ตอนที่ 26 : ท้องฟ้ากับทะเล : 13 [1/2]
13
“ท้องฟ้า” ผมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จเดินไปหาท้องฟ้าที่กำลังนั่งทำงานอยู่ตรงโซฟากลางห้องนั่งเล่นโดยมีกุชชี่นอนหนุนอยู่บนตัก
“เรียกเหมือนตอนอยู่ที่ร้านข้าวสิ” นัยน์ตาคมภายใต้แว่นตาสีเข้มตวัดมามองผมดุๆ
“ฟ้า อาบน้ำให้กุชชี่หรือยัง?” ผมแอบเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้แล้วแสร้งฉีกยิ้มหวานในตอนที่เขามองมา
“เพิ่งอาบไปเมื่อวานครับ” เขามองผมอย่างคาดโทษพลางยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆ ของเจ้าตัวน่ารักอย่างเบามือ
“โอเค กุชชี่ come here!” ผมพยักหน้ารับแล้วร้องเรียกกุชชี่ให้เข้ามาหา ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ทำตามอย่างว่าง่ายเชื่องกว่าหมาที่คณะผมอีกนะเนี่ย
“กุชชี่ติดเลมากเลยนะ” ท้องฟ้าหันมามองอย่างทึ่งๆ นี่ขนาดไม่เจอกันตั้งเกือบอาทิตย์หนึ่งแหนะ แต่กุชชี่ก็ยังติดผมมากขนาดนี้ สงสัยต้องเอากลับไปเลี้ยงที่ห้องด้วยแล้วล่ะมั้ง
“ก็กุชชี่รู้ว่าใครเหมาะจะเป็นเจ้านายไง” ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาจุ๊บเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“กุชชี่มองว่าเลเป็นแม่มากกว่า”
“แม่อะไรกันเล่า! พ่อต่างหาก” ผมชะงักแล้วหันไปถลึงตามองคนพูดอย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีจนแทบจะลืมภาพลักษณ์ความเป็นก้อนหินไปหมดแล้ว
“ถ้าเลเป็นพ่อแล้วฟ้าจะเป็นอะไร? เลต้องเป็นแม่แล้วฟ้าก็เป็นพ่อ” หน้ามึนเกินไปหรือเปล่าวะ?
“ตลก ฟ้าเป็นแค่คุณลุงก็พอแล้ว” ใครจะยอมเป็นแม่กันเล่า ผมเป็นผู้ชายนะ!
“กุชชี่ต้องมีทั้งพ่อและแม่สิ” ใช่เหรอฟ้า? เลว่าไม่น่าใช่นะ
“กุชชี่ไม่ได้บอกสักหน่อย ไปนอนกันเถอะกุชชี่ อย่าไปสนใจคุณลุงเลย แก่แล้วก็เลอะเทอะแบบนี้แหละ” ผมเบ้ปากใส่อีกฝ่ายแล้วก้มไปคุยงุ้งงิ้งกับเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในมือ กุชชี่เงยหน้าขึ้นเอียงคอมองผมตาแป๋วอย่างน่ารัก
อ่า หลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้วนะเจ้าตัวน่ารัก!
“เล”
“ไปนอนละนะ ฝันดีคุณลุงของกุชชี่”
“ครับๆ เดี๋ยวตามเข้าไป”
ผมฉีกยิ้มกว้างจนตาหยียกมือบ๊ายบายให้กับท้องฟ้าแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของเขาอย่างคุ้นเคย อืม มาบ่อยจนจะเป็นห้องของตัวเองแล้วล่ะ อีกนิดก็คงกลับห้องตัวเองไม่ถูกจริงๆ อย่างที่เมธมันสบประมาทนั่นแหละ
พรึบ
“ฟ้า” ผมปรือตามองคนข้างตัวที่กำลังทิ้งตัวลงมานอนพร้อมกับขยับเข้ามานอนชิดเบียดกับผมจนแทบจะสิงร่างกันอย่างงงๆ นี่เขาเพิ่งเข้ามานอนเหรอ?
“โทษที ทำให้ตื่นเหรอ?” แขนแกร่งสอดเข้าใต้ลำคอของผมก่อนจะจับให้หัวของผมขึ้นไปนอนทับบนแขนของเขาอย่างเบามือ ผมที่ยังไม่ตื่นเต็มตาดีก็ขยับไปนอนบนแขนของเขาอย่างว่าง่าย
“กี่โมงแล้ว?” ผมคิดว่าตอนนี้มันน่าจะดึกพอสมควรแล้วนะ เพราะผมรู้สึกว่าผมหลับไปได้สักพักแล้วล่ะ
“ตีหนึ่งครับ” เขาตอบแล้วดึงรั้งผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมถึงช่วงคอของผม
“ทำไมนอนดึก?”
