คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 12 [ 100ส่วน100 ]
Chapter 12
“อ่ะ เสร็จแล้ว” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เซฮุนหลังจากที่จัดการเมมเบอร์โทรศัพท์ของผมด้วยชื่อใหม่ ‘ป๋าของน้องฮุน’ อยากจะหัวเราะให้กับความปัญญาอ่อนของตัวเองว่าทำลงไปได้ยังไง ถ้าเกิดว่าตัวผมในอดีตรู้ คงต้องด่าผมปัจจุบันว่าเป็นไอ้คนสมองกลับแน่ๆ
“พี่ครับ” เซฮุนมองดูในจอโทรศัพท์และยิ้มแหยๆส่งมาให้ผม
“ผมว่ามันปัญญาอ่อน”
“ผมขอเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิมได้มั้ยอ่ะ นะครับนะ” ผมยิ้มให้เซฮุนและใช้มือออกแรงผลักหน้าผากมันออกไป
“สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ”
“ไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยนชื่อในโทรศัพท์สักหน่อย” เซฮุนยังคงต่อรอง แต่ตอนนี้ต่อให้เซฮุนชักแม่น้ำไนล์ แม่น้ำโขงมาอ้างผมก็ไม่ยอมหรอก
“มันก็รวมๆกันนั่นแหละ พูดมากจัง อีก2อาทิตย์ก็จะปิดเทอมแล้ว เดี๋ยวก็จบหน่า” ผมก็ปลอบใจไปงั้นแหละ 2อาทิตย์นี้ผมต้องตักตวงให้เต็มที่
“พี่อ่ะ เอาเปรียบจัง”
“เออเนี้ย มาเรียกพี่ๆอยู่นั่นแหละ ตกลงกันว่าไงนะตอนแรก”
“ได้ครับป๋า เดี๋ยวน้องฮุนจะเรียกป๋าว่าป๋าตลอดเลยครับ จะทำตามคำสั่งของป๋าทุกอย่างเลย น้องฮุนจะไม่ขัดใจป๋า ป๋าพอใจรึยังครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆ แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย” ผมหัวเราะออกมาน้อยๆเพราะความพอใจ แต่เซฮุนก็ไม่พูดอะไรเหมือนน้องจะไม่ชอบใจที่ต้องทำแบบนี้ แต่แล้วไงอ่ะ ก็ตัวเองเป็นคนรับปากก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบสิครับ หรือว่าใครจะเถียง
“เล่นอะไร” ผมชะโชกหน้าเข้าไปดูว่าเซฮุนเล่นอะไรในโทรศัพท์ ก้มพิมพ์ยุกยิกๆอยู่นั่นแหละ นี่ก็ค่อนข้างดึกแล้วเพราะพึ่งจบงานกีฬาสีไป แต่เซฮุนยังไม่กลับ โดยน้องให้เหตุผลว่าจะกลับพร้อมผม แต่ผมต้องอยู่ช่วยเพื่อนเก็บงาน ทำความสะอาดนู่นนี่ น้องก็เลยต้องรอ แต่ตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่ก็กลับบ้านหมดแล้วล่ะ มีแต่ผมกับเซฮุนเท่านั้นที่มาเล่นศาลาเล็กๆในโรงเรียนหลักนี้
“ไลน์” โอ้โห กระแทกเสียงมาก
“มันเล่นยังไง สอนหน่อยดิ ไอ่ลู่บอกให้กูเล่นไอ่แอปนี้แหละ แต่กูเล่นไม่เป็น” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมสักแป๊บ แล้วก็ก้มหน้าเล่นต่อ
“พี่ไม่ต้องเล่นหรอก เล่นแค่เฟซก็พอแล้วพี่อ่ะ”
“พี่เหรอ” ผมตบไหล่น้องเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติกับความหยั่งรู้ให้มาสถิตในตัวเซฮุนต่อไป
