ตอนที่ 46 : ตอนพิเศษ : เรื่องน่าปวดหัว [2/2]
ตอนพิเศษ
เรื่องน่าปวดหัว
พอกลับขึ้นมาบนห้องได้ท้องฟ้าก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ผมเดินตามเขาไปนั่งข้างๆ พอผมนั่งลงปุ๊บท้องฟ้าก็ไหลลงมานอนตักผมปั๊บ
“ดูเหนื่อยๆ นะ” ผมยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ ผมของท้องฟ้านิ่มมาก จับแล้วลื่นมือสุดๆ
“อืม เกือบระเบิดบริษัทพ่อแล้ว” เขาพูดเสียงอู้อี้อยู่ที่หน้าท้องของผม ท่าทางดูงอแงอยู่ไม่น้อย
“ขนาดนั้นเลย?”
“ชอบวุ่นวาย”
“โอ๋ๆ นะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเนอะ” ผมก้มตัวลงไปกอดเขาเบาๆ แถมหอมแก้มเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งที
“อื้อ” คนตัวสูงขานตอบแผ่วเบาในลำคอแล้วตวัดแขนโอบกอดรอบเอวของผมเอาไว้ ไม่นานเขาก็หลับไป คงจะเหนื่อยจริงๆ ล่ะนะ
ผมได้แต่มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม เวลาท้องฟ้าหลับจะดูน่ารักมาก ดูไม่ดื้อไม่ซน เหมือนเด็กๆ เลย แต่พอลืมตาตื่น ตาคมๆ ของเขาก็ดูมีเสน่ห์มาก มองกี่ครั้งกี่ครั้งก็หวั่นไหวทุกทีเลย ที่ผมตกหลุมรักเขาก็เพราะดวงตาคู่นี้แหละ มันดูดุก็จริงแต่ผมชอบที่มันสามารถสื่อสารและแสดงออกถึงทุกความคิดทุกความรู้สึกของท้องฟ้าได้ ผมยังจำแววตาอ่อนโยนของเขาที่จ้องมองไปยังลูกนกตัวนั้นได้ เพราะแววตาแบบนั้น สีหน้าแบบนั้น ผมถึงได้ติดอยู่ในบ่วงที่ชื่อว่าท้องฟ้าจนถอนตัวไม่ขึ้นมาหลายปี จนทุกวันนี้ก็ยังคงติดบ่วงนั้นอยู่ และดูท่าก็คงจะติดตลอดไป
ในแต่ละวันของเรายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผมกับท้องฟ้าก็วุ่นวายอยู่กับงานของตัวเอง ท้องฟ้าต้องเข้าบริษัทบ่อยๆ ส่วนผมก็เข้าสตูดิโอของพ่อบ้างเป็นบางวัน ถ้าวันไหนไม่ถูกเรียกผมก็ไม่เข้า แต่ก็ใช่ว่าจะว่างนะ ผมก็ต้องติดสอยห้อยตามท้องฟ้าไปบริษัทด้วย ถึงจะถูกสอนงานไปพร้อมๆ กับท้องฟ้าแต่หัวผมก็ไปไม่รอด ท้องฟ้าเองก็ไม่ได้หวังให้ผมไปช่วยงานหรอก แค่อยากให้ผมไปอยู่ด้วยตอนทำงานเฉยๆ
ติ้ง!
โทรศัพท์ของผมที่ถูกวางทิ้งไว้อยู่กลางโต๊ะหน้าโซฟาส่งเสียงดังขึ้น ผมเลยขยับไปหยิบมาเปิดดู
“ใครทักมา?” ท้องฟ้าเงยหน้าจากงานที่ทำอยู่มาถามผม
“แพรว” ผมตอบโดยที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่หน้าแชทของผมกับแพรว จากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วแพรวไม่ได้ติดต่อมาหาผมเลย
“ว่าไงบ้าง?”
