ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3 : ชายผมแดงกับแผนการ
ตึก ตึก ตึก
ชายผมแดงอุ้มร่างที่กำลังนอนหลับตาพริมเดินไปตามทางเงียบๆ อีกไม่นานก็คงถึงที่หมาย เชียรเหลือบมองใบหน้าของเด็กสาวครู่หนึ่ง เด็กสาวที่มีลักษณะเหมือนลูกผู้ดี แต่ดูจะเป็นคนที่ไม่ยอมฟัง หรือทำตามคำสั่งของใคร และนี่แหละที่เป็นปัญหา เธอจะเป็นเครื่องมือ และเป็นใบเบิกทางอย่างดี แต่... ถ้าเธอไม่ทำตามแผนที่เขาหวังไว้ล่ะก็ หึหึหึ ไม่อยากจะคิด เพราะงั้น คงต้องคิดแผนเพิ่มอีกซักแผน
เดินมาได้ซักพัก ก็ถึงบ้านของลัลทริมาอย่างที่หวัง แต่จะกดกริ่งแล้วปล่อยให้นอนรอคนมาเจออยู่หน้าบ้านแบบในละครก็คงไม่ได้
“ เธอ.. เธอ.. ตื่น จะสบายเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะ ตื่นสิ ” เชียรเรียก แต่เด็กสาวยังคงหลับตาไม่ตื่น หายใจเป็นจังหวะดูสบายอารมณ์
ฉันยังไม่ตื่นหรอกย่ะ มาส่งทั้งทีส่งให้ถึงที่สิยะ คิกๆๆ
ความจริงมิติกาไม่ได้หลับ ทั้งยังมีสติทุกๆ อริยาบท เพียงแต่เด็กสาวผมม่วงทำเป็นหลับ ไม่ตื่นเฉยๆ ประการแรก เธอไม่อยากโดนชักถาม ประการที่สอง ไม่ต้องเดินเอง และประการที่สาม ที่เด็กสาวไม่ยอมตื่นแม้จะถูกปลุก เธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวชายผมแดง และ เธอเองก็อยากรู้ว่า.. ถ้าลัลทริมาเจอะเจอหมอนี้ จะมีท่าทีแบบไหน และหมอนี้ จะมีกิริยายังไง
“ ตื่นเดี่ยวนี้นะ ” เชียรย้ำ การปลุกเด็กสาววัยกำลังหลับกำลังนอนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง “ งั้นก็ เอานอนไว้หน้าบ้านเนี่ยแหละ กดกริ่งแล้วรอคนข้างในมาเจอเอา ” ชายหนุ่มรำพัน เพราะคิดว่าเด็กสาวหลับไม่ได้ยิน แต่เมื่อจะทำตามที่คิด กลับทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าสงสารหรือทำไม่ลง แต่... เด็กสาวกอดเอวเขาแน่นชนิดที่ว่าใช้แสลงก็แงะไม่ออก
“ ไม่มีทางเลือก ” เชียรรำพัน การทำงานใหญ่มันก็ต้องลงทุนอย่างนี้แหละนะ เฮ้อ...
กริ่งๆ ...
“ ลัลจ๊ะ ไปดูหน่อยซิลูกว่าใครมา พอดีน้าวางมือจากกระทะไม่ได้ ”
“ ค่ะ ” ลัลทริมาที่กำลังเก็บของตอบ แล้ววางมือจากข้าวของตรงหน้า ตรงไปยังประตูรั้วหน้าบ้าน
“ มาแล้วค่ะ... ” ลัลทริมาว่า ขณะกำลังเปิดประตูรั้ว เมื่อประตูรั้วเปิดออกก็พบกับใครคนหนึ่ง คนที่เธอกลัว กลัวว่าเจอมาโดยตลอด “ เชียร.. ”
“ สวัสดี ลัลทริมา ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เด็กสาวหน้าซีดเผือด สายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเชียร
“ พี่มิติ.. นายทำอะไรพี่มิติหน่ะ ”
“ จุ๊ๆๆ ฉันไม่ได้ทำนะ สาวน้อย ฉันช่วยพาเธอคนนี้มาส่งต่างหาก ” ชายผมแดงยิ้มเลศนัย เหยื่อมาอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่... จะทำให้ไก่ตื่นไม่ได้ ต้องอดทนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าหลายๆ เท่า
“ ฉันไม่เชื่อ .. นาะ ”
“ ใครมาจ๊ะลัล ” โรสวดีเห็นว่าหลานสาวออกมานานจึงเดินมาตาม “ อ้าว สวัสดีค่ะอาจารย์ ”
“ สวัสดีครับ ” ชายหนุ่มขยับยิ้มให้โรสวดี อย่างมีมารยาท
“ ส่งพี่มิติมาได้แล้ว ” ลัลทริมาโพลงขึ้น มองเด็กสาวผมม่วง
“ อ้าว!! นี่หรอหนูมิติ แล้วเป็นอะไรไปหรอจ๊ะเนี่ย ” โรสวดีถาม มองมิติกาด้วยความเป็นห่วง หูย... สวยมากเลย และดูจะแรงเหมือนกับเราซะด้วย
“ พอดีเธอเดินไม่ดูทาง ก็เลยเหยียบตะปูเข้าน่ะครับ ผมเลยมาส่ง ” เชียรอธิบาย ไม่ได้โกหกใดๆ “ เฮ้.. ตื่นสิ มาถึงที่หมายแล้วนะ ” เชียรปลุกมิติกาอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ต้องตื่นด้วย “ ฉันรู้นะว่าเธอตื่นแล้ว ”
เฮ้อ.. คงไม่มีทางเลือกสินะ จะต้องตื่นจริงๆ หรอเนี่ย.. :-(
“ หือ.. ถึงไหนอะ.. ” มิติกาพูดเสียงงัวเงีย ค่อยๆ ปรือตามองสิ่งต่างๆ รอบข้าง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หน้าซื่อตาใสเหมือนเด็กๆ