“ป๋าไม่ต้องเล่นหรอก ป๋าเล่นแค่เฟซก็พอ” น้องกระแทกเสียงเหมือนกับจงใจให้รู้ว่ากำลังประชดผมอยู่
“ทำไมกูจะเล่นไม่ได้ กูก็มีโทรศัพท์” ผมหยิบโทรศัพท์ของผมออกมาโชว์ซึ่งมันก็คล้ายๆกับของเซฮุนนั่นแหละ แต่คนละสีเฉยๆ
“โหลดให้หน่อย”
“โหลดอะไรอ่ะ ไลน์อ่ะเหรอ”
“ใช่ เอาหมดเลย เกมอะไรที่สนุกๆอ่ะ โหลดให้ด้วย กูทำไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่”
“น้องก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ป๋าเล่นอ่ะ นี่ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
“กูก็อยากมีอะไรที่เล่นสนุกๆแบบคนอื่นบ้าง”
“ป๋าก็อ่านหนังสือของป๋าไปนั่นแหละ ไม่ต้องมาเล่นเกมหรอก มันเสียเวลาแถมเสียสายตาด้วย” เซฮุนพูดแต่หน้าของน้องก็ยังจองไปที่จอโทรศัพท์เหมือนเดิม
“กูก็อยากมีอะไรไว้คุยกับมึงด้วย” ผมพูดจริงๆนะ เห็นคนอื่นเค้าเล่นไลน์กัน คุยกับแฟน คุยกับคนในครอบครัว ผมก็งงว่าทำไมต้องไลน์อ่ะ เฟซก็มีทำไมไม่คุย แต่ก็นะ ผมไม่ใช่แฟนเซฮุนสักหน่อย ครอบครัวก็ไม่ใช่
“อะไรนะ” เซฮุนกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองไปและเงยหน้ามาคุยกับผม แสงไฟจากหลอดไฟข้างทางที่สาดส่องเข้ามาในนี้เพียงเล็กน้อยทำให้ผมเห็นว่าน้องกำลังยิ้ม
“พี่ก็คุยกับผมทางเฟซไง แล้วทำไมต้องทำเสียงอ่อนขนาดนั้นด้วย” เซฮุนพูดแบบนั้นและเอาโทรศัพท์ของผมไปกดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย น้องเช็คเฟซผมด้วย
“ถ้าจะโหลดอะไรก็กดเข้าไปตัวนี้ แล้วก็ทำแบบนี้ ไม่เห็นยากตรงไหนเลย แต่ห้ามโหลดแอปคุยอย่างอื่นนะ มีแค่เฟซแหละ พอแล้ว” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วทำไมกูถึงมีไม่ได้”
“ก็ป๋าจะอ่านหนังสือไง ถ้าป๋าคุยกับคนอื่น ป๋าจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ”
“อ๋อๆ เข้าใจแล้ว”
“แล้วทีหลังอ่ะ หัดตั้งรหัสผ่านโทรศัพท์บ้างนะ คนอื่นจะได้แอบเล่นโทรศัพท์ป๋าไม่ได้”
“ทำไม่เป็น” พอผมตอบกลับไปแบบนั้นผมก็เห็นเซฮุนยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองเล็กน้อย น้องคงคิดมั้ง ว่าทำไมผมโง่ขนาดนี้ ผมยอมรับนะว่าโง่เรื่องอะไรแบบนี้
“เดี๋ยวผมทำให้ จะเอารหัสอะไรล่ะ”
“4537” เซฮุนดูชะงักไปเล็กน้อย
“จำไว้ดีๆนะว่าใช้รหัสนี้ถ้าลืม น้องก็ช่วยอะไรป๋าไม่ได้นะครับ ”
“จำได้อยู่แล้ว”
“แล้วรหัสนี้ป๋าได้มาจากไหน ปกติคนส่วนใหญ่เค้าก็จะใช้วันเกิดหรือปีค.ศ.เกิดของตัวเอง แต่ตัวเลขนี้ไม่น่าจะใช่ทั้ง2อย่าง” ไม่รู้เซฮุนจะซักอะไรผมนักหนา
“มันก็ไม่ใช่ทั้งวันเกิดกู และก็ไม่ใช่ปีเกิดด้วย”
“รหัสคิดเองรึไง”
“ไม่ได้คิดเอง”
“….”
