้าผมคือท้องทะเลสีครามกลมกลืนกับสีท้องฟ้ายามค่ำ ลมเย็นๆที่พัดมาเป้นจังหวะไม่ขาดตอน ทางด้านขวามีต้นไม้สองต้นยื่นกิ่งก้านขึ้นไปเป็นพุ่มจนถึงยอด ระหว่างกลางมีชิงช้าอยู่ตัวหนึ่งกำลังพริ้วไหวไปตามแรงลม
"ที่นี่ที่ไหนค่ะ" เสียงงัวเงียของนางฟ้าที่ตอนนี้เติบโตขึ้นมากทำให้ผมละสายตาจากบรรยากาศรอบตัว
"ตื่นแล้วเหรอ" ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบาๆ เธอขยี้ตาไปมาเป็นคำตอบ
"เราออกไปข้างนอกกันเถอะ" ผมออกจากรถไปยังชิงช้าที่ไกวไปไกวมาอยู่ ฟ้าเดินตามเผมมาสลับกับมองไปรอบๆตัวว่าที่นี่มันคือที่ไหน
"จำได้ไหมลูก ว่าเราเคยมาที่นี่เมื่อไหร่" ผมพูดพลางจับมือเธอมาเดินมาที่ชิงช้า
เธอนั่งลงบนชิงช้า สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น...เมื่อ14 ปีที่แล้ว ผมพานางฟ้าตัวน้อยของผมมานั่งชิงช้าที่นี่ทุกวัน หากแต่ไม่ใช่ด้วยรอยยิ้มแบบนี้ ขณะนั้นนางฟ้ามีใบหน้าแห่งความเศร้าสร้อย ที่ต้องสูญเสียคนที่ผมรักมากอีกคนหนึ่ง นางฟ้าตัวน้อยไม่มีรอยยิ้มอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ผมจึงพาเธอมานั่งเล่นชิงช้าที่นี่ทุกวัน เล่านิทานที่พอจะทำให้นางฟ้ามีรอยยิ้มได้เหมือนเดิม ที่แห่งนี้จึงเป็นที่คืนความสุขให้กับเราสองพ่อลูกอีกครั้ง
"พ่อค่ะ" ผมหันกลับมายิ้มแทนการรับรู้ แล้วผมก็เดินเข้าไปกอดนางฟ้าของผม นางฟ้าที่ทำให้ผมไม่ท้อแท้กับชีวิต นางฟ้าที่ทำให้ผมต่อสู้อุปสรรค และมีรอยยิ้มเสมอ
"หายเหนื่อยรึยังลูกพ่อ" ผมเป็นพวกประเภทที่พูดคำหวานไม่ค่อยเก่ง ผมจึงแสดงทางการกระทำมากกว่า
"พ่อค่ะ หนูอยากพ่ออยู่อย่างหนึ่งค่ะ ตลอด10ปีที่หนูไม่เคยได้บอกพ่อ แค่มันติดอยู่ที่ปลายลิ้นเท่านั้น แต่คืนนี้หนูอยากพ่อว่า หนูรักพ่อค่ะ"
รักพ่อ...ใช่คำๆนี้ที่ผมไม่เคยได้จากลูกมาเป็นสิบๆปี แต่คืนนี้ในสถานที่ที่ผมเรียกว่าบ้านแห่งความทรงจำ ที่ทำให้นางฟ้าบอกรักผม และกอดผมอย่างที่ไม่เคยทำ ทำให้ผมได้รู้ว่าคนรับใช้ผู้นี้ก็ยังอยู่ในสายตาของคุณหนูที่เขาคอยดูแลเอาใจใส่ ที่ทำทุกวิถีทางที่ไม่ทำให้คุณหนูของเขาไม่หิว
นี้คงเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้วสินะ ที่ผมจะพูดสิ่งอยู่ในใจมาเป็นเวลาหลายปี หลังจากที่นางฟ้าตัวน้อยของผมเติบโตขึ้นมา ความรู้สึกที่มันคับแน่นอยู่ในใจ ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดเป็นประโยคใดได้เท่ากับประโยคนี้อีกแล้ว นางฟ้าตัวน้อยของพ่อรู้ไหมว่า
"พ่อรักลูกมากเลยนะ"
ผมพูดออกไปแล้วสินะ สิ่งที่อยากจะบอกลูกมาตั้งนานประโยคที่อยากพูด ประโยคที่อยากได้ยิน... ประโยคสั้นๆง่ายๆไม่กี่คำ ที่สามารถเรียกน้ำตาของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้ให้กับความทุกข์ใดๆ ที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับความท้อแท้ในหน้าที่การทำงาน แต่แค่เพียงได้ยินลูกบอกว่ารัก แค่ได้บอกว่ารักลูกสักครั้ง เท่านั้นผู้ชายที่เรียกว่าพ่อก็เสียน้ำตาให้กับลูกได้อย่างง่ายดาย แค่คำว่ารักพ่อ.....เท่านั้นเอง
ผลงานอื่นๆ ของ ไก่เกรียม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ไก่เกรียม
ความคิดเห็น