ตอนที่ 40 : ท้องฟ้ากับทะเล : 19 [2/2]
แกร๊ก!
“ฟ้า” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วเอ่ยเรียกหาคนที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องนี้
หมับ!
ร่างของผมเซถอยหลังไปตามแรงปะทะ ท้องฟ้าพุ่งตัวจากโซฟากลางห้องมากอดผมเอาไว้แน่น มันแน่นมากจนผมรู้สึกอึดอัด
“ทำไมเขาต้องมาด้วย” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่กับไหล่ของผม ผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทาจากตัวของเขา ไม่ต้องถามเลยว่าท้องฟ้ากำลังเสียใจมากขนาดไหน มันคงมากพอที่จะทำให้ผู้ชายที่เข้มแข็งคนนี้ร้องไห้ออกมาได้
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทำเพียงแค่ยกมือขึ้นกอดตอบเขาเอาไว้เท่านั้น
“เขาทำแบบนี้ตลอดตั้งแต่ที่หย่ากับแม่ เขาทำร้ายฟ้าตลอด ฟ้าเกลียดเขา” ความเปียกชื้นที่หัวไหล่เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีเลยว่าเขาเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแค่ไหน ผมเองยังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ทั้งที่มันเป็นวันเกิดของเขาแท้ๆ ทั้งที่พวกเรากำลังมีความสุขกัน แต่มันกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สิ่งที่จะทำให้คนเป็นลูกเจ็บปวดได้มากที่สุดก็คือการที่เห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน และยิ่งเรื่องที่ทะเลาะกันนั้นเป็นเรื่องของเราด้วยแล้วมันยิ่งแย่
“ฟ้า อย่าเกลียดเขาเลย ยังไงเขาก็เป็นพ่อฟ้านะ” การที่คนเป็นลูกพูดว่าเกลียดพ่อผู้ให้กำเนิดมันบาปนะครับ และผมก็ไม่อยากให้ท้องฟ้ามีความคิดที่ไม่ดีกับพ่อของตัวเองด้วย แม้สิ่งที่พ่อของเขาทำมันจะโหดร้ายมากแค่ไหนก็ตาม
“พ่อแบบนั้นใครอยากได้กัน” เขาสวนกลับมาทันควัน นี่คือนิสัยจริงๆ ของท้องฟ้า เขาไม่ยอม และจะไม่มีวันยอมหากเขาคิดว่าตัวเองไม่ผิด ดื้อมากๆ เลยล่ะครับ
“ไม่เอาน่า ช่างเขาเถอะ ฟ้าจะใส่ใจทำไม? ฟ้าสนแค่ว่าคุณแม่รักฟ้ามากแค่ไหนก็พอแล้ว” ผมยกมือขึ้นลูบหัวเขาไปมาอย่างปลอบโยน ท้องฟ้าเวลานี้ดูเหมือนเด็กเล็กๆ มากเลยนะครับ น้อยครั้งที่ผมจะได้เห็นเขาในมุมนี้ ปกติเขามักจะเป็นคนที่ปกป้องผมอยู่ตลอด แต่แบบนี้มันก็ดีแล้ว ให้ผมได้ดูแลเขาบ้างเถอะเนอะ
“แล้วทะเล?” เสียงอู้อี้ดังขึ้นอีกครั้ง
“หืม? เลทำไมครับ?” ผมพยายามจะดันเขาออกเพื่อที่จะได้มองหน้าเขาชัดๆ แต่คนตัวสูงกลับไม่ยอมผละตัวออกแถมยังกอดผมแน่นกว่าเดิมอีกด้วย
“รักฟ้าไหม?” ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินเขาถามจบ
ทำไมน่ารักแบบนี้นะท้องฟ้า
“ทำไมต้องถามในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้วด้วย?” นึกขอบคุณเขาจริงๆ ที่เมื่อกี้เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา ผมว่าผมชักจะเขินๆ เขาขึ้นมาแล้วล่ะ
“ฟ้าไม่รู้” สั่นหัวดุ๊กดิ๊กไปมาอยู่กับไหล่ของผมแล้วก็พูดเสียงอู้อี้ออกมา เหมือนว่าเขาจะหยุดร้องไห้ไปแล้ว ผมไม่ชอบเลยที่เขาเป็นแบบนี้ ท้องฟ้าที่เข้มแข็งมาตลอด จู่ๆ ก็มาร้องไห้แบบนี้ ทำเอาผมปวดใจไปด้วยเลย
“เหรอ~”
“อืม บอกหน่อย” ครั้งนี้เขายอมผละหน้าของตัวเองออกมาแล้วยืดตัวยืนเต็มความสูงแต่แขนแกร่งก็ยังคงกอดเกี่ยวที่เอวของผมอยู่ไม่ยอมปล่อยออกง่ายๆ
“รัก ทะเลรักท้องฟ้า” ผมเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขาในตอนที่พูด แต่ก็ทนมองหน้าเขาได้ไม่นานก็ต้องเบนสายตาหนีไปทางอื่น
ก็ใครมันจะทนมองสบสายตาหวานเชื่อมของเขาได้กัน!