“ทำงานอยู่ นอนต่อเถอะ” เสียงทุ้มกระซิบบอกพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบหัวกล่อมผมเบาๆ
“อื้อ” ผมตอบรับในลำคอก่อนจะมุดหน้าเข้าหาความอบอุ่นด้วยความเคยชิน ทุกครั้งที่ผมมาค้างที่ห้องของท้องฟ้าเขามักจะมอบความอบอุ่นแบบนี้ให้ผมเสมอ ผมได้รับมันมาจนผมเริ่มจะเคยชินแล้ว ผมว่าไม่ใช่ผมหรอกที่ทำให้ท้องฟ้าเคยตัว ท้องฟ้าต่างหากที่มาทำให้ผมเคยตัว ผมคิดว่าผมขาดท้องฟ้าไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะมีมือของอีกฝ่ายคอยลูบหัวกล่อมให้หลับอยู่ตลอดบวกกับความง่วงที่มีอยู่มากแล้วทำให้ใช้เวลาไม่นานผมก็เคลิ้มหลับไป
จุ๊บ!
“ฝันดีนะทะเลของท้องฟ้า”
ผมตื่นเช้ามาพร้อมความมึนงง หันมองที่ข้างๆ ก็พบกับความว่างเปล่า ให้เดานะผมว่าท้องฟ้าจะต้องอยู่ในครัวแน่ๆ เลย คิดได้อย่างนั้นผมเลยเดินไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ดีนะที่เมื่อวานให้ท้องฟ้าแวะไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดก่อน ไม่งั้นผมต้องใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ของท้องฟ้าแน่ ถึงหุ่นจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ส่วนสูงนี่ก็ต่างกันพอประมาณอยู่ดี
“เมื่อคืนก็นอนดึก แล้วทำไมยังตื่นเช้าอีก?” ผมกอดอกพิงขอบประตูห้องครัวมองเจ้าของห้องหยิบจับทำอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่เป็นวันเสาร์แท้ๆ แต่เขากลับตื่นตั้งแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนก็นอนตั้งตีหนึ่งกว่า ขยันไปอีก
“มันชินน่ะ เลหยิบจานให้หน่อย” เขาหันมายิ้มหล่อให้ผมหนึ่งทีก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางจานสีขาวใบใหญ่ที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางห้องครัว
“อ้ะ” ผมเดินไปหยิบจานมายื่นให้เขาตามที่บอกอย่างไม่มีอิดออด
“...” ท้องฟ้าปิดแก๊สแล้วหันมาหาผมแต่เพราะระยะห่างที่ดูจะน้อยเกินไปทำให้ทั้งผมและเขาต่างก็ชะงักไป
“ฟะ อื้อ!” แต่แทนที่เขาจะรีบๆ รับจานในมือของผมไปกลับกลายเป็นว่านอกจากจะไม่รับจานไปแล้วเขายังโน้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกเราชนกัน และแล้วริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็แตะโดนกัน เขากดริมฝีปากของตัวเองแช่อยู่อย่างนั้นนิ่งๆ พักหนึ่งก่อนที่เขาจะเริ่มขยับปากขบเม้มริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แขนยาวโอบรอบเข้าที่เอวของผมแล้วดึงให้ร่างของเราแนบชิดกันจนไม่มีแม้แต่ที่ว่างให้อากาศรอดผ่าน แม้จะไม่มีการล่วงล้ำเข้าไปข้างในแต่การจูบที่อ่อนโยนของเขาก็ทำเอาผมแทบจะเข่าอ่อน และนี่ถึงจะไม่ใช่จูบแรกของผมแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่ประสีประสาเอาเสียเลยเมื่อเทียบกับเขา
“พะ พอ” ผมยกมือข้างที่ว่างอยู่ดันอกอีกฝ่ายเอาไว้แม้มันจะไม่ต่างจากการเอามือไปวางแปะไว้เฉยๆ ก็เถอะ ท้องฟ้าไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเขาละริมฝีปากออกไปเล็กน้อยก่อนจะกดจูบย้ำลงมาใหม่ ดูดดุนและขบเม้มริมฝีปากของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมคิดว่าตอนนี้ปากตัวเองคงจะต้องเจ่อบวมจนเห็นได้ชัดแน่ๆ เนิ่นนานกว่าเขาจะผละใบหน้าของตัวเองออกไป กว่าผมจะได้เป็นอิสระหน้าผมก็แทบไหม้ หัวใจกระหน่ำเต้นรัวเร็วอย่างน่ากลัว มันรุนแรงกว่าตอนที่มีจูบแรกกับแฟนสาวที่คบกันตอนม.ปลายเสียอีก
“ปะ ไปหากุชชี่ก่อนนะ” ผมเม้มปากตัวเองแน่นชี้มือชี้ไม้อย่างเก้ๆ กังๆ และไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองเขาเลยด้วย
“เล...” ผมได้ยินเสียงท้องฟ้าพูดอะไรสักอย่างไล่ตามหลังมาแต่ผมก็ไม่สามารถจับใจความได้ว่าเขาพูดว่าอะไร และผมคิดว่าผมก็คงไม่เดินย้อนกลับเข้าไปถามเขาในครัวหรอก ผมเดินออกมาหากุชชี่ที่กำลังกินอาหารเม็ดของตัวเองอยู่ในกรง แค่เห็นกุชชี่ผมก็แทบจะลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นแล้ว
เขินแม้กระทั่งแกสบี้น่ะคิดดู
ก็จะไม่ให้เขินได้ยังไงกันเล่า! พอเห็นหน้ากุชชี่แล้วผมก็นึกถึงบทสนทนาระหว่างผมกับท้องฟ้าที่เถียงกันเรื่องใครเป็นพ่อเป็นแม่ของกุชชี่เมื่อคืน อืม ท้องฟ้าอยากให้ผมเป็นแม่ของกุชชี่ แต่ผมเป็นผู้ชายไง ใครจะยอมเป็นแม่กันจริงไหม?
