คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 13 [ 100ส่วน100 ]
CHAPTER 13
Jongin’s part
ช่วงนี้เป็นช่วงสอบfinalหรือที่เรียกว่าสอบปลายภาคของนักเรียนมัธยม ผมเองดีหน่อยที่ไม่ต้องหักโหมอ่านหนักเหมือนคนอื่น คนอื่นที่ว่าเนี้ยหมายถึงไอ้ลู่ ผมก็แค่อ่านหนังสือตามปกติแบบที่ผมเคยอ่าน เน้นวิชาพวกบรรยาย ท่องจำ อาทิ ชีววิทยา ภาษาอะไรแบบนี้ ซึ่งวิชาพวกนี้ไม่ค่อยถูกโฉลกกับผมเท่าไหร่ แต่ผมก็จะพยายาม ทำไงได้ล่ะ ถ้าทำไม่ได้คนที่ซวยก็คือตัวเอง โทษใครก็ไม่ได้ด้วย ด้านเซฮุนที่ผมยกเลิกข้อตกลงที่ว่าจะให้เรียกแทนผมว่าป๋าถึงปิดเทอมไปแล้ว ผมสงสารเค้า มันดูไม่เหมาะกับเค้าที่จะมาทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองแบบนี้
“พี่ครับ” ทำไมต้องทำเสียงหวานขนาดนั้นด้วย ลูกกระเดือกของน้องก็ใช่ว่าจะอำนวย
“อะไร”
“ติวฟิสิกส์ให้หน่อย”
“สอบวันไหน”
“อีกประมาณอาทิตย์นึงครับ”
“เวลาเหลือเยอะ อ่านเอง” ผมกำลังจะเปิดประตูรถเก๋งเพื่อเดินเข้าหอ แต่เซฮุนก็ดึงแขนไว้ซะก่อน
“ผมไม่เข้าใจอ่ะ อ่านเท่าไหร่มันก็ไม่เข้าหัว อ่านเท่าไหร่ก็เหมือนตักน้ำใส่โอ่งที่มันรั่วอ่ะ ไม่มีอะไรหลงเหลือในสมองเลย” สาธยายมาซะเห็นภาพ ผมจ้องหน้าน้อง พยายามจะหาความจริงใจจากแววตาที่เหมือนจะใสซื่อคู่นั้น ผมจะประมาทเซฮุนไม่ได้ เด็กอายุแค่นี้แต่กล้าจีบผู้ชายก่อน แถมยังอ่อยอ้อยสารพัด เป็นของเล่นที่ไม่น่าเล่นด้วยจริงๆ
“นะครับ เห็นแก่อนาคตผมเถอะนะครับ”
“แล้วจะให้ติวยังไง ช่วงนี้มึงก็ต้องเก็งข้อสอบจนดึกดื่นกับเพื่อนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“วันเสาร์-อาทิตย์นี้ผมว่าง พี่ไปค้างบ้านผมนะครับ 2วันเอง” เหมือนจะรู้ว่าผมคงไม่ยอมไปค้างบ้านด้วยง่ายๆ เลยบอกว่าแป๊บเดียวเอง 2วันเอง
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะ”
“พ่อกับแม่ไปเที่ยว ไม่อยู่ ถือซะว่าไปนอนเป็นเพื่อนผมด้วยก็ได้ นะครับ”
“ถ้ากูไม่ไปล่ะ”
“โถ่ววว พี่อ่ะ ไม่เอางี้ดิ” เซฮุนส่งกำปั้นชกที่ต้นแขนของผมเบาๆ
“ขัดใจแค่นี้ลงไม้ลงมืออ่อ” ผมจับข้อมือข้างนั้นของเซฮุนเอาไว้ และพยายามจ้องหน้า