“มันเป็นชื่อสายรถเมลล์น่ะ”
“ห้ะ” น้องเงยหน้ามองผมอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง ผมเองก็งง คนอะไรใช้ชื่อสายรถเมลล์เป็นรหัสโทรศัพท์
“สายรถเมลล์ที่มึงนั่งกลับบ้าน ทุกครั้งที่มึงมาส่งกู”
“….”
“จำไม่ได้รึไง”
(ต่อค่ะ)
หลังจากนั้นผมกับเซฮุนก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน วันนี้ผมกลับบ้าน ไม่ได้นอนที่หอ จากนั้นน้องก็ขับรถกลับไป พอมีเวลาได้อยู่กับตัวเองทำให้ผมได้หยุดคิดอะไรนิดหน่อย ผมกับเซฮุนมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง ในเมื่อถ้ามองย้อนกลับไปไม่นาน มันยังมาขอนั่งโต๊ะร่วมกับผมในห้องสมุดอยู่เลย
ตู้ด ตู้ด ตู้ด
‘ครับป๋า’
“ถึงบ้านยัง”
‘ยังครับ ตอนนี้อยู่หอเพื่อน มาเลี้ยงวันเกิดมัน’
“ดึกแล้วทำไมไม่รีบกลับบ้านว่ะ”
‘ฮัลโหลป๋า ไม่ค่อยได้ยินเลย’
“จะกลับบ้านตอนไหน” ผมพยายามพูดให้ชัดและค่อนข้างเสียงดังพอสมควรเพราะผมอยากให้น้องรู้เรื่อง
‘ป๋าครับ ไม่ได้ยินเลย เดี๋ยวอีกแป๊บนึงผมโทรกลับนะครับ’
“เอางั้นก็ได้” หลั่งจากพูดประโยคสุดท้ายออกไปผมก็นั่งอ่านหนังสือที่หอของผมเหมือนเดิม ก็ไม่ได้รอนะ ก็แบบว่า อยากอ่านหนังสือฆ่าเวลา ก็มันนอนไม่หลับหนิ
“นี่ก็ตี1ล่ะ ไหนบอกจะโทรกลับ” ผมจับโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ครอบที่สิบแล้วมั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของสายที่ไม่ได้รับ พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีโทรศัพท์เซฮุนอาจจะมีปัญหา หรือบางทีโทรศัพท์ผมเองนั่นแหละที่มีปัญหาหรือไม่มีสัญญาณอะไรประมาณนั้น
ตีสอง
“นอนเถอะ” ผมถอนหายใจใส่เกมที่เซฮุนพึ่งจะโหลดมาให้ผม เกมมันก็สนุกดี แต่ว่าผมควรนอนได้แล้ว ไม่ต้องรอหรอก
“นีนี่ ตื่นเดี๋ยวนี้” ผมเลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงอย่างรำคาญ นี่พึ่งจะเที่ยงเอง พี่สาวของผมรีบปลุกผมตื่นไปทำไม
“นีนี่ มีคนโทรหาแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จะตื่นมั้ยไอ้หมีขี้เกียจ”
‘คน โทร หา’ อยู่ๆผมก็สะดุดกับประโยคนี้ มีคนโทรหาผม เซฮุนเหรอ พอคิดได้ผมก็รีบกระโดดจากเตียงและวิ่งลงไปรับโทรศัพท์ที่ชั้นล่างของบ้าน
