ตอนที่ 41 : ท้องฟ้ากับทะเล : 20 [1/2]
20
หลังจากที่งานเลี้ยงจบทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ตอนแรกก็คิดว่าพวกพี่ๆ เขาจะค้างที่นี่ แต่เห็นบอกว่าไม่ได้เมากันเลยกลับไปนอนบ้านดีกว่าจะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับแม่บ้านที่นี่ด้วย พอไปส่งทุกคนที่หน้าบ้านเสร็จท้องฟ้าก็ไล่ให้ผมขึ้นมาอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเขาก็ดูความเรียบร้อยข้างล่าง และแม้จะมีพวกแม่บ้านช่วยกันเก็บกวาดแต่ลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านนี้ก็ยังคงลงไปช่วยเหล่าแม่บ้านทำงาน ผมจะอยู่ช่วยแต่เขาไม่ยอม สุดท้ายเลยต้องเดินกลับขึ้นห้องมา
“เล ไหนของขวัญฟ้าล่ะ?” ท้องฟ้าที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จจนตัวหอมฟุ้งเดินมาหาผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง จริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนติดโทรศัพท์นะ แต่ก็มีบ้างที่คุยแชทกับเพื่อน นี่ก็คุยกับนทีอยู่
“ฟ้า ถ้าเลบอกว่าไม่มีของขวัญให้ฟ้า ฟ้าจะโกรธไหม?” ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วขยับนั่งขัดสมาธิมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตารู้สึกผิด
“ฟ้าจะโกรธทำไม? การมีเลอยู่กับฟ้ามันคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว” คนตัวสูงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นข้างเตียง มือใหญ่ยกขึ้นประคองสองข้างแก้มของผมเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“อื้ม ขอโทษนะที่ไม่มีของขวัญให้” ผมก้มหน้ามองมือตัวเองที่วางอยู่บนตัก ไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรครับ แค่เลอยู่กับฟ้าในทุกๆ วันมันก็พอแล้ว” เขาว่าพร้อมขยับใบหน้ามาประทับจูบที่หน้าผากผมหนึ่งทีอย่างแผ่วเบา นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งเพื่อถ่ายทอดทุกความรู้สึกมาให้กับผม หัวใจของผมยังคงเต้นแรงทุกครั้งที่ได้รับความรักจากอีกฝ่าย
ไม่ต้องมีคำบอกรักแต่ก็รู้ว่ารักมาก
“อื้อ ฟ้า ไปหยิบของที่ห้องทำงานมาให้เลหน่อย เลลืมงานเอาไว้น่ะ” หลังจากที่เขาผละใบหน้าออกไปผมก็เอ่ยบอกเขาขึ้น
“ครับ” คนตัวสูงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังห้องทำงานของเขาอย่างว่าง่าย ผมรีบวิ่งตามออกไปทันที แล้วเดินย่องตามหลังเขาไปติดๆ
แกร๊ก!
เสียงประตูห้องทำงานถูกเปิดออกก่อนที่เจ้าของห้องจะหันไปเปิดสวิฟต์ไฟที่อยู่ติดกับประตูด้านในห้อง
พรึบ!