“รักมากไหม?” แหนะ ยังจะมาแกล้งอีก
“อืม ไม่รู้สิ” ผมทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“เล~”
“ทำไมเดี๋ยวนี้งอแงเก่งจังเลยนะท้องฟ้า” อดยกมือขึ้นหยิกแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้
“รำคาญไหม?”
“ไม่ ดีใจเสียอีกที่ก้อนหินเริ่มกลายร่างเป็นคนละ เฮ้ย!” ผมที่กำลังยืนพูดอย่างอารมณ์ดีอยู่นั้นก็ต้องตกใจร้องเสียงหลงออกมาเมื่อถูกอีกฝ่ายจับอุ้มพาดบ่าเดินตรงไปยังที่เตียงนอนหลังใหญ่
“กล้าว่าฟ้าเป็นก้อนหินเหรอ? ต้องโดนลงโทษนะ” ร่างของผมถูกวางลงบนเตียงอย่างเบามือแล้วตามด้วยร่างสูงของท้องฟ้าที่ทาบทับลงมาทันทีโดยไม่ปล่อยให้ผมได้ตั้งตัวตั้งสติก่อนเลย
“ฟ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าฟ้ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อน” ผมยกยิ้มพลางยื่นมือไปลูบแก้มของคนตรงหน้า
ผมไม่เคยคิดอยากให้ท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมชอบ อ่า ไม่สิ ผมตกหลุมรักที่เขาเป็นเขามาตลอดเลยไม่เคยคิดอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่มาวันนี้ ผมก็ได้รู้ว่าการที่ท้องฟ้ายิ้มน่ะมันดีมากขนาดไหน รอยยิ้มของเขามันสวยงามมาก และมันยิ่งทำให้ผมตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
“เพราะเลนั่นแหละ เพราะมีเลฟ้าถึงได้เปลี่ยนไป” เขาเอียงใบหน้าเข้าหาฝ่ามือของผมด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ดีเลยเนอะ” แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
“ทำไม?” เขามองผมด้วยความมึนงงที่จู่ๆ ผมก็เปลี่ยนอารมณ์เร็วยิ่งกว่าคนท้องเสียอีก
“คนตามจีบเยอะกว่าเดิมแน่เลย” นี่แหละที่ผมกังวล ปกติสาวๆ ก็ตามกรี๊ดกัน(อยู่ห่างๆ)เยอะแล้ว ยิ่งตอนนี้พูดเก่งขึ้นแล้ว สนใจสิ่งรอบข้างเพิ่มมากขึ้นด้วย สาวๆ จะต้องยิ่งติดแน่เลย
“ถ้ามีคนมาจีบก็จะบอกว่ามีแฟนแล้ว รักแฟนมากด้วย ไม่นอกใจ”
“ฮึ ฮ่าๆ ตลกนะเราอะ” ผมหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดของอีกฝ่าย ช่างพูดช่างจานะเดี๋ยวนี้
“รักนะ” เขาบอกผมด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“อื้อ”
“มาจูบหน่อย” พูดจบก็ทำท่าจะโน้มใบหน้าลงมาทันที
“แค่จูบนะ” แต่ผมรีบยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ก่อน ผมเคยบอกไปหรือยังว่าผมกับท้องฟ้าเรายังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันอย่างลึกซึ้ง ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยกันก็แค่นอนกอดกันเพียงเท่านั้น
“หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ ฟ้าไม่ถือ” จะมีสักกี่คนที่พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้หน้าตายแบบนี้!
“ทะลึ่ง!” ผมถลึงตามองกลับอย่างเอาเรื่อง
“รู้เหรอว่าฟ้าคิดอะไร?”
“...”
“ทะลึ่งเหมือนกันนะเราน่ะ”
“พอเลยๆ พูดมาก ไม่ต้องจูบแล้ว” ผมดันหน้าหล่อๆ ของเขาออกด้วยความหมั่นไส้แล้วเตรียมขยับลุกหนี
“อย่ามาเนียน” แต่ถูกคว้าตัวเอาไว้ได้เสียก่อน
“อืม~” และเพียงแค่ชั่วพริบตาปากของเราทั้งคู่ก็ประกบเข้าหากัน ท้องฟ้ามอบจูบแสนหวานที่ทำเอาผมแทบละลายจมหายไปกับเตียงมาให้ เป็นจูบที่มอมเมาผมเสียเหลือเกิน
“หวาน” เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“พะ พอแล้ว” ผมเบี่ยงหน้าหลบในตอนที่เขาจะกดจูบลงมาอีก ริมฝีปากได้รูปเลยพรมจูบไปทั่วหน้าของผมแทน
“ไม่ลงไปแล้วได้ไหม?” เขาถามด้วยเสียงอ้อนๆ
“อย่าเนียน ลงไปเลย ทุกคนรออยู่” ผมยกมือขึ้นดันหน้าอกเขาเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เขาลุกออกไป ร่างสูงยอมผละตัวออกไปให้ผมลุกขึ้นนั่งแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ตัวผมเป็นอิสระ ท้องฟ้ายังคงคลอเคลียอยู่กับตัวผมไม่เลิก
“ยังเสียใจอยู่เลย”
“เหรอ~” เอากับเขาสิ เข้าใจพูดดีเนอะ
“ปลอบหน่อย”
“มา กอดๆ” ผมยกแขนขึ้นกอดคนตัวสูงกว่าแล้วโยกตัวไปมาเหมือนที่แม่เคยทำกับผมตอนที่ยังเป็นเด็ก
“น่ารัก”
“ดีขึ้นไหม?”