“แพรวบอกว่าเสาร์นี้ให้พวกเราไปเจอกันที่บ้านแพรวตอนสิบโมงเช้าแพรวจะคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่อง แพรวจะพาเกนไปด้วย” ผมเงยหน้าจากหน้าจอมาบอกกับท้องฟ้าหลังจากที่ตอบข้อความแพรวเสร็จแล้ว
“อืม”
“เป็นอะไร?” ผมลอบมองท่าทางของท้องฟ้าแล้วก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาคนตัวสูงที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“ขอโทษนะที่เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้”
“คิดมาก” ผมยกแขนขึ้นกอดรอบคออีกฝ่ายแล้วแนบแก้มลงไป ข้อเสียของท้องฟ้าคือเขาเป็นคนคิดมากและขี้กังวล ถึงจะไม่แสดงออกแต่ผมก็รู้ การอยู่ด้วยกันทุกวันมันทำให้ผมสามารถรับรู้ความรู้สึกของเขาได้แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงไปแค่เล็กน้อยก็ตาม ข้อดีของการมีแฟนเป็นคนไม่ค่อยพูดก็คือจะทำให้เราเป็นคนช่างสังเกต
“จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว” เขาเอนหัวมาพิงกับหัวของผมอย่างอ่อนแรง
“ไม่ต้องโทษตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะ”
“อื้อ”
ผมไม่อยากให้ท้องฟ้าโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ไม่อยากให้เขาคิดมากจนกดดันตัวเอง ลำพังแค่เรื่องงานที่บริษัทก็ทำเอาเขาเครียดมากแล้ว ผมไม่อยากให้เขาต้องมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องจบลงด้วยดี เราจะผ่านมันไปได้ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมเองก็จะยืนเคียงข้างเขา เป็นกำลังใจให้ในทุกวัน เรื่องงานผมอาจช่วยไม่ได้แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเป็นภาระเขาแน่นอน
ผมยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย วันนี้คือวันที่แพรวนัดให้ผมกับท้องฟ้ามาที่บ้านเพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องการหมั้นหมายที่เกิดจากการตกลงกันของผู้ใหญ่ ผมไม่รู้ว่าแพรวคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้ผมมาด้วยแบบนี้แต่ก็เอาเถอะ ยังไงผมกับท้องฟ้าก็มาถึงกันแล้ว จะเกิดสงครามอะไรขึ้นก็รอดูกันต่อไป
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” ท้องฟ้าหันมาบอกผมแล้วพยักหน้าให้เดินเข้าไปข้างในตัวบ้าน
ผมเดินตามท้องฟ้าเข้าไปอย่างเกร็งๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาบ้านของแพรว แถมก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันด้วย เพิ่งจะมาคุยกันจริงๆ จังๆ ก็เมื่อไม่นานมานี้ ถึงแพรวจะนิสัยดีมากก็เถอะ แต่ผมก็ทำตัวไม่ถูกอยู่ดี แถมวันนี้ต้องมาเจอทั้งพ่อของแพรวและพ่อของท้องฟ้าอีก
“มากันแล้วเหรอ? เข้ามาสิ” แพรวที่หันมาเห็นผมกับท้องฟ้าก็ยกยิ้มให้แล้วกวักมือเรียกให้เดินเข้าไปในห้องรับแขก บ้านใหญ่ หรูหราและรวยมาก
“สวัสดีครับ” ผมกับท้องฟ้ายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองซึ่งก็คือพ่อของท้องฟ้าและพ่อของแพรว ผมไม่รู้ว่าแม่ของแพรวไปไหน คงไม่อยู่ล่ะมั้งครับ เห็นแพรวบอกว่าแม่ของเธอก็ไม่เห็นด้วยกับการที่พ่อมาบังคับให้หมั้นหมายอะไรแบบนี้
“ขอแนะนำนะคะ นี่ทะเลแฟนของท้องฟ้าค่ะ” แพรวผายมือมาทางผมแล้วเอ่ยแนะนำกับพ่อของเธอหลังจากที่ผมถูกเจ้าของบ้านมองหน้าด้วยความสงสัย
“อะไรนะ!?” พอได้ยินอย่างนั้นคุณพ่อของแพรวก็แสดงอาการตกใจออกมาทันที
“แกพามันมาทำไม!?” ตามมาด้วยเสียงโวยลั่นของพ่อท้องฟ้า ท่านหันไปตะคอกใส่ลูกชายของตัวเองด้วยความหัวเสียเป็นอย่างมาก
“หนูเป็นคนเชิญทะเลมาเองค่ะคุณลุง” แพรวที่เห็นท่าไม่ดีรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ทำไม?”