“ก็พี่เล่นตัวอ่ะ เห็นว่ายอมเข้าหน่อย อ้อนหน่อยก็เล่นตัว วัยรุ่นเซ็ง” มันยู่หน้า ทำปากคว่ำแบบนั้นอีกแล้ว ไม่รู้ไปติดนิสัยแบบนี้มาจากใคร น่าเกลียดจริงๆ
“มันก็สิทธิ์ของกูไม่ใช่เหรอที่จะไปหรือไม่ไป”
“พี่ก็พูดถูก แต่พี่ก็คิดถึงเกรด คิดถึงคะแนน คิดถึงความรู้ผมด้วยดิ ไม่ใช่จะเอาแต่ทางของตัวเอง เห็นแก่ตัว”
“นี่ชวนทะเลาะเหรอ” มือของผมที่กำข้อมือของเซฮุนไว้กำลังบีบข้อมือนั้นให้แน่นกว่าเดิม
“อะไร ก็พูดตามที่คิด”
“เมนส์มาเหรอ หรือวัยพายุบุแคมกำเริบหนัก”
“ไม่เมนส์ ไม่พายุอะไรทั้งนั้นแหละ ตอนพูดเล่นช่วยดูหน้าคนฟังหน่อยได้ป่ะว่าอยู่ในอารมณ์ที่จะพร้อมขำมั้ยอ่ะ”
“นี่จริงจังขนาดนี้เลยเหรอว่ะ”
“อะไร ซีเรียสกับเรื่องเรียนนี่ผมผิดเหรอ”
“แน่ใจเหรอว่าตัวเองอารมณ์เสียเพราะซีเรียสเรื่องเรียน ไม่ใช่เพราะว่าถูกขัดใจ”
“ ก็ทั้ง2อย่างนั่นแหละ พี่อ่ะ ไม่เคยตามใจสักเรื่อง” เซฮุนที่เมื่อกี้หันหน้าออกไปข้างนอกรถ ก็หันขวับกลับมา
“ก็ตอนไปดูหนังไง ตามใจไปแล้ว”
“แบบนั้นเค้าไม่นับกันหรอก”
“นับ”
“ไม่นับ”
“นับดิ”
“พี่ลงรถไปเลยผมจะกลับล่ะ” เซฮุนเอื้อมมึงจะดึงเบรกมือขึ้น มือของผมก็เอื้อมไปหยุดมืออีกคนโดยอัตโนมัติ
“ถ้ากูไปก็จะได้อะไร” หยั่งเชิงดูนิดนึงก็ไม่เป็นอะไรหรอกเนาะ
“ทำไมชอบถามงี้อ่ะ นี่ถ้าไม่ได้อะไรจะไม่ได้ไปใช่ป่ะ”
“อ้าว ก็ถามดูเฉยๆ” ผมยังขำกับท่าทางที่เหมือนเด็กของเซฮุน
“ไม่ได้อะไร แค่นี้ล่ะ ลงไปเลยพี่อ่ะ” เหมือนเด็กที่อยากกินไอติมแต่แม่ไม่ให้กินเพราะกลัวเป็นหวัด
“เดี๋ยวดิยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย จะให้รีบลงไปไหน” และผมก็คงเหมือนแม่ที่ตามใจลูก เพราะทนเห็นหน้างอๆนั่นไม่ไหว
“สรุปพี่จะไปหรือไม่ไป” เซฮุนหันมาพูดกับผมด้วยเสียงทุ้มต่ำๆของมัน สายตาของมันดูน่ากลัวเพราะตาขาวค่อนข้างเยอะ ยิ่งทำหน้าเหมือนจะแดกผม ผมก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว
“กูปฏิเสธได้ด้วยเหรอ”
“ได้ดิ” เซฮุนตอบออกมาเสียงเรียบ
“สรุปพี่ไม่ไป”
“ ไปก็ได้ว่ะ” พอได้ยินแบบนั้นเซฮุนจากที่หน้าดำคร่ำเคร่งมาหลายนาทีก็ยิ้มซะเห็นฟันเขี้ยวเลย ผมสังเกตว่าตอนนั้นยิ้มตามันหยีมากๆ เหมือนจะน่ารัก แต่ก็ไม่ใช่
“ขอบคุณครับ” เด็กโดนตามใจมักจะเสียนิสัย เฮ้อ