“ ถึงบ้านลัลทริมาแล้ว ไปสิ ” เชียรพูด ทำเหมือนกับพี่ชายที่กำลังพูดกับน้องสาว แต่นัยตาไม่ใช่
“ ไปไงง่ะ ฉันรู้สึกปวดเท้าตุบๆ เลยอะ นายจะให้ฉันขี่หลังลัลเข้าไปในบ้านหรอ ” มิติกาถามด้วยสีหน้าใสซื่อดุจเด็กน้อย (ไม่มืออาชีพทำไม่ได้นะจ๊ะ) “ ว่าไงล่ะ ”
คิดได้ยังไงหน่ะ ¬_¬ ¡
เสียงความคิดของเชียรวิ่งเข้ามาในหูของลัลทริมา ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยสัมผัสความคิดของชายคนนี้ได้มาก่อนเลย
“ หมายความว่ายังไง จะให้ฉันอุ้มเธอเข้าไปส่งหรอ ” ชายหนุ่มถาม แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ ^_^ ” ยิ้มพิมพ์ใจส่งให้แด่ชายหนุ่ม เป็นคำตอบเดียว ปกติก็ไม่ทำตัวแรงขนาดนี้หรอก แต่พอเห็นถ้าทีหนักใจของชายหนุ่ม และท่าทีอึดอัดของลัลทริมา ก็เลยอยากแกล้งขึ้นมากระทันหัน
“ อูย.. ไม่ว่าหรอกค่ะ เข้ามาเลย โรสก็พึ่งตั้งโต๊ะอาหาร อาจารย์ก็มาร่วมทานด้วยเลยนะคะ ” โรสวดีว่า ผายมือเชิญชายหนุ่มให้เข้าไปในบ้าน ไม่ได้มองสีหน้าของลัลทริมาซักนิด แม้จะกลัว แต่ลัลทริมาก็เดินตามหลังเชียรเข้าไป ตามด้วยโรสวดี อูยตาย!! แรงกว่าเราอีก แต่คนสวย ทำอะไรก็ไม่ผิดนี่น่า..
เมื่อปฐมพยาบาลแผลให้มิติกาเสร็จแล้ว โรสวดีจึงเชิญทุกคนมาร่วมทานข้าวที่โต๊ะอาหาร แต่ลัลทริมาแทบจะไม่ทานอะไรเลย เพราะเด็กสาวคอยระวังตัวเองจากเชียรเสมอ แม้ในเวลานี้เชียรจะทำตัวไม่อันตรายก็ตาม
ยัยเด็กอาถรรพ์กลัวเจ้ามดแดงขนาดนี้เชียวหรอ หึ แปลว่าไอ้หมอนี้ต้องไม่ธรรมดา หึหึหึหึ...
มิติกายิ้มมุมปากอย่างทีเลศนัย ตอนนี้ในสมองเธอเต็มไปด้วยแผนมากมายที่จะทำให้เธอสนุก
“ เอ่อ... หนูมิติยิ้มอะไรหรอจ๊ะ ” โรสวดีที่นั่งอยู่ตรงข้ามถาม เพราะเห็นท่าทีแปลกๆ ของหลานสาวที่ไม่ยอมแตะอะไรเลย กับมิติกาที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ น่าสงสัย ซึ่งเชียรเองก็มองเห็นตลอดเวลา
“ กำลังคิดแผนชั่วอยู่ค่ะ ” เด็กสาวตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ แผนชั่ว... !!!!?? ”
“ อ่อ... แผนชั่วในการ... แก้ตัวกับอาจารย์เรื่องงานน่ะค่ะ พอดี... ยังไม่ได้เขียน คิดไม่ออก ” เด็กสาวผมม่วงตอบเสียงเรียบ ความจริงแล้ว เธอก็ไม่ได้เขียนจริงๆ เอาจริงๆ ไม่ว่างานอะไรที่ครูสั่ง เธอไม่เคยคิดที่จะทำด้วยซ้ำ
“ งานอะไรหรอ ” คราวนี้เชียรเป็นคนถามขึ้น และยิ้มให้
“ งานคู่ ฉันกับลัล-ทริมา ต้องเขียนเรื่องราวของตัวเอง 6 เหตุการณ์ ซึ่งมีเหตุการที่คิดว่าน่าประทับใจ 3 เหตุการณ์ และเหตุการณ์ที่ทุกข์ที่สุดในความทรงจำอีก 3 เหตุการณ์ ” เด็กสาวอธิบายเสียงเรียบเฉย มองเชียรด้วยใบหน้าที่ไม่แย้มยิ้มแม้แต่นิดเดียว
“ ฟังดูไม่ได้ยากนิจ๊ะหนูมิติ มันน่าจะเขียนได้คล่องนะ เพราะมันเป็นเรื่องของเราเอง ” โรสวดีออกความคิดเห็นอย่างใสซื้อ
“ ยากสิ ก็เพราะมันเป็นเรื่องของเรานิแหละ ที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำๆ ได้ หึ... ” เด็กสาวหันหน้าไปมองเชียร “ นายว่าจริงรึเปล่าล่ะ ถ้าสิ่งที่ฉันพูดมาไม่จริง นายเองก็ช่วย.. เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่ประทับใจ และสะเทือนที่สุดออกมาเป็นตัวอย่างหน่อยสิ อาจารย์ .. เชียร .. ”
เชียรนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง นิ่งในคำพูดของมิติกา คำพูดที่ดูว่างเปล่า แต่เจ็บปวดในคราวเดียวกัน คำพูดและคำถามที่ถามเขา เหมือนกับ เลือกมาเพื่อถามเขาโดยเฉพาะ ..... แต่มันก็จริง ขนาดตัวเขา ยังไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เขาผ่านมาได้เป็นคำพูดเลย
“ ฮึฮึฮึ ใช่ มันยากที่จะอธิบายจริงๆ นั้นแหละ แม้แต่ฉันเอง ก็ยัง... เรียบเรียงมันออกมาไม่ได้ ” เชียรตอบ ฮึ.. สำหรับคำถามนี้ เขาต้องแพ้ราบจริงๆ “ ว่าแต่ ถ้างั้นพวกเธอจะ.. เขียนอะไรไปส่งครูล่ะ ”