“อยากจะทำอะไรกันแน่แพรว?” ผู้ใหญ่ทั้งสองมองหน้าหญิงสาวเพียงคนเดียวในวงสนทนาด้วยความไม่เข้าใจ ผมกับท้องฟ้าเองก็เช่นกัน
“แพรวขอเวลาสักครู่นะคะคุณพ่อ รอใครอีกคนก่อน” ท่าทีของแพรวไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย เธอยังคงนิ่งเฉยและใจเย็นอยู่ ผิดกับผู้ใหญ่ทั้งสองที่เริ่มจะนั่งไม่ติดที่แล้วเพราะไม่รู้ว่าแพรวคิดที่จะทำอะไรกันแน่
พวกเราก็ได้แต่นั่งรอเวลา ขอเดานะว่าคนที่แพรวรออยู่ก็คือเกน ก่อนหน้านี้ผมก็คุยกับเกนตลอด เหมือนเกนก็จะหัวเสียกับเรื่องนี้ด้วย แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแพรว เกนบอกว่าแพรวขอจัดการเรื่องนี้เอง
“คุณหนูคะ มีคนมาหาค่ะ” รอไม่นานก็มีแม่บ้านเดินเข้ามาบอกแพรว จำได้ว่าตอนผมกับท้องฟ้าเข้ามาไม่เห็นมีใครเดินเข้ามาทักสักคน ปล่อยให้ท้องฟ้าเดินเข้ามาในบ้านหน้าตาเฉยประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของบ้าน
“เชิญเขาเข้ามาเลย”
“ค่ะ” รับคำเสร็จก็เดินหายออกไปก่อนจะเดินกลับเข้ามาใหม่อีกรอบโดยที่ครั้งนี้มีใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย ผู้ชายตัวสูง ผิวขาวหน้าตาหล่อตี๋ติดทะเล้น แต่งตัวดูดี(กว่าทุกครั้ง)เดินเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งๆ
“สวัสดีครับ” คนมาใหม่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินเข้ามาหาพวกผม
“เกน”
“ไง” ผมกับเกนทักทายกันเล็กน้อยตามประสาเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
“แพรวขอแนะนำนะคะ นี่คือเกนแฟนของแพรวเองค่ะ” แพรวเดินเข้าไปหาเกนแล้วเอ่ยแนะนำออกมาด้วยรอยยิ้ม ผมเห็นเกนชะงักไปนิดก่อนจะหันไปมองแพรวด้วยสีหน้าตกใจ
ครั้งล่าสุดที่ผมคุยกับเกน ตอนนั้นเกนบอกว่าขอแพรวคบไปแล้วแต่แพรวยังไม่ได้ให้คำตอบ และเกนเองก็อยากให้แพรวกลับไปคิดทบทวนก่อน เขาไม่ได้เร่งเอาคำตอบกับเธอ แต่การที่แพรวพูดออกมาเองแบบนี้ก็แสดงว่าสถานะของทั้งคู่ชัดเจนแล้ว
“แพรว!” พ่อของแพรวดูตกใจและหัวเสียเป็นอย่างมาก
“ที่แพรวเชิญทุกคนมาที่นี่ แพรวแค่จะบอกว่าแพรวกับท้องฟ้าหมั้นกันไม่ได้ เราทั้งคู่ต่างมีคนที่เราเลือกแล้ว” แพรวหันมามองสบตากับพวกผมแล้วระบายยิ้มบางออกมาคล้ายกับจะบอกว่าเธอจะจัดการทุกอย่างเอง
“หนูพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่าแพรว? ที่ลุงอยากให้หนูแต่งงานกับท้องฟ้าก็เพราะลุงไม่ยอมรับไอ้เด็กเหลือขอนั่น ผู้ชายกับผู้ชายมันจะคบกันได้ยังไง!” ผมสะอึกไปกับคำพูดของพ่อท้องฟ้า ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตากับผู้ใหญ่ตรงหน้า คนที่เป็นต้นแบบรูปร่างหน้าตาของท้องฟ้ากำลังจ้องมองผมด้วยแววตาเกลียดชัง
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ตอนนี้ท้องฟ้ากับทะเลก็คบกันอยู่แถมยังรักกันดีอีกด้วย” แพรวขมวดคิ้วตอบกลับทันที ในดวงตากลมมีแววความไม่พอใจเล็กๆ ปรากฏอยู่
“ความสัมพันธ์บิดๆ เบี้ยวๆ แบบนั้นใครจะไปยอมรับกัน!” ผมรีบคว้าแขนของท้องฟ้าเอาไว้แน่นเมื่อเห็นเขาทำท่าจะลุกขึ้นเดินไปหาพ่อของเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“แล้วต้องเป็นแบบไหนหรือคะคุณลุงถึงจะยอมรับ?”