“เออ” ผมตอบแบบกระแทกเสียง รู้สึกเหมือนตัวเองโดนมัดมือชกยังไงยังงั้น
“ลงไปได้แล้วครับ มืดแล้วนะ ” เซฮุนพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และมองไปที่มือของผมกับมันก็ยังคงทับกันอยู่บนเบรกมือ
“ขอโทษ” ความรู้สึกเหมือนได้ล่วงเกินสาวน้อย
“ไม่เป็นไร ผู้ชายเหมือนกัน พี่อย่าคิดมาก”
“เออ ไปล่ะ ขับรถดีๆ ขับรถฝ่าไฟแดงอีกกูไม่ไปบ้านมึงแน่”
“ไม่ฝ่าครับ ไม่ฝ่า” เซฮุนยิ้มตาหยีๆแล้วเขาก็ส่ายหน้าเล็กน้อยด้วย เหมือนเด็กจริงๆ
“ห้ามไปเที่ยวต่อ กลับไปนอน” แต่ตอนนี้เซฮุนพยักหน้า เหมือนลูกไก่กำลังก้มจิกเมล็ดข้าวสารเลย
“สั่งจั๊ง นี่เป็นแม่หรือพ่อผมเนี้ย” เซฮุนชะโงกมองออกมาจากข้างในตัวรถ ผมที่เดินออกได้ไม่กี่ก้าว ก็หยุดและหันหน้าไปบอก
“อย่า-มา-กวน-ตีน” ผมขยับปากพูดแบบไม่มีเสียง ผมคิดว่าเซฮุนคงอ่านปากออก เขาเอาแต่หัวเราะคึคึ
“ง่วงอ่ะ” นั่นแหละครับ หลังจากที่เซฮุนหลอกล่อให้ผมมาติววิชาฟิสิกส์ให้ ผมก็ยอมมาแต่พอจะเริ่มติวแบบจริงๆจังๆแล้วเซฮุนก็เอาแต่บ่นนู่นบ่นนี่
“เมื่อคืนไม่ได้นอนรึไง” ผมถามออกไปบ้าง ตอนนี้เซฮุนดูไม่ตั้งใจเรียนเลยเขาเอาแต่วาดรูปลงไปบนสมุดโน้ตของตัวเอง
“นอนสิครับ แต่เพราะนอนเยอะนั่นแหละเลยง่วง”
“หลักการบ้าอะไร เพราะนอนเยอะเลยง่วง ขี้เกียจล่ะสิเลยหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง” ผมบ่นตามมันไป พร้อมกับสายตาที่พยายามทำความเข้าใจโจทย์ข้อต่อไปที่กำลังจะสอนเซฮุน
“3ชั่วโมงแล้วนะพี่”
“แล้วไง” ผมเข้าใจว่าเซฮุนคงหมายถึงสามชั่โมงกับการติวแบบหนักๆที่ผมจัดให้ แต่ก็แล้วไงอ่ะ มันไม่น่าชักหรอกมั้งแค่3ชั่วโมงเอง
“หิวอ่ะ” ตอนนี้หน้าของเซฮุนทั้งบูดทั้งเบี้ยว ผมได้แต่หัวเราะที่เห็นตาแบบนั้น
“เดี๋ยวข้อนี้เสร็จจะพักให้” และผมก็ใจอ่อนให้เขา
“กินอะไรดีครับ ผมบอกก่อนนะว่าผมทำอาหารไม่เป็นและคงไม่ฝืนทำด้วย” ได้ยินแบบนั้นผมก็เงยหน้าจากหนังสือฟิสิกส์ เหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ก็สั่งมากินสิ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำให้ยาก”
“นั่นแหละ แล้วพี่จะกินอะไร พิซซ่า ไก่ทอด หรือว่าบะหมี่” เซฮุนทำท่านับนิ้วรายการอาหารที่เสนอผมมา ท่าทางแบบนั้นกับดวงตาที่เหม่อลอยอยู่ในความคิดของตัวเองมันน่าตลกซะไม่มี