“!!!” ทันทีที่ไฟในห้องสว่างขึ้น ขายาวที่กำลังจะก้าวเดินเข้าไปข้างในก็หยุดชะงักลง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ชอบไหม?” ผมเดินเข้าไปสวมกอดเอวสอบจากทางด้านหลังเมื่อเห็นท้องฟ้านิ่งไปพักใหญ่
“เอามาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” แม้ปากของเขาจะพูดกับผมแต่สายตากลับจดจ้องอยู่ที่รูปวาดหลายสิบใบที่ผมเอามาห้อยไว้เต็มห้องทำงานของเขา รูปทั้งหมดที่มีอยู่ในนี้ล้วนแต่เป็นรูปของท้องฟ้าทั้งนั้น ผมไม่มีเวลาได้เอาไปใส่กรอบรูป เลยเอามาเป็นแผ่นๆ แล้วหนีบไว้รอบห้อง มันออกจะดูทื่อๆ ง่ายๆ ไปสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าท้องฟ้าจะต้องรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อเขา เพราะทุกครั้งที่ผมวาดรูปของเขา ผมไม่ได้วาดออกมาเปล่าๆ ผมใส่ทุกความรู้สึกลงไปในนั้นด้วย
ก็เหมือนกับเวลาที่เขาทำอาหารให้ผมนั่นแหละ เขาทั้งใส่ใจและใส่ความรักของตัวเองลงไปในอาหาร ผมรับรู้ได้ทุกครั้งที่กินอาหารที่เขาทำให้
“ตอนฟ้าอาบน้ำ” ผมพูดแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง ออกจะเขินอยู่ไม่น้อยที่มาทำอะไรแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมทำอะไรแบบนี้น่ะ
“วาดรูปฟ้าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” ร่างสูงพลิกตัวหันกลับมาสบตากับผมด้วยสายตาหวานเชื่อม ทำเอาผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่
“พวกนี้นี่รูปใหม่นะ เพิ่งมาวาดเอาตอนที่กลับมาเจอกันนี่แหละ” ผมเบนสายตาออกจากดวงตาสีเข้มแล้วหันไปมองรูปวาดหลายสิบใบที่ผมตั้งใจวาดเป็นอย่างมาก ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาแต่ทุกครั้งที่ว่างก็จะวาดรูปเขาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ตอนแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองมีรูปวาดของเขาเยอะขนาดนี้ แต่พอมาดูอีกทีก็ถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วผมน่ะชอบท้องฟ้ามากจนแทบคลั่งเลยล่ะ
“ขอบคุณครับ เป็นของขวัญที่สุดยอดมาก” คนตัวสูงโน้มตัวลงมากอดผมเอาไว้อีกครั้งพร้อมทั้งกระซิบบอกเสียงหวานข้างหู
“รู้แล้วใช่ไหมว่าเลรักฟ้ามาก” ก่อนหน้านี้เขาถามว่าผมรักเขามากไหม ตอนนั้นผมเฉไฉไม่ได้ตอบ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้น่าจะเป็นคำตอบของคำถามนั้นได้เป็นอย่างดี
“ครับ ฟ้าก็รักเล รักมาก” ทุกคำพูด ทุกสายตา และทุกการกระทำ ผมรับรู้ได้เป็นอย่างดี และต่อให้ท้องฟ้าไม่พูด ผมก็รับรู้ได้จากสายตาและการกระทำของเขาอยู่ดีนั่นแหละ
“ไปนอนกันเถอะ” ผมดึงให้เขาเดินกลับไปที่ห้องนอน มันดึกมากแล้ว พวกเราควรจะพักผ่อนกันได้แล้วนะ
“นอนอย่างเดียวเหรอ?” เขากระตุกมือที่จับกันอยู่แรงๆ หนึ่งทีทำเอาผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซถลาหน้าจิ่มเข้ากับอกแข็งๆ ของอีกฝ่าย
“แค่หลับตานอนน่ะ!” ผมผละตัวออกแล้วมองเขาตาขวาง เล่นอะไรไม่รู้เรื่องแล้วยังจะมีหน้ามาทำใสซื่ออีก!
“ทำไมต้องเหวี่ยง?” เขาถามพลางกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตาไม่สบอารมณ์ของผม พอแกล้งผมได้แล้วเขาก็อารมณ์ดีไง นิสัยเสียไหมล่ะแฟนผมน่ะ
“เปล่า” ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วปีนขึ้นบนเตียงนอนนุ่มนิ่ม มุดตัวเข้าผ้าห่มผืนหนาจัดท่าจัดทางให้ตัวเองนอนได้สบายที่สุด ท้องฟ้าก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผม เมื่อเห็นผมเตรียมพร้อมจะนอนแล้วแขนยาวๆ ก็สอดเข้ามาใต้คอของผมจับพลิกให้ตัวผมขึ้นไปนอนเกยบนตัวเข้าเสียอย่างนั้น
ฟอด!