“ลุงยอมแค่หนูคนเดียว”
“แต่หนูกับท้องฟ้าไม่ได้รักกัน เรามีคนที่เรารักแล้ว เราแต่งงานกันไม่ได้” แพรวยื่นมือไปจับกับมือของเกนแน่นเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง เกนก็ดูจะเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วด้วย พ่อของแพรวมองหน้าพวกเราไปมาด้วยความสับสนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้ในห้องมีแต่เสียงโวยวายจากพ่อของท้องฟ้าและเสียงโต้ตอบที่พยายามใจเย็นของแพรวเท่านั้น
“ยังไงลุงก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องแบบนี้!”
“แล้วใครขอให้คุณยอมรับ? คุณคิดว่าที่ผมมาที่นี่เพราะอะไร? ผมไม่ได้มาเพื่อให้คุณดูถูกความรักของผม แต่ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณว่าผมไม่สนใจคุณหรอกนะ เพราะคุณไม่ได้สำคัญกับชีวิตผมขนาดนั้น” เมื่อพ่อของเขาพูดจบ ท้องฟ้าก็สวนกลับทันควัน
“ท้องฟ้า!”
“ใจเย็นก่อนฟ้า” น้ำเสียงที่ติดแข็งกระด้างของเขาทำให้ผมต้องกระตุกมือเรียกสติเอาไว้
“ผมต้องขอโทษคุณอาด้วยนะครับ แต่ผมขอพูดตามความจริง ต่อให้ไม่มีทะเล ผมก็หมั้นกับแพรวไม่ได้ ผมไม่ได้รักแพรว ผมทำไม่ได้จริงๆ ครับ” ท้องฟ้าหันไปบอกกับพ่อของแพรวด้วยท่าทางจริงจังพร้อมดึงแขนของตัวเองออกจากมือของผมแล้วเปลี่ยนมาเป็นกุมมือของผมเอาไว้แน่นแทน
“หนูเองก็ไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รักหนูเหมือนกัน พ่ออย่าผลักพวกเราให้ตกนรกทั้งเป็นเลยนะคะ” แพรวเดินเข้าไปคุยกับพ่อของเธอด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ถึงเธอจะบอกว่าเธอรักเกนแต่ลึกๆ แล้วก็คงไม่มีใครลืมรักแรกของตัวเองได้หรอก ยิ่งเจอคำพูดที่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ได้รักตัวเองมันยิ่งเจ็บ และผมคิดว่าแพวเองก็คงรู้ดีว่าจริงๆ แล้วท้องฟ้าไม่เคยรักเธอเลย ความรู้สึกที่ท้องฟ้ามีให้แพรวก็แค่ความรู้สึกดีๆ เพียงเท่านั้น
“แพรว พ่อรักลูกนะ เพราะฉะนั้นพ่อจะไม่บังคับ แต่เรื่องแฟนของลูก เราต้องคุยกันอีกยาว”
“ขอบคุณค่ะ” แพรวที่กำลังจะลุกขึ้นมาร้องเย้ก็ต้องรีบหุบยิ้มลงทันทีแล้วยิ้มแหยๆ ออกมาแทน หันมองเกนก็เห็นอีกฝ่ายยืนมองนิ่งๆ เพียงเท่านั้น
“นี่มันบ้ามากๆ ฉันจะกลับแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ลุกขึ้นยืนด้วยความไม่สบอารมณ์