“ไก่ทอด”
“กะไว้แล้ว” พอผมเลือกเสร็จเซฮุนก็กดโทรศัพท์สั่งไก่ทอดอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าหิวหรือแค่ขี้เกียจฟังสิ่งที่ผมสอนกันแน่
“ร้านนี้ไก่อร่อย ทอดแป้งได้กร๊อบกรอบ ซอสเผ็ดก็อร่อย มาส่งเร็วด้วย ฮืออออออออ ฟินที่สุด” พอโม้เสร็จปากก็งับน้องไก่เข้าไปเต็มๆคำ เซฮุนดูมีความสุขกับการแทะกระดูกอ่อนไก่เอามากๆ ผมรู้เพราะผมสังเกตุว่าเซฮุนจะไม่กินเนื้อเพียวๆ แต่ชอบที่จะกินเนื้อติดกระดูกซะมากกว่า
“ตอนกินน่ะ ห้ามโม้ เดี๋ยวสำลัก”
“คร้าบบ ไม่พูดแล้ว” แล้วเซฮุนก็นั่งแทะไก่ต่อไป โดยไม่รู้ว่าซอลมันเปื้อนมุมปากหมดแล้ว
“อ่ะ เช็ด ดูแล้วมันน่าเกลียด” ผมโยนกระดาษทิชชูไปไว้ตรงข้างหน้าของเซฮุน ตอนแรกเซฮุนดูงงๆ
“มือเปื้อนอ่ะ เช็ดไม่ถนัด กินเสร็จค่อยเช็ดทีเดียวได้ไหม” พอสังเกตเห็นมือน้องก็เปื้อนจริงๆนั่นแหละ มันเลอะไปด้วยซอสเผ็ด ซอยมะเขือเทศ อ่า ทุลักทุเลจริงๆ
“หรือพี่จะเช็ดให้ผม” เซฮุนได้แต่ยิ้มอ้อล้อ
“ฝันเหอะ” พอได้กวนประสาทผมเข้าสักหน่อย เขาก็ยิ้มแฉ่งเห็นเขี้ยวเล็กๆ ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมืออกไปผลักหัวเพื่อลดอาการหมั่นไส้โอเซฮุนขั้นสุดของตัวเอง
“ผลักทำไมอ่ะ เดี๋ยวกระดูกแทงติดคอล่ะแย่เลย”
“แทงสิดี ติดแล้วตายไปเลยยิ่งดี”
“คำพูดของพี่แต่ละคำนี่แบบ”
“แบบไหน ทำไม จะพูดแบบนี้แล้วมันทำไม”
“มันไม่น่ารัก”
“…..”
“ ทำหน้าเข้มๆแบบนี้แล้วโคตรหล่อเลยอ่ะ”
“……”
“หลงมากอ่ะ ทำไงดี”
“หลงมากก็อยู่เฉยๆ อย่าพูดมาก” แล้วผมก็เดินไปล้างมือ จะให้ทนสู้หน้าโอเซฮุนต่อไปได้ยังไงกัน
“ติวเสร็จแล้วไปดูหนังกันไหม” ผมเงยหน้ามองเซฮุน คำถามนี้ถูกถามออกเป็นรอบที่สี่ของวันแล้วล่ะมั้ง
“ขี้เกียจอีกล่ะ ถ้าพูดอีกจะเลิกสอนแล้วนะเว้ย” ผมทำทีว่าโวยวายพร้อมวางดินสอให้กระแทกโต๊ะญี่ปุ่นจนเกิดเสียงดัง ปั่ก
“ครับๆ ไม่พูดแล้ว” แล้วเซฮุนก็กลับมานั่งขัดสมาธิเอามือเท้าคางมองผมตาปริบๆ
“ฝุ่นเข้าตาเหรอ”
“เค้าเรียกว่าอ้อนต่างๆหาก”
“อ้อนใคร”
“อ้อนพี่”
“พี่ไหน”
“พี่จงอิน”
“อ้อนว่า”
“ไปดูหนังกับน้องนะครับ”
“แล้วคิดว่าอ้อนแบบนี้แล้วจะได้ผลไหม”
“ไม่รู้”
“….”