“ ฉันก็คง... ส่งกระดาษเปล่า กระดาษเปล่าๆ เหมือนกับเรื่องราวของฉัน ที่มันประกอบกันเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะตอนสุข มันสั้นกว่าตอนทุกข์ขมขื่นเหลือเกิน ” เด็กสาวผมม่วงพูดเบาๆ นัยตาหม่นหมอง ก่อนนัยตาจะกลายมาเป็นนัยตาที่เฉยชา “ หึ... ฉันว่ามันดึกแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ มันจะดึกซะก่อน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ”
“ เดี่ยว ' พี่จะกลับยังไง เท้าพี่บาดเจ็บไม่ใช่หรอค่ะ ” ลัลทริมาแย้งขึ้น เพราะเป็นห่วง “ อยู่ต่ออีกซักพักเถอะค่ะ นะคะ ”
“ ได้สิ แต่... แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ”
“ ค่ะ... ” ลัลทริมายิ้มให้มิติกา แต่ก็พยายามหลบสายตากับเชียรตลอดเวลาจนมิติกาอยากแกล้งอยู่หลายต่อหลายครั้ง
•
•
•
•
“ พี่มิติค่ะ ” ลัลทริมาพูดเบาๆ กับมิติกาสองคน ไม่ให้เชียรได้ยิน “ พี่มิติระวังผู้ชายคนนั้นนะคะ เค้าไม่ปลอดภัย เค้า.... ”
“ ร้ายกาจ ” มิติกาต่อคำ “ ร้ายกาจ จนเธอกลัวสินะ ” เด็กสาวยิ้ม วางมือลงบนไหล่ของลัลทริมา “ ไม่ต้องกลัว มัน.... ไม่มีใครทำอะไรฉันได้หรอก เชื่อฉันสิ ”
“ แต่... ”
“ ฉันกลับก่อนนะ ฝันดี ” มิติกาไม่รอให้ลัลทริมาพูดต่อ เธอรีบลาแล้วเดินกระเผกออกจากบ้าน มาที่รถของเธอโดยทันที
แต่เมื่อจะเปิดประตูรถ กลับมีมือของใครคนหนึ่งมาดันมันไว้...
“ ถอยไป ฉันจะกลับไปนอนแล้ว ”
“ ไม่ถอย จนกว่า... เธอจะให้ฉันไปส่ง ตกลงมั้ย สาวน้อย ” เชียรยิ้มเลศนัย ชายหนุ่มมีบางอย่างจะคุยกับมิติกาเพิ่มเติม
“ ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ ”
“ แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ และเธอก็ห้ามปฏิเสธด้วย ” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ โอเคมั้ย ”
“ ไม่โอเค ฉันไม่ไวใจนาย เกิดนายขับรถพาฉันไปฆ่าข่มขืนหมกป่าอยู่จะทำยังไง ” มิติกาว่า “ เพราะงั้น.. ขอตัวก่อนค่ะ ”
“ ไม่.. ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ เพราะงั้น... ไว้ใจฉันได้ ” เชียรยิ้มเลศนัยอีกครั้ง แล้วคว้ากุญแจรถจากมือเด็กสาวไปครอบครอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในรถ ราวกับเป็นรถของตนเอง
“ อะ..... ๏α๏; ” มิติกาพูดไม่ออก มองไปที่คนในรถของเธอ “ ระ... ลงมาเดี่ยวนี้เลยนะ นี่มันรถของฉ้านนนนนะ ” เด็กสาวเริ่มโวยวายเคาะกระจกให้ชายผมแดงลงมา
“ มาลากฉันลงไปให้ได้สิ ” เชียรยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากท้าทาย แม้จะพูดแบบนั้น แต่ชายหนุ่มก็ล็อกประตูฝั่งคนขับเอาไว้ เพื่อให้มิติกาขึ้นอีกฝั่งแทน .... ตามแผน
“ นาย... ฉันไม่ได้โง่นะ พอฉันเปิดประตูรถฝั่งนั้น นายก็จะดึงฉันเข้าไปแล้วออกรถนะสิ ”
“ เอ่อ... ก็ได้ งั้นก็... ลากฉันลงไปสิ ถ้าทำได้ ฉันจะ.. ไม่มาพูดกับเธออีก ฉันให้คำมั่น... ” ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น เปิดประตูฝั่งคนขับออก นั่งเท่รอให้เด็กสาวมาดึงออกไป
“ ก็ได้ ” มิติกาทำหน้าบึ่ง แล้วยื่นมือไปดึงแขนของชายหนุ่มออกจากรถ แต่เหมือนดึงหินก้อนเท่าบ้าน เขาไม่ขยับซักนิด เชียรปล่อยให้มิติกาใช้แรงดึงอยู่สักพัก แล้วชายหนุ่มจึงทำตามสิ่งที่วางแผนเอาไว้
“ มานี่... ” ชายหนุ่มพลิกมือของเขาจับข้อมือเด็กสาว และกระชากเข้ามาภายในรถทันที แต่เขาลืมไป ว่าที่ตรงนี้ เขาเองก็นั่งอยู่ เมื่อร่างบางเซมาตามแรงกระชาก จึงล้มทาบทับอยู่บนร่างของเชียรพอดี ใบหน้าของทั้ง 2 ห่างกันแค่นิดเดียวเท่านั้น ดวงตาปะทะดวงตา
แต่... นี่ไม่ใช่เวลามาตกใจ หรืออะไรทั้งสิ้น เชียรรีบดึงสติ แล้วผลักร่างของเด็กสาวให้ไปนั่งที่เบาะข้างๆ ส่วนตนก็ปิดประตูออกรถทันที
“ อ๊ายยยยยยยย ...!!! ”
...