“บางทีแกก็ควรใช้มือถือแกบ้างนะ จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลาทำเล็บของพี่ในการขึ้นมาปลุกแก” พี่สาวของผมยังเดินบ่นตามหลัง ผู้หญิงนี่บ่นเก่งจริงๆ
“ฮัลโหล” กำลังลุ้นว่าเสียงใคร
‘มาแดกหมูกระทะเป็นเพื่อนหน่อย ไม่หมดว่ะ กลัวโดนปรับ’ เสียงไอ่ลู่หาน คงมีแต่มันคนเดียยวนั่นแหละที่ไปกินหมูกระทะตอนกลางวัน
“กูพึ่งตื่น” กรอกเสียงลงไปอย่างเหนื่อยหน่าย ก็ผิดหวังว่ะ
‘เออ กูรู้ เบอร์มึงกูโทรเข้าเป็นสิบสายแม่งไม่คิดจะรับเลย มึงนอนหรือซ้อมตายว่ะ’
“จะบ่นอีกนานมั้ย”
‘เออๆ ไม่บ่นแล้ว มึงมาแดกหมูกระทะเป็นเพื่อนกูเลยมึง ไม่งั้นกูโดนปรับหมูชิ้นละ5บาท กูไม่มีตังค์’
“แล้วมึงไปแดกคนเดียวเหรอ”
‘เออดิว่ะ ตื่นเช้าขึ้นมาแม่งหิวมาก แม่กูรีบไปทำงานไง ข้าวก็ไม่ได้หุง กูเลยแม่งประชดชีวิตด้วยการแดกหมูกะทะคนเดียวตอน4โมงเช้า อิ่มมากไอ่สัส แต่ย่างหมูเพลินไปหน่อย มันเลยเหลือเย๊อะเยอะ มึงมาช่วยกูเลยเนี้ย’
“เลี้ยงป่าวว่ะ”
‘ไอ่ห่า ก็กูบอกว่าไม่มีตังค์ มึงนี่หารีดเลือกกับปูชัดๆ’
“ก็มึงเป็นคนชวนกู คนชวนก็ต้องเลี้ยงดิว่ะ”
‘ไม่ต้องพูดมาก ให้เวลา 30 นาที รีบมาเลย เร็วๆ’
“บังคับกูเลยเหรอ”
‘เห็นแก่ความเป็นเพื่อนระหว่างกูกับมึงเหอะครับ’
“เออๆ อีกชั่วโมงกูถึง”
‘กูบอก30นาทีไง’
“1ชั่วโมงขาดตัว”
’30 นาทีได้มะ’
“กูให้มึงได้ 50”
’45เถอะ ถือซะว่ากูขอ’
“กูให้ได้เยอะสุด 47 นี่กูไม่ได้อะไรแล้วนะ”
‘ไอ่สัส 46เถ๊อะ เหมอๆ แฟร์ๆ สิวๆ’
“มึงจะเล่นอีกนานมั้ย แค่นี้แหละ เดี๋ยวรีบอาบน้ำ”
‘แล้วใครรับมุขกูล่ะ’
“แล้วใครชวนเล่นคนแรกล่ะ”
‘มึงแหละ’
“มึงนั่นแหละ”
‘มึง’
“มึ๊ง”ยิ่งพูดกับมันก็เหมือนต่อความยาวสาวความยืด ผมจัดการวางสายจากไอ่ลู่ไป เหตุผลนึงของการไปกินหมูกะทะกับมันคงเพราะผมหิวด้วยมั้ง ถ้าไม่หิวนี่คือไม่ไป มิตรภาพกับการนอน เราควรเลือกการนอนนะ
ผมเดินกลับไปบนห้องเพื่ออาบน้ำ เหลือบเห็นมือถือของผมที่ไอ่ลู่บอกว่าโทรมาเป็นสิบสาย ไอ่นี่ก็แม่งเว่อร์ โทรมาแค่2-3 สาย ถ้าไม่รับก็ไม่ควรโทรมาแล้วป่ะ แต่พอดูจริงๆมีสายโทรเข้าตั้ง 18 สาย
“เซฮุน”
“10 สายที่ไม่ได้รับ”