“เดี๋ยวก่อนครับ” ผมเอ่ยรั้งเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะได้เดินออกไป ผมยังมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเขาอยู่
“มีอะไร?” ก็รู้นะว่าเขาไม่ชอบผม แต่ก็ไม่เห็นต้องมองตาขวางแบบนั้นก็ได้ เห็นแล้วโคตรเกร็งเลย
“ผมขอโทษถ้าหากทำให้คุณไม่พอใจ ผมจะไม่ขอให้คุณยอมรับเรื่องของพวกเราแต่ผมอยากให้คุณคิดถึงความรู้สึกของลูกชายคุณบ้าง ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในครอบครัวของพวกคุณ ผมแค่อยากให้คุณคิดถึงใจของท้องฟ้าบ้างก็แค่นั้นเอง” ผมรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ แต่ผมก็อยากจะบอกให้พ่อของท้องฟ้าเข้าใจ ไม่ได้หวังให้เขามาเข้าใจเรื่องของผมกับท้องฟ้า แต่ผมอยากให้เขาเข้าใจความรู้สึกของท้องฟ้าบ้างก็แค่นั้น
“อย่ามาสั่งสอนฉันไอ้เด็กเหลือขอ!” กะแล้วว่าต้องโดนตวาดกลับมาแบบนี้
“อย่าไปยุ่งกับคนแบบนั้นเลยทะเล พูดไปก็เสียเวลาเปล่า” ท้องฟ้าตวัดสายตามองพ่อของตัวเองแล้วดึงให้ผมไปยืนอยู่ข้างหลัง
“หึ!” พ่อของท้องฟ้าไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
“ก่อนคุณจะออกไป ผมขอพูดอะไรสักอย่างได้ไหมครับ?” เกนที่ยืนเงียบอยู่นานจู่ๆ ก็เอ่ยรั้งพ่อของท้องฟ้าเอาไว้
“อะไร?” ทุกคนหันไปมองเกนด้วยความสงสัย ผมเองก็มองหน้าเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน
“คุณแม่งเป็นพ่อที่โคตรแย่เลยว่ะ แถมยังโคตรเห็นแก่ตัวอีกด้วย คุณไม่เคยนึกถึงจิตใจใครนอกจากตัวเอง คุณกล้าหักหลังได้แม้แต่คนในครอบครัวแบบนี้มันโคตรแย่ ผมรู้นะว่าทำไมคุณถึงมาบังคับให้ท้องฟ้าแต่งงานกับแพรว เพราะคุณแม่งกำลังจะไม่เหลืออะไรไง คิดว่าคนเขาไม่รู้เหรอว่าตอนนี้คุณเหลือแต่ตัว เลิกเหอะไอ้นิสัยแย่ๆ แบบนี้น่ะ มันไม่ได้ทำร้ายแค่คนอื่น แต่มันทำร้ายตัวคุณเองด้วย และจำไว้นะว่านี่เพื่อนผม ถึงทะเลจะไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่เขาก็ไม่เคยเกาะใครกิน ไม่เคยทำตัวแย่ๆ ให้สังคมรังเกียจ และที่สำคัญ หัวใจของเขามันบริสุทธิ์เกินกว่าที่คนจิตใจสกปรกอย่างคุณจะเข้าใจได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเกนหัวเสียขนาดนี้ แม้น้ำเสียงของเขามันจะราบเรียบติดจะเฉยชาแต่คำพูดและท่าทางของเขามันแสดงออกอย่างชัดเจนมากว่าเขากำลังไม่พอใจสุดๆ
“แก!”