......
มาที่บ้านจินตเมธร
ติงนิง..
มือถือเครื่องสีดำส่องแสงจ้า ไม่นานเด็กหนุ่มเจ้าของมือถือก็หยิบมันขึ้นมามอง
[ Lan : การิน นายยังไม่นอนใช่มั้ย ตอบสิว่ายังไม่นอน ตอบสิ ]
ข้อความของลัลทริมา หรือยัยโง่ที่การินมักเรียกส่งมา อะไรของยัยโง่ มีอะไรนักหนา
[ Lan : ตอบสิการิน ฉันขอสั่งให้นายตอบเดี่ยวนี้นะ ตอบสิ ]
สั่งหรอ หึ กล้าดียังไงมาสั่งฉัน ฉันไม่ใช่ทาสซะหน่อย
[ Lan : ฉันกำลังเครียดนะการิน ตอนนี้มีคนกำลังไม่ปลอดภัย ]
[ Lan : การินตอบฉันมานะ ฉันรู้ว่านายอ่านอยู่ ตอบมา ไม่งั้นเชียรได้ฆ่าคนเพิ่มแน่... ]
เชียร.. ชื่อนี้ ทำให้การินเบิกตาโพลง มองข้อความด้วยท่าทีสนใจ เชียรงั้นหรอ หึ ไอ้ศาสดามันคิดจะทำอะไรอีกล่ะ
[ Garin : เรื่องอะไร น่ารำคาญชะจริงนะเธอน่ะ ]
ถึงจะอยากรู้เรื่องเต็มที แต่การเลือกใช้คำของเขาก็ยังเป็นคำที่ไม่น่าอ่านอยู่ดี
[ Lan : วันนี้ฉันเจอเชียร ]
[ Garin : เธอไปเจอมันได้ยังไง ที่ไหนยัยโง่ ]
[ Lan : ที่บ้าน ]
บ้าน มันไปทำอะไรที่บ้านยัยโง่
[ Garin : มันไปทำอะไร แล้วมันทำอะไรเธอ บอกมายัยโง่ ]
[ Lan : เปล่า เชียรไม่ได้ทำอะไรฉัน แต่... ที่เค้ามาบ้านฉันก็เพราะ เค้ามาส่งพี่มิติหน่ะ ]
[ Garin : ยัยหัวม่วงเป็นอะไร อย่าบอกนะว่าเป็นพวกเดียวกันกับไอ้หัวแดงนั้น ]
[ Lan : เปล่านะการิน พี่มิติไม่รู้หรอกว่าตัวตนของเชียรเป็นอะไร แต่ที่เชียรมาที่บ้านฉันก็เพราะ พี่มิติเกิดอุบัติเหตุ เหยียบตะปูต่างหาก เชียรเลยพามาส่ง ]
[ Garin : ไม่จริง มันต้องเป็นแค่ข้ออ้างที่เกิดจากความบังเอิญแน่ คนอย่างไอ้หัวแดง ไม่มีวันอุทิศตัวช่วยคนอื่นหรอก ]
[ Lan : บังเอิญยังไงหรอ ?? ]
[ Garin : เธอนี่มันโง่ซะจริง ข้ออ้างที่เกิดจากความบังเอิญก็คือ การไปเจอบางสิ่งที่เข้าทางโดยบังเอิญยังไงล่ะ เข้าใจมั้ย ]
[ Lan : ?? ]
[ Garin : เธอนี่มัน.... ยกตัวอย่าง ไอ้ศาสดามันเดินไปเจอยัยหัวม่วงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทางเพราะเหยียบตะปู มันเลยเข้าไปถามเฉยๆ แต่พอรู้ว่ายัยหัวม่วงต้องการจะไปบ้านเธอ มันเลยสบโอกาส อาสามาส่งยัยหัวม่วงไงล่ะ ยัยโง่ ]
[ Lan : อืม เข้าใจแล้ว แล้วจะเอายังไงดีล่ะ ฉันกลัวจังเลย ]
[ Garin : น้าเธออยู่บ้านรึเปล่า ]
[ Lan : อยู่ ทำไมหรอ ?? ]
[ Garin : เปล่า แค่ถามเฉยๆ เอาเป็นว่าระวังตัวไว้ให้ดีละกัน อย่าทำตัวโง่จนมันจับไปล่ะ ]
[ Lan : อืม... ฝันดีนะ การิน ]
การินมองข้อความบรรทัดสุดท้ายนิ่ง ไม่ตอบกลับปลายทาง
ในเวลาแบบนี้ ยังมัวส่งข้อความอวยพรงี่เง่าอีก ยัยโง่เอ้ย
.........
...