“แต่คิดว่าน่าจะได้”
“เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น”
“เพราะผม”
“อะไรว่ะเนี้ย”
“เพราะผมอ้อนพี่ไง ผมเท่านั้นที่อ้อนแล้วได้ คนอื่นไม่น่าจะทำได้”
“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน” ผมเคาะดินสอลงบนหน้าผากขาวๆนั่นอย่างแรง เซฮุนลูบรอยแดงบนหน้าผากเบาๆ เซฮุนเบ้หน้าด้วยแหละ ไม่รู้เจ็บหน้าผากหรือเจ็บใจ
“เพราะผมเห็นแววตาของพี่”
“พอเหอะ จะอ้วก แววตงแววตา มองแล้วมันเห็นอะไร”
“เห็นม่านตา รูม่านตา ตาของพี่สีน้ำตาล แสดงว่าม่านตาของพี่สีน้ำตาล ผมพูดผิดไหม”
“แล้วเห็นอะไรอีก”
“ผมเห็นตัวเองในนั้น”
“ถ้าเห็นคนในตาของกูแล้ว ฝากบอกเค้าด้วยนะว่า ถ้าไม่ตั้งใจเรียนจะเลิกสอนจริงๆด้วย คราวนี้ไม่ใช่แค่คำขู่”
“อุ่ย” เซฮุนส่งยิ้มแหงๆมาให้ผม
“มาต่อเร็วๆ จะได้รีบสอนรีบเสร็จ”
“อาหะ จะได้รีบดูหนัง”
“แล้วแต่มึงเลยโอเซฮุน ”
“พี่เคยกดดูแจ้งเตือนในเฟสตัวเองไหมเนี้ย” ตอนนี้ผมกับเซฮุนอยู่บนเตียงด้วยกันครับ กำลังดูหนัง จาก แล็ปท็อป ผมโอเคที่จะดูหนังทันทีที่ติวเสร็จเพียงเพราะรำคาญเสียงบ่นงุ้งงิ้งของมัน แต่มันก็ต้องตามใจผม โดยให้ผมเลือกหนังที่อยากดู
“จะดูทำไมก็มันไม่มีอะไร ถ้ามีงานอะไรด่วนไอ่ลู่ก็ต้องโทรมาบอกอยู่แล้ว”
“แล้วแชทล่ะ” เสียงเซฮุนดูตะกุกตะกัก
“ก็ต้องดูดิ แชทมันสำคัญไม่ใช่เหรอ”
“แล้วคุยกับใครในแชทอ่ะ”
“….” ผมมองหน้าเซฮุน บางทีผมก็คิดคำตอบไม่ออกเหมือนกัน ว่าควรตอบไปว่ายังไงดี
“หมายถึงที่คุยบ่อยๆ” หน้าเซฮุนดูเจื่อนไปเล็กน้อย
“ไม่มีคุยบ่อยๆหรอก ไม่ชอบนั่งจิ้มคีย์บอร์ด มันช้า”
“…..”
“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วก็บอกว่าไม่มี ก็คือไม่มี”
“อืออออออออออออ โอเคครับ” พอได้ยินแบบนั้นผมก็พอยิ้มออกได้บ้าง
บางทีคุณน่าจะเริ่มคิดได้แล้วนะว่า ตอนที่คุณพูดครับมันโคตรมีเสน่ห์
“พี่เลือกได้ยัง” เซฮุนดูง่วงเล็กน้อย เขาเอาแต่ถามผมว่าจะดูแนวไหน เพราะผมคลิกเม้าส์ไปเลือกดูหนังหมวดนั้นหมวดนี่จนเขางงไปหมดว่าจริงๆแล้วผมจะดูหนังอะไรกันแน่
“เอาเรื่อง love rosie ละกัน” และในที่สุดผมก็เลือกได้
“แหม่ เลือกหนังเข้ากับหน้าตัวเองมากเลยนะครับเนี้ย”
“งั้นเอาเรื่อง ยุทธการ ถล่มบินลาเดน ไหมจะได้เข้ากับหนังหน้ากู” ผมเห็นไปถามเซฮุนอย่างจริงจัง และตอนนี้เองผมพึ่งรู้ว่าเซฮุนเอียงตัวพิงหมอนอยู่และหมอนก็พิงผมอีกทีนึง
“เอาหมอนออกดิ จะได้เห็นหนังชัดๆ” เซฮุนก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“พี่เคยดูตัวอย่างหนังมาก่อนไหมอ่ะ”
“เคย” ผมนั่งเหยียดขาพร้อมกอดอกดูหนังอย่างจริงจัง
“แล้วมันน่าสนุกมั้ยอ่ะ”
“ถ้าไม่น่าสนุกจะดูเหรอ”
“อธิบายเรื่องย่อให้ฟังหน่อยดิ”
“….”
