ตอนที่ 28 : จีบคนเถื่อน : 27
“ไหวแน่เหรอ?” ผมจำไม่ได้แล้วว่าได้ยินคำถามนี้มากี่ครั้งแล้ว นับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมารุตถามคำนี้ย้ำไปมาอยู่ทุกวันทั้งที่นี่ก็ผ่านอาทิตย์กว่าแล้ว
“หายดีแล้ว” ผมได้แต่ยกยิ้มอ่อน จะว่าเหนื่อยใจก็ไม่ถึงขั้นนั้น เพราะรู้ว่าเขาห่วงเลยโกรธไม่ลง
“ไม่อยากให้แข่งเลย” คนตัวสูงกว่าว่าออกมาอย่างอแง ประโยคนี้ผมก็ได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มแข่ง
“นี่ก็แข่งมาจนเข้ารอบชิงแล้วนะ” จนวันนี้ที่เป็นวันสุดท้ายของงานกีฬามหา’ลัย อีกไม่กี่นาทีผมก็จะแข่งรอบชิงแล้ว เขายังจะมาถามคำถามนี้กับผมอีกเหรอ?
“ก็ห่วงไง” ไม่บอกก็รู้ เล่นตามติดผมเป็นเงาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลขนาดนี้ ไม่รู้ก็บ้าแล้ว
ผมพักอยู่บ้านอีกหนึ่งวันก็กลับมาเรียนตามปกติและเริ่มซ้อมได้เหมือนเดิม จำได้เลยว่าวันนั้นทะเลาะกันบ้านแทบแตกเพราะมารุตไม่ยอมให้ผมไปเรียนและไม่ยอมให้ซ้อมบาสด้วย ตอนแรกนึกว่าคุยกันเข้าใจแล้ว แต่พอเช้ามาเขากลับไม่ยอมมารับผมที่บ้านจนผมต้องขับรถมาเรียนเอง พอเจอหน้าผมที่มหา’ลัยเท่านั้นแหละ ทะเลาะกันใหญ่โตเหมือนจะวางมวยกันอีกรอบ คนรอบข้างนี่พากันระแวงไปหมด กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็เล่นเอาเหนื่อย
ถ้าถามว่าผมหาเหตุผลอะไรมาพูดน่ะเหรอ?
ฮึ! เหตุผลล้านแปดก็ใช้กับมารุตไม่ได้หรอกครับ ที่ได้กลับมาซ้อมบาสจนได้ลงแข่งถึงรอบชิงนี่เพราะเอาตัวเข้าแลกทั้งนั้น หยุด! ได้โปรดอย่าคิดว่าผมยอมให้มารุตทำเรื่องอย่างว่านะครับ ผมไม่ได้ลงทุนถึงขนาดนั้น ก็แค่ยอมให้เขาลวนลามนิดๆ หน่อยๆ แต่มันก็คุ้มอยู่นะ
“อย่าโอเวอร์” เดี๋ยวนี้เราค่อนข้างจะคุยกันดีอยู่ครับ คำพูดคำจาอะไรไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ เหมือนว่าเราต่างก็แคร์กันมากขึ้น พอสถานะเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยนตาม
ตอนนี้มารุตทำตัวดีขึ้นเยอะกว่าเดิมมาก อาจเป็นเพราะเขาถูกเร็กซ์คอยจับตาดูอยู่ตลอดก็เป็นได้ พี่ชายผมคนนี้เขามีสายเยอะครับ ขนาดมีคนมาขอเบอร์มารุต เขายังรู้เลย ดีที่มารุตมาบอกผมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้ามารู้ทีหลังจากคุณกลางผมต้องโดนพี่ชายตัวเองใส่ไฟจนเข้าใจมารุตผิดแน่ๆ คุณกลางเองก็ใช่ย่อย ปากพูดเหมือนสนับสนุนมารุต แต่การกระทำนี่สวนทางสุดๆ มีอย่างที่ไหนคอยจับผิดคนอื่นตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่จริงใจเลย
“แข่งบาสเสร็จแล้วมารอดูผมแข่งบอลด้วยนะครับคุณ” เขาบอกโดยที่มือก็ยังวุ่นอยู่กับการจัดทรงผมของผมไม่หยุด ไม่รู้ว่าหวังดีหรือว่าอะไร? แต่ที่แน่ๆ คือเขาดูจะสนุกกับมันไม่น้อยเลยทีเดียว
“รู้แล้ว” เรื่องนี้ก็ย้ำตั้งแต่ผมตื่นนอนจนถึงตอนนี้ซึ่งมันเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วผมก็นับไม่ถ้วนเหมือนกัน