•
•
•
•
•
•
•
•
“ อ๊ายยยยยย..!! ”
“ เธอจะร้องอะไรนักหนา ห๊ะ.. ” เชียรหันไปถามเด็กสาวที่เอาแต่กรีดร้องอยู่ข้างๆ เขา
“ ฉันร้อง ฉันกรี๊ด.... ให้นายรำคาญ นายจะได้ลงจากรถฉ้านไง กรี๊ดดดกดดดดดด ” สนั่นดังลั่นรถ มิติกากรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ และมาร้องอยู่ข้างหูชายหนุ่มด้วย
“ ฉันบอกให้หยุดไง ” เชียรกระแทกเสียงดุ แต่ทำให้เด็กสาวหยุดฟังเขาแค่วิเดียวเท่านั้น
“ ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะลงโทษเธอ ” จู่ๆ ชายผมแดงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ ด้วยวิธีของฉัน ”
“ ฉันไม่ใช่นักเรียนของนาย นายไม่มีสิทธิ์มาลงโทษฉัน ไอ้ศาสดาโรคจิต ” มิติกาว่า ทันทีรถก็เบรกเข้าข้างทาง
“ เธออยากรู้มั้ยล่ะ ว่าโรคจิตเค้าจะทำกันยังไง ”
“ ไม่ ฉันไม่อยากรู้... นายถอยไปไกลๆ เลยยย ” เด็กสาวดันตัวชายหนุ่มไว้ เมื่อเขาเริ่มขยับเข้ามาหาเธอ ทีละนิด ทีละน้อย
“ เอ้า.. ก็เธอเองไม่ใช่หรอ ที่บอกว่าฉันเป็นโรคจิต ฉันก็สนองให้ไง ”
“ ม่ายย ” มิติการ้องเสียงหลงเมื่อเชียรเข้ามาไกล้เกินสมควร
“ ไม่.. อะไร ” ชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ข้างหูเด็กสาวจนรู้สึกขนลุก เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่รินรดข้างแก้ม ใกล้ๆ หูของเธอ
“ ไม่เถียงแล้ว... กลับไปขับรถเถอะ ฉันขอร้องงงง ” 〒_〒
“ คิกๆ โอเค... สาวน้อย ” เชียรพูด แล้วหันกลับไปขับรถต่อ
ยัง.... ยังจะยิ้มระรื่นอีก หนอย ไอ้... อ๊ายยยย อยากกรี๊ดเป็นจังหวะร็อค ฉันยังหายใจอยู่ได้ไงเนี่ย
“ จะให้ฉันไปส่งเธอที่ไหน ” เสียงของเชียรทำให้มิติกาแทบสะดุ้ง แต่โชคดีที่ชายหนุ่มสังเกต
“ ที่.. โรงแรม ” มิติกาตอบ
“ ไปทำไมที่โรงแรม.... ¬_¬ ? ” ไม่น่าเลย... หน้าตาก็ดูดี ไม่น่าเป็นคนใจง่ายเลย
“ ฉันพักอยู่ที่โรงแรม เพราะบ้านอยู่ไกล -_-||.... นายคิดอะไรอะ.. ” เด็กสาวมองหน้าเชียรที่เหลือบมองเธออย่างไม่ไว้ใจ และคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน
“ เปล๊า ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ชอบนินทาใครในความคิดหรอกนะ ” หมายถึงตอนนี้ ไม่นับก่อนหน้านี้ ^_^;
“ ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ” มิติกาว่าเสียงเรียบ “ พาฉันไปส่งที่ the hotel - m ใน 10 นาที ”
“ เธอจะบ้ารึไง 10 นาที ฉันยังไม่รู้เลยนะ ว่าไอ้โรงแรมบ้านั้นอยู่ที่ไหนหน่ะ ” ~_~ “ และอีกอย่าง ฉันไม่ใช่คนขับรถชะหน่อย ”
“ นายก็เปิดจีพีเอสดูสิ อย่าโง่ไปหน่อยเลย ” เด็กสาวทำสีหน้าไม่พอใจ ใช้มือเท้าคางมองออกไปนอกกระจกรถ
ใช่... ฉันมันโง่เอง -_-# เชียรเปิดจีพีเอสพร้อมทั้งใส่ชื่อสถานที่ ไม่นานก็มีเส้นทางขึ้นมาให้ดูทันทีอย่างสะดวกสบาย
“ ฉันจะให้นายถามได้แค่ 3 คำถาม นายมีอะไรจะคุยกับฉัน พูดมาสิ รีบพูดให้จบ จะได้ไม่ค้างคา ” เด็กสาวหันมามองชายหนุ่มนิ่ง
“ ลัลทริมาดูเป็นห่วงเธอจังเลยนะ แล้วเธอก็ดูจะตามใจซะด้วย เธอ... เป็นอะไรกับลัลทริมา ” เชียรถาม ทั้งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาถามออกไป ถึงรู้สึกแปลกๆ
“ ฉัน.... ไม่รู้สิ เห็นยัยนั่นบอกว่าอยากจะมีพี่สาวซักคน ส่วนฉัน... เห็นว่ายัยเด็กนั่นซื่อดีน่ะ แต่ดูอ่อนแอเลยอยากปกป้อง ” เด็กสาวตอบเสียงเรียบเฉย ไร้อารมณ์
“ เธอรู้จักกับการินใช่มั้ย ”
“ ไม่อยากรู้จักเท่าไหร่ ” มิติกาว่า “ ข้อสุดท้าย พูดมา.... ”
“ เธอ.... เป็นใคร มาจากไหน ”
“ ฉันชื่อมิติกา เป็นคุณหนู มาจากตระกูลวัชรจินดา ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมก็ไปหาข้อมูลเอาเอง ” เด็กสาวว่า “ นายหมดสิทธิ์จะถามฉันละ ต่อไปฉันจะถามนาย 5 ข้อ ”
“ เฮ้ย!! ไม่ยุติธรรมนิสาวน้อย เธอให้ฉันถามได้ 3 ข้อเองนะ ”
“ ไม่เคยได้ยินหรอที่ว่า ‘ ความยุติธรรมไม่มีในโลก ’ เพราะงั้นถ้าฉันถามก็ตอบนะ ” เด็กสาวยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ “ คำถามแรก นาย... เป็นใคร มาจากไหน ”
“ ฉันมีนามว่าเชียร เป็น... ชายผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทั้งปวง ฉันมาจาก... หลายๆ ยุค ”
“ ยุค....... ?? ไอ้พลังที่ว่าน่ะ พลังอะไร ช่วยตอบตามความจริงด้วย ท่านศาสดา ” พลังงั้นหรอ....