“กูไม่โทรกลับหรอก เปลืองตังค์” โยนโทรศัพท์ไปไว้บนเตียงและเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์
‘หาเรื่องให้มันง้อได้อีกแล้วสินะ’ ผมคิดว่าผมคงโรคจิต ผมชอบให้เซฮุนง้อ มันก็ไม่ได้น่ารักอะไรมากมายหรอกนะ แต่ผมชอบ
พออาบน้ำเสร็จผมก็เดินมาเช็คโทรศัพท์อีกรอบนึง ตอนนั้นเซฮุนโทรเข้ามาพอดี แต่ผมไม่รับหรอก ไม่ได้เป็นคนใจอ่อนง่ายๆนะ
เดินฮัมเพลงลงมาตามบันได มือก็ถือโทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืนๆ เพราะมีคนโทรมา เมื่อคืนรอตั้งนานทำไมไม่โทรล่ะ วันนี้จะแกล้งซะให้เข็ด
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” หืม ผมหันหลังขวับไปที่ต้นเสียง ไอ่เด็กตัวขาวนี่เอง ไอ่เด็กที่ทำให้ผมคิดถึงและเป็นห่วงตลอดทั้งคืน
“พี่ครับ ผมถามพี่นะ” มันเดินเข้ามากระตุกที่ชายเสื้อของผมเบาๆ ตอนแรกก็งงอยู่นั่นแหละว่ามันมาได้ไง แต่เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน
“พี่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้โทรกลับ” มันเข้ามายืนดักหน้าผมไว้และพยายามอธิบาย ผมมองมันด้วยสายตาที่ผมคิดว่าเย็นชาที่สุดแล้ว
“ถอย” พระเอกมาก
“ไม่ถอยอ่ะ พี่ตอบก่อนทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“พี่ครับ เมื่อคืนผมเหนื่อยมาก ก็เลยเผลอหลับไป แต่ผมก็โทรหาพี่แต่เช้าแล้วนะ แต่พี่ก็ไม่รับอ่ะ แล้วจะให้ผมทำไง” จากมือที่จับชายเสื้อเลื่อนมาจับที่มือของผม พร้อมบีบเบาๆ เหมือนกับว่าให้ผมเชื่อตามที่มันพูด
“อือ รู้แล้ว หลบไปดิ”
“ไม่หลบอ่ะ พี่ทำเหมือนโกรธผมเลย แล้วนี่พี่จะไปไหน”
“ไม่ใช่เรื่อง”
“ไม่เอา พี่ตอบก่อน ผมขอโทษ ผมขอโทษ” เซฮุนโผเข้ากอดผม ผมได้แต่ยืนนิ่งๆให้น้องกอด ผมแค่จะอำเล่นขำๆนะ แต่เหมืนเซฮุนจะไม่ขำด้วย
“ห้ามร้องไห้นะ” ผมยกมือขึ้นโอบหลั่งน้อง และลูบเบา
“หายโกรธแล้วใช่มั้ย”
“ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ ถึงกูจะโกรธจริงๆมึงก็ไม่ควรซีเรียสขนาดนี้นะ”
“ผมก็ไม่รู้ แต่พี่ไม่โกรธผมนะ ผมขอโทษ”
“ไม่ได้โกรธ”
“จริงนะ”
“ไม่ได้โกหก”
“แล้วนี่พี่จะไปไหนครับ”
“หาไรกิน”