“ฝันดีนะครับ ทะเลของท้องฟ้า” จมูกโด่งกดลงบนแก้มของผมแล้วเอ่ยกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม
“ฝันดีนะ ท้องฟ้าของทะเล” ผมขยับไปกดจูบที่ปลายคางของเขาแผ่วเบาแล้วซุกหน้าลงกับอกแกร่งอย่างรวดเร็ว
รีบนอนก่อนที่จะไม่ได้นอนดีกว่าเนอะ
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ที่ผมวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น ผมปิดหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ลงแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“พ่อ”
เมื่อเห็นว่าเป็นใครผมก็รีบกดรับสายทันที
(“ไง ทำอะไรอยู่?”)
เสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยดังมาตามสาย ผมยิ้มกว้างออกมาทันที เป็นเสียงพ่อจริงๆ ด้วย นี่ผมไม่ได้ฝันตั้งแต่เช้าสินะ
“ไม่ได้ทำอะไรครับ นอนเล่นเฉยๆ”
ผมนอนกลิ้งไปมาบนเตียงโดยที่คุยกับพ่อไปด้วย ตั้งแต่ที่กลับมาจากหัวหินผมก็เจอพ่อแค่ครั้งเดียวเองคือตอนที่พ่อเอาของขวัญวันเกิดย้อนหลังมามาให้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เจอกันอีกเลย ผมโทรหาพ่อนะแต่พ่อไม่รับเลย ก็คิดว่าคงจะยุ่งเรื่องงานนั่นแหละเลยไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก
(“วันหยุดนี้ว่างหรือเปล่า?”)
“ว่าง พ่อจะชวนไปไหนเหรอ?”
(“มาหาพ่อที่สตูดิโอหน่อยสิ”)
“สตูดิโอ?”
ผมทวนคำอย่างงงๆ ไม่ใช่ว่าพ่อขายสตูดิโอไปแล้วหรอกเหรอ?
(“อืม เข้ามาสักบ่ายๆ ก็ได้นะ พาแฟนลูกมาด้วย”)
ผมชะงักตาโตกับคำพูดของพ่อ
“พ่อ เอ่อ ครับ งั้นวันอาทิตย์ผมจะเข้าไปหาพ่อ”
ผมอึกอักจะร้องแย้ง แต่สุดท้ายก็รับคำไป ไหนๆ พ่อเองก็เคยคุยเคยเจอกับท้องฟ้าแล้วด้วย ท้องฟ้าเองก็จริงจังกับผมถึงขนาดพามาเจอแม่ของเขาแล้ว ผมเองก็ต้องแสดงให้เขาเห็นเหมือนกันว่าผมก็จริงจังกับเขามากเช่นกัน
(“อืม พ่อจะรอ”)
พ่อพูดแค่นั้นแล้วก็วางสายไป เหลือไว้แต่ผมที่รู้สึกหนักใจแปลกๆ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พ่อถึงเอ่ยปากชวนให้พาท้องฟ้าไปหาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จักพ่อของตัวเองนะ พ่อใจดีก็จริงแต่นั่นมันแค่กับผมกับแม่ไง ปกติเวลาอยู่กับเพื่อนหรือลูกน้องก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วนี่กับแฟนลูกชาย คุณคิดว่าพ่อผมจะใจดีด้วยไหม?