ช่วงเวลาระหว่างเช้าจนถึงบ่ายแก่ผมแทบจะไม่มองหน้าและไม่พูดกับท้องฟ้าเลย ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แต่มันเขิน ท้องฟ้าเองก็คงรู้แหละว่าผมรู้สึกยังไง เขาถึงได้ไม่เข้ามาวุ่นวายกับผมมากนัก ปล่อยให้ผมขลุกตัวอยู่กับกุชชี่ตรงห้องนั่งเล่นส่วนเขาก็หายเข้าไปในห้องทำงาน คิดว่าคงไปอ่านหนังสือแหละ ท้องฟ้าชอบอ่านหนังสือและห้องทำงานของเขาก็มีหนังสืออยู่เยอะมาก ผมเคยเข้าไปหลายรอบแล้ว บางครั้งยังเคยเข้าไปวาดรูปในนั้นเลย มันสงบดี ผมชอบ
“จะไปวาดรูปที่สวนสาธารณะ เอากุชชี่ไปด้วยได้ไหม?” พออยู่ห้องแล้วมันก็เบื่อๆ ผมเป็นคนที่อยู่ติดที่ได้ไม่นานต้องไปนู่นไปนี่ตลอด ผมเลยตัดสินใจว่าจะไปวาดรูปที่สวนใกล้ๆ ของคอนโดนี้ แต่ถ้าจะไปก็ต้องไปบอกเจ้าของห้องก่อน ต้องไปขออนุญาตเจ้าของเจ้าตัวเล็กนี่ด้วย
“ไปด้วย” ท้องฟ้าที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวยาวปิดหนังสือลงแล้วถอดแว่นตาออกเตรียมลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องไปหรอก อยู่นี่แหละ” ผมรีบร้องห้ามทันที
“ทำไม?” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“กะ ก็เผื่อฟ้ามีงานไงจะได้อยู่ทำงานที่ห้อง” เปล่าเลย ผมแค่อยากจะขอหลบไปสงบสติอารมณ์ตามลำพังสักพักถ้าเขาไปด้วยแล้วมันจะต่างอะไรกับอยู่ที่ห้องกันล่ะ
“เสร็จไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“อ่า” เป็นคำตอบที่โคตรจะทำลายความหวังมากเลย
“ไปเก็บของสิ เดี๋ยวไปดูกุชชี่เอง”
“อะ อื้อ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปเตรียมอุปกรณ์วาดรูปอย่างจำยอม เอาเถอะ ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว ยอมๆ ไปนั่นแหละจะได้ไม่โดนดุอีก
ครืด ครืด
ผมละมือจากการตัดกระดาษตรงหน้าแล้วเอี้ยวตัวไปคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลมากดเปิดดูอย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน ใครๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวนี้ผมติดโทรศัพท์ แต่เปล่าเลย ผมได้ไม่ติดมัน ผมไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นตลอดเวลาสักหน่อย ผมแค่หยิบมันขึ้นมาเฉพาะตอนที่มีใครบางคนทักมาก็เท่านั้นเอง
ท้องฟ้าสีคราม
เลิกยัง? 12.09
อย่างเช่นตอนนี้ไง
ทะเลสีฟ้า
12.15 เพิ่งเลิก
นิ้วของผมพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่มัวแต่ทำงานแล้วไม่ได้เปิดโทรศัพท์ดู ตอนนั้นท้องฟ้าไลน์มาก็ไม่ได้ตอบ พอเขาโทรมานั่นแหละถึงรู้ว่าอีกฝ่ายรัวข้อความมาเป็นสิบ โดนบ่นใหญ่เลย ยิ่งเขารู้ว่าไม่ได้กินข้าวเที่ยงก็ถูกดุเพิ่มไปอีก หลังจากนั้นมาพอได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นทีไรก็ต้องรีบหยิบมาดูทันที ไม่ได้กลัวอีกฝ่ายหรืออะไรหรอก แค่ไม่อยากให้เขารู้สึกแย่เวลาที่ผมไม่ได้ตอบข้อความก็เท่านั้นเอง