“ผมไปด้วย” น้องผละออกจากกอดของผม และยิ้มตาหยีส่งมาให้ผมเหมือนมีความหวังว่าผมจะให้ไปกินข้าวด้วย แต่แขนทั้งสองของผมยังคล้องไว้ที่เอวของน้อง ก็โรแมนติกอยู่นะ นิดนึง
“นัดไอ่ลู่ไว้แล้ว จะไปด้วยได้ไง”
“ง่อววว”
“ไม่ต้องมาง่อวมาแง่ว”
“โทรไปยกเลิกนัดสิครับ ผมโทรหาพี่ก่อนพี่ลู่ด้วยซ้ำ”
“ทำไมนิสัยไม่ดีงี้ว่ะ ”
“งั้นขอผมไปด้วยได้มั้ยอ่ะ”
“จะไปด้วยได้ไง ”
“ผมไปนั่งกินคนเดียวก็ได้ พอพี่กินเสร็จแล้วเราค่อยไปต่อด้วยกันไง”
“จะต้องไปไหนต่ออีกเหรอ” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย นี่จะไม่ชวนกันเลยใช่มั้ย
“ดูหนัง”
“นี่ชวนเหรอ”
“ครับ พี่ไปด้วยกันนะ”
“ก็ได้ แต่ว่ามึงลืมอะไรไปรึเปล่า”
“หืม ลืมอะไรครับ”
“ลืมอะไรมั้ย” ผมพยายามคาดหวังว่าน้องจะจำได้ และในที่สุดน้องก็ยิ้มออกไป
“ป๋าไปดูหนังกับน้องนะครับ”
“จงอิน”
“อะไร”
“มึงว่า”
“ว่าอะไร”
“มึงว่าเนื้อหมูร้านนี้อร่อยป่ะ” ไอ่ลู่ถามผมออกมาแบบนั้น เพราะตอนนี้ผมนั่งกินหมูกระทะกับมันอยู่ ผมนั่งกับไอ่ลู่แค่2คนส่วนอีกคนนึงอ่ะนะ ก็โต๊ะข้างๆผมนั่นแหละ เราหันหน้าให้กัน แต่ไอ่ลู่หันหลังให้เซฮุน
“รสชาติก็เหมือนเดิม ก็อร่อยดี”
“หน้ามึง”
“จะพูดก็พูด ทำไมต้องชักช้า”
“หน้ามึงเหมือนคนกินไม่อร่อย”
“จริงอ่ะ”
“ความจริงจะอร่อยไม่อร่อยก็ช่างเถอะ ขอแค่มึงมาช่วยหารค่าใช้จ่ายกับกูก็พอล่ะ”
“ล่ะนี่มึงใกล้อิ่มยัง”
“กูอิ่มตั้งนานล่ะแม่ง ที่ทนๆแดกอยู่นี่เพราะกลัวค่าปรับหรอก อีกอย่างนะ กูเสียดายเงินกู จ่ายตั้งเยอะต้องแดกให้คุ้มดิว่ะ”
“อิ่มแล้วก็พอเหอะ ”
“มึงจะรีบไปไหนอ่ะ”
“กลับหอ ง่วง ” ผมพูดใส่หน้ามันอย่างอารมณ์เสีย ไอ่นี่ก็ขี้กวนประสาทซะเหลือเกิน นิสัยประจำตัวของมันอ่ะนะ ถ้ามันรู้ว่าเราจริงจังมันจะล้อเล่น ถ้ามันรู้ว่าเราล้อเล่นมันแม่งจะล้อเล่นกับเรายิ่งกว่าเดิม พอผมพูดเสร็จมันก็ลุก ผมก็ลุก จ่ายเงินเสร็จผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำและแอบส่งข้อความหาเซฮุน
‘กินเสร็จแล้ว มารอหน้าห้องน้ำนะ’ ส่งไปพร้อมกับเดินไปบอกลาไอ่ลู่นิดหน่อย คือมันก็รีบอ่ะครับ เหมือนเด็กมันจะโทรมาตาม
‘ยังไม่อิ่ม’ เซฮุนส่งมาบอกผมอย่างนั้น แล้วคือจะให้ผมทำยังไง ยืนรอ นั่งรอ นอนรอ
‘รีบกิน’