“พ่อโทรมาเหรอ?” ท้องฟ้าที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินมาทิ้งตัวนั่งบนเตียงข้างผม
“อืม วันอาทิตย์ต้องเข้าไปหาพ่อนะ พ่อบอกว่าให้พาฟ้าไปด้วย” ที่ต้องเข้าไปวันอาทิตย์เพราะทุกวันศุกร์ตอนเย็นเราจะเข้าไปนอนค้างที่บ้านของท้องฟ้าและวันเสาร์นี้ก็นัดกับคุณแม่ของเขาเอาไว้แล้วด้วย
“อ่า ได้สิ” เขาพยักหน้ารับแล้วขยับไปหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ผมมองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะกลิ้งตัวไปอีกฝั่งของเตียงแล้วหยิบเอาหนังสือขึ้นมาอ่านบ้าง
ตอนนี้เราอยู่ในช่วงสอบมิดเทอมครับ พอผ่านอาทิตย์นี้ไปทุกอย่างก็จะเบาขึ้น(เหรอ?) ก่อนหน้านี้ผมไปติวกับเพื่อนๆ มาแล้ว ตอนนี้ก็แค่อ่านทวนอีกรอบ ผมเหลืออีกแค่ไม่กี่วิชาเองก็จะเป็นไทแล้ว ช่วงที่ผ่านมาทั้งผมและท้องฟ้าต่างก็หัวหมุนกับงานและติวสอบเลยทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พอเขารู้ว่าผมเคลียร์งานเสร็จและเหลือวิชาที่จะสอบแค่ไม่กี่ตัวเขาก็อ้อนให้ผมมาค้างที่ห้องของเขา เอากุชชี่มาอ้างนู่นอ้างนี่สารพัด บอกว่ากุชชี่เหงาบ้างล่ะ กุชชี่คิดถึงทะเลนะ แต่เอาเข้าจริงนี่ผมแทบจะไม่ได้เล่นกับกุชชี่เลยนะ พอผมจะขยับไปไหนท้องฟ้าก็เข้ามาคลอเคลียอยู่ตลอด เดี๋ยวกอดบ้าง นอนหนุนตักบ้าง อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด แล้วผมเคยขัดใจเขาได้ที่ไหน ต้องตามใจเขาตลอดแหละ
เช้านี้ที่ได้นอนเต็มอิ่มผมก็ตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสและเบิกบานใจ แถมหน้าไม่บวมด้วย มีใครเป็นแบบผมบ้างไหมถ้าวันไหนนอนไม่พอแล้วหน้าจะบวม บวมแบบน่าเกลียดเลยแหละ ช่วงที่ต้องปั่นงานส่งแล้วนอนไม่พอนี่หน้าบวมจนอืดเลย ท้องฟ้าเห็นหน้าผมแล้วยังขำเลย ผมขยับลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเพราะแขนแกร่งที่กอดรัดอยู่ตรงเอวมันแน่นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ท้องฟ้าตื่นทีหลังผม
ผมขยับไปมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องอมยิ้มกับตัวเอง ท้องฟ้าเวลานอนนี่ก็น่ารักดีนะครับ เหมือนเด็กเลย ผมเคยเห็นภาพตอนเด็กๆ ของเขาด้วย ไม่อยากจะบอกเลยว่าเป็นคนที่เบ้าดีตั้งแต่เกิด ก็ทั้งพ่อและแม่เขาก็หน้าตาดีกันทั้งนั้น ท้องฟ้านี่เกิดมาพร้อมกับสิ่งดีๆ ทั้งนั้นแหละ
“ฟ้า ท้องฟ้าครับ” ผมยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเรียกที่ข้างหูของคนตัวสูงที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบาย
“...” ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา
“ขี้เซาจริงๆ” เห็นแล้วก็อดที่จะยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มของอีกฝ่ายไม่ได้ ท้องฟ้าเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีมากๆ คนหนึ่ง หน้านี่เนียนกิ๊งเลย น่าอิจฉาชะมัด
จุ๊บ!