“ถ้าหาไม่เจอล่ะน่าดู” นิ้วเรียวยาวยื่นมาหยิกแก้มผมอย่างแรงจนมันยืดออก ผมเลยต้องตีมือเขาไปที ชอบเหลือเกินแก้มผมเนี่ย ไม่จับก็หอมมันอยู่สองอย่าง ตั้งแต่ที่ทำข้อแลกเปลี่ยนกันมานี่ผมเปลืองตัวสุดๆ ทั้งกอดทั้งหอม หนักหน่อยก็จูบจนปากผมเจ่อบวมน่าเกลียด บางทีก็อยากจะบอกว่าให้เพลาๆ ลงบ้าง แต่พูดอะไรไปเขาก็ไม่เคยฟังผมเลย
“เดี๋ยวจะไปนั่งข้างหน้าเลย” ถึงเขาไม่บอกผมก็ตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วล่ะ
“ดีมาก” ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ น่าหมั่นไส้จัง
“ช่วงนี้ไม่เห็นไอริสเลย” ผมเอ่ยถึงเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ จริงๆ ผมสังเกตมาหลายวันแล้ว ไม่เห็นไทม์พูดถึงไอริสแล้วก็ไม่เห็นไปหา ผมว่าจะถามไทม์หลายรอบแล้วแต่ก็ลืม
“ถามหาทำไม?” พอพูดถึงไอริสท่าทีของมารุตก็เปลี่ยนไป แม้มันจะเล็กน้อยแต่ผมก็รู้สึกได้
“ก็...จู่ๆ หายไปก็แปลกใจนิดหน่อย” ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า มารุตถึงได้นิ่งไปเหมือนไม่อยากพูดถึงอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
“ช่างเขาเถอะ อย่าสนใจเลย” คนตัวสูงตอบปัดอย่างขอไปที แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเขาไม่อยากพูดถึง
“รัชช์ ได้เวลาแล้วนะ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อเสียงเรียกของพี่นิลก็ดังขึ้น
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” ผมหันไปบอกพี่นิลที่ยืนรออยู่ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับมารุตอีกครั้ง
“ผมไปรอที่สนามนะ” เขาบอกผมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ช่วงนี้ผมได้รับรอยยิ้มแบบนี้จากเขาบ่อยมาก ทำเอาผมมองเพลินเลย ผมชอบที่จะมองรอยยิ้มแบบนี้ของมารุต มันดูสวยงามมากจริงๆ
“อื้อ นั่งข้างหน้าเลยนะ” เผื่อผมต้องการกำลังใจ ผมจะได้หันไปขอจากเขาได้ง่ายๆ ไง
“ครับ สู้ๆ นะ คุณรัชช์เก่งอยู่แล้วต้องชนะแน่นอน”
“เรียกแบบนี้แล้วเราเหมือนบอสเลย” ผมว่าติดตลกพร้อมหัวเราะออกมาแผ่วเบาในลำคอ นอกจากการเป็นเจ้าชายน้อยของทุกคนในบ้านแล้วผมยังมีอีกหนึ่งตำแหน่ง นั่นก็คือบอสของทุกคน อำนาจทุกอย่างในบ้านอยู่ในมือผม
อ่า ต่อไปผมเป็นบอสของมารุตด้วยดีไหมนะ?
“บอส?” คนเด็กกว่าทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ บอส” ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้มชอบใจ
“จะเป็นเจ้านายผมเหรอครับคุณ?” มารุตที่เหมือนจะเข้าใจแล้วก็ยกยิ้มมองผมอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาเป็นประกายวาววับหยอกล้อไม่เลิก
“ใช่ๆ เราเป็นบอสของมารุต”
“น่ารัก” พูดจบเขาก็ดึงผมเข้าไปจูบทันทีโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
“อื้อ! เดี๋ยวมีคนมาเห็น” แม้จะเป็นการจูบที่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปข้างในและเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็เสี่ยงที่จะมีคนเข้ามาเห็นอยู่ดี ดีนะที่พี่นิลเดินออกไปก่อนแล้วน่ะ
“ช่างมัน” พูดแบบนี้มันน่าทุบให้หัวแบะจริงๆ เด็กบ้า!