“ ชีวิตนิรันดร์ อัตตานิรันดร์ ”
“ นายอายุกี่ปีกันแน่.. ”
“ ถามอายุแบบนี้มันเสียมารยาทนะ แต่ก็เอาเถอะ... ฉันมีอายุ... 425 ปี นับจากฉันเกิดมา ”
“ ห๊ะ... !! งั้นเมื่อกี้ฉันก็โดนตาแก่ลวนลามนะสิ ยี้.... ไอ้เฒ่าหัวแดง ” เด็กสาวโวยวาย พลางขยับหนีไปจนตัวแทบทะลุประตูรถ
“ ฉันล้อเล่นน่า.... ใครจะไปมีอายุขนาดนั้นได้ล่ะ ฉันอายุแค่... 25 ปีเองนะ จริงจริ๊ง ”
“ ก็ยังแก่กว่าฉันอยู่ดี อะ... คำถามต่อไปนะ ..... อืม... ยังไม่ถามดีกว่า ฉันจะเอาไว้ถามนายทีหลัง ” เด็กสาวว่า
“ เธอโกงฉันนะสาวน้อย ”
“ ชิ.. ก็ใครใช้ให้นายโง่ตามไม่ทันฉันเองล่ะยะ ” มิติกาว่า “ แต่ฉันไม่อยากรังแกคนแก่ งั้นฉันจะให้นายถามอีก 2 ข้อ ถามมาสิ ”
“ ยังไม่ถาม ฉันเองก็จะเอาไว้ถามเธออีกทีหลัง ” เชียรว่า ชายหนุ่มขับรถมาจนกระทั่งถึงหน้าโรงแรมหรู
“ ขอบใจที่มาส่ง ” เด็กสาวว่า เปิดประตูรถจะลงไปข้างนอก “ โอ้ยย ” แต่เพราะเท้ายังเจ็บอยู่ จึงทำให้มิติกาชะงักไป
“ ให้ช่วยมั้ย ” เชียรว่า “ แลกกับการที่เธอไม่เรียกฉันว่าตาแก่ ”
“ ไม่เป็นไร เมื่อกี้ฉันแค่ไม่ระวังเฉยๆ นายเองก็ลงจากรถฉันไปได้แล้วน่า ไปเลยไป ”
“ ใช้เสร็จก็ไล่เลยนะ ไม่ต้องไล่ฉันให้ยากหรอก ฉันเองก็หมดธุระจะคุยกับเธอแล้วเหมือนกัน ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลงจากรถไป
.......
ที่ห้อง 1980 - VIP
เชียร ...... เชียร..... เชียร..... เชียร.... ไอ้หัวแดงนั้นนะหรอ เชียร... ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ไม่มีทางที่ไอ้หมอนั้นจะเป็นศาสดางี่เง่าได้ ดูจากท่าทางและการพูด ดูยังไงซะก็ไม่น่าจะเป็นผู้ใช้ไสยได้.... อืม.....
กริ๊ง....
เสียงรอสายมือถือดังขึ้น เด็กสาวจึงจับขึ้นมารับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์เหมือนปกติ
( ฮัลโหล สาวน้อย )
“ นายเอาเบอร์ฉันมาจากไหนน่ะ ตาเฒ่าหัวแดง ” มิติกาตวาดเสียงดังใส่โทรศัพท์มือถือ เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร
( นั่นนับเป็นคำถามรึเปล่า )
“ เอ่อ.. ไม่ แล้วแต่นายจะตอบสิ โทรมามีอะไรยะ ”  ̄へ ̄
( ฉันแค่ลองดูนะ ว่าใช่เบอร์เธอจริงๆ รึเปล่า ตอนนี้รู้แล้วล่ะนะ )
“ นาย.... ไร้มารยาทมาก ไม่ขอแถมยังขโมยเบอร์ฉันไปอีก ดีแต่แก่ ไม่รู้จักกาลเทศะอะไร... ฉันจะไปเปลี่ยนเบอร์ใหม่เดี่ยวนี้แหละ ลาก่อน ไอ้บ้า.. ” หึ... เด็กสาวตัดสายเชียรไปอย่างหงุดหงิด
กริ๊ง.... เสียงเมื่อดังขึ้นอีกครั้ง
กริ๊ง....... อีกครั้ง
กริ๊ง.......... และอีกครั้ง
กริ๊ง........... และอีกหลายๆ ครั้ง แต่เด็กสาวก็ไม่รับ และทิ้งมือถือไว้ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่แทน
ติงนิง.... จากสายเข้า จึงเป็นเป็นขอความแทน
ติงนิง.......
ติงนิง...........
ไม่นานเสียงข้อความก็เงียบไป มิติกาจึงหยิบขึ้นมาอ่านดู
[ Devil king ได้เป็นเพื่อนกับ Demon's maja แล้ว ]
[ Devil king : อย่าลืมบันทึกเบอร์ฉันด้วยละสาวน้อย เพราะเรายังต้องได้ร่วมงานกันอีกเยอะ ]
[ Devil king : เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ได้เบอร์ฉัน ดีใจไว้ล่ะ ]
ดะ.... ดีใจหรอ มันน่าดีใจตรงไหนยะ ที่มีเบอร์ตาบ้านั้น โอ้ยยย
..............
.....
ในห้องมืดโทนสีดำดาร์ก มีแสงสีฟ้าสว่างอยู่ที่มุมหนึ่งของ การินกำลังท่องเว็บหาข้อมูลบางอย่างในเวลากลางคืน ข้อมูลที่เขาอยากรู้ในหลายๆ เรื่อง
ติงนิง..