ว่าแล้วก็ขอขโมยจุ๊บสักทีเถอะ
ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ท้องฟ้าจะตื่นนอนทีหลังผม แต่เพราะตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาทุ่มเทให้กับการสอบไปเยอะมาก เวลาพักแทบไม่มีไหนจะต้องอ่านหนังสือแล้วก็ไปติวกับเพื่อนอีก เขาเหนื่อยมามากแล้ว ไหนๆ ก็วันหยุดทั้งทีปล่อยให้เขานอนต่อไปเถอะเนอะ
ผมขยับลุกขึ้นอย่างระวังมากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เผลอไปปลุกให้คนที่กำลังหลับอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้นอนเต็มอิ่ม ผมยืนบิดขี้เกียจไปมาแล้วก็เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตากะว่าจะลงไปหาคุณแม่ข้างล่าง ผมกับท้องฟ้ามาที่บ้านของเขาเมื่อวานตอนเย็นตามที่นัดกับคุณแม่ไว้ ท้องฟ้าดูเพลียๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วเลยทำให้พวกเราทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกับคุณแม่มากนัก คุณแม่ท่านก็เข้าใจลูกชายดี พอเห็นลูกดูอ่อนเพลียก็รีบไล่ให้ไปนอน ถึงจะอยากคุยกับลูกชายเพียงคนเดียวของท่านมากแค่ไหนแต่ความเป็นห่วงลูกก็มีมากกว่า
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่” และเมื่อลงมาที่ชั้นล่างผมก็เจอคุณแม่กำลังวุ่นอยู่ในครัวพอดี
“อ้าว ทะเล ทำไมตื่นเช้าจังคะลูก?” คุณแม่หันมายิ้มหวานให้ผมอย่างเช่นทุกที
“ผมอยากมาช่วยคุณแม่ทำอาหารเช้าน่ะครับ” อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย เมธาบอกว่าต้องขยันเอาใจแม่ผะ แค่ก! ผมหมายถึงเราต้องรู้จักเอาใจแม่แฟนน่ะครับ ท่านจะได้รักและเอ็นดูเรามากๆ ไง
“คุณแม่จำได้ว่าท้องฟ้าเคยบอกว่าทะเลทำอาหารไม่เป็นนี่คะ?” ท่านทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งคล้ายกับไม่แน่ใจ แต่แล้วก็พยักหน้าเออออกับตัวเองออกมา
“ครับ ทำไม่เป็น แต่ถ้าให้เป็นลูกมือก็พอจะได้อยู่ ตอนอยู่ที่หอก็ถูกเพื่อนสั่งให้เป็นลูกมือตลอด” ถึงตอนอยู่กับเมธาจะเคยพลาดเฉือนนิ้วตัวเองไปหลายรอบแต่ผมก็ยังไม่ลดละความพยายามนะครับ แต่ถ้าอยู่กับท้องฟ้านี่ไม่ได้เลยแทบจะเลี้ยงให้ผมเป็นพระราชา วันๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน
“ถ้าอยากช่วยก็ได้ค่ะ งั้นช่วยคุณแม่แล่เนื้อปลาได้ไหมคะ?” คุณแม่มองผมอย่างชั่งใจ ส่วนผมก็เหลือบมองมีดปลายแหลมกับเนื้อปลากะพงสีขาวสะอาดด้วยความลำบากใจ
“ได้ครับ” แต่บอกแล้วไงว่าอยากช่วยคุณแม่ แถมมื้อนี้คุณแม่ยังทำเมนูโปรดของลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านอีกด้วย ผมเองก็อยากมีส่วนร่วมในการทำอาหารให้ท้องฟ้ากินบ้างเหมือนกัน
“ทะเล” หลังจากที่คุณแม่ทำเป็นตัวอย่างให้ดูก่อนผมก็ได้ลองทำตามและเมื่อแล่เนื้อปลาไปได้สักพักคุณแม่ก็วางใจปล่อยให้ผมทำต่อตามลำพัง แต่ก็มีหันมาดูบ้างด้วยความเป็นห่วง
“ครับ” ผมหันไปขานรับด้วยรอยยิ้ม
“แม่ดีใจนะที่ทะเลตกลงคบกับท้องฟ้า” รอยยิ้มละมุนปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของผู้ใหญ่ตรงหน้า ทั้งสีหน้า แววตาและคำพูfของท่านทำเอาหัวใจของผมพองโตขึ้นมาในทันใด