“ไปแล้วนะ”
“ถ้าชนะมีรางวัล”
“โอเค” ถึงผมจะไม่ค่อยไว้ใจกับรางวัลที่เขาว่าก็เถอะ แต่ตอนนี้มันใกล้จะได้เวลาแข่งแล้ว ผมต้องรีบไป เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน
Marut Part :
“มึงๆ คุณรัชช์โคตรหล่อ”
“กรี๊ด! คุณรัชช์!”
“พี่นิลหล่อมากแก!”
“คุณรัชช์แม่งอย่างเท่เลย!”
“คุณรัชช์!”
ผมกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังอยู่รอบข้างทำผมหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ชื่อที่ผู้คนข้างสนามร้องเรียกนี่มีชื่อของรัชช์ไปแล้วเกือบ 50 เปอร์เซ็น อีก 30 เป็นชื่อนิลกาฬ ส่วนที่เหลือก็ชื่อพวกตัวประกอบคนอื่นๆ เฉลี่ยกันไป นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาตัวเองมาอยู่ในดงบาสเก็ตบอล ปกติผมไม่มานั่งดูนั่งเชียร์ใครหรอก ต่อให้เป็นเด็กคณะตัวเองผมก็ปล่อยผ่าน แต่ปีนี้ผมเกาะติดขอบสนามตั้งแต่การแข่งรอบแรกยันรอบสุดท้ายในวันนี้
เหตุผลเดียวเลยก็คือรัชช์
“วันนี้คุณรัชช์ท็อปฟอร์มจริง” ไอซ์ว่าออกมาโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เกมการแข่งขันตรงหน้า
“หล่อจนใจสั่นเลย” ไอ้น็อตที่ดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่รัชช์ลงสนามแสดงอาการออกนอกหน้าจนผมอยากจะถีบให้ตกเก้าอี้ด้วยความหมั่นไส้
“แขนเสื้อแม่งกว้างไปไหมวะ?” ตอนยืนคุยกันอยู่ตั้งนานสองนานก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอก เพิ่งจะมาเห็นก็ตอนที่รัชช์ยกแขนขึ้นชู้ตบาสนี่แหละ แม่งเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วโว้ย!
“เสื้อบาสมันก็แบบนั้นแหละ” ใครสักคนพูดขึ้น ผมไม่ได้หันไปมองเพราะกำลังหงุดหงิดกับเสียงพูดคุยของคนรอบข้างที่ไม่ได้วิจารณ์ถึงการแข่งขัน แต่เสือกพูดกันถึงความขาวเนียนของนักกีฬาเสียอย่างนั้น อยากจะพุ่งเข้าไปหาเสื้อมาคลุมให้คนเก่งของทุกคนจริงๆ รู้ตัวบ้างไหมว่าคนมันมองด้วยสายตาแบบไหนกันน่ะ?
“รัชช์หล่อเกินไปจนกูหวง” ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเข้าหารัชช์ไม่หยุด ยิ่งรัชช์ใจดีมากเท่าไหร่คนพวกนั้นก็ยิ่งหาทางเข้าหาเขาง่าย ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมตอนนั้นไอริสถึงได้ต้องกำจัดคนที่เข้าหาผมน่ะ ตอนนี้ผมก็อยากจะหาวิธีจัดการกับพวกที่เข้าหารัชช์ไม่เลิกเหมือนกัน
“แหม เป็นอะไรกับเขาเหรอถึงไปหึงไปหวงเขาน่ะ?”
“...” แม่ง! แทงใจดำกูฉิบหายเลย
“อ้าว เงียบ”
“อย่าบอกนะว่ามึงยังไม่ได้ขอคุณรัชช์คบ?”
“เออ!”
“รอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นเหรอ!?”
อะ ไอ้ห่า ขยี้เก่ง!