[ Demon's maja : ไอ้เด็กงี่เง่า แกกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ ]
ข้อความไร้ที่มา แม้แต่ชื่อก็ไม่คุ้นตาปรากฏขึ้น เด็กหนุ่มอ่านซ้ำหลายรอบอย่างงงงวย
[ Demon's maja : แกตอบฉันมาไอ้เด็กแพนแพน ]
[ Garin : แกเปนใครวะ ]
[ Demon's maja : แกจำฉันไม่ได้หรอไอ้เด็กแพนด้า ความจำสั้นซะจริง ฉันคือคนที่ต่อยนายไง ]
[ Garin : ยัยคิงคอง ]
[ Demon's maja : ใครเป็นคิงคองยะ เรียกให้มันดีๆ ไอ้ลิงกัง ]
[ Garin : ฉันไม่ใช่ลิงกัง แล้วเธอมีอะไรไม่ทราบ ]
[ Demon's maja : ไอ้หัวแดงเป็นใคร ทำไมมันถึงรู้จักนายกับลัล แล้วทำไมลัลถึงกลัวมัน ]
[ Garin : มาถามฉันทำไม เธอก็เป็นสาวกมันล่ะสิ จะมาเอาข้อมูลกับฉันล่ะสิยัยหัวม่วง ]
[ Demon's maja : ทำไมฉันต้องเป็นสาวกมันด้วย •_•? ]
[ Garin : เพราะเธอมันงี่เง่าไง ]
[ Demon's maja : นี่แก... ถ้าฉันงี่เง่า แกมันก็ห่วยบรม ]
[ Garin : ห่วยยังไง เธอเอาอะไรมาวัดว่าฉันห่วย ]
[ Demon's maja : เพราะ.. ฉันได้ยินมาว่าแกชอบเรื่องผีผี แต่ชอบเอาลัลทริมาไปเสี่ยงตลอด แกยอมรับเถอะการิน ว่าแกห่วย เพราะแกมันไร้พลัง ถึงต้องพึ่งพลังของลัลทริมา ญาณอาถรรพ ์]
[ Garin : เธอรู้ได้ยังไงว่ายัยแม่มดมีพลังนี้ บอกมายัยม่วง ]
[ Demon's maja : น้ายัยนั้นก็มีปาก ทีแกยังรู้ แล้วทำไมฉันจะรู้ไม่ได้ ]
[ Garin : เธอต้องการอะไร อยากได้ญาณอาถรรพ์ใช่มั้ย ]
[ Demon's maja : ฉันไม่เอาของกระจอกแบบนั้นหรอกนะ ฉันไม่ชอบเรื่องวุ่นวายน่ะ แต่แค่จะมาเตือนนาย ]
[ Garin : เตือนอะไร ]
[ Demon's maja : ฉันไม่ไว้ใจไอ้หมอนั้น ไอ้หัวแดงมันมองลัลแปลกๆ ฉัน... หวง ]
[ Garin : หวง นี่เธอเป็นเลสเบี้ยนจริงๆ ใช่มั้ย ]
[ Demon's maja : เลสเบี้ยน ใช่ ฉันเป็น และฉันรักลัลมากกกก เพราะงั้นขอตัวละ ไอ้ห่วย ]
ห้องแชทถูกปิดลง การินทุบโต๊ะด้วยความโมโห แต่... ถ้างั้นก่อนหน้านี้ที่ลัลทริมาบอก ก็เป็นความจริง และดูเหมือนเค้าจะหาแนวร่วมการต่อต้านเชียรได้อีกคน แต่มีปัญหาก็คือ... “ ยัยนั้นยังไม่รู้สินะ ว่าตัวเองก็กำลังมีอันตรายมาถึงตัวเหมือนกัน ”
................
.......
ชายผมแดงนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่ระเบียงในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ตรงหน้ามีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางอยู่ มีข่าวมากมาย และเกร็ดความรู้เรื่องต่างๆ ที่ถูกตีพิมพ์ลงไป แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจมัน
พิธีกรรมที่เขาจะทำยังมีส่วนประกอบขาดอยู่หนึ่งอย่าง นั้นก็คือผู้หญิงที่มีพลัง เขาจะต้องนำผู้หญิงคนนั้นมาบูชายันต์ โดยที่เธอคนนั้นสมัครใจ การอันเชิญพลังมืดมาอยู่ในร่างของเธอจะได้ง่ายขึ้น แต่เพราะเขารู้ว่าลัลทริมาจะไม่ยอม เขาจึงต้องหาวิธีเข้าหาเธอ ผ่าน... มิติกา
ถึงจะดูเหวี่ยงๆ กระฟัดกระเฟื่อ แต่ยังไงก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ ไม่น่าจะฉลาดอะไรมากมาย และคงไม่รู้ทันเราหรอก.....
เชียรหยิบน้ำชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง ในถ้วยน้ำชาสะท้อนเป็นเงาหน้าของเขาเอง มันทำให้เค้านึกถึง... สิ่งเก่าๆ และคำพูดของเด็กสาว บางคำพูดที่มันดูลึกลับ
‘ ฉันชื่อมิติกา เป็นคุณหนู มาจากตระกูลวัชรจินดา ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมก็ไปหาข้อมูลเอาเอง ’
วัชรจินดา.... เมื่อนึกขึ้นได้ เชียรจึงจับมือถือที่เค้าแทบจะไม่แตะ พูดได้คำเดียวว่ามองข้ามไปนาน... จนกระทั่งมาเจอมิติกา ทำให้เชียรตระหนักว่า ต้องมีซักเครื่อง
ชายหนุ่มจึงเข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต __ วัชรจินดา __
+ วัชรจินดาเป็นตระกูลเก่าซึ่งมีฐานะร่ำรวย คนในตระกูลจะมียศและตำแหน่งสูง แต่ก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ทั้งตระกูลจึงเหลือเพียงผู้สืบต่อเพียง 2 คน แต่คุณมุกดาได้แต่งงาน ออกจากตระกูลไป จึงเหลือเพียงคุณหนูมิติกา ทายาทคนสุดท้ายของตระกูล +