“ทำไมเหรอครับ?” ผมถามกลับด้วยความสงสัยที่ปิดเอาไว้ไม่มิด
“เพราะทะเลสามารถทำให้ท้องฟ้ามีความสุขได้ ตั้งแต่เล็กแล้วที่ท้องฟ้าเป็นเด็กไม่ค่อยพูด แถมยังดูไม่ค่อยจะมีปฏิสัมพันธ์กับใครอีกด้วย แม่กังวลมากเลย ตอนที่รู้ว่าคบกับหนูแพรวก็คิดว่าจะทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ จนกระทั่งที่มีทะเลเข้ามา ท้องฟ้าดูมีชีวิตชีวาและดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” ผมเห็นประกายความสุขของคุณแม่ฉายชัดอยู่เต็มบนใบหน้าและดวงตาของท่าน ทุกครั้งที่พูดถึงลูกชาย ท่านจะมีความสุขและความรักอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด
“ผมเองก็อยากให้ท้องฟ้ามีความสุข ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าผมมีส่วนในเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมชอบท้องฟ้าที่เป็นแบบนี้ ผมไม่ชอบเวลาเขาทำหน้านิ่งๆ แล้วเก็บความเศร้าไว้ในใจ” ส่วนหนึ่งแล้วมันอาจเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาที่เป็นคนไม่ค่อยพูดบวกกับการที่พ่อแม่หย่าร้างกันมันเลยยิ่งทำให้เขาเป็นคนเงียบๆ ท้องฟ้ามักเก็บทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียว เขาไม่พูดและไม่แสดงออก ถึงผมจะรับทุกอย่างที่เป็นเขาได้แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาแบกรับทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพัง ในเมื่อเขายังมีผมอยู่ข้างๆ เขา ผมพร้อมที่จะแบ่งเบาทุกความเศร้าทุกความเจ็บปวดและทุกความเสียใจ
ผมไม่ได้คบกับเขาเพื่อหวังให้เขามาดูแลผม แต่ผมคบกับเขาเพราะหวังว่าเราจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน
“แม่เชื่อแล้วล่ะว่าท้องฟ้าเลือกคนไม่ผิด”
“ครับ?”
“จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความรู้สึกของท้องฟ้า แม่เองก็ไม่ได้อยากให้ใครมาเข้าใจในความคิดของท้องฟ้าหรอก แค่อยากให้รับรู้บ้างว่าแท้จริงแล้วท้องฟ้าเป็นคนยังไงก็เท่านั้นเอง คบกันแล้วก็รักกันนานๆ นะลูก มีปัญหาอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน อย่าทิ้งกันนะลูกนะ” คุณแม่วางมือจากการเตรียมอาหารแล้วเดินเข้ามาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมสัมผัสได้ถึงความรัก ความเอ็นดูและความจริงใจผ่านทุกการกระทำของท่าน ผมว่าคุณแม่กับท้องฟ้าคล้ายกันมากเลยนะในเรื่องของการแสดงออก
ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแต่ก็รับรู้ได้ในทุกการกระทำ
“ครับ ผมไม่มีวันทิ้งท้องฟ้าแน่นอนครับ”
สำหรับผมแล้วท้องฟ้าไม่ใช่แค่คนที่ผมแอบชอบ แต่เขาคือโลกทั้งใบของผม
“แม่ฝากท้องฟ้าด้วยนะทะเล”
“ครับ ขอบคุณคุณแม่ที่ยอมรับในความสัมพันธ์ของพวกเรานะครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ตรงหน้าอย่างจริงใจ
“สิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการก็มีแค่ความสุขของลูกเท่านั้นแหละ แม่เชื่อว่าถ้าแม่ของเราอยู่ด้วยในตอนนี้ก็คงจะคิดไม่ต่างจากแม่”