“เกน!” ผมหันไปร้องเรียกเกนด้วยความตกใจ ถึงยังไงนั่นก็พ่อของท้องฟ้านะ
“จำไว้นะ คนที่โชคดีไม่ใช่ทะเล แต่เป็นลูกชายคุณ! เขาโชคดีมากที่ได้ทะเลเป็นคนรัก แต่ทะเลกำลังโชคร้ายที่มีพ่อแฟนเป็นคนใจแคบแบบนี้!” เกนยกมือชี้หน้าพ่อของท้องฟ้าอย่างเอาเรื่องเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพุ่งตัวเข้ามาหา
“พอแล้วเกน!” แพรวรีบเอ่ยปรามทันทีเมื่อเห็นเกนเริ่มทำท่าทางก้าวร้าวกับผู้ใหญ่
“พูดอะไรคิดถึงจิตใจท้องฟ้าด้วยสิ!” ผมหันไปดุเพื่อนด้วยความไม่พอใจ รู้ดีว่าที่เกนทำก็เพื่อปกป้องผม แต่นั่นมันไม่ใช่วิธีที่ถูกที่ควรนัก ผมหันไปมองหน้าท้องฟ้าด้วยความเป็นห่วง แต่คนที่ยืนอยู่ข้างตัวผมก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกเสียจากยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่งๆ เพียงเท่านั้น
“ขอโทษนะท้องฟ้า แต่อดไม่ไหวว่ะ ทะเลดีเกินกว่าจะต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้จริงๆ” เกนหันไปผงกหัวขอโทษท้องฟ้าหนึ่งทีเบาๆ
“อืม กลับเถอะ สวัสดีครับ” พอรับคำขอโทษของเกนแล้วก็หันมาบอกผมก่อนจะหันไปยกมือไหว้พ่อของแพรว ผมก็รีบยกมือไหว้พ่อของแพรวแล้วตามท้องฟ้าออกไป
“ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ” แต่ก่อนจะเดินออกไปผมก็หันกลับไปขอโทษพ่อของท้องฟ้าที่ถูกเกนล่วงเกินเป็นครั้งสุดท้าย เขามองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมเลยรีบวิ่งตามท้องฟ้าออกมาทันที
ตลอดทางที่ขับรถกลับมาที่คอนโดท้องฟ้าเอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด ขนาดมาถึงห้องแล้วเขาก็ยังไม่พูดไม่จาสักคำ ผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าบ่ายโมงกว่าแล้วแต่เรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย ผมชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาโทรสั่งอาหารจากร้านข้างล่าง เขาบอกว่าอีกประมาณ 15 – 20 นาทีจะเอาขึ้นมาส่ง ผมเลยเดินเข้ามาดูท้องฟ้าที่หายเข้าไปในห้องนอนสักพักใหญ่แล้ว
“ฟ้า โอเคไหม?” ผมเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างคนตัวสูงที่นอนอยู่ ถึงเขาจะหลับตาแต่ผมรู้ว่าเขายังไม่หลับหรอก
“ฟ้าไม่ได้เป็นอะไร” เปลือกตาสีอ่อนขยับเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเข้มมีเสน่ห์ที่กำลังจ้องมองมาที่ผม
“แต่...”