ก็แปลว่า.... รับเต็มๆ ยัยนี่เป็นลูกหลานของหม่อมๆ ทั้งหลาย คงจะโดนตามใจเยอะเลยละสิท่า ดูกิริยาวีนเหวี่ยงก็รู้แล้ว แต่พวกลูกคุณหนู หลอกง่ายแน่ๆ หึหึหึ เพราะงั้นผูกมิตรไว้ก่อนดีกว่า
เชียรออกจากหน้าเว็บ แล้วเข้าไปที่ไลน์ของเค้า ตอนนี้เวลาสี่ทุ่ม ถ้าเธอคนนั้นนอนแล้ว พรุ่งนี้คงจะเห็น หรือถ้ายัง ก็หวังว่าจะตอบ
[ Devil king : ทำไมเธอถึงใช้ชื่อว่า Demon's maja ล่ะ ความหมายของมันแปลว่าอะไรหรอ ]
ส่งข้อความไม่ถึง 5 นาที ก็มีข้อความส่งกลับมา
[ Demon's maja : แล้วนายล่ะ ทำไมใช้ชื่อ Devil king มันมีความหมายว่าอะไรล่ะ ]
[ Devil king : นี่ถือเป็นคำถามของเธอรึเปล่า สาวน้อย ]
[ Demon's maja : ไม่... คำถามอีกสองข้อ ถือเป็นข้อพิเศษ มีไว้ถามเรื่องสำคัญมากๆ เท่านั้น เข้าใจแล้วนะ ]
[ Devil king : เข้าใจแล้ว ]
[ Demon's maja : ตอบมาสิ อย่างนายนะหรอ Devil king ไม่มีทาง ]
[ Devil king : มีสิ บางทีฉันอาจจะเป็นมากกว่าที่เธอคิดก็ได้ ]
[ Demon's maja : อ่อ.. เป็นตาแก่หัวงูนะหรอลุง หนูว่าหนูเข้าใจถูกแล้วนะ ]
[ Devil king : ทำไมเธอถึงชอบว่าฉันเป็นโรคจิตจังเลย ]
[ Demon's maja : เพราะนายโรคจิตไง ฉันก็เรียกตามความจริง ]
[ Devil king : จริงยังไง ตัวฉันมีลักษณะตรงตามที่พวกโรคจิตทำอย่างงั้นหรอ ]
[ Demon's maja : มีตั้งแต่นายพาฉันเข้าไปในร้านซังกะบวยแล้ว ร้านอะไร น่าเกลียดที่สุด ]
[ Devil king : เธอไม่ชอบหรอ แปลกจัง ฉันเห็นเด็กสาวรุ่นเดียวกับเธอ เค้าก็ชอบของสวยๆ ร้านแบบนั้นไม่ใช่หรอ ]
[ Demon's maja : ไม่ ไม่เลยซักนิด นายชอบรึเปล่าล่ะ ]
[ Devil king : ชอบไม่ลงหรอก ]
[ Demon's maja : โล่งใจ แสดงว่านายเป็นโรคจิตอ่อนๆ ไม่ได้อาการหนักถึงขั้นรุนแรง ]
[ Devil king : เธอนี่ว่าร้ายฉันตลอดเลย ฉันมีอะไรบางอย่างที่ลืมเอาคืนเธอ พรุ่งนี้เธอว่างตอนไหน ]
[ Demon's maja : ไม่ว่าง ไม่ไป ไม่เสียเวลากับอะไรทั้งนั้น ]
[ Devil king : นี่เธอกลัวฉันรึไงเนี่ย ถึงได้ปอดแหกแบบนี้ ]
[ Demon's maja : ใครเค้ากลัวนาย คิดว่าเก่งนักรึไงลุง ]
[ Devil king : ใช่ ฉันเก่ง ฉลาด และมีเสน่ห์น่าค้นหา ]
[ Demon's maja : แหวะ ]
[ Devil king : แล้วเธอล่ะ คิดว่าเป็นใคร ถึงทำเป็นเก่งนัก ฮึ ]
[ Demon's maja : ฉันเป็นลูกครึ่งสามเชื้อชาติ เป็นมนุษย์ ปีศาจ และเทพธิดาไง ]
[ Devil king : เพ้อเจ้อมาก แต่ฉันว่าเธอเป็นลูกครึ่งจริงๆ นั้นแหละ เป็นลูกครึ่งหลายเผ่าพันด้วยนะ ]
[ Devil king : ก็คือ.. เธอฉลาดเหมือนนักปราชญ์ มีหน้าตาสวยเหมือนนางสวรรค ์มีรูปร่างงามปราดเปลียวเหมือนนางเสือทรงพลัง มีดวงตาอันน่าค้นหา มีเรือนผมสวย ]
[ Demon's maja : อืม... ใช่เลย นายพูดได้ดีมาก ]
[ Devil king : ยังมีอีกนะเธอหน่ะ ปากเก่ง นิสัยเสีย ขอบคุณไม่เป็น หน้าตาดีมีเงินซะเปล่า แต่ไม่นำไปใช่ประโยชน์ ไร้สาระ งี่เง่า ฉลาดแต่ไม่เฉลียว ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ แล้วก็ยังเจ้าเล่ห์ด้วย ]
[ Demon's maja : อย่าอยู่ร่วมโลกกันเลย พรุ่งนี้มาต่อยกับฉันเลย อีตาบ้า งี่เง่า ขี้เก็ก สมองกลวง หน้าตาดีแต่ปากเสีย ไอ้เฒ่าหัวงู โรคจิตวิตถาร อนาจารเด็ก ]
[ Devil king : ด่าเป็นชุดเชียวนะ ]
หลังจากข้อความด่าชุดใหญ่ เด็กสาวก็ไม่ตอบเค้าอีกเลย
ก็เนี่ยแหละที่เค้าต้องการ วันพรุ่งนี้เค้าจะหาเรื่องเข้าไปสังเกตการโดยใช้มิติกาเนี่ยแหละเป็นข้ออ้าง
“ ไปได้สวยเลย แผนฉัน...” พรุ่งนี้เค้าจะหาเรื่องเข้าไปหามิติกา เพื่อไปดูการินด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------
แผน แผน แผน แผนการเยอะเหลือเกินนะเชียร...
สวัสดีค่ะ สวัสดีวันหยุดรึเปล่า... ? พีไนท์ก็มากับแฟนฟิคการิน ปริศนามายา อัตตานิรันดร์..
ถ้าชอบก็อย่าลืมติดตามอ่านกันได้นะคะ ถ้ามีอะไรติชมก็คอมเมนท์กันได้นะ แสดงความคิดเห็นมาเลย คอมเมนท์พูดคุยกันได้ ช่วงนี้พีอยู่บ้าน ไม่มีเพื่อนคะ..-_-+ พีหยุดพล่ามดีกว่า สวัสดีค่ะ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