“คุณแม่ทราบด้วยหรือครับ?” ผมชะงักไปกับคำพูดของคุณแม่แล้วย้อนถามกลับอย่างแปลกใจ
“ท้องฟ้ามาเล่าเรื่องของทะเลให้แม่ฟังตั้งเยอะ แม่จำได้หมดแหละค่ะ ท้องฟ้าน่ะย้ำเรื่องของชอบกับของไม่ชอบทะเลให้แม่ฟังอยู่ตลอด ท้องฟ้ารักทะเลมากเลยนะลูก” มันก็ออกจะเขินอยู่หน่อยๆ ที่คุณแม่มาพูดแบบนี้ ผมไม่เคยรู้เลยว่าท้องฟ้าจะพูดเรื่องของผมให้คุณแม่ของเขาฟังด้วย ขนาดผมเองยังไม่กล้าพูดเรื่องของเขากับแม่เลย แค่แม่รู้ว่าผมชอบท้องฟ้าผมก็เขินจนแทบจะลงไปนอนบิดที่พื้นแล้ว
“ผมทราบครับ ผมเองก็รักท้องฟ้ามากเหมือนกัน” รักมากจนไม่เคยคิดว่าหากวันหนึ่งเราต้องเลิกกันผมจะทำยังไง ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับท้องฟ้าจะเดินไปไกลถึงไหน แต่ผมก็หวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปในทุกๆ วัน อยู่กันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของลมหายใจ ผมอาจจะหวังมากไป แต่ก็นั่นแหละ มีใครบ้างล่ะที่ไม่อยากอยู่กับคนที่รักไปนานๆ น่ะ
“แม่ว่าทะเลขึ้นไปปลุกท้องฟ้าดีกว่านะ เดี๋ยวทางนี้แม่จัดการเองดีกว่า” คุณแม่มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้งท่านก็ยังคงใจดีเสมอ มีทั้งรอยยิ้มและความรักที่จริงใจ ถึงในวันนี้แม่ของผมจะไม่ได้อยู่กับผมแล้ว แต่ผมก็คิดว่าตัวเองโชคดีไม่น้อยที่ได้เจอกับคุณแม่ของท้องฟ้า
ไม่สิ ต้องบอกว่าผมโชคดีไม่น้อยที่ได้รู้จักกับท้องฟ้า เขาเป็นคนที่วิเศษมาก เขาทำให้ชีวิตธรรมดาๆ ของผมมันพิเศษขึ้นมา ชีวิตที่ขาดๆ เกินๆ ก็ค่อยๆ ถูกเติมเต็มมากขึ้นเรื่อยๆ เราทั้งคู่ต่างเป็นส่วนเติมเต็มให้แก่กันและกัน
“ครับ เดี๋ยวผมจะรีบลงมา” ผมโค้งให้คุณแม่แล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องของท้องฟ้าอีกครั้ง
นี่ก็เริ่มจะสายแล้ว ไม่รู้ว่าคุณหนูของบ้านจะตื่นหรือยัง?
แกร๊ก!
หมับ!
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปภายในห้อง ร่างทั้งร่างของผมก็ลอยเข้าไปตามแรงฉุดของใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกำแพง
“ท้องฟ้า” ผมขมวดคิ้วมองคนที่เพิ่งตื่นนอนด้วยใบหน้าดุๆ ตายังปรืออยู่เลย ผมก็ชี้โด่ชี้เด่ ถ้าจะง่วงขนาดนี้ก็กลับไปนอนต่อเถอะพ่อคุณ
“หายไปไหนมา?” แขนแกร่งโอบกระชับรอบเอวผมแน่นขึ้น พร้อมกับฝังหน้าง่วงๆ มึนๆ ของตัวเองลงกับซอกคอของผม แค่นั้นยังไม่พอ จมูกโด่งได้รูปยังซุกไซร้ไปมาที่ลำคอของผมอีกด้วย
“ลงไปช่วยคุณแม่ทำอาหารเช้า” ผมหดคอหนีปลายจมูกของอีกฝ่ายแล้วเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดเพื่อที่จะได้ยืนคุยกันดีๆ ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้เราคงได้ลงไปนอนคุยกันที่เตียงแน่ๆ
“ทำไมไม่ปลุกฟ้า?” ถึงน้ำเสียงและท่าทางที่ใช้จะดูไร้อารมณ์เหมือนปกติแต่ผมก็จับความรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ ได้จากแววตาที่ดูจะขุ่นมัวนิดๆ
“ปลุกแล้วแต่ฟ้าไม่ตื่น” ผมปลุกเขาแล้วจริงๆ นะ แต่เขาไม่ตื่นเองต่างหาก มันไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย
จุ๊บ!