“กูจะเอาเวลาที่ไหนไปขอวะ? รัชช์เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์ก่อน พอออกมาก็เอาแต่ซ้อมบาส แถมกูก็ต้องซ้อมบอลอีก วันหนึ่งได้เจอหน้ากันก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ถึงผมจะทำตัวตามเกาะติดรัชช์ประหนึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรก็เถอะ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้นผมคงไม่ได้เจอรัชช์แน่ เร็กซ์ก็หาเรื่องคอยกีดกันผมอยู่ตลอด ปากพูดดีครับ แต่การกระทำสวนทางเหลือเกิน นี่ผมก็เพิ่งรู้ว่าเพื่อนที่เร็กซ์คอยให้ดูรัชช์อยู่ตลอดก็คือมาวิน พี่รหัสของรัชช์ ถึงว่าล่ะรู้เรื่องดีเหลือเกิน
“ก็จริง”
“มึงก็รีบๆ นะเว้ย คุณรัชช์เขาก็คงรอมึงพูดอยู่นั่นแหละ”
“กูรู้ กูรอโอกาสอยู่” ใจจริงผมก็ไม่อยากไปเร่งรัดอะไรรัชช์มาก อยากทำอะไรหลายๆ อย่างให้รัชช์มั่นใจในตัวผมก่อน ถึงตอนนั้นความรู้สึกระหว่างเรามันอาจไม่ใช่แค่ชอบกัน ถ้าได้คบกันในตอนที่ความรู้สึกมันแน่นอนแล้ว ผมคิดว่าการคบหากันมันจะมั่นคง
“เออ พวกกูเอาใจช่วย”
ซึ้งจนน้ำตาจะไหล นานๆ พวกเพื่อนผมมันจะทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีสักที ปกติไม่ด่าก็ซ้ำเติมตลอด มีเพื่อนก็เหมือนมีกรรมครับ เจอเพื่อนดีก็เป็นกรรมดี เจอเพื่อนไม่ดีก็กรรมเวรแหละ แต่รวมๆ แล้วมันคือเวรกรรมครับ
“ร่างบอสของคุณรัชช์มาแล้วมึง!”
“กรี๊ด! คุณรัชช์ดุจังเลยค่ะ!”
“โซฮอตมาก!”
“ร่างผัวมาเต็ม!”
“หล่อกระแทกใจ!”
“กรี๊ด! อยากเป็นเมียคุณรัชช์ค่ะ!”
“เชี่ย! คุณรัชช์แม่งหล่อมาก เท่ฉิบหาย โคตรผัว” เสียงเพื่อนร่วมสาขาที่ขอติดสอยห้อยตามผมกับเพื่อนมาดูรัชช์ร้องออกมาเสียงดัง หน้าตาพวกมันดูตื่นเต้นมากที่เห็นรัชช์เปลี่ยนไปราวกับคนละคนอย่างที่เห็นในทุกวัน
ผมเองก็อดจะแปลกใจไม่ได้เช่นกัน ปกติรัชช์ออกจะเงียบๆ นิ่งๆ ดูไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นเลยนอกจากหน้าตา การใช้ชีวิตก็ออกจะดูจืดๆ เรียกว่าเป็นคนที่ข้างค่อนจะอยู่ในมุมอับ ไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่นหรืออะไร แต่วันนี้มันแตกต่างออกไป การเล่นบาสของรัชช์ไม่ได้ป่าเถื่อนหรือรุนแรง แต่ดูเท่และดุดัน มันเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่เราสัมผัสได้ ผมไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าขาวใสที่มีหยดเหงื่อเกาะอยู่ทั่วใบหน้าได้เลย แววตาที่มุ่งมั่นและตั้งใจยิ่งมีเสน่ห์จนน่าจับตามอง แม้ว่าผมจะขัดใจกับการที่รัชช์เล่นเข้าขาได้ดีกับนิลกาฬ และแม้ว่าทั้งคู่มักจะชอบหันไปยิ้มให้กันบ่อยๆ เวลาทำแต้มได้ แต่ผมจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน
“มึงจะเทิร์นรับไหมมารุต?” ผีเจาะปากมึงมาพูดจริงๆ ไอ้ไอซ์!
“พ่อมึง นั่น(ว่าที่)เมียกู!” เทิร์นรับเชี่ยไร? กูนี่วันเวย์ครับ
“เบาๆ หน่อยพวก อย่ามาขิงในนี้ เดี๋ยวมึงโดนรุม” ไอ้น็อตสะกิดเรียกผมยิกๆ พลางพยักพเยิดหน้าไปทางกลุ่มคนข้างหลังที่หันมามองผมอย่างอาฆาตแค้นและเกลียดชัง
“เบื่อพวกขี้อิจฉา” ผมไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ไม่หล่อก็เหนื่อยหน่อยนะพวก
“มึงอย่าห้าวมารุต” เสียงของเพื่อนร่วมสาขาที่ผมจำชื่อไม่ได้ตะโกนข้ามหัวเพื่อนๆ หลายชีวิตมา
ขอบใจที่เตือนนะ แต่วันหลังไม่ต้อง
“แค่กูมีรัชช์ก็เหมือนชนะคนทั้งโลกแล้ว” ผมว่าอย่างผู้ชนะ คนจริงเขาไม่หวั่นไหวต่อตีนไม่กี่คู่หรอกครับ แค่นี้จิ๊บๆ
ก็แค่แฟนคลับ (ว่าที่)แฟนครับเขานั่งอยู่ตรงนี้เว้ย!