ท้องฟ้าสีคราม
กินข้าวที่ไหน? 12.15
ทะเลสีฟ้า
12.16 ไม่รู้
12.16 ไม่กิน
12.17 ขี้เกียจ
พอได้ทำงานแล้วก็ไม่อยากลุกไปไหน รู้สึกเหมือนกำลังถูกงานทับตัวจนลุกไม่ขึ้นเลย ขอถอนคำพูดที่บอกว่าปีหนึ่งเรียนไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ มันก็หนักนะ อืม จริงๆ คือหนักฉิบหายแต่มันก็ยังเบากว่าปีสอง ปีสาม ปีสี่ พี่โจเซฟที่เป็นพี่ปีสี่ของสายรหัสบอกกับผมว่าหากจะให้นิยามของการเรียนในปีสี่นั้นมีอยู่แค่สั้นๆ คือ หนักเหี้ยๆ แม้จะยังไปไม่ถึงขั้นนั้นแต่ผมก็คิดว่าผมเข้าใจพี่เขานะ จากสภาพที่เจอกันครั้งก่อนผมกับพี่รัญก็แทบจะจำพี่โจเซฟไม่ได้เลย เดินสวนกันนี่นึกว่าลุงภารโรง
ท้องฟ้าสีคราม
ทำงาน? 12.17
ทะเลสีฟ้า
12.18 อืม
ท้องฟ้าสีคราม
อยากกินอะไร? 12.19
ทะเลสีฟ้า
12.20 จะซื้อให้?
ท้องฟ้าสีคราม
อืม 12.20
ทุกวันนี้มีคนส่งข้าวส่งน้ำประจำตัวแหละ ถ้าไม่ซื้อมาให้ก็พาออกไปกิน ดีเนอะ
ทะเลสีฟ้า
12.23 พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยน แป้งหนาขอบไส้กรอก ถาดใหญ่
12.23 เอาไก่ทอด มักกะโรนีกุ้งอบชีส แล้วก็น้ำอัดลมด้วยนะ
12.24 อ้อ ถ้าได้ชีสบอลด้วยจะดีมาก แค่นี้แหละ ไปทำงานต่อละ บาย
ถ้าถามหาสิ่งที่ผมอยากกินก็นี่แหละ อยากกินมาหลายวันแล้วแต่งานเยอะจนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลย อีกหน่อยคงต้องหอบเสื้อผ้ามานอนที่ห้องสตูดิโอเหมือนพวกพี่ๆ ปีสูงๆ กันแล้วล่ะมั้ง
ว่าแต่อ่านแล้วไม่ตอบ คืออะไร?
ผมกลอกตาไปมารออีกฝ่ายตอบกลับแต่ก็ไร้วี่แวว ผมไหวไหล่เบาๆ แล้วโยนโทรศัพท์ลงไปตรงกองกระดาษอีกครั้ง หันมองเพื่อนคนอื่นๆ ที่ยังคงคร่ำเคร่งกับการตัดกระดาษแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดถูกไหมที่เลือกเรียนคณะนี้เนี่ย? ก็ได้แค่บ่นในใจไปนั่นแหละ ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าก้มหน้าก้มตาทำงานต่อหรอก
---------------------------------------------------------------------------------------
กุชชี่เอง
---------------------------------------------------------------------------------------
ผิดผี! ผิดผี! ผิดผี!
ลูกชายคูมแม่ถูกลวนลาม!
มาสู่ขอลูกเราเลยคุณท้องฟ้า!
มีคนชอบเราก็ดีใจจ้า~
ฝากเด็กๆ ของเราด้วยนะ
เราก็จะสอบแล้ว ใครใกล้จะสอบก็ขอให้โชคดีนาจา
เจอกันอีกทีกลางมีนานะ จุ๊บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สรุปว่าเรื่องแพรวนี่ยังไง ท้องฟ้ามาเคลียก่อนมั้ย ก่อนจะมาวอแวทะเลเนี่ย หมั่นไส้พระเอกเบอร์แรง ไม่คิดว่าท้องฟ้าจะร้ายขนาดนี้
เดี๋ยวตีเลยยยย!