‘พี่อ่ะ มากินช่วยหน่อย มันไม่หมดอ่ะ ’ อีกล่ะ เห็นกูเป็นตัแดกหมูกระทะรึไง
‘รีบกินเร็วๆ อย่าเฉไฉ’
‘มันไม่หมดอ่ะ นี่ต้องเสียค่าปรับเยอะแน่ๆเลย พี่มากินช่วยหน่อย เดี๋ยวจ่ายให้’ หืมมมม เดี๋ยวจ่ายให้ รู้ตัวอีกทีผมก็นั่งตรงข้ามกับเซฮนโดยมีหม้อหมูกะทะกั้นกลางแล้วอ่ะ
“ไหนบอกอิ่มแล้ว” น้องทำหน้าทะเล้นใส่ผม ก็เพราะใครกันล่ะที่คะยั้นคะยอให้มานั่งตรงนี้จนได้
“สงสารเฉยๆหรอก” พูดไปก็หยิบตะเกียบขึ้นมาหยิบหมูที่กำลังสุกได้ที่เข้าปาก
“โอ๊ะ โอ้ยย” ผมแทบจะกรอกโค้กเย็นๆเข้าปากแทบไม่ทัน ทำไมมันร้อนแบบนี้อ่ะ นั่งกินกับไอ่ลู่ตะกี้ไม่เห็นร้อนเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ตลกอ่ะ โตแล้วยังเหมือนเด็ก” ผมได้แต่อ้าปากให้ความแสบจากเนื้อร้อนๆหายไป ทำไงได้ ผมโง่เองเหมือนเด็กจริงๆนั่นแหละ
“อ่ะ” น้องยื่นเนื้อหมูที่สุกจนเป็นสีเหลืองออกน้ำตาลนิดๆมาให้ผม
“ไม่ร้อนหรอกครับ”
“อ้าวจริงๆ น้องไม่แกล้งป๋าหรอก” ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องร้อนไม่ร้อนเลย แต่ที่ผมยังกังวลก็คือแบบ…. ก็กลัวคนเห็นอ่ะ นิดนึง
“ไม่มีใครรู้จักเราหรอกครับ อ้ามมมมมมมมมม คนเก่ง”
“จะไม่กินเพราะคำพูดคำจามึงนี่แหละ” มีผู้ชายที่ไหนเค้าชอบให้คนที่เด็กกว่ามาเรียกคนกงคนเก่งว่ะ ไม่ได้ลูกสักหน่อย
“ป๋าครับ ไม่สงสารน้องเหรอ น้องปวดแขนแล้วนะ เล่นตัวจัง”
“ไม่เอา คนมองแล้ว หยุดทำแบบนี้” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุด
“คำเดียวเลย สัญญา”
“บอกว่าไม่ก็ไม่”
“นะครับ สัญญาแล้วเนี้ย ” น้องยกมืออีกข้างนึงขึ้น ชูนิ้วก้อยพยายามบอกว่า นี่ไง สัญญาแล้ว
“ไม่” คราวนี้เสียงต้องเข้ม
“ป๋าครับ”
“…..” ไม่
“พี่ครับ”
“…..” อย่าใจอ่อน
“พี่จงอิน”
“…..” น่ามคานจริง
“ อ้าปากนะครับ อปป้า” หืมมมมมมมมมมมมมมมมม อปป้าอะไรของมันนนนนนนนนน จากที่กำลังนั่งมองหน้ามันด้วยหน้าตาไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา กลายเป็นว่าตอนนี้ผมปวดแก้มไปหมด ไอ่ปากน่ะมันพอบังคับไม่ให้ยิ้มได้แต่ตาผมนี่หยีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“อะไรของมึงว่ะ กินก็ได้ เอามาดิ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆปลายตะเกียบของเซฮุน น้องส่งเนื้อเข้าปากผมอย่างช้าๆ แล้วเอาทิชชูมาเช็ดปากให้ผมด้วย ขอโทษนะครับ สั่นชิบหายเลยไอ่สัส อปป้าอะไรของมึง