“เกนพูดแทนฟ้าไปหมดแล้ว”
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?” ผมเอนหัวพิงกับหัวเตียงพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
นับวันความสัมพันธ์ของท้องฟ้ากับพ่อของเขาดูท่าจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่ละคนก็ยึดตัวเองเป็นหลักกันทั้งนั้น จะมีสักวันไหมที่พวกเขาจะคุยกันดีๆ แม่ของท้องฟ้าเล่าให้ฟังว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้แตกหักกัน เมื่อก่อนท้องฟ้าไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้กับพ่อของตัวเอง ถึงจะเป็นเด็กที่นิ่งๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาตั้งแต่เด็กแต่ท้องฟ้าก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าควรจะสงสารใครดี แต่ที่แน่ๆ ผมว่าต่างฝ่ายต่างก็เจ็บปวดกันทั้งหมดนั่นแหละ
“คนแบบนั้นคงแก้ไม่ได้จริงๆ” เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆ กับตัวเอง แต่เพราะเราอยู่ใกล้กันและในห้องก็เงียบมากผมเลยได้ยินมันชัดเจน
“พูดแบบนี้นี่โคตรบาปเลยนะ” ผมยื่นมือไปบีบปากเรียวได้รูปเบาๆ พร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุๆ คนเป็นลูกไม่ควรจะว่าพ่อแม่แบบนั้น มันไม่ดีเลย
“ขอโทษครับ”
“ฟ้าควรไปขอโทษพ่อ ไม่ใช่ขอโทษเล”
“เล” เขามองหน้าผมแล้วร้องโอดครวญออกมาเหมือนไม่อยากจะทำสักเท่าไหร่ หน้าตางอแงเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ
“ในฐานะลูก ฟ้าควรทำ” ท้องฟ้าเองก็พูดจารุนแรงกับพ่อของเขาไปหลายรอบแล้ว มันไม่สมควร ต่างฝ่ายต่างผิด ทั้งท้องฟ้าและพ่อของเขา ผมจะไม่เข้าข้างใครเพราะผมมองว่าพวกเขาผิดกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ
“คงไม่ใช่เร็วๆ นี้”
“แต่ต้องไปนะ”
“สั่งเป็นเมียเลย” เขาพูดพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก จ้องมองผมดวงตาเป็นประกาย
“เอ๊ะ!” จู่ๆ หน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นมากับคำพูดกวนประสาทของอีกฝ่าย
“เป็นเมียเหรอมาสั่งน่ะ?” เขาย้ำอีกครั้งด้วยหน้าตาที่ดูร้ายกาจขึ้นกว่าเดิม หัวใจผมเต้นรัวเร็วกับท่าทางและคำพูดของเขาอย่างรุนแรง ทั้งเขินทั้งอาย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“ท้องฟ้า!”
“ครับ?”
“เมธามันเอาอะไรมายัดใส่หัวเนี่ย? ต่อไปไม่ให้อยู่ด้วยกันแล้วนะ!” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสีย พักหลังมานี้แฟนผมเริ่มจะสนิทสนมกับพ่อคนที่สองของผมมากขึ้น ดูท่าว่าการที่ผมปล่อยให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันมันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก สงสัยต้องโทรไปด่าไอ้ตัวแพร่เชื้อความกวนประสาทสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง
“หึ!”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย!” ยกมือฟาดไหล่หนาไปทีด้วยความหมั่นไส้ ยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีก นิสัยเสียชะมัดเลย!
ออกไปนั่งข้างนอกดีกว่า ไม่น่าเป็นห่วงเลย นี่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดมากจนเป็นโรคซึมเศร้าแต่ที่ไหนได้ยังมีปากมีเสียงมากวนประสาทผมได้อีก มันน่าหงุดหงิดจริงๆ
“อย่าเดินหนีสิ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว!” ผมร้องโวยแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ใครจะโง่อยู่ต่อให้ตัวเองโดนล้อเล่า! ขืนผมอยู่ต่อท้องฟ้าจะต้องหาเรื่องมาทำให้ผมเขินอีกแน่ ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วแต่ผมก็ยังหวั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขานะ นี่ก็ตกหลุมรักเขาอยู่ทุกวันจนเหนื่อยแล้วเนี่ย!
---------------------------------------------------------------------------------------
ต่อให้คุณพ่อจะสร้างปัญหายังไงก็ไม่ทำให้คู่นี้หวั่นไหวหรอก
เขารักกันดีค่ะ
รักกันมากจนเหม็นความรักไปหมดแล้ว
เดี๋ยวเราจะลงตอนพิเศษให้อีกหนึ่งตอนนะคะ
จะเป็นตอนที่ต่อกันกับตอนนี้
ส่วนที่เหลือจะมีแค่ในเล่ม
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

#เราสัมผัสได้ถึงพลังแฟนคลับของทะเลจากหัวเกน ชอบความรักเพื่อนของเรื่องนี้จริงๆ