“อธิบายเรื่องย่อให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“ผู้หญิงกับผู้ชาย แอบรักกัน แต่ไม่ได้รักกัน แค่นั้นแหละเรื่องย่อ นี่เล่าถึงตอนจบแล้วนะเนี้ย”
“พี่อ่ะ ขี้โกง” เซฮุนย่นจมูกเล็กน้อย จนผมห้ามมือตัวเองที่จะเอื้อมไปบีบปลายจมูกแหลมๆนั่นไม่ได้
“ถ้าฟังสปอยด์ไปก่อนแล้วมันจะสนุกเหรอ รอลุ้นเอาดิ แล้วก็เงียบๆ จะดูหนังแล้ว”
“โอเคครับ”
น่ารักที่สุด
“พี่ครับ”
“อะไร”
“ถุงยางมันหลุดได้ด้วยเหรอ ผมนึกว่าจะแน่น”
“อือ ”
“พี่เคยใส่เหรอ ถึงรู้”
“กูก็ดูจากหนังเนี้ย มันหลุดในหนังได้แสดงว่าในชีวิตจริงมันก็ต้องหลุดได้ มั้ง”
“โล่งใจ”
“เซฮุน”
“ครับ”
“บอกว่าห้ามพูดตอนดูหนัง”
“ขอโทษครับ”
“แต่ผมขออีกหนึ่งคำถามได้ไหม” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“อะไรอีกล่ะ”
“ขอซบไหล่ได้ไหม”
“อ๋อ”
“นะครับ”
“เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องขอ”
“….”
“ถ้าง่วงก็ซบได้”
“แล้วถ้าไม่ง่วงล่ะ” เซฮุนเอียงหน้าขึ้นมามองหน้าผม ผมก้มหน้ามองหน้าเขาเหมือนกัน
“ง่วงไม่ง่วงไม่เกี่ยวหรอก ถ้าอยากซบก็ซบเลย”
“น่ารัก” แล้วเซฮุนก็บีบจมูกผมเบาๆ ผมได้แต่ปัดออกไปจากจริตแบบชายชาย
หนังดำเนินไปเรื่อยๆตามเวลาที่หดลงเรื่อยๆ น้ำหนักบนบ่าไม่ได้ทำให้ผมรำคาญใจเลยสักนิด แต่มันค่อนข้างรบกวนสมาธิในการดูหนังของผม ตอนนี้เซฮุนหลับไปจริงๆ บางทีเขาก็ละเมอยกไม้ยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายของตัวเองด้วย ทั้งๆที่มันก็ไม่มีอะไรไหลออกมาเลย
แอร์เย็นๆกับการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเฉื่อยๆทำให้ผมรู้สึกง่วงอยู่เหมือนกัน แต่ต้องอดนอีกนิดเพราะหนังคงจะถึงตอนจบในฉากนี้แน่ๆ ผมแน่ใจ และผมก็ทายถูก ฉากจบของหนังเรื่องนี้อยู่ที่โรงแรมของนางเอกที่ริมทะเล หลังจากที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานามาด้วยกัน ตอนจบก็จูบกันอย่างฟินๆ เหมือนหนังฝรั่งทั่วๆไป เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรแหวแนวมากมาย ในความหลักๆคือการไม่ยอมมรับความรู้สึกของตัวเองจนทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิงตามมามากมาย และหนังเรื่องนี้ยังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่คนข้างๆเป็นคนแสดงออกและกล้าที่จะพูดความรู้สึกของตัวเอง
พอหนังจบผมก็พับหน้าจอแล็ปท็อปของตัวเองลง ขยับหัวทุยๆของเซฮุนให้เข้าที่อีกนิดเพื่อที่จะไม่ให้ปวดคอมาก และก้มลงไปจูบที่หน้าผากเบาๆ
“ฝันดีนะ ไอ้ตัวแสบ”
#ลบซคฮ
ขอโทษจริงๆนะคะที่เรามาช้า T T
ความคิดเห็น