หลังจากจบทริปหมูกระทะหม้อไหม้แล้ว เซฮุนก็ขับรถพาผมมาดูหนัง พอผมถามว่าจะดูเรื่องอะไรน้องก็บอกว่าแล้วแต่ผมเลย ผมถามว่าเลี้ยงใช่มั้ย นี่ไม่ได้เอาตังค์มาเลย น้องก็ตอบ เลี้ยงก็ได้ แต่ถ้ามาด้วยกันอีกพี่ต้องเลี้ยงผมนะ แผนสูงชะมัด ครั้งนี้คือครั้งที่เราไปไหนมาไหนด้วยกันแบบว่าสองต่อสอง ไม่ใช่แบบนั้น เราแค่ไปด้วยกันสองคนเฉยๆไม่ได้ไปสองต่อสองหรอก
“เอาเรื่องนี้” เซฮุนชี้ไปที่ทีวีจอแบนที่กำลังฉายตัวอย่างหนังและเวลาที่จะฉาย
“ชอบดูหนังแบบนี้เหรอ” ถามออกไปแบบนั้น เพราะหน้าตาหรือนิสัยแบบนี้ควรดูหนังประเภทแบบว่า รัก โรแมนติก อะไรแบบนั้นมากกว่า แต่ดูหนังที่มันเลือกสิ หนังนักรบอะไรไม่รู้ โปสเตอร์ดูรุนแรงชิบหาย
“ไม่มีแนวไหนที่ผมชอบจริงจังหรอก ผมดูได้ทุกแนว อะไรสนุกก็ดูได้หมด เพลงเหมือนกันนะ ผมไม่ซีเรียสว่าจะเป็นเพลงชาติไหนหรือแนวไหน อันไหนฟังแล้วอารมณ์เพลงให้ผมก็ชอบหมด แล้วพี่อ่ะชอบแบบไหน”
“หมายถึงหนังหรือเพลงอ่ะ”
“อ่อ ไม่รู้สิ ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกว่าชอบอะไรเป็นพิเศษ”
“จริงอ่ะ”
“จริง”
“แล้วถ้าพี่เลือกดูหนังเรื่องที่พี่ชอบตอนนี้ พี่จะดูอันไหน” น้องชี้ไปที่ตารางการฉายไหนที่ถูกแปะไว้ตรงทางเข้าโรงหนัง
“คงอันเดียวกันกับมึงนั่นแหละ”
“ทำไมล่ะ”
“เลือกไปงั้นแหละ”
“แค่นี้ก็บอกไม่ได้ว่าทำไม โถ่ว ” เซฮุนหน้างอเล็กน้อย ปากนี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าไม่อารมณ์เสียจริงก็ไม่ต้องคว่ำมันน่าเกลียด ผมหมั่นไส้และผลักหัวมันเบาๆ
“ก็มึงอยากดูเรื่องนี้นี่ กูจะเลือกเรื่องอื่นไปทำไมล่ะ”
“หวานซ๊า”
“ไม่หุบปากเดี๋ยวต่อยแม่ง” ทำท่ายกขาเตรียมจะเตะ แต่น้องก็วิ่งหนีเข้าโรงหนังไปก่อน หยอดนิดหยอดหน่อยเดี๋ยวนี้แม่งไม่ค่อยเขินเลย ผมรีบเดินไปให้ทันเซฮุน
“เขินแล้วชอบใช้กำลังว่ะแม่ง”
อีกคนได้แต่ยิ้มและพยายามก้มหน้า ถึงเวลาที่ผมต้องยิ้มบ้างแล้วสิ กลั้นมาตั้งนาน
ความคิดเห็น