“โอ้โห! แม่งโคตรหยาม!”
“กรี๊ด!”
“คุณรัชช์อย่างดุ!”
“ร่างบอสของคุณรัชช์ทำเอากูอยากตกเป็นทาส”
“อยากตกเป็นทาสคุณรัชช์จังเลยครับ!”
“บอสมาก!”
ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้นบ่งบอกว่าหมดเวลาการแข่งขันเสียงร้องเฮก็ดังไปทั่วทั้งสนาม แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดถึงชัยชนะของนิติศาสตร์สักเท่าไหร่ ที่ได้ยินหนาหูเลยก็คงเป็นประเด็นร่างบอสของรัชช์ ได้ยินคนพูดกันว่ารัชช์จะดุมากเวลาเล่นบาสในรอบชิงชนะเลิศ มันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ที่รัชช์อยู่ปีหนึ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้ ที่คนเรียกกันว่าร่างบอสเพราะรัชช์จะดูเท่ ดูจริงจัง ดูดุดัน ดูผัว(?) ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ตอนแข่งรัชช์ดูเป็นคนที่อ่านเกมในสนามได้ขาดมากที่สุด เขาดูฉลาดมีไหวพริบและสามารถแก้สถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี คนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือนิลกาฬ รายนั้นก็เก่งเอาเรื่อง ไม่ว่ารัชช์จะพลิกเกมไปมายังไงกัปตันทีมคนนี้ก็สามารถตามได้ทันตลอด พวกเขาเล่นได้เข้าขาเข้าคู่กันมากๆ ส่วนคนอื่นๆ ถึงจะดูเหมือนไล่ตามความคิดและการอ่านเกมของรัชช์ไม่ทัน แต่พวกเขาก็ช่วยกันเล่นจนพาทีมชนะมาได้ ก็สมควรจะชนะอยู่หรอก เล่นซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ จริงจังจนผมยังต้องยอม
“กูไปหารัชช์ก่อนนะ” หลังจากที่เห็นรัชช์และสมาชิกคนอื่นๆ เดินออกจากสนามไปผมก็ลุกขึ้นยืนทันที
“อันนี้คือบอกให้รับรู้หรือจะขิงพวกกู?” น็อตแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับเพื่อนร่วมโลกคนอื่นที่หันขวับมองมายังผมเป็นตาเดียวด้วยสายตาที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน ถ้ามีมีดอยู่ในมือพวกมันคนละเล่มเชื่อเถอะว่าผมพรุนไปทั้งตัวแน่
“เดี๋ยวกูลงรูปรัชช์ให้พวกมึงดูนะ” แต่เป็นรูปคู่ของผมกับรัชช์นะครับ ผมหัวเราะลั่นออกมาอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของกลุ่มเพื่อนและผู้คนรอบข้างที่เอียงหูตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ
“ไอ้เชี่ย!”
“ไอ้คนเลว!”
“ไอ้เหี้ยมารุต!”
“กูจะตั้งเพจแอนตี้มึง!”