“อืม ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณทำไม?”
“ขอบคุณที่อยู่ข้างกัน”
“เขินเลย” ผมอมยิ้มมองเขาอย่างเขินๆ
จุ๊บ!
“ลงไปข้างล่างกัน”
“อื้อ”
ท้องฟ้ากดจูบผมอีกครั้งแล้วดึงมือผมให้ยืนขึ้น ผมลุกขึ้นตามแรงฉุดของอีกฝ่ายแล้วเดินตามออกไปอย่างว่าง่าย
“แหม กูนึกว่าจะไม่ลงมากันแล้วนะ” พอลงมาก็เจอเสียงร้องแซ็วของทุกคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ เหมือนทุกคนจะเป็นห่วงท้องฟ้ามากจนไม่มีใครแตะต้องอาหารต่อกันเลย นี่ถ้าท้องฟ้าไม่ลงมาทุกคนก็คงไม่ยอมกินอะไรกันต่อแน่ๆ
“ก็ไม่อยากลง แต่ทะเลบอกให้ลงมา” ผมกับท้องฟ้าเดินกลับไปนั่งที่เดิม เห็นทุกคนมองมาด้วยความเป็นกังวลผมเลยพยักหน้าให้เบาๆ เพื่อเป็นการบอกว่าท้องฟ้าดีขึ้นแล้ว พอเห็นอย่างนั้นทุกคนก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น
“โอ้โห มีความเชื่อง เอ้ย! มีความเชื่อแฟน” พี่รัญกรีดยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีแต่มันกลับดูร้ายกาจมากในสายตาของผม และผมว่าท้องฟ้าเองก็น่าจะคิดไม่ต่างกัน
“แววกลัวเมียมาแต่ไกลเลยมึง” เมธเอ่ยขึ้นอย่างล้อๆ เรียกเสียงโห่แซ็วจากคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี มือใหญ่ยกขึ้นปิดหูของผมเอาไว้เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงหยอกล้อของทุกคน แต่ถึงจะปิดยังไงผมก็ยังได้ยินมันอยู่ดีนั่นแหละ
“ไม่ได้กลัว แค่ให้เกียรติกันและกันเฉยๆ” ผมอมยิ้มกับคำตอบน่ารักๆ ของเขา และแม้จะเถียงกับเพื่อนอย่างไม่ยอมแพ้แต่เขาก็ยังคงตอบกลับหน้าตายอยู่ดี นั่นทำให้ผมรู้ว่าเวลาท้องฟ้าอยู่กับผมก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งและเมื่ออยู่กับเพื่อนก็จะเป็นอีกแบบเช่นกัน
“จ้า~ พวกกูเชื่อจ้า”
จริงๆ แล้วท้องฟ้าไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก เขาแค่มีวิธีการแสดงออกที่แตกต่างกันในตอนที่อยู่กับผมก็เท่านั้นเอง
---------------------------------------------------------------------------------------
ที่ทะเลบอกท้องฟ้าว่าไม่อยากให้เกลียดพ่อ เพราะสิ่งที่ทะเลต้องการจะสื่อกับท้องฟ้าจริงๆ คือไม่ต้องการให้ท้องฟ้าไปนึกถึงพ่อแล้วทำให้ตัวเองเสียใจอีก และทะเลยังบอกอีกว่า จะใส่ใจทำไม? สนแค่ว่าแม่รักมากแค่ไหนก็พอแล้ว จุดนี้คือสิ่งที่ทะเลต้องการบอกท้องฟ้าจริงๆ ในความรู้สึกของทะเลคือไม่อยากให้ท้องฟ้าเกลียดพ่อ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ไปรัก นั่นคือต้องการให้ท้องฟ้ารู้สึกกลางๆ แบบเฉยๆ เพื่อไม่ให้พ่อมามีอิทธิพลต่อท้องฟ้าไม่ว่าจะด้านบวกหรือด้านลบ เราไม่รู้ว่าทุกคนจะเข้าใจในจุดนี้ไหมเราเลยต้องมาอธิบายอีกที ถ้างงก็ขอโทษด้วยนะคะ
ไม่ได้หายไปไหน แค่ติดฝึกงาน ขอโทษที่มาช้านะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรารอเลย เดาว่าต้องเป็นคู่เมธกับพี่รัญแน่เลยยยย
ปล.ฉันอยากให้เขาคู่กันนน
ฮืออออออ ตะล้ากกก
เอ็นดูทะเล และความละมุนของท้องฟ้า
เป็นตอนทีน่ารักมากๆเลยค่ะ
ไรท์สู้ๆน้า ขอให้ทุกอย่างราบรื่นน้าาาา
อ้อนเก่งงงงงง ><
มมีความน่ารัก