“Morning kiss” และในจังหวะที่ผมเผลอ คนตัวสูงที่ยืนหน้านิ่งอยู่ก็ก้มลงมากดจูบที่ริมฝีปากของผมหนึ่งทีเน้นๆ
“ฟ้า” ผมมองใบหน้าหล่อที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ ถึงจะคบกันมาสักพักแล้วก็เถอะ แต่ผมก็แทบจะหัวใจวายทุกครั้งที่เขาทำอะไรแบบนี้
และแม้ว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ทุกวันก็เถอะ แต่ผมไม่เคยชินกับมันสักที
“เลิกเล่นแล้วลงไปได้แล้ว คุณแม่รออยู่” ผมรีบร้องห้ามก่อนที่ท้องฟ้าจะโน้มตัวลงมากดจูบผมอีกครั้ง เดี๋ยวก็ยาวจนไม่ได้ลงไปกินข้าวเช้าหรอก
“ครับๆ” คนตัวสูงกว่ารับคำอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่าง่าย
เฮ้อ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าเมื่อกี้ท้องฟ้าไม่เลิกเล่นนี่มีหวังผมลงไปกองที่พื้นจริงๆ ด้วย ถึงก่อนหน้านี้ผมจะแอบจุ๊บแก้มท้องฟ้าไปหนึ่งทีถ้วนก็เถอะแต่นั่นก็แอบไง ทำตอนเขาหลับน่ะ เขาไม่รู้ มันไม่เหมือนกับตอนที่ถูกเขาจุ๊บสักหน่อย
เขินเนอะ
ผมกับท้องฟ้าใช้เวลาตลอดทั้งวันของวันเสาร์อยู่กับคุณแม่ของเขา พวกเรานั่งดูหนังด้วยกันแล้วก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายๆ เรื่อง ส่วนมากจะเป็นผมกับคุณแม่พูดคุยกันมากกว่า ท้องฟ้าทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี มีเข้ามาร่วมวงสนทนาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็ทำแค่นั่งมองหน้าผมกับคุณแม่สลับกันแล้วก็พยักหน้าเออออตามเท่านั้น ตั้งแต่ที่ผมได้รู้จักกับคุณแม่ของท้องฟ้ามันทำให้ผมรู้สึกดีมาก การที่ผมเดินเข้าเดินออกบ้านหลังนี้หรือแม้แต่ตอนที่พูดคุยกัน คุณแม่ไม่ได้ปฏิบัติกับผมในฐานะแฟนของลูกชาย แต่ท่านทำราวกับว่าผมเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งของท่านจริงๆ อย่างช่วงที่ไปเรียนท่านก็มักจะโทรถามไถ่ความเป็นไปของผมอยู่บ่อยๆ บางทีท้องฟ้ายังบ่นเลยว่าแม่ของเขาโทรหาผมมากกว่าเขาเสียอีก
ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรขอบคุณอะไรดี ผมไม่รู้เลยว่าอะไรหรือสิ่งใดที่ทำให้ผมเป็นคนที่โชคดีได้มากขนาดนี้ หรืออาจเป็นพรจากแม่ที่อยู่บนนั้น บนสวรรค์ แม่อาจจะมองผมแล้วก็มอบพรที่แสนวิเศษให้กับผม ชีวิตที่เคยคิดว่าพังทลายก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จากตอนแรกที่มีเพื่อนๆ คอยซ่อมแซมมัน ตอนนี้ก็ถูกท้องฟ้าช่วยต่อเติมให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจนสมบูรณ์
แม้เรื่องราวของพวกเราจะเรียบง่ายจนดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับผมและท้องฟ้าแล้วนี่แหละคือชีวิตที่ดีที่สุด ตราบใดที่ยังมีกันและกันอยู่ มันก็พิเศษในทุกๆ วันนั่นแหละ
---------------------------------------------------------------------------------------
จะจบแล้วนะคะ เหลือพาร์ท 2 กับบทส่งท้าย
เราอาจจะมาช้าเพราะเราติดฝึกงาน
กลับบ้านมาก็เหนื่อยจนไม่มีแรงทำอะไรแล้ว
ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ
แล้วก็ขอบคุณที่ยังรอ
ฝากติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
ตอนนี้เรายุ่งมาก แต่ก็อยากให้รอกันน้าาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มมันดีอ่ะ
น่าร้ากกกกก