คำสรรเสริญมากมายดังตามหลังมาไม่หยุด แต่คนจริงอย่างผมก็หาได้สนใจไม่ ตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างมั่นใจออกไปจากสนามเพื่อมุ่งตรงไปหาใครอีกคน ก็กะว่าจะไปซับเหงื่อให้คุณรัชช์คนดีเขาสักหน่อย
ผมเดินมาหารัชช์ที่ยืนคุยอยู่กับพวกนักบาส เห็นเขายิ้มและหัวเราะได้อย่างมีความสุขก็ทำผมหลุดยิ้มตามไปด้วย การที่จะได้เห็นรัชช์ยิ้มกว้างๆ และหัวเราะออกมาแบบนี้มันไม่ได้หาได้ง่ายๆ เลย ผมยืนรอเขาอยู่เงียบๆ พักหนึ่งแต่เหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้จนกระทั่งนิลกาฬที่หันมาเห็นผมยืนอยู่ก็เลยช่วยสะกิดเรียกรัชช์ให้ผม พอรัชช์หันมาเห็นผมเขาก็ยกยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้ทันที
แม่ง โคตรน่ารักเลยว่ะ
ผมยิ้มตอบเขาแต่ก็ยังยืนรออยู่ที่เดิม อยากให้เขาได้มีเวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง ผมรอได้ แต่รอไม่นานเขาก็เดินแยกออกมาหาผมด้วยรอยยิ้มที่สดใส อยากยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ดูสักร้อยรูปเลยโว้ย! นักบาสคนเก่งของผมเดินมาบอกว่าจะไปถ่ายรูปรวมกับเพื่อนร่วมทีมก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็ออกไปหาอะไรกินกัน ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย ผมบอกว่ารอได้และตามใจเขาทุกอย่าง ผมยังมีเวลาให้รัชช์อีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาแข่งบอล นัดรอบชิงของผมมีแข่งตอนสี่โมงเย็นครับ มีเวลาเกาะติดรัชช์อีกนาน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ตามรัชช์จนดูเยอะ ผมแค่ยืนรออยู่ห่างๆ มีถูกเรียกให้ไปเป็นตากล้องบ้าง เห็นรัชช์ดูสนุกและมีความสุขแล้วผมก็สบายใจ
“รุต เราออกไปรอข้างนอกนะ เดี๋ยวคนเยอะแล้วเดินไปลำบาก” หลังจากที่กินข้าวและทำตัวติดกันราวกับแฝดสยามคนตัวเล็กกว่าที่วันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วหันมาบอกกับผม
“โอเค นั่งให้เด่นๆ นะ จะได้มองเห็น” ผมคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกไป ต้องย้ำไว้ก่อน คนเยอะแล้วเดี๋ยวหาตัวยากอีก
“เดี๋ยวหาที่นั่งได้แล้วจะส่งข้อความมาบอกอีกทีนะ”
นับวันรัชช์ก็ยิ่งน่ารักมากขึ้นทุกวัน ทำตัวแบบนี้โคตรน่าจับฟัดเลยโว้ย!
“ครับๆ” ผมมองตามแผ่นหลังบางที่เดินออกไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ก็เล่นกีฬาอยู่บ่อยๆ แต่ทำไมตัวเล็กจังวะ?
แต่ตัวขนาดนี้ก็พอดีมืออยู่นะครับ
การแข่งขันเป็นไปได้ด้วยดี ผลการแข่งก็เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ คณะของผมสามารถเอาชนะทีมคู่แข่งไปได้ด้วยผลคะแนนสองประตูต่อศูนย์ แน่นอนว่าคนทำประตูก็คือผมเอง ส่วนลูกที่สองคือพี่ตงครับ งานนี้ทำเอาเฮียแกหน้าบานเลย สาวนี่กรี๊ดกันตรึม ผมไม่ได้หวังอะไรกับการแข่งครั้งนี้หรอก แต่มั่นใจแน่ๆ ว่าต้องชนะ ผลตอบแทนของการทำประตูแรกได้คือรอยยิ้มหวานๆ ของใครบางคน ตอนแรกก็คิดว่าการมองหารัชช์ในดงคนดูมันน่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ผมก็ทำมันได้
รัชช์ค่อนข้างจะเด่นชัดในสายตาของผม
“มารุต เดี๋ยวไปเลี้ยงฉลองต่อนะ” หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เตรียมเก็บของจะออกไปหารัชช์ที่รออยู่ที่ไหนสักแห่งในมหา’ลัย แต่พี่ตงที่เป็นกัปตันทีมก็เดินเข้ามาแจ้งข่าวสำคัญเสียก่อน
“ร้านไหนพี่ตง?” มันเป็นธรรมดาเมื่อชนะก็ต้องฉลอง แล้วสิ่งที่เคียงคู่กับเราก็คงไม่พ้นร้านเหล้า
“ร้านเดิม” ถึงแถวนี้จะมีร้านเหล้าเยอะแต่พวกเราก็เข้ากันอยู่ไม่กี่ร้านหรอกครับ ร้านที่จะเข้าบ่อยๆ ก็พวกร้านที่เราสนิทหรือรู้จักกับเจ้าของเท่านั้นครับ อย่างร้านเดิมที่พี่ตงพูดถึงนี่ก็เป็นร้านของรุ่นพี่ในคณะผมเอง เขาร่วมทุนเปิดร้านกับเพื่อนต่างคณะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเด็กนิติศาสตร์นะครับ
“โอเคครับ” การเลี้ยงฉลองเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นธรรมเนียม ยิ่งถ้ารุ่นพี่เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเองยิ่งปฏิเสธไม่ได้ใหญ่ เดี๋ยวผมคงต้องบอกรัชช์ว่าคืนนี้จะไปร้านเหล้า ผมกับรัชช์ไม่ค่อยมีปัญหากันเรื่องเที่ยวกลางคืน เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่มีเวลาไปไหน รัชช์เองก็ไม่ใช่คนชอบเที่ยว แต่ครั้งนี้ผมคิดว่ารัชช์จะเข้าใจ เขาคงไม่ว่าหรอกถ้าผมจะไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนและรุ่นพี่น่ะ
“รุต” พูดถึงก็มาเลย เหมือนความคิดถึงของผมจะสื่อไปถึงเขาได้นะ
“ไงครับ ผมเก่งเปล่า?” หันไปยิ้มให้กับอีกคนที่เดินตัวขาวเข้ามาท่ามกลางสายตาที่จ้องมองอย่างสนอกสนใจของเพื่อนร่วมทีมของผม เห็นหัวกูบ้างเถอะ บางคนนี่มองเหมือนจะแดกรัชช์เข้าไปแล้ว อย่าให้กูต้องตัดเพื่อนตัดพี่ตัดน้องกันเลยเพราะกูยังจำชื่อใครในทีมไม่ค่อยจะได้เลย
“อื้อ เหนื่อยไหม?” ไม่อยากจะบอกเลยว่าแค่เห็นหน้าเขาผมก็หายเหนื่อยแล้ว กำลังใจโคตรดี
“เหนื่อย ขอเติมพลังหน่อย” ว่าแล้วก็โถมตัวลงไปกอดร่างที่เล็กกว่าเอาไว้แน่นโดยไม่ลืมที่จะหันไปยกยิ้มอย่างผู้ชนะให้กับพวกตัวประกอบที่ยืนมองกันตาค้างอยู่
คนจริงเขาไม่พูดเยอะหรอกครับ เจ็บคอ
“ดีขึ้นไหม?” ผมแกล้งซุกหน้าลงบนไหล่บางพร้อมสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของรัชช์ไปด้วย มือเรียวสวยลูบหลังผมไปมาเบาๆ เล่นเอาผมเพลินไปเลย
“อือ” อยู่กับใครแล้วสบายใจก็อยากจะอยู่กับคนนั้นนานๆ แหละครับ พูดแล้วก็อยากพากลับห้อง อยากฟัดให้แก้มนุ่มนิ่มนั่นช้ำเหลือเกิน
“ต้องไปเลี้ยงฉลองกับทีมบาส” พอผละตัวออกจากกันรัชช์ก็พูดขึ้น
“ผมก็ต้องไปเหมือนกัน คุณไปร้านไหน?”
“ร้าน R”
“ร้านเดียวกัน” อย่างนี้ค่อยน่าไปหน่อย อย่างน้อยถ้ารัชช์จะไปเลี้ยงฉลองผมก็อยากให้เป็นร้านเดียวกัน อยากให้เขาอยู่ในสายตาเพื่อที่ผมจะได้คอยดูเขาได้ตลอด ไม่ได้หวงหรอกครับ แค่ห่วง
“เจอกันที่ร้านนะ”
“โอเคครับ”
คืนนี้ผมคงไม่ได้ดื่มเท่าไหร่หรอก มีคนให้ห่วงให้ดูแลอยู่แบบนี้ จะจับตาดูทุกฝีก้าวทุกความเคลื่อนไหวเลย
ย้ำอีกครั้งนะครับว่าไม่ได้หวง แค่ห่วงเฉยๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ยบยย555555555555555 ขำนังรุตวันเวย์ครับโผมมม ขิงมาก คำพูดคำจากวนทีนจริงๆ มันน่าโดนรุมสักที5555 กวนมาก มั่นหน้ามั่นโหนกสุด ขรรม55555 /บอสขาของเราาาาหล่อมากๆ เท่สุดๆ น่ารัก หวานกันมากกกก แงงว
ไไม่ไหวทั้งเขินทั้งละมุนโง้ยยยย
คุณรัชช์น่ารักตลอดเลย ส่วนมารุตก็น่ารักขึ้นมากเลย5555 สนุกค่าา